ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    ผมมีโอกาสไปฟังบรรยายของอาจารย์ปริญญาบ่อยๆครับ ขออนุญาติตอบที่คุณ bridge ถามเรื่อง เจ้ากรรมและนายเวร นะครับ..

    คือเนื่องจากยุคนี้เบื้องบนเปิดมิติให้ เจ้ากรรมและนานเวรติดตามทวงหนี้งบบัญชีที่ติดค้างกันมานานในรอบหกหมื่นปี เนื่องจากเป็นช่วงปลายยุคแล้ว..เพื่อการสะสาง ชดใข้ หรือยอมความต่อกัน เรียกว่าตามติดคู่กรณีเป็นเงา ใครที่มีอาจหนี้กรรมเยอะควรหมั่นแผ่เมตตาให้มากขึ้นๆ เป็นทวีคูณ..

    ที่อาจารย์ห้ามเปิดประตูรับใครในระหว่างช่วงเวลานั้น..เนื่องจากเขาจะปลอมเป็นคนที่เรารู้จัก เข้ามาในบ้าน ทำให้เราเชื่อใจ เพื่อจะเข้ามาทำร้าย โดยอาศัยหยิบยืมร่างผู้อื่น..(ควรสังเกตดูแววตาให้แน่ใจก่อน..ไม่แน่ใจก็อย่าเปิด..) อย่าเชื้อเชิญใครเข้ามาในบ้าน (อันตรายมาก..) ให้อยู่กับครอบคร้วเป็นหลักก่อนในช่วงนั้น..

    อาจารย์เล่าให้ฟังว่าแผ่นดินจะแยกภูตผี อสูรกายต่างๆ จะคืนชีพขึ้นมาจากรอยแยกนั้น..มาทวงชีวิตคู่กรณี มาแบบให้เห็นกันชัดๆด้วยตาเนื้อ..เพราะมิติทั้งหลายจะเปิดออกหมดทุกมิติ..สิ่งใดไม่เคยเห็นก็จะได้เห็น..อาจฟังดูน่ากลัวไปหน่อย แต่เป็นสิ่งที่อาจต้องเผชิญกันก็เป็นได้..ถ้าจิตไม่แข็งคงสติแตกเป็นแน่ครับ..

    แต่คนดีๆอาจไม่ต้องเจอแบบนั้นครับ ไม่ควรไปสอดรู้สอดเห็นเรื่องคนอื่นข้างบ้านมากนัก..อยู่อย่างสงบในบ้านดีที่สุด..การเข้าไปขัดขวางขณะที่เขากำลังจะเอาชีวิตกันนั้น อาจนำภัยมาสู่ตัวได้ครับ..

    ***ทางออกที่ดีที่สุดคือ ความปรารนาดีต่อกัน และความเป็นหนึ่งเดียวกันให้ได้กับทุกสรรพสิ่ง ทั้งสื่งที่มองเห็นหรือไม่เห็นก็ตาม..
    ความรัก ความเมตตาที่จริงใจ คือกุณแจที่จะปลดฉนวนได้ทุกๆรื่องราวครับ..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2006
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    <TABLE class=font1 cellSpacing=0 cellPadding=5 width=650 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=arttext>ส่องอนาคต"คลื่นยักษ์" "ไทย"เสี่ยงโดนถล่มซ้ำ
    </TD><TD class=arttext vAlign=top align=right></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=0 width=200 align=left border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>เหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิที่ถล่มในพื้นที่ชายฝั่งทะเลอันดามัน 6 จังหวัด เมื่อวันที่ 26 ธันวาคมที่ผ่านมานั้น ถือเป็นครั้งแรกที่สึนามิสร้างความเสียหายมาถึงประเทศไทย

    ความจริงแล้วลักษณะภูมิประเทศของไทยทางภาคใต้ติดทะเลทั้งสองฝั่งทั้งอ่าวไทยและทะเลอันดามัน แต่ฝั่งอ่าวไทยค่อนข้างปลอดภัยเพราะมีอะไรบังไว้เยอะ ฉะนั้นคลื่นยักษ์สึนามิที่เกิดในแปซิฟิกมาไม่ถึงไทยอย่างแน่นอน ส่วนทางฝั่งอันดามันแถบอินโดนีเซียที่เกิดแผ่นดินไหวใต้น้ำบ่อยอาจจะได้รับผลกระทบ แต่ต้องดูที่ลักษณะของการเกิดแผ่นดินไหว

    เวลาที่เกิดแผ่นดินไหวคลื่นยักษ์จะเกิดได้ด้วย 1.ต้องสั่นไหวที่รุนแรงมาก มักเกิดจากแผ่นดินไหวใต้น้ำ ภูเขาไฟใต้น้ำระเบิด การไหลเลื่อนของแผ่นดินใต้น้ำอย่างรุนแรง โลกถูกชน เช่น อุกกาบาตขนาดใหญ่ชนโลกอาจเกิดสึนามิได้ 2.แนวที่ทำให้น้ำเคลื่อนไหวหรือแนวการสั่นสะเทือนนั้นต้องอยู่ในแนวดิ่งหรือเฉียงกับพื้นผิวน้ำจึงจะเกิดคลื่นยักษ์ได้ ถ้าเกิดในแนวนอนคลื่นจะไปในแนวนอนจะไม่กลับไปกลับมาไม่ทำให้เกิดคลื่นยักษ์ได้ 3.แผ่นดินไหวนั้นต้องรุนแรงมากประมาณ 7.7 ริกเตอร์ขึ้นไป บางครั้งถ้าเกิด 7.7 ริกเตอร์ ไม่เกิดคลื่นสึนามิขึ้นเหมือนกันถ้าไม่อยู่ในแนวตั้งฉาก

    ที่ผ่านมาสภาพแถวฝั่งอันดามันของไทยจะมีเกาะค่อนข้างมากเวลาเกิดคลื่นสึนามิขึ้นมาแถวเกาะสุมาตราในประเทศอินโดนีเซีย ทางแถบศรีลังกา มัลดีฟส์ จะเจอบ่อยเพราะเป็นเกาะกลางทะเล แต่ประเทศไทยเป็นช่องเข้ามามีเกาะขวางไว้มาก ที่ผ่านมาจึงไม่เกิดกับประเทศไทย ครั้งนี้เป็นแผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดในรอบศตวรรษถึง 9 ริกเตอร์ พบว่าแนวที่เกิดแผ่นดินไหวใต้น้ำอยู่ในสภาพทำให้เกิดคลื่นเคลื่อนไหวออกจากผิวน้ำเป็นรูปวงรี พอเป็นรูปวงรีนี้มาถึงประเทศไทยทำให้เกิดความเสียหายได้ ปกติจะเกิดเป็นรูปวงกลมและจะไม่ถึงของไทยเรา เป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย

    <TABLE cellSpacing=2 cellPadding=0 width=250 align=right border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ผลกระทบที่จะตามจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ลักษณะไม่ได้เกิดขึ้นจุดเดียว แต่เกิดเป็นแนว 4-5 จุด ไม่ตรงกันเป็นแนวใต้น้ำทำให้คลื่นที่เกิดผิวน้ำเป็นรูปวงรี ที่สร้างความรุนแรงมากทำให้สภาพภูมิศาสตร์ใต้น้ำแถวนั้นจะเปลี่ยน รวมทั้งเกาะเล็กเกาะน้อยจะถูกกระทบกระเทือนจะมีเกาะที่ถูกทำลายและอาจจะมีเกาะเล็กๆ โผล่มาใหม่ สภาพใต้น้ำจะเปลี่ยน ที่จะเสียหายมากคือสภาพความงดงามของแนวปะการัง สภาพผิวดินที่เป็นหาดทรายส่วนผิว

    อนาคตเมื่อมันเกิดขึ้นครั้งหนึ่งก็ต้องเกิดขึ้นได้อีก ระยะห่างพอสมควรบอกไม่ได้เลยว่าอีกกี่ปี ส่วนแถวสุมาตราที่เกิดแผ่นดินไหวมันเป็นแนวแผ่นดินไหวอยู่แล้ว แต่ไม่เคยเกิดระดับนี้ เมื่อเกิดขึ้นมาแล้วจะสงบไปพักใหญ่ปรับตัวลงไปเหมือนกับไอน้ำในหม้อต้มน้ำที่อัดๆ แล้วระเบิดขึ้นมา เกิดขึ้นใหม่ได้แต่ยังระบุไม่ได้ว่าเมื่อไรต้องติดตามและศึกษาต่อไป

    เรื่องการพยากรณ์ล่วงหน้าของแผ่นดินไหวใต้น้ำพยากรณ์ลำบากมาก ทราบเพียงแต่ว่าแถวเกาะสุมาตราแผ่นดินไหวใต้น้ำเกิดขึ้นเป็นประจำ ทั่วโลกไม่เคยเกิดความรุนแรงเท่าครั้งนี้ที่เกิดจากความสั่งสมของแรงอัดต่างๆ และสภาพเปลือกโลกที่เคลื่อนที่อยู่เรื่อย เกิดจังหวะตรงนี้ขึ้นมา แม้ว่าแผ่นดินไหวพยากรณ์ยากแต่การเกิดคลื่นสึนามิพยากรณ์ไม่ยาก พอเกิดแผ่นดินไหวใต้น้ำขึ้นมาประเทศที่เข้าเฝ้าระวังอยู่แล้ว เช่น ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา จะรู้ทันทีเพราะเขาสามารถคำนวณได้เลยภายในครึ่งชั่วโมง ครั้งนี้เช่นกันญี่ปุ่นแจ้งข่าวไปทั่วโลกแต่ทางประเทศไทยไม่ทราบอาจจะเป็นเพราะข่าวคลาดเคลื่อนหรือติดต่อไม่ได้

    ตอนนี้มีประเทศที่เฝ้าระวังที่ทำกันจริงจังแถบมหาสมุทรแปซิฟิกที่เกิดขึ้นบ่อย มีเครือข่ายศูนย์กลางอยู่ที่เกาะฮาวาย สหรัฐอเมริกามีเครื่องมือตรวจวัดแผ่นดินไหว และประเทศไทยเป็นสมาชิกของเครือข่ายนี้เช่นเดียวกัน แต่เราอาจจะเป็นสมาชิกที่ไม่ได้ติดตามอย่างจริงจังนัก

    ผมคิดว่าขณะนี้ไทยมีความรู้แต่บุคลากรยังน้อย เครื่องมือไม่พอ และการที่เราเข้าไปเป็นส่วนร่วมเครือข่ายเฝ้าระวังคลื่นจากน้ำนั้น จากนี้ไปเราต้องยกระดับแล้วว่าเรื่องอันตรายจากคลื่นสึนามิจากที่ไม่คุกคามประเทศไทย มาเป็นเรื่องที่เป็นอันตรายต่อประเทศไทยต้องเฝ้าระวัง

    <TABLE cellSpacing=2 cellPadding=0 width=250 align=left border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ที่มาของแผ่นดินไหวนั้นต้องทำความเข้าใจว่า ทุกวันนี้ทวีปกำลังเคลื่อนตัวอยู่ ขณะนี้เปลือกโลกเรามีหินใหญ่ 6 แผ่น ที่รองรับทวีปและมหาสมุทร มีทั้งเบียดกันชนกันแยกออกจากกันและแนวแผ่นหินใหญ่นี้แหละเป็นแนวแผ่นดินไหวทั่วโลกและแนวภูเขาไฟระเบิดด้วย ตรงที่ชนกันเลยแถวเนปาล ที่ชนกันแล้วบีบขึ้นมาสูงเป็นภูเขาหิมาลัย ที่มหาสมุทรแปซิฟิกแอตแลนติกมันแยกจากกันแล้วเกิดขึ้นมาเป็นแนวภูเขาใต้น้ำใหญ่มากจึงเกิดแผ่นดินไหวใต้น้ำบ่อยครั้ง ซึ่งเปลือกโลกนี้จะเคลื่อนไหวไปเรื่อยๆ หินเปลือกโลกทั้ง 6 แผ่น เลื่อนไหลอยู่ที่ชั้นสองของเปลือกดินแข็ง โลกก็เลื่อนไปมาอยู่บนนี้ ทุกอย่างเคลื่อนที่ไปเรื่อยไม่มีอะไรหยุดนิ่ง

    เมื่อร้อยล้านปีมาแล้วโลกทั้งโลกมีทวีปเดียวจากนั้นแยกออกมาเป็นสองทวีปใหญ่สุดท้ายกลายเป็นหลายทวีป อนาคตมันก็จะกลับไปเป็นทวีปเดียวอีกประมาณ 50-100 ล้านปี จะทำให้หลายประเทศเปลี่ยนตำแหน่งที่ตั้ง อย่างรัฐอลาสก้าเมื่อก่อนอยู่แถวเส้นศูนย์สูตรจึงมีน้ำมันเมื่อมีการเคลื่อนไหวของเปลือกโลกทำให้รัฐอลาสก้าเลื่อนไปอยู่ทางเหนือแต่ก็ยังมีน้ำมันอยู่และต่อไปสหรัฐอเมริกาจะแยกกันออกมาเป็นสองทวีปแยกกันเลย

    ต่อไปจะเหลือเพียงทวีปใหญ่ทวีปเดียว ประเทศไทยเป็นประเทศที่โชคดีในระยะ 50 ล้านปี ในอดีตอยู่ห่างจากตำแหน่งปัจจุบันไม่เท่าไรไม่เรียกว่าย้ายแต่ของไทยยังอยู่แถวๆ นี้ เนื่องจากตั้งอยู่บนแผ่นหินที่มั่นคงมากเรียกว่าแผ่นยูเรเซียจะขยับไม่มาก อีก 50 ล้านปี ประเทศไทยจะขยับไปอีกแต่ไม่มากเป็นตำแหน่งที่ค่อนข้างมั่นคง

    <TABLE cellSpacing=2 cellPadding=0 width=250 align=right border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ประเทศพม่าอยู่ในแนวแผ่นดินไหวเกิดขึ้นบ่อย ประเทศไทยจะได้รับผลกระทบในส่วนของตึกสูงบ้างเล็กน้อยแต่ไม่มาก แต่แนวแผ่นดินไหวที่พม่าเป็นรอยแยกที่จะกว้างขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากพม่าอยู่แถบขอบของแผ่นยูเรเซียที่ค่อนข้างใหญ่คลุมทั้งส่วนยุโรปและประเทศไทยด้วยพม่าอยู่ขอบๆ ประเทศไทยอยู่ห่างไกลจากขอบของแผ่นหินที่รองรับทวีป หรือห่างไกลจากแนวแผ่นดินไหวตัวจริง แนวโน้มในอนาคตเรื่องแนวแยกที่เป็นต้นเหตุแผ่นดินไหวจะใหญ่ขึ้นเป็นไปได้ว่าประเทศไทยอาจจะได้รับผลกระทบมากขึ้นรู้สึกบ่อยขึ้นหมือนกับครั้งแรกที่เกิดคลื่นสึนามิ

    กรณีแผ่นดินไหวใต้น้ำบอกได้เลยว่าเป็นฝีมือธรรมชาติเอง แต่มนุษย์มีส่วนทำให้ความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นโดยการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม การทำลายต้นไม้ การทำลายเกาะแก่งเพื่อเอาหิน ก็ไปเพิ่มความรุนแรงมาก แต่สาเหตุจริงๆ คือธรรมชาติล้วนๆ แผ่นดินไหวที่เกาะสุมาตรา 9 ริกเตอร์ มีอำนาจพอกับระเบิดที่ถล่มเมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น 1 ล้านลูก สึนามิมีความเร็วได้ 800-900 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ครั้งนี้มีความเร็ว 400 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถือว่ามาถึงประเทศไทยช้า

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ที่มา http://content.kapook.com/cgi-bin/artman/exec/view.cgi?archive=1090&num=19178
     
  3. nuchi

    nuchi Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +40
    เป็นไปโดยกรรม
     
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    <TABLE id=Table8 cellSpacing=0 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR bgColor=#2b3189><TD class=messageblack style="HEIGHT: 26px" vAlign=top align=left width="100%" bgColor=#ffffff height=26><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR bgColor=#2b3189><TD class=messageblack vAlign=top align=left bgColor=#ffffff>ประมวลภาพจมบาดาล จากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    </TD></TR></TBODY></TABLE>(วาไรตี้โซน วันที่ : 11 ตุลาคม 2549 เวลา : 12:32 )
    </TD></TR><TR><TD class=messageblack width="100%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=top align=left>ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักในช่วงหลาย ๆ วันที่ผ่านมา ส่งผลให้หลาย ๆ จังหวัดในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา และกรุงเทพมหานคร เมื่อคืนที่ผ่านมาน้ำท่วมบนถนน การจราจรบนถนนบางสายที่ไม่สามารถระบายน้ำออกได้ เป็นอัมพาตตั้งแต่ช่วงเย็นไปจนถึงช่วงเกือบเที่ยงคืน 'ภาพเป็นข่าว' ประมวลภาพจากหลายจังหวัดที่ประสบอุทกภัย....

    สถานการณ์น้ำท่วมทั่วประเทศไทยขณะนี้ ยังอยู่ในขั้นวิกฤติ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) สรุปยอดสถานการณ์อุทกภัย ตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค.-10 ต.ค. 2549 ส่งผลให้มีพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมรวม 45 จังหวัด 268 อำเภอ 17 กิ่งอำเภอ 1,543 ตำบล 8,554 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 2,026,076 คน 540,844 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 39 รายพื้นที่การเกษตรเสียหาย 1,591,990 ไร่ มูลค่าความเสียหายในเบื้องต้นถึงวันที่ 10 ต.ค. ที่ผ่านมา มีมากถึง 223,501,791 บาท แล้ว

    ขณะเดียวกันในกรุงเทพมหานคร และจังหวัดพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยายังคงอยู่ในสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง เนื่องจากช่วงนี้มีฝนตกหนักในภาคเหนือตอนบน และตอนล่าง ซึ่งจะส่งผลให้น้ำเหนือไหลบ่าลงมาสู่แม่น้ำเจ้าพระยาระลอกใหญ่ ประกอบกับในช่วง 2-3 วันนี้ ระหว่างวันที่ 10-13 ต.ค. มีน้ำทะเลหนุนสูง ตอนนี้ชาวบ้านที่อยู่ริมฝั่งเจ้าพระยา ได้ทยอยขนข้าวของออกไปยังที่ปลอดภัยบ้างแล้ว จะมีบางส่วนต้องขอดูสถานการณ์ก่อน

    ทั้งนี้พบว่าปริมาณน้ำอยู่ในระดับปิ่มแนวกั้น น่าวิตกเป็นอย่างยิ่ง โดยทาง กทม.ได้จัดกำลังคนเฝ้าระวังเหตุการณ์อยู่ตลอดแนวฝั่งแล้ว คาดว่าสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มภาคกลาง และกรุงเทพฯ อาจได้รับผลกระทบแน่นอน อีกทั้งอาจจะรุนแรงเทียบเท่ากับปี 38 และปี 45 ที่ผ่านมาก็เป็นได้.

    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ที่มา http://www.dailynews.co.th/dailynew...ult.aspx?ColumnId=29233&NewsType=2&Template=3#
     
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ปรากฏการณ์ลานิญา
    (La Nina Phenomena)
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=780 align=center border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff></TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 align=center border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=593 align=center border=0><TBODY><TR><TD width=600>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    ลานิญา เป็นปรากฏการณ์ที่เชื่อมโยงกับปรากฏการณ์เอลนิโญ แต่จะมีกระบวนการที่ตรงกันข้ามกัน กล่าวคือ อุณหภูมิของน้ำทะเล ในเขตศูนย์สูตรของแปซิฟิกด้านตะวันออกจะเย็นกว่าปกติ ทำให้เกิดพายุเฮอริเคนในมหาสมุทรแอตแลนติก เกิดฝนตกหนัก ในด้านตะวันตกเฉียงเหนือของมหาสมุทรแปซิฟิก รวมถึงด้านเหนือของภาคตะวันตก เมื่อลานิญาอ่อนกำลังลงจะทำให้อากาศเกิดความ ชุ่มชื้น เกิดฝนตกและอาจทำให้เกิดน้ำท่วมในฤดูฝน ลานิญานี้จะเกิด 3-5 ปีต่อครั้ง โดยจะเว้นช่วงระยะการเกิดประมาณ 1-2 ปี จะไม่เกิดต่อเนื่องกัน โดยทั่วไปปรากฏการณ์ลานิญาจะเกิดน้อยกว่าปรากฏการณ์ เอลนิโญ ในศตวรรษที่แล้วมีการเกิด ปรากฏการณ์ลานิญา ขึ้น 15 ครั้ง โดยมีช่วงเวลาการเกิดระหว่าง 2-13 ปี ​


    ปรากฏการณ์เอลนิโญ
    (El Nino Phenomena)


    เอลนิโญ เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกใต้ เกิดจากอิทธิพลของลมสินค้าตะวันออกเฉียงเหนือ พัดจากด้านล่างของทวีปอเมริกาใต้เลียบชายฝั่งทะเล ขณะที่กระแสน้ำเย็นซึ่งพัดขนานเส้นศูนย์สูตรไปยังทวีปออสเตรเลียเกิดการย้อนกลับ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพดินฟ้าอากาศ เกิดความแห้งแล้ง ในทวีปอเมริกาใต้และทวีปออสเตรเลีย รวมทั้งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะพื้นที่ทางตอนใต้ของโลก เช่นประเทศอินโดนีเซีย ​

    เอลนีโญ มาจากภาษาสเปน แปลว่า​
     
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="95%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>ลานีญ่า ทำไทยฝนตกหนัก ใต้ระวัง ฝนตก-น้ำท่วม-ดินถล่ม
    </TD></TR><TR bgColor=#b5cfe7><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>​

    [​IMG]



    <DD>ปรากฏการณ์ฝนตก-ดินถล่ม-น้ำท่วมหนักในปี 2549 เกิดจากความแปรปรวนของภูมิอากาศโลก ซึ่งมีสาเหตุจากภาวะโลกร้อนโดยตรง <DD> <DD><DD>รศ.ดร.ธนวัฒน์ จารุพงษ์สกุล ผู้เชี่ยวชาญสภาวะโลกร้อน ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์ถึงปรากฏการณ์ฝนตก-ดินถล่ม-น้ำท่วมหนักในปี 2549 ว่า เกิดจากความแปรปรวนของภูมิอากาศโลก ซึ่งมีสาเหตุจากภาวะโลกร้อนโดยตรง นอกจากนี้ ปรากฏการณ์ลานีญ่าจะทำให้ฝนตกมากในไทย เหมือนที่ จ.อุตรดิตถ์ ที่มีฝนตกมากที่สุดในรอบ 40 ปี เมื่อ 5 เดือนที่แล้ว<DD> <DD><DD>รศ.ดร.ธนวัฒน์ กล่าวเตือนว่า ภายในเดือนกรกฎาคม-ตุลาคม ได้มีพายุไต้ฝุ่นที่มีความรุนแรงหมุนเข้ามา ทำให้เกิดน้ำท่วมในทุกภาคของประเทศไทย โดยเฉพาะ กรุงเทพฯ ถือเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยสูง มีโอกาสเกิดน้ำท่วมใหญ่เหมือนปี 2485 และปี 2496 ที่ชาวบ้านต้องใช้เรือพายรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย วันนี้ปริมาณน้ำที่ล้นตลิ่งริมแม่น้ำเจ้าพระยาทั่ว กรุงเทพฯ ทำให้พยากรณ์ได้ไม่ยากว่า หากยังมีฝนตกต่อเนื่อง กทม.ต้องจมน้ำอย่างแน่นอน <DD> <DD><DD>ล่าสุด รศ.ดร.ธนวัฒน์ วิเคราะห์ว่า อนาคตจากนี้ไปพายุไต้ฝุ่นที่พัดเข้ามาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะรุนแรงและมีปริมาณมากขึ้นกว่าเดิม โดยสังเกตจากสถิติในอดีตพบว่า ภายใน 3-5 ปี จะมีพายุไต้ฝุ่นพัดเข้ามาไทยแค่ 1 ลูกเท่านั้น แต่ภายใน 1-2 ปี จะมีพัดเข้ามา 1 ลูก เช่นเดียวกับฟิลิปปินส์ที่ในอดีตมีพายุไต้ฝุ่น 2.8 ลูกต่อ 1 ปี ตรงกันข้ามกับปัจจุบันที่เพิ่มมากถึงปีละ 4.2 ลูก <DD> <DD><DD>สำหรับปีนี้สาเหตุที่ประเทศไทยมีฝนและพายุเข้า เนื่องจากปรากฏการณ์ลานีญ่า กระแสน้ำในทะเลแปซิฟิกแปรปรวน ทำให้อุณหภูมิผิวน้ำทะเลและระดับน้ำทะเลสูงขึ้น ปริมาณฝนก็มากขึ้น แต่หากผ่านพ้นเดือนตุลาคมไปได้ ฝนก็จะไปตกที่ภาคใต้แทน ซึ่งพื้นที่ต้องระวังต่อไป คือ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช<DD> </DD>
    ข่าวโดย : ทีมข่าว สวท.เชียงราย
    หน่วยงาน : สวท.เชียงราย

    ที่มา http://www.thaisnews.com/pvn_detail.php?reportid=116901
     
  7. pen@_p@ne

    pen@_p@ne เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +433
    คุณเกษมช่วยตอยกลับทีนะค่ะ ดิฉันมีเรื่องจะปรึกษาด่วนนิดนึงค่ะ
    ค่ะ
     
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    <TABLE class=mxtable cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top height=120>
    ทธ.ชี้แจงกรณีรอยแยกบนภูเขา อ.ทุ่งช้างจ.น่าน

    ตามที่ได้เกิดฝนตกหนักในจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง อันเนื่องมาจากร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่านประเทศไทย ระหว่างวันที่ ๑๘ ถึง ๒๐ สิงหาคม ๒๕๔๙ ทำให้เกิดรอยแยกบนภูเขาในพื้นที่ บ้านน้ำเพาะ ตำบลและ อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน กรมทรัพยากรธรณี ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปประสานกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายท้องถิ่นเข้าไปตรวจสอบพื้นที่แล้ว นั้นกรมทรัพยากรธรณี ขอรายงานสรุปผลการตรวจสอบพื้นที่ และการดำเนินการป้องกันของดังนี้

    ๑ สภาพพื้นที่เป็นหุบเขาสูงชัน มีลำห้วยน้ำเพาะไหลผ่านหุบเขา มีบ้านเรือนราษฎรปลูกอยู่ประมาณ ๔๘ ครัวเรือน จำนวนประมาณ ๒๐๐ คน พบรอยแยก ๕ แนวใหญ่ด้วยกัน ความยาวแต่ละแนวประมาณ ๑.๕
     
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top colSpan=2></TD></TR><TR><TD vAlign=top></TD><TD class=F1a vAlign=top>
    พายุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤศจิกายน 2006
  10. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    พายุงวงช้าง ขนาดไม่ใหญ่นัก อาจเกิดขึ้นได้ แถวเชียงใหม่ ลำพูน

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  11. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *******
    รอบคอบ
    *******

    เมื่อ เปลือกโลก ที่ตั้งญี่ปุ่น ฟิลิปปิน จมทะเล
    จักก่อเกิด คลื่นยักษ์ โหมกวาด ภาคใต้
    ความถี่ที่เพิ่ม คือ คำเตือนภัย
    ผู้มีปัญญาจักต้องคิดเอง จึงรู้เอง
    เตือนตนเองได้ทัน
    ผู้รอดชีวิตพ้นภัยได้ จักพบยุคใหม่
    พระศรีอารยเมตไตรย
    โลกจักเปลี่ยนไป เช่นคำทำนายโบราณ

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ผวา 'เกลียวพญานาค' อาเพศซ้ำรอยจระเข้เผือก</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>6 กันยายน 2549 23:58 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>ปรากฏการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นไม่บ่อยครั้งในชั่วอายุคน ชาวเขมรจำนวนหนึ่งนำไปโยงเข้ากับเหตุการณ์ "อาเพศจระเข้เผือก" เมื่อ 31 ปีก่อนที่ทำให้รัฐบาลพังทลาย และกัมพูชาเข้าสู่ยุคฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ภายใต้ระบอบเขมรแดง </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    ประชาชนที่อาศัยอยู่รอบๆ อาณาบริเวณที่เกิดปรากฎการณ์เกลียวคลื่นพญานาค ยังคงโจษจันเกี่ยวกับอาเพศที่อาจจะเกิดขึ้นกับบ้านเมือง ถึงแม้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะผ่านไปถึง 1 สัปดาห์แล้วก็ตาม ขณะที่บรรดาพ่อค้าแม่ขายหัวใส ได้นำภาพเหตุการณ์ไปพิมพ์และนำออกจำหน่ายตามท้องถนนกรุงพนมเปญ และ ขายดิบขายดีแบบเทน้ำเทท่า

    ผู้อาวุโสบางรายที่เคยอยู่ในเหตุการณ์ การปรากฏตัวของจระเข้เผือกเมื่อ 31 ปีก่อน ได้เตือนว่าเกลียวคลื่นพญานาคอาจจะทำให้เกิดอาเพศซ้ำรอยเหมือนเมื่อครั้งกระโน้นได้

    นักอุตุนิยมวิทยาอธิบายว่าสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นเพียงเหตุการณ์ทางธรรมชาติ เป็นเรื่องของคลื่นความกดอากาศต่ำไปปะทะกับคลื่นความกดอากาศสูงอย่างกะทันหันเหนือท้องน้ำ ทำให้เกิดมีไอน้ำรวมตัวกันและถูกพัดหมุนเป็นเกลียวขึ้นสู่ท้องฟ้าความสูงกว่า 100 เมตร ดูคล้ายกับพายุทอร์นาโด

    เหตุการณ์เกิดขึ้นในอาณาบริเวณที่แม่น้ำโขงกับแม่น้ำทะเลป่าสัก (Tonle Bassac) ไหลไปบรรจบกันในเขตรอบนอกกรุงพนมเปญ อันเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เกิดบ่อยนัก และบังเอิญไปคล้องจองกับตำนานพญานาคเล่นน้ำของชาวเขมร

    ภาพเหตุการณ์ถูกเผยแพร่ออกไปอย่างกว้างขวางทั่วกัมพูชา เนื่องจากมีความสวยงาม พอๆ กับความแปลกประหลาด น่าอัศจรรย์ใจ

    ชาวพนมเปญที่ไปพักผ่อนหย่อนใจตามสวนสาธารณะย่านท่าเรือศรีสวัสดิ์ ริมแม่น้ำโขงในย่านตัวเมืองได้พากันตั้งข้อสงสัยว่าเกลียวคลื่นพญานาคนี้ จะทำให้เกิดภัยพิบัติขึ้นหรือไม่ หลังจากโหรบางรายกล่าวก่อนหน้านี้ว่า มันอาจจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างฉับพลันในประเทศนี้

    แต่บางคนก็กล่าวว่า มันน่าจะนำความร่มเย็นสู่ประเทศกัมพูชา เนื่องจากเกลียวคลื่นพญานาคไม่ได้ทำร้ายใคร และไม่ได้ทำลายอะไรในช่วงที่เกิดเหตุวันที่ 29 ส.ค. ที่ผ่านมา

    บริเวณท่าเรือศรีสวัสดิ์นั้น เป็นย่านที่หมอดูจำนวนมากไปเปิดให้บริการทำนายทายทักโชคชะตาให้แก่ลูกค้าที่มีความเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่เหนือการควบคุม

    นายยารัน (Ya Ran) หมอดูคนหนึ่งบอกว่า "มันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติพอๆ กับที่เป็นเรื่องที่อยู่เหนือกฎเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์" เกลียวคลื่นที่พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้านั้น มองดูคล้ายพญานาค ซึ่งตามความเชื่อเกี่ยวกับราศีของชาวเขมรนั้น ปีนี้เป็นปีจอ พญานาคน่าจะนำฝนสู่ท้องไร่ท้องนาจะทำให้ข้าวปลาอุดมสมบูรณ์

    "ผมขอทำนายว่า นี่เป็นนิมิตที่ดีสำหรับทุกคน" โหรนายรันกล่าว

    แต่โหรอีกรายคือ นายมุนแซง (Mun Seng) ไม่เห็นด้วย เขากล่าวว่าไม่เห็นจะมีพญานาคเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ฯ หรือ ถ้าหากมีปลาหรืองูที่ดูคล้ายพญานาคตัวเหลืออยู่ในแม่น้ำโขง ป่านนี้ก็คงจะติดตาข่ายของพวกจามกับพวกเวียดนามไปแล้ว

    ยังมีอีกบริเวณหนึ่งที่ได้กลายเป็นแหล่งคงวามเชื่อเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของมนุษย์มาโดยตลอด นั่นก็คือ หน้าพระราชวังเขมรินทร์ ที่ไม่น้ำทะเลสาบ (Tonle Sap) ไหลไปบรรจบกับแม่น้ำโขง กับแม่น้ำทะเลป่าสัก และในบางช่วงของปี น้ำในแม่น้ำทะเลสาบจะไหลย้อนทาง

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=422 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=422>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>นักตกปลารุ่นเยาว์รายนี้ได้เป็นประจักษ์พยานต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โหรบางรายกล่าวว่ามันอาจจะนำความหายนะสู่กัมพูชา อาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างฉับพลัน </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    ในปี 2518 มีข่าวเล่าลือทั่วกรุงพนมเปญเกี่ยวกับการพบเห็นจระเข้เผือกโผล่ตรงบริเวณที่แม่น้ำ 3 สายไหลบรรจบกัน หลังจากนั้นไม่นานรัฐบาลลอนนอล (Lon Nol) ที่สหรัฐฯ หนุนหลงก็ล้มครืนลง กองกำลังฝ่ายเขมรแดงได้ยาตราเข้ายึดครองเมืองหลวง นำประเทศเข้าสู่ยุคการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

    ชาวเขมรที่อายุ 40 ปีขึ้นไปยังจดจำข่าวลือและเหตุการณ์ต่างๆ ในช่วงปีโน้นได้ดี

    ในปี 2540 ซึ่งเป็นปีที่ดาวหางเฮล-บอบ (Hale-Bopp) ปรากฏตัวเหนือท้องฟ้ากรุงพนมเปญในยามค่ำคืน ก็เป็นปีแห่งความวุ่นวายและเกิดความรุนแรงทางการเมือง ทหารของฝ่ายต่างๆ ที่ร่วมรัฐบาลเผชิญหน้ากันด้วยอาวุธ มีผู้เสียชีวิตไปจำนวนหนึ่ง จากการรัฐประหารของนายนายฮุนเซน

    บรรดาโหราจารย์กล่าวกันว่า เหตุการณ์ทางการเมืองในปี 2540 นั้นส่วนหนึ่งเป็นความหายนะครั้งที่ 2 ที่เกิดจากจระเข้เผือก

    นายเขียว ซัน (Kheui San) สส.ของพรรคฟุนซินเปกในปัจจุบัน ที่เคยรับราชการในรัฐบาลลอนนอลกล่าวว่า ขอใช้เวลาสักนิดหนึ่งในการตรวจดวงของประเทศ เพื่อดูว่าการกลับมาอีกครั้งหนึ่งของเกลียวคลื่นพญานาค จะส่งผลใดๆ ต่อการเมืองของชาติหรือไม่

    "ในช่วงรัฐบาลลอนนอลนั้นมีปรากฏการณ์ที่ไม่ธรรมดาอยู่ 2 อย่าง คือ การปรากฏตัวของจระเข้เผือก กับ การเกิดมีเทวรูปโผล่ขึ้นมาที่หน้าพระบรมมหาราชวัง" นายซันกล่าว

    สส.คนนี้กล่าวอีกว่า ในสมัยนั้น พล.อ.ลอนนอล ได้สร้างอนุสรณ์ระบบสาธารณรัฐขึ้นมา ตนเองได้ไปร่วมพิธีเปิดผ้าคลุมแผ่นป้าย ตอนที่ประธานาธิบดีลอนนอลเปิดผ้านั้น ได้มีเทวรูปเห็นโผล่ขึ้นมา นับเป็นนิมิตร้าย ทำให้รัฐบาลพังพินาศ

    เกลียวคลื่นพญานาคจะนำสิ่งดีๆ หรือ ภัยพิบัติร้ายแรงสู่ประเทศและประชาชนกัมพูชาหรือไม่อย่างไร เป็นเรื่องที่หลายฝ่ายกำลังเฝ้าติดตาม แต่ที่แน่ๆ คือ ภาพเกลียวคลื่นพญานาคขายดีมาก มันจึงเป็นสิ่งที่ดีสำหรับช่างภาพและพ่อค้าแม่ขาย

    "ผมพิมพ์มาแค่ 50 แผ่น ขายแป๊บเดียวหมดเลย" คนขายที่เป็นชาวจังหวัดเปรยแวง (Prey Veng) กล่าวกับ หนังสือพิมพ์แคมโบเดียเดลี่

    พ่อค้าคนเดียวกันนี้บอกว่า ตนเองขายรูปเกลียวคลื่นพญานาคแผ่นละ 1,500 เรียล (ประมาณ 13.50 บาท) ขายเกลี้ยงในพริบตา และยังมีผู้ที่ต้องการอีกมาก

    ผู้อ่านคนหนึ่งที่เข้าไปให้ความเห็นในเว็บไซต์ของแคมโบเดียเดลี่ ได้กล่าวว่า ช่วงนี้กำลังเกิดภัยพิบัติในประเทศเพื่อนบ้าน มีคนเสียชีวิตแล้วหลายคน กัมพูชาจะต้องระวังปรากฏการณ์เกลียวคลื่นพญานาค เพราะอาจจะทำให้เกิดเหตุการณ์สึนามิ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยก็ได้.

    (ภาพประกอบ: สำนักข่าว AFP)
    ที่มา http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9490000113013
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. animejanai

    animejanai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    510
    ค่าพลัง:
    +494
    เมื่อวาน หรือเมื่อวานซืนนี้ละ ฝันว่า
    ไปเข้าห้องสมุด
    แถบรัซเซียหรือที่คล้ายๆกันน่ะครับยุบหายไปลึกมาก
    บริเวณประเทศใกล้เคียงรู้สึกว่าจะมีการก่อตั้งอะไรบางอย่าง
     
  14. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    ********************************
    พระคาถาป้องกันสรรพภัยทั้งปวงกึ่งพระพุทธกาล
    ********************************

    บริเวณสมุทรสงคราม สมุทรสาคร
    พายุฝนกลุ่มเมฆดำขนาดใหญ่
    กว้างหลายกิโลเมตร
    ทำท่าจะเกิดเป็นพายุหมุนขนาดยักษ์
    บริเวณใจกลางเริ่มเป็นเกลียวต่ำลง
    จึงท่อง
    พระคาถา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 ตุลาคม 2006
  15. pop

    pop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    179
    ค่าพลัง:
    +313
    หนุ เชื่อ คนนึงล่ะ คาถา พี่หนุมาน ดีมากๆ ช่วยเราได้เยอะ ขอบคุณ ค่ะ _/\_
     
  16. pop

    pop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    179
    ค่าพลัง:
    +313

    เจอมาแล้ว...... ต้องหมั่นปฏิบัติบ่อยๆ มีสติอยู่กับตัวตลอดเวลาน่ะ อย่าไปกลัว และไม่จองเวรต่อกันอีก อโหสิกรรมให้ ขี้เกียจจะโกรธ (verygood)
     
  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    สัญชาตญาณเตือนภัย "สึนามิ"
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="96%" bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=176>
    [​IMG]
    </TD><TD vAlign=top align=left width=223 bgColor=#ffffff>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="100%" bgColor=#ffffff>
    [FONT=Verdana,Tahoma,Arial]"สึนามิ[/FONT][FONT=Verdana,Tahoma,Arial]"
    [/FONT][FONT=Verdana,Tahoma,Arial]มหาวิบัติแห่งอันดามัน[/FONT]
    </TD></TR><TR><TD width="100%">
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="100%">
    แผ่นดินไหวครั้งนี้ เกิดจากการ
    ขยับตัวของแผ่นเปลือกโลก
    อินเดียออสเตรเลีย ซึ่งครั้งนี้
    มีศูนย์กลาง2 จุด คือ
    ที่เกาะสุมาตรา กับที่รัฐฉาน
    ประเทศพม่า ถือเป็นเหตุการณ์
    แผ่นดินไหวที่รุนแรงมาก เพราะ
    แรงสั่นสะเทือนสูงถึง 8.9
    ริกเตอร์​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    ปลาหลาก-ปลิงเกยตื้น-ควายตื่น สัญญาณเตือนภัยก่อน "สึนามิ"?

    สิ่งหนึ่งที่สัตว์มีความสามารถพิเศษ ยิ่งกว่ามนุษยชาติจนเทียบ กันไม่ติดเลยก็คือ "สัญชาตญาณ" อันปราดเปรียว และเฉียบคมเพื่อใช้ดำรงชีพใน ธรรมชาติ ซึ่งมีภยันตรายรอบด้าน ทั้งจากสัตว์ใหญ่ จากการล่าของ มนุษย์ หรือกระทั่ง "ภัยธรรมชาติ" ที่มนุษย์ยังไม่สามารถพยากรณ์และเอาชนะได้จนวันนี้

    ทว่า ก่อนเกิดเหตุคลื่นยักษ์คราวนี้ได้มีสัญญาณความ "ผิดปกติ" ทางธรรมชาติหลายอย่าง ซึ่งสามารถสังเกตได้จากทั้งสัตว์ในทะเลและบนบก เพียงแต่มนุษย์อาจไม่ทันได้เฉลียวใจเท่านั้นเอง!?

    สัญญาณเตือนภัยอันแรกที่ประมวลได้จากการลงพื้นที่พูดคุยกับชาวบ้าน คือการเพิ่มปริมาณขึ้นอย่างผิดปกติของสัตว์ทะเล ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ร่อยหรอลงอย่างมากจนต้องออกไปจับในน่านน้ำต่างชาติ

    จากการให้ข้อมูลของ นางกิ้มเซี้ยม แซ่โค้ว วัย 66 ปี เจ้าของร้านยิ้ม ยิ้ม ร้านอาหารทะเลชื่อดังในบ้านน้ำเค็ม ต.บางม่วง อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ทราบว่าในรอบ 1-2 เดือนก่อนที่จะเกิดคลื่นยักษ์ชาวประมงในพื้นที่ อ.คุระบุรี จ.พังงา สามารถวางอวนจับ "ปลิงทะเล" ได้มากผิดปกติหลายสิบเท่า

    ที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้น คือชาวประมงสามารถพบเห็นและลากปลิงทะเลติดอวนได้ง่ายๆ ห่างจากชายฝั่งไม่ไกล ทั้งที่ตามปกติแล้วสัตว์ทะเลชนิดนี้เป็นสัตว์ที่ดำรงชีพในน้ำลึกและจับได้ยากมาก จึงเป็นที่ต้องการของชาวจีน ซึ่งเชื่อว่าสัตว์ทะเลชนิดนี้มีสรรพคุณทางยาอเนกอนันต์และมีราคาที่สูงลิบลิ่ว

    เจ้าของร้านยิ้ม ยิ้ม ยอมรับว่า ตั้งแต่เปิดร้านมาร่วม 30 ปี ยังไม่เคยเห็นชาวประมงจับปลิงทะเลได้มากและง่ายเช่นนี้มาก่อน เพราะแค่น้ำตื้นๆ ก็เห็นปลิงทะเลยั้วเยี้ยไปหมด ตอนนั้นเริ่มมีลางสังหรณ์ว่าทะเลต้องมีความเปลี่ยนแปลงอย่างมาก แต่ไม่คิดว่าจะเปลี่ยนแปลงขั้นรุนแรงขนาดนี้

    ข้อมูลความผิดปกติดังกล่าวสอดคล้องกับคำให้การของชาวประมงบ้านน้ำเค็มซึ่งส่วนใหญ่บอกตรงกันว่า ในรอบ 1-2 เดือนก่อนเกิดคลื่นยักษ์มีเรื่องน่าอัศจรรย์ใจมากเกิดขึ้นในท้องทะเล กล่าวคือ ปริมาณปลาที่จับได้กลับเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ โดยเพิ่มขึ้นราวๆ 10 เท่าของปริมาณที่เคยจับได้ตามปกติ

    การเพิ่มปริมาณขึ้นอย่างน่าตกใจไม่ได้ทำให้ชาวประมงคิดไปในทางร้ายเลยว่าจะเกิดเภทภัยใดๆ ขึ้น แต่กลับมองถึงอนาคตอันเรืองรองที่จะตามมาหากจับปลาได้มากขนาดนี้ไปเรื่อยๆ กระทั่งคลื่นมรณะโผล่พรวดมาจากทะเลดุจผีร้ายจึงรับรู้ว่าธรรมชาติได้ตักเตือนพวกเขาไปก่อนหน้านั้นแล้ว

    นอกจากการเพิ่มปริมาณขึ้นอย่างผิดปกติของสัตว์ทะเล สัตว์บกใช้งานอย่าง "ควาย" ก็อาจรับรู้ได้ถึงความผิดปกติจากสัญชาตญาณเช่นกัน

    เรื่องประหลาดนี้เราได้รับการบอกเล่าจากชาวบ้านในไร่ ซึ่งเป็นชุมชนชาวเลและมุสลิม ริมชายฝั่งทะเลอันดามันในพื้นที่ จ.พังงา

    หมู่บ้านนี้โชคดีเหลือเชื่อที่มีคนตายเพียงคนเดียว ทั้งที่อยู่ใกล้ทะเลมาก แต่โชคดีที่มีสันทรายและป่าชายเลนดูดซับแรงคลื่นไว้ กระนั้นบ้านเรือนของพวกเขาก็ต้องพังย่อยยับไม่ต่างจากบ้านน้ำเค็ม

    สิ่งหนึ่งที่ชาวบ้านเชื่อกันว่า เป็น "ลางร้าย" บอกเหตุ คือประมาณ 10 นาทีก่อนเกิดคลื่นยักษ์ จู่ๆ ฝูงควายที่ปล่อยให้เล็มหญ้าอยู่ตามทุ่งก็พากันวิ่งเตลิดขึ้นเขาอย่างไม่คิดชีวิต ทั้งที่ไม่มีการไล่ต้อนใดๆ

    นสพ.ชิษณุ ติยะเจริญศรี หัวหน้าแผนกบำรุงรักษาสัตว์ รพ.สัตว์สวนสัตว์ดุสิต ให้ความรู้เพิ่มเติมในเรื่องนี้ว่า ความจริงแล้วภัยธรรมชาติทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นแผ่นดินไหว พายุ หรือแม้แต่ฝนตกจะมีความสั่นสะเทือนอยู่ในตัวเอง ซึ่งความสั่นสะเทือนดังกล่าวเป็นคลื่นความถี่ที่ต่ำเกินกว่าที่มนุษย์จะสัมผัสได้ แต่สำหรับสัตว์จะสามารถรับรู้คลื่นความถี่ต่ำดังกล่าวได้

    โดยสัตว์ที่มีสัญชาตญาณรับรู้ได้ดีที่สุด คือ "ช้าง"

    น.สพ.ชิษณุ กล่าวเพิ่มเติมว่า รูปร่างของสัตว์ก็มีผลต่อการรับรู้เช่นกัน โดยการหนีเอาชีวิตรอดของสัตว์เล็กจะมีขึ้นก่อน เพราะจะต้องใช้เวลาในการเดินทางหนีมากกว่า ยกตัวอย่างเช่น มดจะขนไข่หนีฝนในขณะที่สัตว์ที่ใหญ่กว่าอย่างสุนัขและช้างจะไม่หนี เนื่องจากไม่เป็นอันตรายกับตัวเอง

    "อวัยวะในการรับสัญชาตญาณของสัตว์จะอยู่ที่หู เช่น ช้างจะมีหูเป็นเสมือนเรดาร์ ส่วนสุนัขก็มีประสาทสัมผัสทางหูดีมาก เนื่องจากมีท่อหูที่ลึกยาวและเล็ก นอกจากนี้ ยังพบว่าช้างและยีราฟสามารถส่งคลื่นความถี่ต่ำไปยังสัตว์ชนิดเดียวกันเพื่อเตือนภัยได้ โดยที่คนไม่มีโอกาสรับรู้ได้เลย"

    อย่างไรก็ตาม สัญญาณเตือนภัยจากสัตว์เท่าที่รวบรวมได้ ประกอบกับองค์ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญอาจไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้อง 100% สำหรับการเตือนภัย แต่ก็เป็นประเด็นข้อสงสัยที่นักวิทยาศาสตร์ น่าจะนำไปศึกษาวิจัยอย่างลึกซึ้งเพื่อห าทางพยากรณ์และแจ้งเตือนภัยคลื่นยักษ์ต่อไป

    จาก คมชัดลึก
    ที่มา http://www.narak.com/webboard/show.php?Category=narak&No=27839

    มอแกน ช้างป่าและสิงโต
    จำลอง ฝั่งชลจิตร
    จากเนชั่นสุดสัปดาห์ หน้า 52
    ปีที่ 13 ฉบับที่ 658 วันที่ 10 มกราคม 2548

    [​IMG]

    สำนักข่าวรอยเตอร์ (ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 29 ธันวาคม 47) นำเสนอคำให้สัมภาษณ์ของเอช.ดี.รัตนาญัก ผู้ช่วยผู้อำนวยการกรมสัตว์ป่าแห่งชาติศรีลังกาว่า เขารู้สึกแปลกใจที่ภายหลังเกิดคลื่นยักษ์สึนามิถล่มประเทศชายฝั่งมหาสมุทรอินเดีย พวกเขายังไม่มีตัวเลขสัตว์เสียชีวิตเลย ทั้ง ๆ ที่คลื่นยักษ์ซัดเข้าอุทยานแห่งชาติยาลา ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ ดูตามแผนที่ตรงกับหัวเกาะสุมาตราตรงเกิดแผ่นดินไหวเกือบพอดี อุทยานดังกล่าวเป็นเขตป่าสงวนที่ใหญ่ที่สุดของศรีลังกา ซึ่งมีช้างป่าและสิงโตจำนวนมาก รัตนาญักกล่าวว่า ไม่พบสัตว์ถูกคลื่นยักษ์ทำลายอย่างมนุษย์เลย ไม่มีช้างตาย อย่ากระนั้นเลยศพกระต่ายสักตัวยังหาไม่พบ เขาตั้งข้อสังเกตว่าบางทีสัตว์ป่าอาจจะมีญาณพิเศษเกี่ยวกับหายนะที่เกิดขึ้นและพวกมันอาจจะมีสัมผัสที่หก ได้รับรู้ก่อนว่าอะไรจะเกิดขึ้น จึงอพยพหนีไปก่อน เช่นเดียวกับมีผู้พบเห็นปูตัวใหญ่หนีขึ้นดอนที่จังหวัดตรัง เรื่องมดคาบไข่ขึ้นที่สูง โบราณว่าน้ำใหญ่กำลังจะมา ลางอย่างนี้เกิดขึ้นปีแล้วปีเล่า แต่ไม่มีใครอยากศึกษา หนึ่ง เห็นว่าเป็นภูมิปัญญาโบราณ และสอง เป็นภูมิปัญญามด

    เรื่องชาวมอแกนชวนญาติ ๆ วิ่งหนีสึนามิก่อนจะทันคร่าชีวิตพวกเขา กับช้างป่า สิงโตที่ศรีลังกา และปูที่จังหวัดตรัง เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่ง พวกเขาและมันสามารถรับสารอันเกิดจากความเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลและอย่างฉับพลันของโลกได้ จึงรักษาชีวิตให้รอดได้

    ในพวกมอแกนนักวิจัยเรียกว่า ภูมิปัญญาท้องถิ่นมอแกน ในสัตว์เรียกว่า สัญชาตญาณ ผมรู้สึกกระดากใจคำว่า ภูมิปัญญาท้องถิ่นมอแกน แต่ยังหาคำที่ดีกว่านี้ไม่ได้

    กรณีของมอแกนกับช้างหรือสิงโต หรือสัตว์ ภูมิปัญญาหรือสัญชาตญาณใกล้เคียงกันมาก เราไม่สามารถถามมอแกนได้ว่า ทำไมเขารู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็เหมือนเราไม่สามารถถามช้างหรือสิงโตว่าทำไมพวกมันรู้ ? มอแกนถ่ายทอดภูมิปัญญาเรื่องนี้จากรุ่นสู่รุ่นได้อย่างไร และสัตว์ถ่ายทอดสัญชาตญาณเรื่องนี้จากรุ่นสู่รุ่นได้อย่างไร

    ผมอยากชวนกลับไปที่แนวทางแก้ปัญหามอแกนของท่านผู้ว่าฯ พังงา ที่บอกว่าบางทีอาจจะต้องรื้อหรือยกเลิกกันเลย การที่แผ่นดินไทยมีมนุษย์พัฒนาช้ากลุ่มหนึ่ง แต่มนุษย์กลุ่มนี้สามารถหยั่งรู้ดินฟ้าและมหาสมุทร ทำไมไม่ปรับเปลี่ยนมุมมองใหม่ว่าเรามีกลุ่มคนที่แสนวิเศษอยู่ใกล้ตัว (คุณสราวุฒิกับคุณนาธานยืนยันได้) ทำไมไม่พยายามถ่ายทอดสิ่งที่เขารู้เอามาให้ได้ แทนที่จะจับเขามาเข้าโรงเรียนประถม มัธยม หรือมหาวิทยาลัย เราน่าจะปล่อยให้เขาอยู่ท้องทะเลตามประสา ไม่ห่วงว่าเขาจะขาดการศึกษาแบบเราห่วงลูกหลานบก ๆ ของเรา การเรียนในระบบไม่มีความหมายกับเขา มีแต่จะทำให้เขาฉลาดปานเด็กบก ๆ แต่สัญชาตญาณอันเป็นคุณสมบัติหดหาย และเอาตัวไม่รอด เพื่อนบ้านเล่าความในใจของมอแกนคนหนึ่งที่ทางการพยายามจะให้เขามาเป็นคนบก ใช้ชีวิตแบบบก ๆ ว่ามันช่างทารุณเหลือเกิน

    เราไม่ต้องเอามอแกนขึ้นบกมาเข้าโรงเรียน การศึกษาไม่มีความหมายกับพวกเขา แต่พวกเราต่างหากที่ต้องยกโขยงกันไปตั้งแคมป์ที่เกาะสุรินทร์หรือเกาะแก่งที่มอแกนอาศัย ทั้งนักสมุทรศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์ทางทะเล นักธรณีวิทยา นักดำน้ำ นักเดินเรือ นักการประมง หรือแม้นักอาหารวิทยา อยากให้ถอยหลังกลับไปศึกษามนุษย์ที่เราวิ่งนำหน้าเขามานับพันปีกลุ่มนี้ (เขาเพิ่งรู้จักใช้เกลือผง) ถ้าหน่วยงานต้นสังกัดหรือรัฐบาลไม่สนับสนุนทุนภาคธุรกิจเอกชนชายฝั่งอันดามัน น่าจะช่วยกันลงขันเพื่อสร้างองค์ความรู้ขึ้นมาสักชุดหนึ่ง วันข้างหน้าอาจจะมีประโยชน์อย่างมหาศาลก็เป็นได้

    บางทีเรื่องการหยั่งรู้โลกและการถ่ายทอดความลึกลับของธรรมชาติในมอแกนกับสัตว์ป่า อาจจะมาจากการผสมพันธุ์ในหมู่พวกเดียวกันก็ได้ ขณะที่มนุษย์ค่อย ๆ แยกจากสัตว์ และใช้เวลาวิวัฒนาการนับหมื่นปีกว่าจะเป็นผู้เจริญอย่างวันนี้

    และสิ่งที่จำแนกมนุษย์ออกจากสัตว์อย่างชัดเจนที่สุด ก็คือ มนุษย์ก้าวมาไกลจนไม่สามารถหยั่งรู้ว่าดินฟ้ามหาสมุทรอันเป็นมารดาของธรรมชาติ พิโรธหรือเบิกบานเวลาไหน และอย่างไร

    ที่มา http://www.ffc.or.th/tsunami_ffc/tsunami006.htm
     
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    <TABLE class=news2006_topic cellSpacing=0 cellPadding=0 width=595 border=0><TBODY><TR><TD width=585 height=10>หมาไฟยังน่าห่วงดวงเมืองยุค คปค.จับตายังมีตัวป่วน?</TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=news2006_graylight height=10>โดย dailynews<SCRIPT language=JavaScript src="/global_js/global_function.js"></SCRIPT> <!--START-->วัน จันทร์ ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2549 05:36 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=595 border=0><TBODY><TR><TD height=10></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=news2006_black cellSpacing=0 cellPadding=0 width=595 border=0><TBODY><TR><TD width=10 rowSpan=4></TD><TD width=575>
    [​IMG]

    การเข้ายึดอำนาจการบริหารประเทศของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ถูกระบุว่าเป็นการผ่าทางตันประเทศไทย อันเนื่องมาจากปัญหาทางการเมือง ซึ่งหลายฝ่ายก็หมายมั่นว่านับจากนี้ไปสถานการณ์ล่อแหลมต่าง ๆ จะคลี่คลายลงได้...


    คนไทยส่วนใหญ่หวังว่าจากนี้ทุกอย่างจะดีขึ้นโดยเร็ว...

    ทว่า...ฝ่ายโหราพยากรณ์ชี้ว่า อาการยังน่าเป็นห่วง !!

    ให้ระวังตัวสอดแทรก คอยปลุกปั่น ทำให้บุคคลที่อยู่ในองค์กรที่ คปค.แต่งตั้งขึ้นเกิดความขัดแย้ง แตกแยก ส่งผลให้เกิดภาพลักษณ์ไม่ดี ตรงนี้ต้องระวังอย่างมาก !!

    ...เป็นคำทายทักของ หมอนิด-กิจจา ทวีกุลกิจ ที่เคยแม่นมาแล้วกับกรณีการปฏิวัติรัฐประหาร โดยหมอนิดบอกอีกว่า...โชคดีที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา จึงทำให้เป็นการปฏิวัติเงียบ ถ้าการยึดอำนาจเกิดในเดือน ต.ค.จะรุนแรง เกิดการนองเลือด และตัว พ.ต.ท.ทักษิณก็จะโดนหนักกว่านี้ ทั้งนี้เรื่องปฏิวัติซ้อน ยืนยันไม่มีแน่นอน แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการเลือกตั้ง เลือกตั้งเร็ว ประชาชนก็จะมีความเชื่อมั่นมากขึ้น

    กล่าวสำหรับภาพรวมของ ดวงเมือง ในช่วงปลายปี 2549 นี้ ใน ช่วงนายกรัฐมนตรีเฉพาะกิจ-รัฐบาลเฉพาะกาล หมอดูรายนี้ชี้ว่า...การเมืองยังไม่เข้าที่เข้าทาง ยังไม่ค่อยสดใสเท่าที่ควร ยังคงวุ่นวายอีกสักระยะหนึ่ง เพราะมีตัวก่อกวน สร้างความวุ่นวาย ส่วนด้านเศรษฐกิจก็ยังไม่ดี ยังไม่ ฟื้นในระยะเวลาอันสั้น เพราะสะดุดทรุดหนักมานาน ต้องใช้เวลาสักระยะ ใหญ่ ๆ โดยผู้ที่จะเข้ามารับตำแหน่งดูแลกระทรวงหลัก ๆ เช่น คมนาคม พาณิชย์ อุตสาหกรรม คลัง และเกษตร จะเหนื่อยมาก ๆ ซึ่งดวงของคนเหล่านี้มีผลโดยตรงกับประเทศ

    แนวโน้มทางการเมือง ถ้าได้ผู้นำประเทศ ครม. และทีมเศรษฐกิจ ที่แข็ง ดวงดี ก็สามารถดึงเศรษฐกิจประเทศให้แข็งขึ้น แต่หากตั้ง ครม. และทีมเศรษฐกิจที่ดวงไม่ดี ก็จะส่งผลทำให้เศรษฐกิจของประเทศแย่ลงไปด้วย ทำให้ประชาชนต้องเหนื่อย ไม่มีความสุขไปด้วย

    ทั้งนี้ ทุกอย่างจะดีขึ้นช่วงปลายปี 2550 ส่วนช่วงนี้ธุรกิจการค้าจะยังคงมีผลกระทบต่อเนื่อง การเกษตรยังต้องเจอปัญหาราคาพืชผลตกต่ำหลายชนิด ผลผลิตไม่ค่อยดี การท่องเที่ยวยังไม่กระเตื้องเท่าที่ควร สภาพสังคมทั่วไป ประชาชนยังคงเป็นหนี้สินและตกงานมาก ภาคอสังหาฯ ยังซบเซา ปัญหาภาคใต้ยังคงมีต่อเนื่อง แต่เบาลงกว่าเดิม

    และให้ระวังเรื่องภัยพิบัติธรรมชาติที่รุนแรง ที่เกิดจากลม และจากน้ำ ที่คุกคามไปทั่ว จะนำมาซึ่งความสูญเสียทั้งชีวิต ทรัพย์สิน และบุคลากรคนสำคัญ ๆ ครั้งใหญ่...หมอนิดระบุ

    ขณะที่ ภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล หมอดูอีกคนที่ก็แม่นในประเด็นที่ว่าทหารจะเป็นผู้ออกมา ปลดล็อกทางการเมือง ทำนายดวงเมืองช่วงปลายปีจอ-ปีหมา 2549 นี้ว่ายังต้องระวัง หมาไฟ-หมาบ้า โดยบอกว่า...

    เรื่องที่วิตกกังวลมากก็คือ ดวงเมืองปี 2549 เป็นปีจอ ธาตุไฟ เป็นปีหมาบ้าที่จะยังคงยุ่งวุ่นวายเดือดร้อนไปจนถึงสิ้นปี ยิ่งในเดือน ต.ค.-พ.ย. จะมีคนมาฉกฉวยผลประโยชน์ จนทำให้สังคมส่วนรวมเกิดความเดือด ร้อน เพราะกิเลสของคนที่มีอำนาจไม่กี่คน จนอาจจะเกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอย !!

    ด้วยเหตุนี้ ไม่อยากให้ คปค.รีบวางมือเร็วเกินไป ควรหนักแน่นอดทน จัดการทุกอย่างให้เข้ารูปเข้ารอยก่อน มิฉะนั้นจะมีปัญหาหลายอย่างตามมาแน่นอน ซึ่งไหน ๆ ดวงเมืองก็ต้องยุ่งวุ่นวายอยู่แล้วต่อเนื่องไปอีก 2 ปี ถ้าปืนไฟชุดนี้รีบออกไปก็อาจจะมีปืนไฟชุดใหม่เกิดขึ้น ดังนั้นแม้ต่างชาติจะว่าอย่างไรก็ช่าง อย่าไปแคร์ ควรจะปัดกวาดซากปรักหักพังที่มีอยู่ภายในให้ เรียบร้อย มองถึงผลประโยชน์ที่แท้จริงของประชาชนคนไทยก่อน

    ซินแสภาณุวัฒน์บอกอีกว่า...ดวงเมืองช่วงนี้ด้านการเมืองยังคงไม่เงียบหรือดีอย่างที่เห็น ถ้าไม่มีการเตรียมการป้องกันให้ดีทุกอย่างก็จะพังพินาศ แหลกลาญชนิดที่คาดไม่ถึง เศรษฐกิจมหภาคก็จะยิ่งวุ่นวายเดือดร้อนทุกหย่อม หญ้า ประชาชนจะถูก คนยุแหย่ ให้รวมกลุ่มลุกฮือขึ้นมาสร้างปัญหากับบ้านเมือง

    ดวงเมืองของประเทศไทยยังคงต้องร้อนระอุ อาจจะมีปัญหาจาก เรื่องเดิม ๆ อำนาจเดิม ๆ คุกรุ่นขึ้นมาเรื่อย ๆ สร้างปัญหาให้สังคมส่วนรวมเกิดความปั่นป่วนเดือดร้อนไม่สิ้นสุด อย่าลืมว่าอำนาจและผลประโยชน์ ไม่เข้าใครออกใคร ถ้าชนะไม่ได้ด้วยกำลังก็จะต้องเล่นด้วยเล่ห์กล หรือมนต์ คาถา

    เมืองไทยช่วงนี้ถ้าหากได้ผู้นำที่ไม่เข้มแข็ง ไม่มีอำนาจพอสมควรที่จะพูดให้ทุกคนรับฟัง ก็จะมีปัญหารอบใหม่เกิดขึ้นแน่ ซึ่งตามดวงเมือง-ดวงปีนี้ ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ ผู้นำควรเป็นบุคคลในเครื่องแบบที่ซื่อสัตย์สุจริต น่าเชื่อถือ น่าไว้วางใจ มาฟื้นฟูประชาธิปไตยให้ก้าวไปในวิถีทางที่ถูกต้อง โดยวางบุคคลระดับรอง ๆ ลงมาในแต่ละตำแหน่งรับผิดชอบให้ตรงตามความรู้ความสามารถ?...ซินแสภาณุวัฒน์กล่าว พร้อมทั้งระบุอย่างน่าคิดด้วยว่า...

    ช่วงนี้ยังเป็นช่วงที่จะพบว่า เสือก็ยังคงเป็นเสือ ยังไม่ยอมทิ้งลายง่าย ๆ แต่เมื่อเจอหมูเขี้ยวตันที่ไม่กลัวน้ำร้อน ก็กินกันไม่ลง ต่างฝ่ายต่างฝากรอยแผลไว้ดูต่างหน้า...

    ...ก็กลัวแต่ว่าจะไม่พ้นกระทบหญ้าแพรก คือประชาชน

    ...จะพลอยแหลกลาญเดือดร้อนไปด้วย !!<!--END--><!--PICLIST-->

    </TD><TD width=10 rowSpan=4></TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD class=news2006_graylight align=right>
    สนับสนุนเนื้อหาโดย

    [​IMG]

    </TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ที่มา http://news.sanook.com/scoop/scoop_23015.php
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ตุลาคม 2006
  19. nanah

    nanah สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +5
    อยากทราบว่าทำไมคนเราจึง รู้แล้ว แต่ไม่ทำ
    มีความคิด มีสติปัญญาที่จะปฏิบัติในหนทางที่ดี แต่ไม่ทำ
    บุคคลประเภทนี้ หนักกว่าดอกบัวเหล่าที่ 4 มั๊ยอะครับ ผมว่าไม่รู้เลยจะดีกว่านะครับ เพราะรู้ไปก็ไร้ซึ่งประโยชน์ เพราะไม่ปฏิบัติตาม
    ปล.ผมคล้ายๆว่าจะจัดอยู่ในบุคคลประเภทนี้อะครับ แต่ต่างกันที่ ผมไม่ค่อยจะฉลาดนักเท่าไร
     
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ทบทวนคำพยากรณ์ของโหรโสรัจจะ
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>
    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=471 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=471>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    เมื่อกลางเดือนธันวาคมปี 2548 โสรัจจะ นวลอยู่ ได้พยากรณ์ประเทศไทยตลอดปี 2549 ตีพิมพ์ในนิตยสารสกุลไทยฉบับหนึ่ง ชี้ให้เห็นความเดือดร้อนที่คนไทยต้องเผชิญ รวมทั้งสึนามิรอบสอง

    พฤศจิกายน เป็นเดือนอันตรายเหมือนเมื่อปี 2548 จะเกิดภัยธรรมชาติครั้งใหญ่อีก อุบัติเหตุจะเกิดขึ้นทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ เครื่องบินภายในประเทศจะตก มีวาตภัยและอุทกภัยอย่างใหญ่หลวง คนมากมายไร้ที่อยู่ ​

    ราวกลางเดือน พายุโซนร้อนผ่านตอนใต้อย่างรุนแรง ชาวใต้ต้องอพยพด่วน เกิดความโกลาหล ชายฝั่งทะเลตะวันออกถูกพายุหอบลงทะเลไปหลายร้อยครอบครัว มีผู้เสียชีวิตมากกว่าครั้งใดๆ ที่ต้องระวังคือ เกิดกาฬโรคใหญ่ ทางภาคอีสาน จะมีคนตายกันมาก​

    เดือนธันวาคม จะพบแต่ความยากลำบากทุกชาติทุกภาษา ไม่ว่าจะเป็นด้านชีวิตความเป็นอยู่ เศรษฐกิจ และสังคม ในราวกลางเดือนนี้ น้ำแข็งที่ขั้วโลกละลายอย่างรวดเร็วสุดยับยั้ง เกิดสภาวะน้ำท่วมใหญ่ที่ถาวรขึ้นในบริเวณที่ลุ่มต่ำของโลก ​

    ประเทศไทยบางส่วนจะถูกน้ำท่วมใหญ่ ประกอบกับจะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เป็นระยะๆ

    หันมาดูสังคมไทย วงการสงฆ์ไทยจะต้องปฏิรูปอย่างหนัก​

    โหรโสรัจจะ ออกตัวว่า การพยากรณ์ดวงเมืองปี 2549 นี้ แม้คำทำนายค่อนข้างจะร้ายแรง แต่ก็อยากจะขอเตือนว่า อย่าหลงเชื่อจนงมงาย วิชาโหราศาสตร์ เป็นเพียงทฤษฎีที่กำหนดใช้เป็นหลักพยากรณ์ การพยากรณ์เป็นเพียงความคาดคะเน ซึ่งอาจจะเกิดหรือไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้

    ที่สำคัญกว่าก็คือ สำหรับมนุษย์ต้องยึดถือผลกรรม ยึดมั่นกรรมดีและกรรมชั่ว เมื่อรู้ว่าจะมีทุกข์ ก็ขอให้มุ่งสร้างแต่กรรมดี ละเว้นการกระทำชั่ว​

    ในทางกลับกัน ถ้าเป็นบุคคลประเภทตั้งหน้าตั้งตาแต่จะกอบโกยความสุขเกษมเปรมปรีดิ์ให้กับตนเอง ไม่คำนึงถึงผลเสียซึ่งจะเกิดขึ้นต่อผู้อื่น ก็ขอให้พึงสังวรไว้เลย คุณจะต้องประสบกับความหายนะที่ไม่อาจแก้ไขได้เลย.​

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤศจิกายน 2006

แชร์หน้านี้

Loading...