ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ทอร์นาโดถล่มอเมริกาใต้ มีผู้เสียชีวิต 16 คน​

​

บัวโนสไอเรส 9 ก.ย. - เจ้าหน้าที่เผยว่า พายุทอร์นาโดกำลังแรงพัดถล่มบ้านเรือนหลายร้อยหลังในหลายพื้นที่ตอนใต้ของภูมิภาคอเมริกาใต้ เมื่อวานนี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 16 คน ในอาร์เจนตินาและบราซิล

พายุกำลังแรงที่มีความเร็วลมสูงสุดใกล้จุดศูนย์กลางกว่า 120 กม./ชม. ทำให้เกิดฝนตกหนักและลูกเห็บตกในพื้นที่ภาคเหนือของอาร์เจนตินา ภาคใต้ของบราซิล หลายเมืองเล็กในอุรุกวัย และปารากวัย

ทางการอาร์เจนตินา เผยว่า มีผู้เสียชีวิต 10 คน ในจำนวนนั้นเป็นเด็ก 7 คน ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ด้านหัวหน้าสำนักป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน ระบุว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 50 คน อิทธิพลของพายุลูกนี้ยังทำให้ต้นไม้และเสาไฟฟ้าหักโค่นในเมืองซานตา โรซา โตบูนา และโปโซ อาซูล ส่วนผู้เห็นเหตุการณ์จำนวนมากกล่าวว่า พายุลูกนี้เป็นพายุทอร์นาโด

เจ้าหน้าที่อุตุนิยมวิทยาอาร์เจนตินาแสดงความวิตกกังวล และว่า ยังไม่ได้ระบุประเภทของพายุลูกนี้ ส่วนคณะผู้เชี่ยวชาญจะประเมินความเสียหายต่อไป แต่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นระดับสูง ระบุว่า ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องปกติ เพราะกระแสลมรุนแรงผิดปกติ จนทำให้บ้านเรือนหลายหลังในพื้นที่ได้รับความเสียหายย่อยยับ

ในรัฐซันตากาตารีนา ทางภาคใต้ของบราซิล ก็ได้รับความเสียหายเช่นกัน โดยสำนักป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน มีความเห็นสอดคล้องกันว่า พายุลูกนี้น่าจะเป็นพายุทอร์นาโด ซึ่งคร่าชีวิตประชาชนไป 4 คน ขณะที่พายุพัดถล่มเมืองและหมู่บ้าน 37 แห่ง สร้างความเสียหายให้แก่บ้านเรือนกว่า 100 หลัง สำนักข่าวของทางการบราซิล รายงานว่า มีผู้เสียชีวิตอีก 2 คน ในรัฐเซาเปาลู ซึ่งพายุทำให้เกิดน้ำท่วมและดินถล่ม อิทธิพลของพายุลูกนี้ยังทำให้เกิดฝนฟ้าคะนองในเมืองเซาเปาลู ซึ่งเป็นเขตเมืองขนาดใหญ่ที่สุดในละตินอเมริกา และมีน้ำท่วม 28 แห่งทั่วเมือง ส่งผลให้การจราจรติดขัดอย่างหนัก ทั้งยังทำให้เที่ยวบินที่ท่าอากาศยานในประเทศที่เมืองนี้ต้องล่าช้าจำนวนมาก ส่วนในปารากวัย พายุลูกเห็บสร้างความเสียหายแก่อาคารบ้านเรือนราว 700 แห่ง ในพื้นที่ห่างไกล. - สำนักข่าวไทย

2009-09-09 07:45:51

น้ำท่วมฉับพลันในตุรกีคร่าชีวิตผู้คน 6 ราย​

​

ตุรกี 9 ก.ย. - ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันทางตะวันตกเฉียงเหนือของตุรกี ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 6 คน และอีก 3 คน หายสาบสูญไปกับสายน้ำ

สำนักข่าวอนาโตเลียของตุรกี รายงานว่า หน่วยกู้ภัยพบร่างผู้เสียชีวิต 4 คน ในจำนวนนี้มีเด็กวัย 6 ปี รวมอยู่ด้วย ที่เมืองซาราย ติดพรมแดนกรีซ ซึ่งมีน้ำท่วมสูงกว่า 3 เมตร เนื่องจากเกิดฝนตกหนักมาตั้งแต่ 2 วันก่อน หน่วยกู้ภัยยังพบร่างชายหญิงสูงวัยอีก 2 คน เสียชีวิตอยู่ภายในบ้านที่จมอยู่ใต้น้ำ ขณะที่บ้านเรือนอีกหลายสิบหลังลอยหายไปกับสายน้ำ พื้นที่เพาะปลูกหลายพันไร่จมอยู่ใต้น้ำ

นอกจากนี้ ยังมีรายงานฝนตกอย่างหนักในนครอิสตันบูล ทำให้บ้านเรือนและถนนจมอยู่ใต้น้ำ เจ้าหน้าที่กำลังเร่งค้นหาชาวบ้าน 3 คน ที่หายไปกับกระแสน้ำอันเชี่ยวกราก ในจำนวนนี้เป็นเด็กหญิง 1 คน ที่ถูกน้ำพัดหายไปจากรถยนต์ รวมถึงเร่งช่วยเหลือชาวบ้านนับพันคนที่ติดค้างอยู่ตามบ้านเรือนไปยังที่สูง. - สำนักข่าวไทย

2009-09-09 03:27:58

เรือประมงสเปนอับปางในทะเลโปรตุเกส​

​

โปรตุเกส 9 ก.ย. - เจ้าหน้าที่ยามฝั่งโปรตุเกส ช่วยเหลือลูกเรือ 8 คน จากเรือประมงสัญชาติสเปน ที่อับปางก่อนจมหายนอกชายฝั่งทางตอนเหนือของโปรตุเกส

เจ้าหน้าที่ยามฝั่งโปรตุเกสได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือจาก โนซา กันติกา ห่างจากเมืองวิลลา โด คอนเด ไปทางตะวันตกราว 19 ไมล์ทะเล เมื่อช่วงกลางดึกวันอาทิตย์ ตามเวลาในท้องถิ่น ก่อนส่งเรือและเฮลิคอปเตอร์ไปช่วยเหลือลูกเรือ 8 คน เป็นชาวสเปน 5 คน กานา 2 คน และรัสเซีย 1 คน ขึ้นจากทะเลได้อย่างปลอดภัย หลังจากที่ทั้งหมดประคองตัวอยู่บนแพยางกลางทะเลนานหลายชั่วโมง ก่อนที่เรือประมงจะจมหายไปต่อหน้าต่อตา ส่วนสาเหตุที่เรือประมงอับปางยังไม่ทราบแน่ชัด. - สำนักข่าวไทย

2009-09-09 01:22:16

จีนขอให้ใช้วิถีทางการทูตกับอิหร่านมากขึ้น​

​

ปักกิ่ง 8 ก.ย. - ทางการจีนเรียกร้องให้ประชาคมโลกใช้วิถีทางการทูตให้มากขึ้นกรณีโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน โดยกล่าวว่า การเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรกับอิหร่านจะยิ่งส่งผลในทางตรงกันข้าม

นางเจียง หยู โฆษกต่างประเทศจีน แถลงว่า จีนเชื่อว่าในสถานการณ์ปัจจุบัน ทุกฝ่ายควรเพิ่มความพยายามทางการทูตและรื้อฟื้นการเจรจากับอิหร่านโดยเร็ว พร้อมระบุว่า การคว่ำบาตรอิหร่านไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น ทั้งนี้ คาดกันว่าอิหร่านพยายามพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ แต่อิหร่านปฏิเสธ ซึ่งทำให้หลายประเทศกดดันด้วยการใช้มาตรการคว่ำบาตรที่รุนแรงขึ้นหากอิหร่านไม่ยอมเจรจาเรื่องนิวเคลียร์. -สำนักข่าวไทย

2009-09-08 17:54:18

ราคาทองคำพุ่งทะลุ 1000 ดอลลาร์สหรัฐ​

​

ลอนดอน 8 ก.ย. - ผู้ค้าเผยว่า ราคาทองคำพุ่งทะลุ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ในการซื้อขายวันนี้ เป็นราคาสูงสุดในรอบ 18 เดือน เนื่องจากเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าทำให้ความต้องการทองคำมากขึ้น

ราคาทองคำทะยานแตะออนซ์ละ 1,007.70 ดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดลอนดอน เป็นระดับสูงสุดนับแต่เดือน มี.ค. 2551 ซึ่งราคาพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,032.70 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

ราคาทองคำเคยพุ่งทะลุ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ มาแล้วเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ก่อนราคาดิ่งลง โดยราคาที่ถีบตัวสูงขึ้นในวันนี้มาจากปัจจัยที่เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง ทำให้ทองคำมีราคาถูกลงสำหรับผู้ซื้อที่ถือเงินสกุลอื่น ส่งผลให้ความต้องการเพิ่มสูงขึ้น.- สำนักข่าวไทย

2009-09-08 17:23:40

เผยผู้ก่อการร้ายเบนเป้าหมายเล่นงานพลเรือนมากขึ้น​

​

วอชิงตัน 8 กย. - บริษัทด้านข่าวกรองโลกสแตทฟอร์ รายงานว่า กลุ่มผู้ก่อการร้ายมีเป้าหมายโจมตีโรงแรมและสถานที่ง่ายต่อการโจมตีอื่น ๆ ขณะที่มาตรการรักษาความปลอดภัยตามหน่วยทหารและที่ทำการรัฐปรับปรุงดีขึ้น

รายงานด้านข่าวกรองโลก ระบุว่า กลุ่มอัลกออิดะห์กำลังเปลี่ยนแปลงจากการร่วมกันพุ่งเป้าหมายระดับโลก เป็นการกระจายกำลังเล่นงานระดับภูมิภาคแทน ซึ่งกลุ่มก่อการร้ายรายย่อยได้รับการฝึกฝนมาน้อยและไม่มีเงินทุนสนับสนุนมากนัก จึงโจมตีเป้าหมายในระดับที่รองลงมา แต่ก็ยังถือว่าผู้ก่อการร้ายมีความอันตรายอยู่

รายงานของสแตทฟอร์ พบว่า ตัวเลขโรงแรมที่ถูกโจมตีมีจำนวนกว่า 2 เท่า นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ 11 กันยายน ปี 2544 เมื่อเปรียบเทียบกับเมื่อ 8 ปีก่อนนั้น ส่วนจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุโจมตีเพิ่มขึ้น 6 เท่าจากช่วงเดียวกัน โรงแรมถือเป็นเป้าหมายพลเรือนที่กลุ่มหัวรุนแรงจ้องเล่นงานมากขึ้น เนื่องจากเป็นสถานที่ซึ่งเป็นที่สนใจ ผู้คนคับคั่ง และการรักษาความปลอดภัยน้อย รวมทั้งยังเป็นที่พักของชาวตะวันตกหลายคน จึงทำให้กลุ่มติดอาวุธสามารถทำลายล้างชาวตะวันตกให้เสียชีวิตและบาดเจ็บได้จำนวนมากภายในการโจมตีเพียงครั้งเดียว แม้หน่วยรักษาความปลอดภัยของโรงแรมพยายามสังเกตบุคคลและพฤติกรรมต้องสงสัยแล้วก็ตาม แต่พวกหัวรุนแรงเหล่านี้ก็รู้วิธีที่จะเข้ามาพักในฐานะแขกของโรงแรม จึงทำให้ผู้ก่อการร้ายสามารถเข้าถึงที่ต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย

รายงานด้านข่าวกรองพบว่า ในขณะที่มีการโจมตีโรงแรมต่าง ๆ เพิ่มขึ้น แต่เจ้าของและผู้จัดการโรงแรมหลายแห่งยังไม่คิดเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังให้มากขึ้น เพราะเกรงปัญหายุ่งยาก และอาจทำให้แขกที่มาพักไม่สะดวกสบาย.- สำนักข่าวไทย

2009-09-08 15:24:21

ข่าวภายในประเทศ

ศรีสะเกษเตือนชาวบ้านเตรียมรับมือน้ำท่วมฉับพลัน​

​

ศรีสะเกษ 9 ก.ย. - จ.ศรีสะเกษ ประกาศเตือนชาวบ้านในพื้นที่เสี่ยงภัยรอบอ่างเก็บน้ำห้วยตาจู เตรียมรับมือน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก และเร่งอพยพออกจากพื้นที่

นายรพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ นำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบอ่างเก็บน้ำห้วยตาจู อ.ขุนหาญ หลังรับแจ้งจากชลประทานจังหวัดว่า มีน้ำป่าจากเทือกเขาพนมดงรักไหลเข้าอ่างฯ เกินปริมาณที่สามารถรองรับได้ ทำให้น้ำล้นสปริงเวย์เข้าท่วมไร่นากว่า 100,000 ไร่ ถนนจำนวนมากถูกน้ำท่วมเสียหาย จึงประกาศเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยให้อพยพออกนอกพื้นที่ พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง หากเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก สามารถเข้าช่วยชาวบ้านได้ทันที. - สำนักข่าวไทย

2009-09-09 02:07:38

นราฯ บุกยึดไม้เถื่อนบนเทือกเขาบูโดจำนวนมาก​

​

นราธิวาส 8 ก.ย. - เมื่อเวลา 15.00 น. วันนี้ (8 ก.ย.) พ.ต.อ.ไพศาล หนูสังข์ ผบ.ฉก.ทพ.46 พร้อมด้วย พ.อ.วรเทพ บุญญะ ผบ.ฉก.นราธิวาสที่ 37 นำกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 50 นาย เข้าปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายที่บ้านสะกูปา หมู่ 8 ต.ศรีสาคร อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส เพื่อกดดันและติดตามความเคลื่อนไหวกลุ่มแนวร่วมก่อความไม่สงบในพื้นที่ หลังสืบทราบว่ามีกลุ่มแนวร่วมเข้ามาเคลื่อนไหวและเตรียมก่อเหตุ

จากการตรวจค้นบริเวณหลังหมู่บ้านซึ่งเป็นเชิงเทือกเขาบูโด เขตรอยต่อ อ.ระแงะ อ.จะแนะ และ อ.รือเสาะ เจ้าหน้าที่พบการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าบริเวณต้นน้ำ โดยมีโรงงานไม้แปรรูปอยู่บนเชิงเขา เจ้าหน้าที่จึงยึดไม้ตะเคียนทองขนาดใหญ่จำนวน 7 ท่อน ไม้แปรรูปจำนวนกว่า 500 แผ่น มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท ปลอกกระสุนปืนลูกซองยาวจำนวน 2 ปลอก เครื่องอุปโภคและเครื่องยังชีพอีกจำนวนมาก ในที่พักอีกจำนวน 2 หลัง นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังพบว่ามีการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าในเทือกเขาดังกล่าวอีกกว่า 100 ไร่ และจะนำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบอีกครั้ง. -สำนักข่าวไทย

2009-09-08 19:34:34

สงขลายึดพื้นที่ป่าสงวนคืนจากผู้บุกรุก ​

​

สงขลา 9 ก.ย. - เครือข่ายรักษ์ป่าสงขลา ยึดพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติคืนจากผู้บุกรุก

เครือข่ายรักษ์ป่า จ.สงขลา เข้ายึดผืนป่ากว่า 3,000 ไร่ ในพื้นที่ ต.คลองหอยโข่ง อ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา จากกลุ่มผู้บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติเทือกเขาวังพา ซึ่งเป็นผืนป่าเชื่อมต่อระหว่าง 3 อำเภอของ จ.สงขลา กับ จ.สตูล หลังกลุ่มผู้บุกรุกถูกกดดันจากเครือข่ายรักษ์ป่าและเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายอย่างหนักต่อเนื่องตลอดทั้งปี จนทำให้กลุ่มผู้บุกรุกหลายคนยอมทิ้งที่ดินและสวนยางพารา ที่ได้จากการบุกรุกพื้นที่ป่า

ทั้งนี้ ทางเครือข่ายรักษ์ป่าได้จัดกำลังทำอาหาร เพื่อนอนเฝ้าตลอด 24 ชั่วโมง ป้องกันการบุกรุก และเตรียมเข้ายึดผืนป่าจากกลุ่มผู้บุกรุกละแวกใกล้เคียงอีกจำนวนหลายพันไร่ เพื่อแก้ปัญหาการบุกรุกป่าสงวน. - สำนักข่าวไทย

2009-09-09 01:14:52

ลำปางทลายแคมป์แปรรูปไม้เถื่อน​

​

ลำปาง 9 ก.ย. - ฝ่ายปกครอง จ.ลำปาง บุกจับนายทุนตั้งแคมป์แปรรูปไม้ในพื้นที่ป่าสงวน พบประวัติเคยถูกจับกุมลักลอบตัดไม้มาแล้ว

ฝ่ายปกครอง อ.เมือง จ.ลำปาง นำกำลังอาสารักษาดินแดนกว่า 20 นาย เข้าตรวจสอบพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติแม่อาง ต.บ้านดง อ.เมือง หลังสืบทราบว่ามีนายทุนเข้าไปตั้งแคมป์แปรรูปไม้เถื่อน จากการตรวจสอบพบแคมป์พักอาศัย พร้อมเสบียงอาหาร รถกระบะบรรทุกไม้แดงแปรรูป ขนาด 4x2 นิ้ว ยาวประมาณ 5 เมตร กว่า 100 แผ่น นอกจากนี้ ยังพบกระสุนปืนลูกซองและรถจักรยานยนต์อีกจำนวนหนึ่ง

จากการตรวจสอบอย่างละเอียดยังพบไม้แปรรูปอีกหลายขนาดอยู่รอบแคมป์ เตรียมลำเลียงออกไปจำหน่ายให้กับนายทุน ส่วนคนงานทั้งหมดไหวตัวทันหลบหนีไปได้ เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดของกลางทั้งหมดไปสอบสวนขยายผลจับกุมกลุ่มนายทุน ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า เคยมีประวัติถูกจับกุมมาแล้วหลายครั้ง. - สำนักข่าวไทย

2009-09-09 04:08:29

ต่อต่อยเด็กหญิงวัย 4 ขวบ เสียชีวิต​

​

8 ก.ย. - เกิดเหตุสลด เมื่อเด็กหญิงวัย 4 ขวบ ใช้ไม้ตีรังต่อหัวเสือ แต่กลับถูกต่อรุมต่อย จนเสียชีวิต

เหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นที่ หมู่ 5 ตำบลโพธิ์งาม อำเภอประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี ชาวบ้าน เล่าว่า เด็กหญิงวรรณิษา สง่าเดช อายุ 4 ขวบ 6 เดือน พร้อมเพื่อน คือ เด็กหญิงนันทิยา พรหมพลอย อายุ 2 ขวบ 10 เดือน และเด็กชายปังปอนด์ เกิดเมือง อายุ 6 ขวบ ใช้ไม้ตีรังต่อหัวเสือ ที่ทำรังอยู่บนต้นวาสนา ซึ่งเป็นรังที่มีขนาดใหญ่มาก

ทำให้ตัวต่อแตกรังและพุ่งเข้าทำร้ายเด็กทั้ง 3 คน พ่อของเด็กชายปังปอนด์ได้ยินเสียงร้องของเด็ก จึงรีบวิ่งเข้าไปช่วยและนำตัวเด็กทั้ง 3 ส่งโรงพยาบาล แต่ปรากฎว่า เด็กหญิงวรรณิษาทนพิษไม่ไหว เสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนอาการของเด็กหญิงนันทิยา ยังน่าเป็นห่วง ขณะที่เด็กชายปังปอนด์ อาการดีขึ้นเล็กน้อย

หลังเกิดเหตุชาวบ้านได้ช่วยกันเข้าทำลายรังต่อหัวเสือขนาดใหญ่อีกรังที่อยู่ใกล้เคียงกัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุสลดซ้ำอีก. -สำนักข่าวไทย

2009-09-08 20:28:12

ทีมวิจัย มอ.หาดใหญ่ พบสาเหตุการตายของหอยแมลงภู่เลี้ยง จ.ตรัง​

​

สงขลา 8 ก.ย. - ผศ.ดร.สุพัตรา เดวิสัน หัวหน้าภาควิชาวาริชศาสตร์ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ แถลงการนำทีมวิจัยลงพื้นที่ตรวจสอบหาสาเหตุหอยแมลงภู่ของเกษตรกร อ.กันตัง จ.ตรัง ตายกว่า 100 แพ เมื่อวันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา

ทำให้จังหวัดต้องประกาศเป็นเขตภัยพิบัติโรคระบาดว่า พบการเลี้ยงหอยแมลงภู่บริเวณดังกล่าวอย่างหนาแน่น และมากกว่าปีที่แล้วเกือบ 3 เท่าตัว จึงทำให้ระบบการไหลเวียนของน้ำไม่สะดวก ปริมาณอาหารที่หอยแต่ละตัวได้รับลดลง ประกอบกับมีการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมอย่างฉับพลัน ส่งผลให้หอยเกิดความเครียด อ่อนแอและตายในที่สุด ยิ่งเมื่อเกิดการตายและย่อยสลายของเนื้อหอย ทำให้สภาพน้ำเสื่อม เชื้อโรคจำพวกปรสิตในน้ำจึงเพิ่มสูงขึ้น เกิดการตายลุกลามไปทั่ว

นอกจากนี้ยังมีอีกสาเหตุหนึ่งคือ ผลจากความเค็มของน้ำที่ลดลงช่วงฝนตกหนักบริเวณต้นน้ำ โดยเฉพาะวันที่ 23 สิงหาคม เป็นวันที่หอยตายสูงสุดตลอดลำน้ำ เนื่องจากความเค็มที่ผิวน้ำเปลี่ยนแปลงเร็ว ซึ่งการแก้ปัญหาเบื้องต้น ทางทีมวิจัยแนะนำให้เกษตรกรลดจำนวนแพ และปรับขนาดของแพเลี้ยงหอยให้เล็กลง รวมถึงการแขวนถุงบรรจุหอยต้องแขวนไม่ให้หนาแน่น ทั้งหมดนี้ต้องคำนึงถึงระบบนิเวศน์บริเวณนั้นเป็นหลักว่ามีศักยภาพรองรับการเลี้ยงหอยได้เพียงใด เพื่อไม่ให้ระบบเสียความสมดุล. - สำนักข่าวไทย

2009-09-08 14:33:18

ที่มา MCOT News By Thai News Agency : MCOT dot Net

 

อ้าว...น้องอั้งไล้ มาห้องภัยภิบัติกับเค้าด้วยเหรอครับ อิอิ

 

ย้ำครับ...เจตนาเป็นสำคัญ

คิดง่ายๆ.......พระท่านเดินทางต้องจ่ายเงินค่าโดยสารเหมือนชาวบ้าน..แล้วเรื่องอื่นละ...คิดๆๆๆๆๆๆ
ยังยืนยันเหมือนเดิมครับ...ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเจตนาเป็นสำคัญ...อุปมาเหมือนคนมีปืนจะเอาไว้ป้องกันตัวหรือไปฆ่าคนอื่นเขา.
พระรับเพราะโยมให้ โยมให้เพราะศรัทธาในพระพุทธศาสนา พระเอาไปใช้ผิดวินัยก็ขาดจากความเป็นพระ..โยมก็ไม่ให้เพราะขาดศรัทธา.ก็แค่นี้อย่าคิดมาก............เกินพอดี

 

*** ตัวกระทำพิพากษาตนเอง ****

ต้นตาล...ก็คือ เปรต
หมอ พยาบาล กล่าวปฏิญาณเอาไว้ แล้วไม่ทำตามที่กล่าว
เอารัดเอาเปรียบ คนเจ็บไข้ได้ป่วยเพราะกรรม ลืมคำสัญญาของตนเอง
ตายไป...เกิด...เปรต
คือ ต้นตาล ก็มาก
เปรต กับ ต้นตาล....มีลักษณะเหมือนกัน
ทนทุกข์ทรมาน เหมือนกัน

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

อ่านของคุณ9อมตะ9 แล้วรู้สึกขัดใจครับ ไม่ทราบว่าคุณเป็นพวกดันทุรังรึเปล่าครับ ถ้าใช่ผมจะได้ไม่บอกความจริง
เพราะถ้าบอกไปคุณก็คงจะดันทุรังต่อไป แต่ผมถือเป็นวิทยาทานละกัน เป็นการให้ความรู้แก่คนที่ยังไม่รู้นะครับ

1. พระท่านเดินทางต้องจ่ายเงินค่าโดยสารเหมือนชาวบ้าน..แล้วเรื่องอื่นละ...คิดๆๆๆๆๆๆ ?
ตอบ
- สมัยพุทธกาลที่พระท่านบวชกัน ท่านสละบ้านเรือนเข้าป่าบำเพ็ญ ไม่ยุ่งกับใคร ไม่ต้องเดินทางไปไหน
อย่ามาใช้เป็นข้ออ้างดีกว่าครับ ถ้าคิดจะบวชก็บวชให้จริง ทำไมจะต้องเดินทาง ผมไม่เข้าใจครับ
ถ้ามันลำบากมากนัก ก็อย่าบวชเลยครับ สึกๆออกมากเลย พระวินัยแค่นี้ยังรักษาไม่ได้ งั้นสึกเถอะครับ

2. ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเจตนาเป็นสำคัญ...อุปมาเหมือนคนมีปืนจะเอาไว้ป้องกันตัวหรือไปฆ่าคนอื่นเขา ?
ตอบ
- ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเจตนาครับ พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติพระวินัย เพื่อให้พระที่บวชมีวินัยในการครองเพศบรรพชิต
ไม่ใช่มาแหกกฏโดยอ้างโน่นอ้างนี่ แบบนี้คือไม่เคารพพระพุทธเจ้า สึกเถอะครับ อย่าบวชเลย เพราะเท่านี้ก็ไปนรก
นานโขแล้ว

3. พระรับเพราะโยมให้ ?
ตอบ
- พระไม่จำเป็นต้องรับหรอกครับ พระปฏิเสธก็ได้ อธิบายให้ญาติโยมเข้าใจว่ามันผิดวินัย มันเสี่ยงต่อการลงนรกทั้งพระทั้งโยม

4. โยมให้เพราะศรัทธาในพระพุทธศาสนา ?
ตอบ
- จะศรัทธาก็ต้องมีปัญญา ต้องศึกษาพระไตรปิฏก หรือศึกษาพระวินัยมาพอสมควร ไม่ใช่จะมาอ้างว่าศรัทธาๆๆๆ
ศรัทธาแต่ขาดปัญญา เค้าเรียกว่าโง่ ศรัทธาแบบโง่ๆ ก็ไปนรกนะะสิครับ กฏแห่งกรรมเค้าเว้นใครที่ไหน
โดยเฉพาะพระที่ผิดวินัยนี่แหละตัวดี ไปนรกง่ายมาก

*การทำบุญ ก็ต้องเลือกผู้รับทานจากเรา คือเลือกเนื้อนาบุญ เปรียบเสมือนการปลูกพืช ถ้าได้ดินดี พืชก็งอกงาม
แต่ถ้าผู้รับทานจากเรา เป็นผู้ทุศีล เราไม่ได้บุญ แถมยังจะได้บาปหนัก ข้อหาส่งเสริมให้พระผิดวินัย ไปนรกทั้งคู่ครับ*


ถ้าคุณ9อมตะ9 จะตะแบงต่อไป ก็ตามใจคุณ เพราะถึงคุณจะเถียงใครชนะ กฏแห่งกรรมมันก็ทำงานของมันเที่ยงตรงเสมอครับ

 

หนับหนุนท่านเกษมนะครับ ท่านหนุมาร ณ กล้วยน้ำว้าฟังไว้ๆๆ

ไม่รู้จะรู้ตัวเปล่าน้า ตื่นๆๆๆๆๆๆๆ_Friend_

 

ตกลงยังไงครับพระรับเงินได้หรือไม่ได้ครับพระที่คนส่วนใหญ่เคารพว่าท่านเป็นสุปฎิปันโนหลายๆท่านผมก็เห็นท่านรับเงินนี่ครับแต่ไม่รู้ว่าท่านรับในฐานะของท่านเองหรือรับในฐานะของสงฆ์ถ้ารับเป็นการส่วนตัวก็น่าจะผิดวินัยแต่ถ้ารับในฐานะตัวแทนสงฆ์คือเป็นสมบัติของวัดก็ไม่น่าจะผิด ผมว่าใครที่มีความรู้เกี่ยวกับมารยาทชาวพุทธน่าจะตั้งกระทู้ขึ้นมาถกเพื่อให้ความรู้กันสักกระทู้ดีมั้ยครับเราชาวพุทธจะได้รู้ว่าอะไรทำได้หรืออะไรควรทำหรือไม่ควรทำจะได้ไม่ต้องพากันลงนรก

 

เอ่อ... เราก็ปัญญาน้อยๆ
แต่ก็คิดว่ายุคสมัยมันเปลี่ยน
บางอย่างก็ควรปรับเปลี่ยนตามยุคสมัย
พฤติกรรมบางอย่าง ดูเผินๆเหมือนกัน
แต่คนหนึ่งทำด้วยกิเลส คนหนึ่งทำโดยปราศจากกิเลส
คนหนึ่งทำด้วยจิตที่คิดจะเอา อีกคน ไม่มีจิตยึดติด
มีแต่เรา ที่มีปัญญาน้อยๆ ดูยังงัยก็คงแยกไม่ออก
มีแต่ต้องค่อยๆเสริมปัญญา พิจารณาเอาเอง
ทำบุญก็ทำด้วยสติปัญญา ให้ไปแล้วก็ต้องตัด
ท่านจะเอาไปทำอะไร ถึงตอนนั้นที่เราให้ไปแล้ว
พิจารณาก่อนให้แล้ว เมื่อให้ไปแล้ว ก็ต้องตัดซะ
ได้ทั้งอานิสงค์ในการลดความตระหนี่ของตัว
และก็รู้จักการวางใจให้เป็นอุเบกขาด้วย

 

ให้คือการตัด ให้คือการวาง ให้แล้วจะตามไปคิดทำไม.....สาธุ....ถ้าคิดมากก็มากความ.......เจตนาดีก็ต้องได้ดี....ใครจะเอาไปใช้อย่างไร...ก็เรื่องของเขา...ใจของเรายังคุมไม่ได้ 100% เลย....แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรใครคือพระอรหันต์...ทำไปเถิด....บุญ...สาธุ.

 

วันที่ 09 กันยายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 19 ฉบับที่ 6859 ข่าวสดรายวัน


เป็นเพื่อนลูก



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>บรรดาพ่อแม่ของนักศึกษาจีนนอนเรียงกันเป็นแถบในโรงยิมของมหาวิทยา ลัยในเมืองอู่ฮั่น มณ ฑลหูเป่ย ทางมหาวิทยาลัยจัดเสื่อให้พ่อแม่กว่า 400 คนที่มาส่งลูกๆ ร่วมพิธีปฐมนิเทศ เมื่อ 7 ก.ย.





จับหนุ่มโสมข่มขืน125หญิง



เอเอฟพีรายงานว่า เมื่อ 8 ก.ย. ตำรวจเกาหลีใต้ในจังหวัดคยองกี ชานกรุงโซล จับกุมพนักงานขนส่งสินค้าเป็นชายนามสกุล ชา วัย 39 ปี ซึ่งอยู่ในเมืองปาจู ทางเหนือของกรุงโซล ผู้ต้องสงสัยก่อคดีข่มขืน 200 คดีในช่วง 9 ปีที่ผ่านมา มีผู้หญิงตกเป็นเหยื่อมากถึง 125 ราย บางรายถูกข่มขืนซ้ำหลายครั้ง ช่วงเดือนก.ค.2543-ก.ค.2552 ตำรวจแกะรอยจนได้ตัวคนร้ายจากภาพในกล้องวงจรปิด คนร้ายเลือกเหยื่อที่ยังสาวและพักอาศัยคนเดียว และหลังข่มขืนยังฉกทรัพย์เหยื่อ เป็นเครื่องประดับรวมมูลค่าราว 1.1 ล้านบาท ซึ่งนายชาแต่งงานแล้วเมื่อปี 2544 และมีลูกสาวหนึ่งคนกำลังเรียนเตรียมอนุบาล

ขาเทียมเวิร์ก-เต่าต้วมเตี้ยม



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>เมื่อ 8 ก.ย. เดลี่เมล์รายงานเรื่องราวของเต่าเพศผู้ชื่อลักกี้ หรือ "โชคดี" สัตว์เลี้ยงของนางแซลลี่ ไพน์ หญิงอเมริกันวัย 60 ปี ในเมืองเพตาลูมา รัฐแคลิฟอร์เนีย ที่ได้ขาเทียมคู่ใหม่ ทำให้มันเดินได้ตามปกติอีกครั้ง นางไพน์เล่าว่า ลักกี้บาดเจ็บจากแร็กคูน ขาคู่หน้าถูกกัดจนกุดและเดินไม่ได้ ตอนแรกตนจะถอดใจแทนแล้ว แต่มันสู้มาก พยายามหมุนตัวด้วยขาคู่หลัง ต่อมาตนจึงพาไปหาสัตวแพทย์ ซึ่งช่วยต่อขาเทียมให้มันสูงขึ้น ตอนแรกใช้ลูกปิงปองผ่าครึ่ง แต่ไม่ดี จึงเปลี่ยนมาเป็นแผ่นรองขาโต๊ะเก้าอี้แทนและได้ผล

ตี๋โฮ!พ้นโทษประหารคดีเมาขับ



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>เมื่อ 8 ก.ย. เอเอฟพีรายงานว่า จีนพลิกคำพิพากษาคดีเมาแล้วขับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของกระบวนการยุติธรรม นายซุน เว่ยหมิง จำเลยพ้นจากโทษสูงสุดคือประหารชีวิตลงมาเหลือจำคุกตลอดชีวิต ถึงกับปล่อยโฮกลางศาลด้วยความดีใจที่รอดตาย

ศาลอุทธรณ์จีนในเมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน ฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ กลับคำตัดสินโทษประหารชีวิต นายซุน เว่ยหมิง วัย 30 ปี ผู้ต้องหาคดีเมาแล้วขับที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 4 ราย เจ็บหนักหนึ่งราย ในเมืองเฉิงตู เมื่อธันวาคม 2551 ให้เหลือเพียงจำคุกตลอดชีวิต หลังจากบิดาของนายเว่ยหมิงพยายามช่วยชีวิตลูกชายอย่างร้อน รน ด้วยการรวบรวมเงินหลายแสนหยวนมาจ่ายชดเชยครอบครัวผู้เสียชีวิต จนครอบครัวของเหยื่อยอมรับคำขอโทษของนายเว่ยหมิงเมื่อต้นเดือนนี้ เป็นข่าวใหญ่ในพื้นที่นี้มาหลายวัน

"โทษประหารชีวิตผู้ขับขี่ขณะมึนเมารายนี้ให้เปลี่ยนเป็นจำคุกตลอดชีวิต ซึ่งครอบครัวของเหยื่อเห็นชอบด้วยแล้ว" ศาลอ่านคำพิพากษา

นายเว่ยหมิงถูกศาลชั้นต้น ตัดสินประหารชีวิต เมื่อ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา และเป็นการตัดสินประหารชีวิตคดีเมาแล้วขับคดีแรกของจีน การสอบสวนพบว่า นายซุนเมาสุราขับขี่รถยนต์พุ่งชนรถยนต์ 3 คันในเขตผู้คนหนาแน่นในเมืองเฉิงตู จากนั้นพยายามจะวิ่งหนีแต่ถูกจับได้ ตำรวจพบด้วยว่า นายซุนไม่ได้พกใบขับขี่

จีนพยายามกวาดล้างผู้ขับขี่รถยนต์ที่ดื่มสุรา ด้วยบทลงโทษที่หนักขึ้นตามกระแสกดดันจากสังคม โดยตำรวจตั้งด่านตรวจตั้งแต่ 15 ส.ค.

รหัสสี"วิกิพีเดีย" ฟื้นวิกฤตศรัทธา

หมุนก่อนโลก

วิทยา ผาสุก wittayapasuk.wordpress.com



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>ทุกวันนี้เจ้าของสถิติ "สารานุกรม" ขนาดใหญ่ยักษ์ที่สุดในโลก คงหนีไม่พ้น..

"วิกิพีเดีย" เว็บไซต์สารานุกรมออนไลน์ ที่มีอัตราผู้เข้าชมราวๆ 60 ล้านคนจากทั่วโลกเป็นประจำทุกเดือน

บรรจุเนื้อหากว่า 120 ล้านหน้าเว็บเพจ

เผยแพร่ความรู้-ข้อมูลข่าวสารผ่าน 260 ภาษา!

ข้อดีของ "วิกิพีเดีย" มีเยอะมากนับไม่ถ้วน

แต่ข้อเสียที่โดนเล่นงานสาหัส ได้แก่ การทำงานของเว็บเป็น "ระบบเปิด" ใครๆ ก็เข้าไปสมัครแก้ไข-บรรเลงเขียนข้อมูลต่างๆ ได้ตามสะดวก

บางครั้ง เรื่องราวที่ปรากฎอยู่ในวิกิพีเดียจึงแฝงเร้นด้วยอคติ ความเท็จ ความจริงครึ่งเดียว หรือจงใจบิดเบือนดื้อๆ ไปเลยก็มี!

ล่าสุด ผู้เชี่ยวชาญคอมพิวเตอร์สังกัดห้องปฏิบัติการ "วิกิแล็บ" ในมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา จึงพยายามหาทางแก้ไขจุดด้อยดังกล่าว เพื่อช่วยฟื้นฟูความน่าเชื่อถือของเว็บแห่งนี้ให้ดียิ่งขึ้น

วิธีการที่ว่า ก็คือ เขียนโปรแกรมวิเคราะห์ข้อมูลอัตโนมัติขึ้นมาชุดหนึ่ง เรียกว่าระบบ "วิกิทรัสต์" แนวคิดการทำงานแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ

1. มองว่าถ้าเนื้อหา หรือข้อมูลประโยคไหน ส่วนไหน ชิ้นไหน ปรากฎอยู่บนหน้าเว็บนานๆ โดยไม่ถูกแก้ไข ไม่ถูกลบ ไม่มีข้อโต้แย้ง ไม่โดนร้องเรียน ก็แปลว่าชุมชนวิกิพีเดียให้การยอมรับและมีโอกาสเป็น "ความจริง" สูง

2. มองว่าถ้า "ผู้อัพโหลดข้อมูล" หรือผู้เขียนข้อมูลคนไหน มีประวัติดี ไม่เคยโดนร้องเรียน ไม่เขียนมั่ว บรรดาข้อมูลทั้งหลายที่คนๆ นี้เขียนขึ้นเว็บก็น่าจะ "ถูกต้อง" เช่นกัน

ภายใต้สมมติฐานข้างต้น..ระบบ "วิกิทรัสต์" จะคอยไล่ตรวจสอบเนื้อหาต่างๆ ในวิกีพีเดียอย่างต่อเนื่อง

ถ้าพบข้อมูลที่น่าสงสัยว่ามีรายการ "มั่วนิ่ม" ก็จะทำ "ไฮไลต์" ขึ้นแถบ "สีส้ม" ทาบลงบนประโยคเจ้าปัญหา พร้อมกับลงมือแบ่งความน่าเชื่อถือด้วย "รหัสสี"

โดยถ้าไม่น่าเชื่อถือเอามากๆ สีส้มจะออกโทนเข้มจัด จากนั้นค่อยๆ ลดลงมาตามลำดับ กระทั่งกลายเป็นสีขาว ถ้าผ่านการตรวจสอบว่าเป็นข้อเท็จจริง

ผู้พัฒนาวิกิพีเดียหวังว่า ในอนาคตเมื่อนำ "วิกิทรัสต์" มาใช้จะช่วยลบล้างข้อครหาต่างๆ ที่ผ่านมา

คงต้องรอดูกันว่าเมื่อถึงภาคปฏิบัติผู้ใช้งานจะให้คะแนนบวก... ลบ...หรือ...ติดลบ !?

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><!--Middle--><TD vAlign=top align=left bgColor=#ffffff>จำนวนคนอ่านล่าสุด 205 คน <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TD vAlign=top align=left>[FONT=Tahoma,]วันที่ 09 กันยายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 19 ฉบับที่ 6859 ข่าวสดรายวัน


เลขาฯยูเอ็นวอนโลกเร่งผนึกกำลัง แก้ภัย"โลกร้อน"ก่อนดิ่งอเวจี



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานการประชุมสภาพอากาศโลก ณ นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ ว่า นายบัน คี-มุน เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เตือนว่า โลกกำลังรีบเร่งเดินหน้าไปสู่หายนะสภาพอากาศ พร้อมเรียกร้องให้ประชา คมโลกช่วยกันหาหนทางลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและรับมือวิกฤตโลกร้อนโดยด่วน

"เท้าของพวกเราต่างกำลังเหยียบคันเร่ง เพื่อพุ่งลงสู่ห้วงอเวจี" เลขาฯ ยูเอ็น เตือน

นายบัน กล่าวว่า จากการลงพื้นที่สำรวจทวีปอาร์กติก หรือ ขั้วโลกเหนือ เช่น ธารน้ำแข็งละลาย ตรวจการขยายตัวของพื้นที่ทะเลทรายในชาด และพื้นที่ป่าอะเมซอนที่ลดลงอย่างฮวบฮาบ พบว่า ภาวะโลกร้อนทำให้สถานการณ์เลวร้าย กว่าที่นักวิทยาศาสตร์ทั่วไปประเมินไว้หลายเท่า

"หลายปีที่ผ่านมา มีคนกล่าวโทษนักวิทยาศาสตร์ว่า พยากรณ์เกินจริง ชอบสร้างความตื่นตระหนกเกินเหตุ แต่ผมขอเรียนว่าคนที่คอยปล่อยข่าวสร้างความตื่นตระหนกตัวจริงก็คือกลุ่มที่พร่ำบอกว่า เราลงมือปฏิบัติตามนโยบายแก้ปัญหาโลกร้อนไม่ได้หรอก เพราะจะยิ่งฉุดรั้งการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งคนพวกนี้เข้าใจผิด เพราะสภาพอุณหภูมิของโลกที่เปลี่ยนไปจะทำให้เกิดภัยพิบัติใหญ่โตกว่าปัญหาเศรษฐกิจมาก" นายบัน แถลงต่อที่ประชุม

เลขาฯ ยูเอ็น ให้ข้อมูลว่า สภาพน้ำแข็งขั้วโลกละลายจะส่งผลให้ระดับน้ำทะเลปรับตัวสูงขึ้น และเมืองใหญ่ๆ ที่อยู่ติดชายฝั่งจะได้รับผลกระทบโดยตรง คาดว่าจะมีประชากรต้องเดือดร้อนในอนาคตเพราะสาเหตุนี้ไม่ต่ำกว่า 130 ล้านคน ภัยโลกร้อนที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ไม่เพียงแต่ทำให้สภาพสิ่งแวดล้อมแปรเปลี่ยนไป แต่กำลังเปลี่ยนสภาพลักษณะทางภูมิรัฐศาสตร์ของโลก

นายบัน สรุปว่า ตนตั้งความหวังว่าก่อนถึงการประชุมขอฉันทามติขยายเวลาบังคับใช้พิธีสารเกียวโต มีเนื้อหาจำกัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในโคเปนเฮเกนช่วงเดือนธันวาคม ผู้นำแต่ละชาติไม่ว่าจะกลุ่มพัฒนาแล้ว กำลังพัฒนา ร่ำรวย หรือยากจนจะเห็นชอบด้วยและช่วยกันหาแนวทางใหม่ๆ แก้ปัญหา[/FONT]

โตโยต้าพัฒนาระบบป้องกันคนเมาแล้วขับ



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากญี่ปุ่น ว่า บริษัทโตโยต้า ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ พัฒนาระบบป้องกันคนเมาแล้วขับ

โตโยต้าเผยว่า ภายในรถที่ติดตั้งระบบดังกล่าวจะมีเครื่องตรวจวัดระดับแอลกอ ฮอล์จากลมหายใจ ถ้าเป่าแล้วพบว่าปริมาณแอลกอฮอล์สูงเกินเกณฑ์ ไม่ว่าคนขับจะพยายามสตาร์ตเครื่องเท่าไหร่จะสตาร์ตไม่ติด เพราะระบบจุดชนวนระเบิดเครื่องยนต์ถูกล็อกเอาไว้ แต่ถ้ามีระดับแอลกอฮอล์สูงไม่มากนัก เครื่องจะแจ้งเตือนให้ทราบถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้น

นอกจากนั้น ภายในรถยังติดตั้งกล้องดิจิตอลสำหรับจับภาพใบหน้าผู้ขับขี่ว่าตรงกับคนขับรถตัวจริงหรือไม่ ป้องกันการโจรกรรม ในขั้นแรก โตโยต้าเริ่มนำระบบป้องกันเมาแล้วขับและการโจรกรรมไปทดสอบในรถบรรทุกของค่ายฮีโน่ ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ในอนาคตมีแผนติดระบบเข้ากับรถฟลีต หรือรถของบริษัทเอกชน รวมทั้งส่วนราชการต่างๆ ป้องกันไม่ให้พนักงานของหน่วยงานเหล่านี้ฝืนขับรถขณะมึนเมาสุรา

ปัจจุบันเครื่องวัดระดับแอลกอฮอล์ในรถยนต์มีขายตามท้องตลาดอยู่แล้ว และในบางประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ศาลจะมีคำสั่งให้ผู้กระทำความผิดคดีเมาแล้วขับต้องติดตั้งเครื่องตัวนี้ในรถของตนเอง

ผักตบชวา

คอลัมน์ คอลัมน์ที่13



ผักตบชวาเป็นพืชน้ำ

มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า Eichhornia crassipes จัดเป็นวัชพืชลอยน้ำ คงทนต่อดินฟ้าอากาศ

ดอกสีม่วงอ่อน สวยงามคล้ายช่อดอกกล้วยไม้

สามารถเจริญเติบโต และแพร่ขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว

เป็นพืชพื้นเมืองของทวีปอเมริกาใต้ น่าจะมีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศบราซิล จนในปี 2424 ชาวเนเธอร์แลนด์ที่ปก ครองประเทศอินโดนีเซีย นำผักตบชวาเข้ามายังประเทศอินโดนีเซีย

พ.ศ. 2444 ในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อครั้งนั้นเจ้านายฝ่ายในตามเสด็จประพาสที่ประเทศอินโดนีเซีย เห็นพืชชนิดนี้ออกดอกสวยงามทั่วไป สามารถใช้ประดับสระน้ำได้ดี จึงได้แยกต้นนำกลับมาปลูกในประเทศไทย

ช่วงแรกเริ่มจากการนำใส่อ่างดินเลี้ยงไว้หน้าสนามวังสระปทุม ภายหลังเพิ่มจำนวนมากขึ้น

จนกระทั่งเกิดน้ำท่วม และไหลเข้าสู่ภายในวังสระปทุม พัดเอาผักตบชวาล่องลอยกระจายไปตามแม่น้ำลำคลองสายต่างๆ

และขยายพันธุ์เป็นจำนวนมากจนเกิดเป็นปัญหาและอุปสรรคสร้างความเสียหาย ต่อการคมนาคมทางน้ำและการระบายน้ำทางชลประทาน

จนกระทั่งปี 2456 จึงมีพระราชบัญญัติสำหรับกำจัดผักตบชวาออกมา เพราะปัญหาดังนี้

1.การชลประทาน เมื่อผักตบเกาะกลุ่มเป็นแพขนาดใหญ่ ทำให้ลดการไหลของน้ำลงประมาณ 40% น้ำไหลช้า จนทางเดินของน้ำตื้นเขิน

2.การผลิตไฟฟ้าพลังน้ำ ผักตบชวาตายทับถมกันทำให้อ่างเก็บน้ำตื้นเขิน ปริมาณน้ำจะลดลงไม่สามารถนำมาผลิตไฟฟ้าได้

3.การกสิกรรม ผักตบชวาที่ลอยมากับกระแสน้ำเข้าสู่ที่นา จะทับต้นข้าวจนตาย และเป็นแหล่งเพาะพันธุ์หนู

4.การประมง ผักตบเป็นอุปสรรคแก่การเจริญเติบโตของปลา เบียดเบียนที่อยู่อาศัย บดบังแสงสว่าง เป็นผลให้พืชอาหารปลาขนาดเล็ก อย่างไฟโตแพลงตอน-Phytoplankton ซึ่งผลิตก๊าซออกซิเจนด้วย ไม่เจริญเติบโตและตายในที่สุด

5.การสาธารณสุข ผักตบชวาเป็นที่อาศัยของสัตว์น้ำที่เป็นพาหะนำโรคเช่น หอยไบธีเนีย-Bithynia เป็นพาหะนำโรคพยาธิใบไม้ในตับ ทั้งเป็นที่อาศัยของลูกน้ำของยุงหลายชนิด รวมถึงงูพิษจำนวนมาก

6.การคมนาคม เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการสัญจรทางน้ำ ทั้งเรือขนาดเล็กและขนาดใหญ่

7.การท่องเที่ยว ผักตบชวาที่ขึ้นอยู่หนาแน่นทำลายความสวยงามของแหล่งน้ำ และรบกวนกิจกรรมการท่องเที่ยวตามแหล่งน้ำ

8.เศรษฐกิจและสังคม ทำให้แผนพัฒนาประเทศไม่ได้ผลตามความมุ่งหมาย เพราะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาแหล่งน้ำ ทั้งกรมชลประทาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิต กรมประมง และเทศบาลท้องถิ่นต่างๆ ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพื่อกำจัดปีละหลายสิบล้านบาท

ต่อมาจึงได้มีการคิดค้นเพื่อทำลายผักตบชวา ด้วยการนำผักตบชวาไปใช้ให้เกิดประโยชน์

อาทิ การทำเป็นอาหารสัตว์ ทำปุ๋ย เพาะเห็ด ทำก๊าซหุงต้ม เยื่อกระดาษ ตลอดจนทำเป็นเส้นใยที่ใช้ทำหัตถกรรมเครื่องจักสานประเภท กระจาด กระบุง ตะกร้า เป็นต้น

ถึงแม้จะมีกระบวนการทำลายผักตบชวาด้วยวิธีการต่างๆ แต่ล่าสุดชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน ช่วง อ.นครชัย ศรี จ.นครปฐม ได้รับความเดือดร้อน จากผักตบชวาที่ลอยตามน้ำมาติดที่ทับถมอย่างหนาแน่น ที่บริเวณเชิงสะพานสำโรง-ลานตากฟ้า เป็นทางยาวเกือบ 1 กิโลเมตร

จนองค์กรของรัฐที่เห็นข่าวกำลังเร่งหาทางกำจัดอย่างเร่งด่วน

เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของคน และสัตว์
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

*** ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ****

พระโคดม ...ไม่ขึ้นล้อ ไม่ลงเรือ ไม่นั่งอาศัยแรงงานคนแรงงานสัตว์
จะไปไหน ก็เดินไปด้วยตนเอง อยู่ด้วยหลักตนพึ่งตน
เพราะ กลัวว่าตายไปแล้ว ต้องกลับมาใช้หนี้เขาอีก
พระพุทธเจ้า สั่งสอนสมณะ....ไม่ใช้เงินทอง
เพราะ ถ้าใช้เงินทอง ... สมณะก็ไม่ได้แตกต่างอะไรจากชาวบ้านเขา

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

พระพุทธองค์ ท่านไม่เกิด และท่านสิ้นความกลัว อวิชชาทั้งปวงแล้วครับ

ผมเชื่อว่า ปัญหาในพระพุทธศาสนาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้เกิดขึ้นเพราะ

การที่เราไม่ปฏิบัติ ให้เข้าถึง "พระธรรม"อย่างแท้จริง

ขอเอาง่ายๆ แค่


การเข้าถึง "ไตรสรณะคมม์ " อย่างแท้จริง เป็นอย่างไร มีอารมณ์จิตเช่นไร

ส่งผลต่อวิธีคิด ความคิด กระบวนการคิด ต่อมาอย่างไร

และการเข้าถึงไตรสรณะคมม์นั้น ส่งผลต่อพฤติกรรม การแสดงออก เป็นการกระทำอย่างไร

ลองย้อนมาดู ตนเองเป็นสำคัญ

อย่าลืมว่า ไตรสรณะคมม์เป็น องค์ หรือปัจจัย ต้นๆ แห่ง ความเข้าถึง สัมมาทิฐิ และเป็นธรรมอันสลาย สังโยชน์ข้อสอง คือ วิจิกิจฉา อันเป็นคุณธรรมของพระอริยเจ้าเบื้องต้นในพระพุทธศาสนา คือ พระโสดาบัน

สัมมาทิฐิเป็น จุดแรกแห่ง มรรคมีองค์แปด

ซึ่ง หากจิตยังเป็น มิจฉาทิฐิอยู่ ก็ป่วยการในการจะไปใช้ปัญญาทางโลกที่เจือด้วย อคติ ทิฐิ อัตตา มานะ มาปรุงแต่งเพิ่ม หรือเอาความคิดของตนเป็นบรรทัดฐาน

ลองปฏิบัติให้ถึงความดีในพระพุทธศาสนาก่อนแล้ว จะไม่มีข้อขัดแย้งครับ ต่อกันในธรรมครับ

เอาง่ายที่สุด ลอง ทำจิตให้เป็นกุศลจิตให้ได้ทั้งวันโดยปราศจากความคิดด้านลบ ให้ได้มากที่สุดดู

ลองพิจารณาจิตเราให้ใสสะอาดเป็นกุศล ไม่ส่งจิตออกนอกวิพากษ์ผู้อื่นด้านลบ ให้ได้ทั้งวันดู

ทำใจเราให้เป็นกุศล ปราศจากอกุศล ทั้งวัน มีเมตตาประจำจิตเอาไว้

เมื่อเมตตาจิตเกิดในใจทุกๆคน ทุกชาติ ทุกศาสนา ความสงบสุขสันติก็เกิดครับ

 

เมื่อใดก็ตามที่เราคนไทย เกิดในพระพุทธศาสนา แต่ไม่เข้าใจในพระพุทธศาสนา

ทำพิธี "พุทธมามกะ" กันสมัยเด็กๆ เอาไว้

พิธีนี้ก็คือการกล่าวคำอธิฐานว่า

"พุทธังสระณังคัจฉามิ"

"ข้าพเจ้าขอน้อมนำเอา พระพุทธรัตนเป็นที่พึ่ง ที่อาศัย ตลอดชีวิตของข้าพเจ้า .......................แม้ครั้งที่สองข้าพเจ้าก็ขอยืนยันมั่นคง
แม้ครั้งที่สามข้าพเจ้าก็ขอยืนยันมั่นคง

ธรรมมังสรณังคัจฉามิ

สังฆังสรณังคัจฉามิ

..................................."


รู้ไหมว่า ทำไมจึงต้องมีไตรสรณะคมม์ คำกล่าวอธิฐานหมายความว่าอย่างไร เพื่ออะไร

อาการ กิริยา ความคิดอย่างไร ที่เป็นอกุศลฝ่ายตรงข้าม กับ การทรงในไตรสรณะคมม์

"การปรามาสพระรัตนไตร" ผลเป็นอย่างไร เกิดกรรมอย่างไร ทำลายศรัทธาในความดีของผู้อื่นได้อย่างไร

หากเราเป็นชาวพุทธคิดศักดิ์นิดหนึ่งครับ

เพื่อรักษาพระพุทธศาสนาเพื่อเป็นร่มเงาแห่งความสุขต่อมวลสรรพชีวิตครับ

 

ก่อนที่ท่านทั้งหลายจะอ่านบทความต่อไปนี้ โปรดสำรวม กาย วาจา และใจของท่านเอาไว้ให้ดี อย่าได้เผลอไปปรามาสด้วยประการใดๆเป็นอันขาด เพราะโดยความเชื่อส่วนตัวของข้าพเจ้าแล้ว เชื่อว่าพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ ท่านได้ปฏิบัติธรรม จนจบกิจของพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนานี้แล้ว หากแม้แต่เพียงท่านคิดปรามาสล่วงเกินเพียงเล็กน้อย ก็จะบังเกิดเวรกรรมอันใหญ่หลวงกับตัวท่าน อย่างที่ท่านคาดไม่ถึงเลยทีเดียว....-เกษม-

สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เดือนตุลาคม ๒๕๔๔ ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ
ฉบับที่ ๑๘ เดือนสิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘

ถาม : แล้วอย่างว่างานศพนี่ แจกเงินไม่ถือว่าเป็น....?

ตอบ : จริง ๆ แล้วผิดจ้ะ แต่คราวนี้ตั้งแต่วันบวชมาหลวงพ่อให้ปฏิบัติญาณตนว่าข้าพเจ้าจะรับเงินและทองที่ผู้มีจิตศรัทธาถวาย แต่จะใช้ในสิ่งที่สมควรแก่สมณสารูปเท่านั้น ส่วนที่เหลือจะเข้าร่วมในกองบุญการกุศลเพื่อเพิ่มกุศลให้แก่ผู้ที่ถวายเรา เพราะว่าเรื่องของพระเรารับเงินเองก็ดีคนอื่นรับไว้ก็ดีถ้าเราอยู่ก็โดนอาบัติเท่ากัน คือศีลขาดเหมือนกัน เพราะฉะนั้นไม่ต้องเสียเวลาให้คนอื่นรับแทนหรอก รับแทนหรือว่ารับเองมันก็โดนเท่ากัน ถ้างั้นก็รับเองเสียก็แล้วกัน

คราวนี้มันมีอยู่ตรงจุดที่ว่าเรารับเองแต่ว่ากำลังใจเราอย่าไปยึดว่าสิ่งนี้เป็นของเรา หลวงพ่อท่านสอนเสมอว่าเงินของปีนี้อย่าให้ใช้ถึงปีหน้า ถ้าหากว่าเงินมันเหลือให้คิดหางานที่ใหญ่กว่าเงินไว้เสมอ อย่างเช่นว่าเราเหลือเงินอยู่แสนหนึ่งก็พยายามคิดทำอะไรที่มันเกินแสนไว้ เวลาเงินใหม่มันเข้ามามันจะไม่นึกว่าเป็นของเราท่านบอกไว้ว่า พระเราเสียง่ายที่สุด ๒ อย่าง อย่างแรก คือ เงิน อย่างที่ คือ ผู้หญิง เราต้องระมัดระวังตัวเองอยู่เสมอ เงินทุกบาททุกสตางค์เรารับมาจากใครจ่ายไป ในเรื่องอะไรทำบัญชีไว้ในละเอียด ถึงเวลาถ้าเขามีการตรวจสอบได้ชี้แจงเขาได้ ท่านป้องกันไว้ให้หมดแล้วเพียงแต่ว่าเราจะทำตามได้แค่ไหน เพราะฉะนั้นถ้าเป็นพระสายหลวงพ่อนี่จับสตางค์เป็นปกตินะ

แต่ว่าตอนไปอยู่กับหลวงปู่พระมหาอำพัน ท่านเป็นธรรมยุติท่านไม่จับเงิน ถึงเวลาโยมมาถวายก็บอกโยมวางไว้ตรงนั้นแหละจ้ะ โยมเขาวางไว้พอเขาหันหลังออกไปเราก็หยิบหมับ หลวงปู่ท่านยิ้ม หลวงปู่ท่านรู้อยู่ว่าเราจับเงินเป็นปกติอยู่แล้ว แต่หลวงปู่ท่านอยู่ร่วมกับเขาจับไม่ได้ เพราะว่ามันจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีกับคนอื่น เขาจะอ้างได้ว่าหลวงปู่ยังจับอย่างนี้ คราวนี้ของเราเราอยู่กับเขาเราก็ต้องรักษารูปแบบของเขาไว้ โยมให้ก็อย่ารับ ลับหลังโยมเราก็จับ แต่แกล้งเขาไม่ได้นะ

ที่วัดท่าซุงส่วนใหญ่เขา หลัง ๆ จะมีพระธรรมยุติไปเยอะเพราะว่าเขารู้ว่าเราไม่รังเกียจเขา เขาไปบางคนไปซื้อวัตถุมงคล เขาควักย่ามออกมาตั๋วแลกเงิน ๓ เล่มเขาไม่จับเงิน แต่เขาถือทีละ ๓๐,๐๐๐ เราคนจับเงินมีไม่เท่าเขา เสร็จแล้วถึงเวลาก็ฉีกตั๋วแลกเงินให้ เราไปถามเขา ตอนนั้นเพิ่งไปรับหน้าที่ใหม่ ๆ ยังไม่เข้าใจเขาจัดการกันอย่างไร ก็ไปกราบถามหลวงพี่ชัยศรี ตอนนั้นดูแลศาลานวราช อยู่ ก็ถามว่า หลวงพี่ครับทำยังไงนี่ ท่านก็บอกว่ารับขึ้นมาแล้วก็ทอนเงินให้เขาตามปกติ บอกแล้วนี่ละครับ เดี๋ยวคุณก็เซ็นชื่อตัวเองแล้วไปเบิกที่ไปรษณีย์ก็เท่านั้นแหละ พอดี หลวงตาวัชรชัยเดินเข้ามาถึง หลวงตาบอกว่าอะไรวะ ก็ส่งตั๋วแลกเงินให้ท่านดู บอกว่าพระท่านไม่จับเงิน ท่านใช้ตั๋วแลกเงิน หลวงตาดูเสร็จ ไอ้ห่า......มันก็เงินเหมือนกันล่ะวะ

ปรากฏว่าพระท่านเห็นเราเข้าไปนานเกินไปท่านเลยเดินตามมา เอาห่าไปเต็มสองรูหูเลย ยืนตีหน้าบอกไม่ถูก แล้วทีหลังหลวงตาท่านขึ้นไปจำหน่ายวัตถุมงคลเองพระท่านก็ล้วงซองใส่หน้าอกมา อันนี้พกเงินไม่ใช่ตั๋วแลกเงิน แต่ว่าใส่ซองไว้ เสร็จแล้วท่านก็เอาไม้เขี่ยออกมา คราวนี้มันห้าร้อยกว่าท่านก็เขี่ยออกมาสองใบแบงก์ห้าร้อยก็หนึ่งเป็นพัน หลวงตาท่านก็ทอนเงินให้ หลวงตาทอนเงินท่านทอนแต่แบงก์ย่อย พอวางแบงก์ย่อยลงหลวงตาก็รูดพรืดกระจายเสียเต็มหลังตู้ แล้วหลวงตาก็เดินหายเข้าส้วมไปเลย ปรากฏว่าท่านมองซ้ายมองขวาไม่รู้จะหาใครช่วย จะใช้ไม้เขี่ยก็ไม่ไหวตั้งกี่ใบก็ไม่รู้ ท่านก็รวบหมับ หลวงตาวัชรชัยท่านก็หัวเราะ

สมัยบวชใหม่ ๆ หลวงตาร้ายนะ ท่านแกล้งคนไว้เยอะ (หัวเราะ) วันนี้เผาพี่ท่านเอง เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่เรียกว่ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกสำหรับพระหลายองค์ ตัวอย่างที่ชัดที่สุดก็คือหลวงปู่บุดดา ท่านเป็นพระธรรมยุติแต่ท่านจับเงิน แล้วไม่มีพระธรรมยุติองค์ไหนกล้าว่าหลวงปู่บุดดาทั้ง ๆ ที่พระธรรมยุติท่านจะเคร่งครัดมาก เวลาญาติโยมผู้ชายนวดหลวงปู่บุดดาอยู่ญาติโยมผู้หญิงก็มองตาละห้อยอยากจะนวดหลวงปู่มั่ง หลวงปู่ก็ยื่นเท้าให้เฉยเลย ไม่มีพระธรรมยุติองค์ไหนกล้าว่าหลวงปู่ คือหลวงปู่ท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเสียจนกลายเป็นปาปมุติคือภาษาพระแปลว่าผู้เหนือบุญเหนือบาปแล้ว พ้นจากบาปแล้วโดยสิ้นเชิง ทำจนกระทั่งว่าทุกคนเชื่อมั่นว่าอย่างนั้นก็เลยไม่มีใครกล้าติฉินนินทาหลวงปู่เลยแม้แต่นิดเดียว

ปี ๒๕๑๗ - ๒๕๑๘ - ๒๕๑๙ วัดท่าซุงเริ่มก่อสร้างโบสถ์ หลวงปู่บุดดาพร้อมด้วยหลวงปู่หลวงพ่ออีกประมาณ ๑๐ องค์ก็ไปช่วยงาน หลวงพ่อท่านนิมนต์ไปก็พักอยู่ที่วัดท่าซุง คราวนี้พวกเรามันเคยชินกับคำว่าทำบุญเอาแก้วสารพัดนึกก็คือเงินไว้ก่อน หลวงปู่บุดดาท่านก็ทำไง เอาถุงก๊อบแก็บวางไว้ตรงหน้าพวกเราก็ใส่เงิน ใส่เงิน พอถึงเวลาโยมทำบุญเสร็จเรียบร้อยลูกศิษย์ก็ผูกปากถุงส่งให้ หลวงปู่บุดดาก็แหวกย่ามเสียกว้างเชียวนะกลัวจะกระทบเงิน ลูกศิษย์ก็หย่อนใส่ย่าม หลวงพ่อหันมาพอดี อ๋อ! ....ไม่อยากได้ใช่ไหม คว้าหมับเลย หลวงปู่บุดดาสองมือตะครุบหมับ จับแล้วครับ บอกหน้าตาเฉยเลย จับแล้วครับ หลวงพ่อบอกเออ ! มันต้องอย่างนั้นซิ กะอีแค่ธาตุสี่ ดิน น้ำ ไฟ ลม ปล่อยให้มันเกาะใจได้ก็อย่าเอาเลย ผมเอาเองก็ได้ ตั้งแต่นั้นมาหลวงปู่บุดดาจับเงินมาตลอดแล้วไม่มีพระธรรมยุติองค์ไหนกล้าว่าหลวงปู่ นั่นแหละคือหลวงพ่อท่านทำให้รู้ว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ จริง ๆ แล้วมันสำคัญตรงใจ แต่ว่าสิ่งใดก็ตามที่พระพุทธเจ้าท่านห้ามเอาไว้เราต้องเคารพและปฏิบัติตาม เพียงแต่ว่าก่อนที่พระพุทธเจ้าท่านจะปรินิพพานได้ตรัสกับพระอานนท์ว่า

“อานันทะ ดูก่อนอานนท์ หลังจากตถาคตนิพพานไปแล้ว สิกขาบทไหนที่ไม่เหมาะสมกับยุคสมัย ให้สงฆ์พร้อมใจกันสวดเพิกถอนสิกขาบถนั้นได้”

คือว่าศีลข้อไหนถ้ามันไม่เหมาะกับยุคสมัยให้พระพร้อมใจกันถอดทิ้งได้ แต่คราวนี้ว่าพระทั้งหมดเคารพพระพุทธเจ้าก็ไม่มีใครกล้าแตะต้องมาตลอด

หลวงพ่อบอกว่าฉันดูมาตลอดแล้วสองร้อยยี่สิบเจ็ดข้อมีข้อจับเงินข้อเดียวที่มันน่าถอนทิ้งที่สุด เพราะว่าพระไปไหนมันจำเป็นนะ ขึ้นรถขึ้นรามันก็จำเป็น ซื้อข้าวซื้อของซื้ออาหารก็ต้องใช้เงิน เจ็บไข้ได้ป่วยไปหาหมอก็ต้องใช้เงิน อย่างนี้ว่าพอพระท่านเคารพพระพุทธเจ้าไม่มีใครเพิกถอน หลวงพ่อเองท่านเลยให้พระวัดท่าซุง....ไม่ทราบว่ารุ่นอื่นเป็นยังไงแต่รุ่นอาตมาบวช ๓๖ องค์ รุ่นนั้นท่านให้ปฏิญาณตัวเลยว่ารับ เพียงแต่ว่าท่านใช้คำว่าเราจะจับเงินและทอง บอกเลยว่าไม่ให้ก็จะเอานะ (หัวเราะ) ที่ผู้มีจิตศรัทธาถวายแต่จะใช้ในสิ่งที่สมควรแก่สมณสารูปเท่านั้น ส่วนที่เหลือจะผลักเข้ากองบุญกุศลเพื่อเพิ่มบุญให้แก่ผู้ที่มาถวาย บอกชัดเลยจ้ะ เพราะฉะนั้นอาตมาจะรับเงินอย่างสบายใจที่สุด

ที่มา http://www.agalico.com/board/showthread.php?t=3740

 

มีผู้เสียชีวิต 11 คน จากเหตุน้ำท่วมในนครอิสตันบูล​

​

อิสตันบูล 9 ก.ย. – ตุรกีรายงานว่า เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันตัดขาดถนนสายหลักของนครอิสตันบูลในวันนี้ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 11 คน และรถยนต์หลายสิบคันอยู่ในสภาพใช้การไม่ได้

ยังไม่มีรายงานยืนยันตัวเลขผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าจะอาจสูงถึงอย่างน้อย 19 คน น้ำท่วมในแถบนครอิสตันบูลวันนี้ตัดขาดถนนในเมืองซึ่งเชื่อมต่อกับเขตอุตสาหกรรม สนามบินและทางด่วนพิเศษไปประเทศกรีซ โดยระดับน้ำท่วมสูงถึง 3 เมตร ทำให้ผู้ใช้รถต้องปีนขึ้นไปอยู่บนหลังคารถเพื่อรอคอยความช่วยเหลือ เพราะระดับน้ำได้สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่ประชาชนกำลังเดินทางไปทำงาน คาดว่าฝนจะตกหนักอีกบริเวณภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศในวันพรุ่งนี้. -สำนักข่าวไทย

2009-09-09 16:02:16

ยอดผู้เสียชีวิตจากอุทกภัยในอิสตันบูลเพิ่มเป็นกว่า 20 คน​

​

อิสตันบูล 9 ก.ย. – ยอดผู้เสียชีวิตจากอุทกภัยร้ายแรงในนครอิสตันบูล ของตุรกีเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 23 คนแล้วในวันนี้ โดยมีผู้หญิง 7 คน จมน้ำเสียชีวิตในรถมินิบัสขณะเดินทางไปทำงาน นอกจากนี้ ถนนสายต่าง ๆ ยังกลายสภาพเป็นแม่น้ำที่เชี่ยวกราก

นครอิสตันบูล เมืองใหญ่ที่สุดของตุรกีเผชิญฝนตกหนักที่สุดในรอบ 80 ปี หน่วยกู้ภัยระดมกำลังเพื่อช่วยเหลือผู้ขับขี่ยวดยานที่ติดค้างท่ามกลางกระแสน้ำ รายงานระบุว่า พบศพใกล้ท่าอากาศยานนานาชาติอาตาเติร์ก แต่เจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานรายงานว่าไม่มีเที่ยวบินได้รับผลกระทบแต่อย่างใด

ผู้ว่าการนครอิสตันบูลแถลงว่า พบผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 23 คน ในเวลา 2 วัน และยังมีอีก 8 คน สูญหายไป มีรายงานว่า นายกรัฐมนตรีเรเจพ ทายยิพ แอร์โดอาน มีกำหนดจะเดินทางไปยังนครอิสตันบูลในวันนี้. -สำนักข่าวไทย

2009-09-09 18:33:54

พายุโซนร้อนเฟรดกำลังทวีความรุนแรงกลายเป็นเฮอริเคน​

​

ไมอามี 9 ก.ย. – ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติสหรัฐ เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า พายุโซนร้อนเฟรด กำลังทวีความรุนแรงขึ้นเป็นเฮอริเคนในมหาสมุทรแอตแลนติกด้านตะวันออก แต่คาดว่าจะไม่เคลื่อนตัวเข้าใกล้ชายฝั่งใด

พายุโซนร้อนเฟรด ซึ่งมีความเร็วลม 120 กม./ชม. กำลังเคลื่อนตัวอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ ค่อนไปทางตะวันตกของหมู่เกาะเคปเวิร์ด นอกชายฝั่งด้านตะวันตกของแอฟริกา และคาดว่าจะเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ ก่อนจะเปลี่ยนทิศทางขึ้นเหนือ แต่ยังคงอยู่ห่างจากชายฝั่งด้านตะวันออกของสหรัฐ และบ่อน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกหลายพัน กม. -สำนักข่าวไทย

2009-09-09 13:57:04

ยอดผู้เสียชีวิตจากแก๊สระเบิดในเหมืองจีนเพิ่มเป็น 42 คน​

​

ปักกิ่ง 9 ก.ย. - สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานในวันนี้ว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุแก๊สระเบิดในเหมืองถ่านหินทางตอนกลางของประเทศเพิ่มเป็น 42 คนแล้ว ขณะที่คนงานอีก 37 คนยังติดอยู่ภายใน

เหตุระเบิดดังกล่าวเกิดขึ้นในเวลาเช้าตรู่ของวานนี้ที่เหมืองถ่านหินแห่งหนึ่งในเมืองผิงติ่งซาน มณฑลเหอหนาน หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ 2 คนถูกไล่ออก และเหมือง 157 แห่งในเมืองดังกล่าวถูกสั่งปิดชั่วคราว

สถิติของทางการจีนระบุว่า มีคนงานกว่า 3,200 คนเสียชีวิตในเหมืองถ่านหินเมื่อปีที่ผ่านมา แต่กลุ่มแรงงานเอกชนกล่าวว่า ตัวเลขที่แท้จริงสูงกว่านี้ เพราะอุบัติเหตุหลายรายถูกปกปิดไว้เพื่อหลีกเลี่ยงคำสั่งปิดเหมือง. - สำนักข่าวไทย

2009-09-09 14:10:34

เกาหลีใต้เผยเกาหลีเหนือตั้งใจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน​

​

โซล 9 ก.ย.-นายฮยอน อิน-แตก รัฐมนตรีกระทรวงรวมชาติของเกาหลีใต้ แสดงความเห็นว่า เกาหลีเหนือตั้งใจที่จะทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน ซึ่งคร่าชีวิตชาวเกาหลีใต้ 6 คน

กระทรวงรวมชาติ ยืนยันคำพูดของนายฮยอน ว่า เกาหลีเหนือตั้งใจทำให้เกิดน้ำท่วมมากกว่าที่จะเป็นอุบัติเหตุ ล่าสุด ในวันนี้ (9 ก.ย.) ตำรวจพบร่างผู้เสียชีวิตอีก 3 คน จากแม่น้ำอิมจิน หลังจากพบแล้ว 3 คน เมื่อวันอังคาร

เกาหลีใต้ เรียกร้องคำขอโทษและคำอธิบายจากรัฐบาลเกาหลีเหนือ ในเหตุการณ์น้ำท่วมฉับพลันเมื่อวันอาทิตย์ ซึ่งทำให้นักท่องเที่ยวและชาวประมงที่อยู่ใต้เขื่อนเสียชีวิต แต่เกาหลีเหนือยืนยันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุ.-สำนักข่าวไทย

2009-09-09 13:53:06

อนามัยโลกเตือนเอเชียเตรียมพร้อมรับมือไข้หวัดใหญ่ 2009 ในช่วงฤดูหนาว​

​

กาฐมาณฑุ 9 ก.ย. – องค์การอนามัยโลกเตือนบรรดาประเทศในภูมิภาคเอเชียให้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ขณะที่ฤดูหนาวกำลังใกล้เข้ามา

นายสำลี เปลี่ยนบางช้าง ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวในที่ประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขจาก 11 ประเทศแถบเอเชีย ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงกาฐมาณฑุ ของเนปาลว่า มีความเป็นไปได้ที่เชื้อไวรัสอาจแพร่ระบาดหนักขึ้นในช่วงฤดูหนาวในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงควรมีการเตรียมพร้อมในการรองรับผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น

รายงานล่าสุดขององค์การอนามัยโลกระบุว่า ทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่ 2009 อย่างน้อย 2,837 คนแล้ว นับตั้งแต่พบการแพร่ระบาดเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา. - สำนักข่าวไทย

2009-09-09 16:26:28

รร.ญี่ปุ่นปิดเรียนเพิ่มอีกกว่า 3 เท่าตัวหนีหวัด 2009​

​

ญี่ปุ่น 9 ก.ย.-โรงเรียนในญี่ปุ่นปิดทำการเรียนการสอนเพิ่มอีกเกือบ 3 เท่าตัวเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009

กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นแถลงว่า ในสัปดาห์นี้มีโรงเรียนตั้งแต่ระดับอนุบาลไปจนถึงมัธยมศึกษาปิดทำการเรียนการสอนถึง 772 แห่ง เพิ่มขึ้นจากเมื่อสัปดาห์ก่อนที่มีโรงเรียนปิดไปแล้ว 278 แห่ง ในจำนวนโรงเรียนที่เพิ่งปิดเรียนไปนี้ อยู่ในกรุงโตเกียว 127 แห่ง ในนครโอซากา 66 แห่ง และในจังหวัดเฮียวโงะอีก 50 แห่ง

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขระบุว่า ไข้หวัด 2009 กำลังส่งสัญญาณการแพร่ระบาดในพื้นที่เป็นบริเวณกว้างในช่วงที่โรงเรียนต่าง ๆ เริ่มเปิดภาคเรียน พร้อมกันนี้ก็ได้แนะนำให้ประชาชนหมั่นล้างมือและบ้วนปากบ่อย ๆ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรค.-สำนักข่าวไทย

2009-09-09 14:17:54

แพทยสมาคมอังกฤษเรียกร้องห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์​

​

ลอนดอน 9 ก.ย. – แพทยสมาคมแห่งอังกฤษออกมาเรียกร้องให้ออกกฎห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อหวังต่อต้านวัฒนธรรมการดื่มที่เป็นอันตรายของประชาชน

แพทยสมาคมให้เหตุผลในรายงานฉบับหนึ่งว่า ควรจะมีข้อห้ามโฆษณาเพราะอัตราการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในกลุ่มวัยรุ่นชาวอังกฤษเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา เพราะได้รับแรงกระตุ้นจากโฆษณาประเภทดังกล่าว และจากรายงานระบุว่า เมื่อปีที่ผ่านมาอังกฤษเป็นประเทศหนึ่งในยุโรปที่มีอัตราการดื่มสูงและอัตราการเสียชีวิตจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าระหว่างปี 2534 – 2548 จาก 6.9 คน ต่อประชากร 100,000 คน เป็น 12.9 คน ก่อนหน้านี้ กลุ่มแพทย์เคยเรียกร้องให้ปรับขึ้นภาษีและออกกฎระเบียบที่เคร่งครัด แต่ล่าสุดได้เรียกร้องให้ออกคำสั่งห้ามโดยสิ้นเชิง

วงการอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของอังกฤษจ่ายเงินถึงปีละ 800 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 44,870 ล้านบาท เพื่อใช้ในงานโฆษณา ผู้ประกอบการเครื่องดื่มกล่าวว่า วัฒนธรรมการดื่มของอังกฤษน่าจะกำลังเปลี่ยนแปลง แต่การห้ามโฆษณาและเพิ่มภาษีไม่ใช่คำตอบของปัญหาดังกล่าว ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับการออกกฎห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์.- สำนักข่าวไทย

2009-09-09 10:41:38

ทำไมวันที่ 9/09/2009 ถึงมีความพิเศษ​

​

วอชิงตัน 9 ก.ย.- วันที่ 9 เดือนกันยายน ค.ศ.2009 เป็นวันที่หลายคนให้ความพิเศษและฉลองตามแบบของตนเองโดยมีเลข “9” เข้ามาเกี่ยวข้องกับวันเดือนปีดังกล่าว

เว็บไซต์ไลฟ์ไซเอินซ์ดอทคอมรายงานว่า ภาครัฐและเอกชนเลือกวันนี้เป็นวันจัดงานหรือส่งเสริมการตลาด เช่น สำนักงานแห่งหนึ่งในรัฐฟลอริดาเสนอจัดพิธีแต่งงานด้วยราคาพิเศษ 99.99 ดอลลาร์สหรัฐ (เกือบ 3,400 บาท) วันนี้เป็นวันเดียวในรอบศตวรรษที่วันเดือนปีมีตัวเลขซ้ำกันในเลขหลักเดียวคือ 09/09/09 หากพลาดวันนี้ต้องรอไปถึงวันที่ 01/01/2101 ผู้เชื่อเรื่องตัวเลขมองว่า เลข 9 เป็นเลขสุดท้ายของลำดับเลขหลักเดียว มีความหมายด้านดีหมายถึงการให้อภัย ความสำเร็จ ความหมายด้านลบหมายถึงความยะโส ทะนงตัว พิธากอรัส นักคณิตศาสตร์ชื่อดังชาวกรีกชี้ถึงความมหัศจรรย์ของเลข 9 ว่า เมื่อนำเลข 9 คูณกับเลข 1-9 นำผลลัพธ์ที่ได้มาบวกกันจะได้เท่ากับ 9 เช่น 9x3=27, 2+7=9 หรือเมื่อนำเลขสองหลักสามหลักและสี่หลักคูณกับ 9 นำผลลัพธ์ที่ได้มาบวกกันจนเหลือเลขตัวเดียวจะได้เท่ากับ 9 เช่นกันเช่น 9x62=558, 5+5+8=18, 1+8=9

เลข 9 ยังมีความหมายด้านวัฒนธรรมอีกด้วย เป็นที่ทราบกันดีว่าชาวจีนถือว่าเลข 8 เป็นเลขมงคลที่สุด เพราะออกเสียงว่า “ปา” พ้องเสียงกับคำว่า มั่งคั่ง รองลงมาคือเลข 9 ออกเสียงว่า “จิ่ว” พ้องเสียงกับคำว่า ยืนยาว เลข 9 มีความเกี่ยวข้องกับราชสำนักจีนหลายอย่าง เช่น เชื่อกันว่าพระราชวังต้องห้ามในกรุงปักกิ่งมีห้องมากถึง 9,999 ห้อง เครื่องแต่งกายและสถาปัตยกรรมในราชสำนักต้องมีรูปมังกร 9 ตัว ในทางตรงกันข้าม เลข 9 เป็นเลขอัปมงคลสำหรับชาวญี่ปุ่นเพราะออกเสียงว่า “คุ” พ้องเสียงกับคำว่า ความยากลำบาก ส่วนเลขอัปมงคลมากที่สุดสำหรับชาวญี่ปุ่นคือเลข 4 ออกเสียงว่า “ชิ” พ้องเสียงกับคำว่า ตาย.- สำนักข่าวไทย

2009-09-09 11:24:51

ที่มา http://news.mcot.net/international/

 

สาธุด้วยครับ
ผมก็ได้อ่านอยู่ในเว็บนี้มานานแล้วครับ ผมอาจมีปัญญาน้อยแต่อยากมีส่วนร่วมในการออกความคิดเห็นบ้าง ผมคิดว่ากรรมคือตัวเจตนานะครับ การที่พระ
ที่พระต้องมีปัจจัย หรือเงิน ผมคิดว่าตัวเจตนาเป็นสำคัญนะครับ ถ้าพระได้ปัจจัยไปแล้วนำไปทำประโยชน์แก่วัด แก่สังคมผมว่าสิ่งเหล่านี้น่านับถือ ผมว่าอยู่ที่จิตนะครับ ถ้าจิตของท่านไม่ได้เจือด้วยกิเลสแม้มีมากเท่าไหร่ก็ไม่สามารถ
ทำให้ท่านหวั่นไหวได้เลยคนครับ ผมคิดว่าเราไม่ควรปรามาสท่าน เจตนาสำคัญครับ ส่วนการทำบุญถ้าเลือกทำกิเลสก็เกิดแก่จิตเราแล้วครับ ผมคิดว่าถ้าให้แล้ว เราเลือกที่จะให้ จิตก็เสียตั้งแต่ยังไม่ได้ให้แล้วครับ ชีวิตเราผมว่าใช้วิบากอยู่ทุกขณะจิต เราให้เพื่ออะไรครับ ผมเห็นด้วยครับ ลด ละ ตัด แค่คิดที่จะให้ก็เป็นกุศลแล้วครับ แม้จะให้คนที่ทุศีลก็เถอะครับ เมตตาธรรมครับ ส่วนเขาจะเอาไปทำอะไรก็เรื่องของเขา สร้างเหตุอย่างไรก็ได้ผลเช่นนั้น เวลาเหลือไม่มากหรอกครับเก็บสิ่งดีดีไว้ให้กันดีกว่าครับ หากการแสดงความคิดเห็นนี้กระทบ
จิตบุคคลใด ขอขมากรรมด้วยครับ

 

*** ปัจจุบัน ****

สังคมเขาใช้เงินกัน
สำคัญที่....เอาเงินไปทำอะไร
ทำเพื่ออะไร ทำแล้วส่งผลกระทบถึงอะไร ถึงใครบ้าง

เงินอยู่กับตัว อาจไม่มีความหมายอะไรเลย

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

เตือนโลกใกล้อวสาน จากมหัตภัยนิวเคลียร์ และภัยพิบัติทางธรรมชาติ

​

นักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ทั่วโลกออกมาเตือน โลกกำลังเข้าใกล้อันตรายจากมหันตภัยนิวเคลียร์และหายนะภัยจากธรรมชาติยิ่งขึ้นกว่าเดิม

วารสารวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ซึ่งเป็นที่ยอมรับอย่างยิ่งในวงการนักวิทยาศาสตร์ด้านนิวเคลียร์ได้ตีพิมพ์บทความแสดงความกังวลใจของบรรดานักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ต่อความเสี่ยงที่จะเกิดสงครามนิวเคลียร์ที่เพิ่มมากขึ้นทุกที โดยในบทความดังกล่าวได้ระบุว่า นาฬิกานิวเคลียร์ซึ่งเป็นเข็มชี้วัดอัตราเสี่ยงของการระเบิดสงครามนิวเคลียร์ได้ขยับเข้าใกล้เวลา 12.00 น.อันเป็นเวลาของการระเบิดสงครามนิวเคลียร์เข้าไปอีก 2 นาทีแล้ว

ศาสตราจารย์ สตีเฟน ฮอว์คกิ้ง นักคณิตศาสตร์และจักรวาลวิทยาที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งของโลกได้ออกมาเตือนถึงหายนะภัยจากสงครามนิวเคลียร์ซึ่งจะก่อให้เกิดผลกระทบทางธรรมชาติอย่างไม่เคยมีมาก่อน โดยจะอุณหภูมิของโลกเปลี่ยนแปลงโดยฉับพลันจนทำให้สิ่งมีชีวิตบนพื้นโลกต้องพบกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อย่างไม่เคยมีมาก่อนเช่นกัน

ดังนั้นด้วยความรับผิดชอบในฐานะมนุษย์คนหนึ่งบนผืนโลกทำให้ต้องออกมาเตือนถึงการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อมหาวิบัติภัยที่จะเกิดขึ้นซึ่งนับวันความเสี่ยงดังกล่าวจะมากขึ้นทุกที ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลชาติชั้นนำของโลกให้เร่งขจัดอาวุธนิวเคลียร์ที่ล้าสมัยและหยุดยั้งปัญหาอุณหภูมิโลกเปลี่ยนแปลงให้ได้โดยเร็วที่สุด

ศาสตราจารย์ ลอว์เรนซ์ เอ็ม ครอสส์ แห่งภาวิชาฟิสิกส์และดาราศาสตร์วิทยาแห่งมหาวิทยาลัย เคสเวสเทิร์น รีเสิร์ฟ กล่าวว่า เป็นภาระหน้าทีอันหลีกเลี่ยงไม่ได้ของนักวิทยาศาสตร์ทีจะต้องออกมาเตือนผู้นำชาติสำคัญของโลกถึงหายนะภัยที่กำลังคืบคลานเข้ามาคุกคามมนุษยชาติมากขึ้นทุกที นับแต่ก่อตั้งคณะกรรมการติดตามความเสี่ยงของสงครามนิวเคลียร์เมื่อปี 2490 เป็นต้นมา​

<DD><DD>

​

นาฬิกานิวเคลียร์ได้ตั้งเวลาไว้ที่อีก 8 นาทีจะถึง 12 นาฬิกาและการเลื่อนเข้มเข้าและออกกระทำมาแล้วทั้งสิ้น 18 ครั้ง รวมทั้งครั้งล่าสุดเมื่อวานนี้ด้วย เข็มนาฬิกานิวเคลียร์เคยเข้าใกล้เวลา 12 นาฬิกาซึ่งเป็นเวลาระเบิดสงครามนิวเคลียร์มากที่สุดคืออีก 2 นาที เมี่อปี 2496 เมื่อสหรัฐประสบความสำเร็จในการทดลองระเบิดไฮโดรเจน และเข็มดังกล่าวเคยออกห่างจากเวลา 12 นาฬิกามากที่สุดถึง 17 นาทีเมื่อปี 2534 ซึ่งเป็นปี่ที่สหาพโซเวียตรัสเซียล่มสลายลงโดยสิ้นเชิง
</DD>ที่มา http://www.pinonlines.com/news/view.php?newsno=0038764

อิสราเอลกับนิวเคลียร์อิหร่าน
โดยคุณ wullopp
​

<DD>

​

ต้นเดือนมิถุนายน 2552 ท่านอาวิกดอร์ ลีเบอร์มาน รัฐมนตรีต่างประเทศอิสราเอล ได้ไปเยือนมอสโคว์ เป้าหมายคือ โน้มน้าวให้รัสเซียเลิกขายอาวุธให้อิหร่านกับซีเรีย และที่สำคัญคือ ขอให้รัสเซียหยุดขาย-จัดส่งระบบขีปนาวุธ S-300 ให้อิหร่าน

S-300 เป็นระบบขีปนาวุธต่อต้านอากาศยาน (anti-aircraft) ชนิดโจมตีได้หลายเป้าหมายพร้อมๆ กัน IAEA (สำนักงานพลังงานนิวเคลียร์นานาชาติ) รายงานในเดือนพฤษภาคม 2552 ว่า อิหร่านเร่งผลิตยูเรเนียมเข้มข้นเพิ่มขึ้นมาก โดยใช้เครื่องเหวี่ยงปั่น (centrifuges) เกือบ 5,000 เครื่องทำงานพร้อมๆ กัน

สถาบันวิทยาศาสตร์และความมั่นคงระหว่างประเทศในวอชิงตันรายงานว่า ถ้าอิหร่านเดินหน้าเต็มสตีมแบบนี้... จะผลิตหัวรบนิวเคลียร์ได้ 2 หัวรบภายใน 8 เดือน อิสราเอลประกาศให้ประชาชนรู้เรื่องนี้ตอนต้นเดือนมิถุนายน 2552 ว่า มีความเป็นไปได้ที่อิสราเอลจะถูกโจมตีจากขีปนาวุธและจรวดประสานกันจากอิหร่าน ซีเรีย เลบานอน และฉนวนกาซ่า

นี่เป็นสถานการณ์ที่เสี่ยงภัยราวกับการยืนอยู่ริมเหว ของอิสราเอล และการไปพูดอะไรกับรัสเซียก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เหมือนกัน เพราะการขายอาวุธเป็นธุรกิจที่ทำเงินมากมายมหาศาล และสหรัฐฯ เองก็ขนขีปนาวุธสารพัดเข้าไปประชิด สะกิดหนวดท่านปูตินมากเหลือเกิน

Posted by wullopp วันจันทร์ ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ.2552
</DD>ที่มาhttp://www.oknation.net/blog/health2you/2009/08/03/entry-2

<DD>

รัฐมนตรีต่างประเทศอิสราเอลเริ่มต้นเยือนรัสเซียกับเบลารุส

​

นายอาร์วิกดอร์ ลีเบอร์แมน รัฐมนตรีต่างประเทศของอิสราเอลออกเดินทางไปเยือนรัสเซียกับเบลารุส อย่างเป็นทางการครั้งแรกเมื่อวานนี้(มิถุนายน 2552) เพื่อหารือถึงเรื่องของอิหร่านและความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่าย และนายลีเบอร์แมนจะพบปะกับประธานาธิบดีดมิทรี่ เม็ดเวเดฟ นายวลาดีเมียร์ ปูติน นายกรัฐมนตรี นายเซอร์ไก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซีย และบรรดาผู้นำชุมชนชาวยิวในรัสเซียด้วย

เนื้อหาโดย : กรมประชาสัมพันธ์​

อิหร่านใกล้ผลิตระเบิดนิวเคลียร์
​

<DD>

​

สหรัฐ 10 ก.ย. - สหรัฐเผยอิหร่านขยับเข้าใกล้การผลิตระเบิดนิวเคลียร์ หลังจากที่เดินหน้าเสริมสมรรถนะยูเรเนียม โดยไม่ฟังเสียงทัดทานของประชาคมโลก

แหล่งข่าวจากสำนักข่าวต่างชาติ รายงานอ้างคำกล่าวของทูตสหรัฐประจำทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ) ว่า จากการที่อิหร่านเดินหน้ากระบวนการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ขณะนี้อิหร่านมียูเรเนียมมากพอที่จะผลิตระเบิดนิวเคลียร์ ซึ่งจะเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อเสถียรภาพและความมั่นคงของโลก

ก่อนหน้านี้ สหรัฐและชาติสมาชิกถาวรในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ออกมาเรียกร้องให้อิหร่านระงับการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมโดยทันที หากไม่ต้องการถูกลงโทษด้วยมาตรการคว่ำบาตรฉบับใหม่ แต่อิหร่านยืนยันมาตลอดว่า เป็นสิทธิอันชอบธรรมของประเทศในการพัฒนาโครงการนิวเคลียร์. - สำนักข่าวไทย

2009-09-10 02:37:21

ที่มา http://news.mcot.net/international/</DD>

 

ไม่ทราบว่าคุณเกษมฟังท่านเล่ามาแล้ว ได้ถามท่านไหมว่า มีในพระไตรปิฏกเล่มไหน หน้าไหนที่ว่า ให้ตัดทอนศีล สิขาได้ ช่วยหาหลักฐานให้หน่อยครับ ถ้าอ่านแล้วพิจารณาหน่อย ท่านคิดว่าพระพุทธองค์ท่านมีสติปัญญากว้างไกลแค่ไหน กว้างกว่าพระอรหันต์ทั้งหลายทั้งหมด แน่นอนใช่ไหม แล้วท่านจะบัญญัติศีลมาเพื่อในวันข้างหน้าต้องมาตัดทอนอีกหรือ

ผมมีแต่ได้อ่านเจอว่า อานนท์ เมื่อเราตถาคตสิ้นไปแล้วให้ยึดพระธรรมวินัย เป็นศาสดาแทนเรา มิใช่หรือครับ...
เรื่องรับเงินทอง แค่รับก็ผิดแล้ว..ไม่ต้องถามถึงเจตนา ส่วนพระอรหันต์องค์ไหนรับก็เรื่องของท่าน ท่านผิดวินัย ด้วยเหตุไม่ศึกษาหรือ ท่านเห็นเป็นธาตุสี่ขันธ์ห้า ก็เรื่องของท่าน ท่านพ้นแล้ว ละสังขารก็ไปนิพพาน แต่ขณะมีชีวิตโทษที่ท่านได้รับคือ ความเจ็บไข้ได้ป่วย จากการผิดวินัย แต่เราท่านละ ส่งเสริมพระทำผิดวินัย ไม่ศึกษา ศรัทธาแบบไม่ศึกษา ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า โทษก็หนักขึ้นๆ ทั้งพระทั้งโยม ตายไปก็ลงนรกไป ทั้งๆ ที่มีศรัทธา ขยันทำบุญ(ที่เป็นบาป) โดยไม่รู้ เพราะไม่ศึกษา มันคุ้มหรือเปล่าก็พิจารณากันเอา ยังไม่สาย เริ่มศึกษาพระไตรปิฏก ให้รู้จริง สิ่งใดผิดจากที่พระพุทธองค์สอนก็ ขอขมาลาโทษ เลิกทำผิดซะ หันมารักษาศาสนาอย่างแท้จริง เพื่อความเจริญของศาสนาพุทธอย่างแท้จริง ไม่ใช่ความเจริญทางวัตถุ ข้าวของ แต่จิตใจหลงงมงาย ยึดติดกับความวิจิตร ของวัตถุ เงินทองเล่านั้น ที่พุทธองค์ท่านทิ้ง ท่านละ จึงถึงซึ่งสุขอันแท้จริง