ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เครื่องกรองน้ำทะเลให้เป็นน้ำจืด

    [​IMG]

    อ้างอิง ข่าวลับจากองค์การนาซ่า

    โดยประมาณช่วง 1 เดือนนั้นจะมืดสนิท <O:p</O:pนอกจากมืดแล้ว ยังจะหนาวจัดแบบสุดโหด ขาดแคลนอาหาร ไม่มีน้ำจืด (มีแต่น้ำทะเลเต็มไปหมด) <O:p</O:pเราควรเตรียมอาหารกระป๋อง, น้ำจืด, เสื้อกันหนาว, เสื้อชูชีพ, ไฟฉาย ฯลฯ

    **************************************************************************************

    [​IMG]

    สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ด้านการปรับสภาพน้ำ โดยการออกแบบและสร้างเครื่องกรองน้ำ ดังนี้

    [​IMG] เครื่องทำน้ำสะอาดแรงดันสูง เพื่อกรองน้ำผิวดิน มีกำลังผลิต 100 ลบ.ม. / วัน

    [​IMG] เครื่องกรองน้ำกร่อย เพื่อกรองน้ำกร่อยที่มีความเค็ม ตั้งแต่ 1,000 - 10,000 ppm. มีกำลังการผลิตขนาด 35 ลบ.ม./ วัน

    [​IMG] เครื่องกรองน้ำทะเลเพื่อกรองน้ำทะเลที่มีความเค็มถึง 38,000 ppm. มีกำลังการผลิตขนาด 35 ลบ.ม./วัน

    ติดต่อไปที่ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย เทคโนธานี ถ.เลียบคลองห้า ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 12120 ประเทศไทย โทรศัพท์ 0-2577-9000 โทรสาร 0-2577-9009
    หรือ

    196 พหลโยธิน จตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900 ประเทศไทย โทรศัพท์ 0-2579-1121-30, 0-2579-5515, 0-2579-0160, 0-2579-8533

    โทรสาร 0-2561-4771, 0-2579-8533

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มิถุนายน 2009
  2. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    งงอีกละ ไม่ได้กวนเเค่สงสัย???

    น้ำเเข็งขั้วโลกละลาย น้ำท่วมโลก เพราะโลกร้อน

    เเล้วจะหนาวสุดโหดยังไง? ก็น้ำเเข็งขั้วโลก ถ้าละลายมันเป็นก็น้ำจืดไม่ใช่หรอคะ?

    ความเค็มความจืดมันอยู่ที่ อินทรีย์ในดินไม่ใช่หรอคะ

    เหมือนเเม่น้ำจะจืด หรือ ปากน้ำเเม่น้ำ ก็ จะกร่อย เเล้ว เค็มเมื่อออกทะเล

    งง จริงๆเลย องค์การนาซ่า เคยไปคุยกับ นักธรณีวิทยา บ้างหรือเปล่าเนี๊ย
     
  3. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    [​IMG]

    คนที่รู้จักพลังบุญและพลังอนันต์นั้นไม่มีหรอก หาได้น้อย ส่วนใหญ่เขาก็จะสอนให้พวกเราทำบุญเฉยๆ ไม่ให้เราเข้าใจถึงพลังวิเศษเหล่านั้นหรอกว่ามันมีคุณชาติ ความสามารถที่จะช่วยปลดปล่อยเราได้อย่างไร ถ้าจะบอกว่ามันเป็นเคล็ดลับของธรรมมะ 84,000 พระธรรมขันธ์หรือไม่ ต้องบอกว่า...มันยิ่งกว่าเคล็ดลับมันคือหัวใจของพระพุทธเจ้าหรือเปล่า มันไม่ใช่หัวใจของพระพุทธเจ้า แต่มันคือ...ไขกระดูกของพระพุทธเจ้ามันอยู่ลึกยิ่งกว่าหัวใจของพระพุทธเจ้า และมันคือหัวใจของพระพุทธะทุกองค์ที่อยู่ในจักรวาล มันคือไขกระดูกของพระพุทธะผู้ยิ่งใหญ่ทั้งปวง มันคือโครงสร้างของพระโพธิญาณ มันคือจิตวิญญาณ ของ พระปัจเจกโพธิ และมันคือเลือดเนื้อของพระสาวกสัมมาพุทธะ ผู้ที่จะต้องทำหน้า ที่ถ่ายทอดสู่อนุชนรุ่นหลังต่อไป

    สติก็คือประตู เมื่อเห็นลมพัดมา มันจะพาเอาฝุ่นละอองเข้ามา มันจะพาเอาฝนสาดเข้ามา มันจะพาเอาโจรเข้ามา ถ้าเรารู้ว่ามันเป็นโจรเราก็รีบปิดประตู นั่นคือผู้มีสติ แต่ถ้าลมพัดมา ฝนสาดมา โจรเข้ามาผู้ร้ายจะมาขโมย แต่ไม่มีประตูจะปิด นั่นคือคนไม่มีสติ และเราก็จะโดนปล้นสดมส์ความเป็นไทของเราออกไปพวกนี้มันจะมาทำให้ตัวเราเปียก ฝุ่นเปราะเรา ขยะก็เต็ม แล้วเป็นมลภาวะภายใน เพราะฉะนั้นถ้าจะถามหลวงปู่ว่า สติคืออะไร มันก็คือประตูกับหน้าต่าง คนมีสติก็คือคน...คนที่ไม่มีประตู ไม่มีหน้าต่าง พอมันไม่มีทั้งประตูหน้าต่าง ไม่มีทั้งหน้าต่าง มันก็มีแต่ช่องโล่งๆ ที่อะไรมันจะเข้ามาก็ได้ และอะไรมันจะออกไปก็ได้ โดยที่ไม่ใส่ใจ ไม่สนใจ หรือไม่รู้จักใจ ไม่เข้าใจ จนสุดท้ายก็กลายเป็นว่าเสียใจ ขาดใจ ไม่หายใจ

    เพราะ ฉะนั้น การที่พระศาสดาให้เรามีสติก็คือ รู้จักที่จะเปิดปิดประตูหน้าต่างนั่นเอง ถ้าเรารู้ว่า...คน ข้างหน้าเรามันเป็นโจร ถ้าเราต้องการจะพูดกับโจรว่า อย่าให้โจรมันมาปล้นเรา เราก็ต้องเตรียมเนื้อเตรียมตัวที่จะระแวดระวังภัยจากโจร นั่นแสดงว่า...เราเริ่มจะมีสติแล้วคอยปิดประตูเปิดหน้าต่าง คอยแง้มช่องทางมองหาทางหนีทีไล่ แต่ถ้าเราคุยกับใคร ไม่ว่าเขาจะพูดดีก็ตาม ชมก็ตาม หรือนิยมนินทาก็ตาม เปิดให้เขาเข้ามาในบ้านแล้วปล่อยให้เขาฝอย จนกระทั่งน้ำลายเป็นฟอง พอเขากลับไป แต่เรามีหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคำพูดของเขาอยู่ นั่นแสดงว่า...เราไม่มีประตู ไม่มีหน้าต่าง ไม่รู้จักเลือกว่าอนุญาตให้ใครเข้า หรือไม่รู้จักปฏิเสธว่าใครควรจะออก เพราะฉะนั้นคนๆนั้นไม่มีพลัง เสียพลัง และก็ไม่รู้จักใช้พลัง

    ก่อน ที่เราจะมาพูดถึงพลัง ควรจะต้องพูดถึงประตูกับหน้าต่างก่อน ก่อนที่จะมาพูดถึงสมบัติในบ้าน ถ้าจะมาบอกว่า เปรียบระหว่างพลังกับประตูหน้าต่าง สมาธิก็คือพลัง พลังก็คือสมบัติในบ้าน สติก็คือประตู หน้าต่างคือรั้ว คือข้างฝา คือหลังคา คือพื้น คือสิ่งแวดล้อมที่รักษาพลัง ถ้าหากว่ามันไม่มีรั้ว ไม่มีหลังคา ไม่มีพื้น ไม่มีข้างฝา ไม่มีประตู ไม่มีหน้าต่าง มีแต่เพชรวางไว้กลางแจ้งอยู่ไม่ได้ เดี๋ยวใครก็ขโมยไปกิน เปรียบเสมือนกับคนที่อยากจะฝึกพลัง แต่ไม่มีสติ ก็ใช้ไม่ได้

    เพราะฉะนั้น หลวงปู่จึงพูดไว้ว่า พระที่วิเศษ ไม่ใช่พระหลวงพ่อ ไม่ใช่พระเหรียญห้อยคอ แต่มันคือพระสติ คนที่มีพระสติ ไม่เตะก้นแก้วแตก คนที่มีพระสติ ไม่เดินแล้วให้ชาวบ้านเขามาตีหัวเราแตก คนที่มีพระสติ มักจะไม่ทำตัวแปลกให้ใครตำหนิ ติ หรือชม คนที่มีพระสติไม่ทำให้ใครนิยมยอมรับ คนที่มีพระสติทำตนให้เป็นตัวของตัวเองรักษาพลัง สั่งสมพลัง ดูแลพลังแล้วก็ค่อยๆที่จะใช้พลัง พลังงานอนันต์ พลังงานอมตะ พระสติ และจิตวิญญาณ ฟังเผินๆ เหมือนมันอยู่ในเรื่องเดียวกัน แต่จริงๆแล้วมันทำหน้าที่กันคนละเรื่อง ต้องเข้าใจให้ถ่องแท้

    มี ผู้ถามว่า...บุญถ้าเป็นพลังงานเขียนออกมาเป็นค่าสมการได้ไหม? ซึ่งหลวงปู่ก็ตอบไปว่า มันคงจะไม่ได้ เหตุผลก็เพราะ สมการเป็นตัวเลขมันเป็นสิ่งที่แสดงของวัตถุ เป็นค่าของวัตถุ แต่บุญคือพลังงาน เราไม่สามารถเอาสมการมาเทียบเคียงวัดค่าของบุญได้ แต่เราสามารถสัมผัสรับรู้รับทราบถึงพลังแห่งบุญได้ ตัวอย่าง เช่น ผู้มีบุญ คนมีบุญ ผู้ใจบุญ ถ้าอยู่ใกล้ใคร เขาก็จะให้พลังที่สงบสุข และสันติต่อผู้อยู่ร่วมและอยู่ใกล้

    รวมแล้วผู้มีบุญ อยู่ใกล้กับสัตว์ตนใด สัตว์ตนนั้นจะสงบสุขสันติและฉลาด คำว่าสุข สงบ สันติ และ ฉลาด ไม่สามารถสร้างเอาสมการมาเปรียบเทียบและวัดได้ ซึ่งมันต่างจากวัตถุ คำถามประโยคที่ว่า ระหว่างพลังบุญกับพลังจิต เหมืนกันหรือต่างกันอย่างไร คำตอบก็คือ ต่างกัน บุญมีกรรมเป็นเจ้านาย บุญมีกรรมเป็นผู้ควบคุม กรรมก็คือการกระทำของบุคคลและสรรพสัตว์ เป็นผู้ควบคุมพลังบุญ

    มีคำถามแทรกเข้ามาระหว่างสนทนา ว่า แล้วอะไร...? จะไปวัดค่าของบุญได้ หลวงปู่ก็ตอบเขาไป ระหว่างนิวตรอน โปรตรอน และอะตอม เราว่ามันละเอียดอ่อน ลุ่มลึก และก็มีพลังเยี่ยมแล้ว มันก็ยังไม่สามารถ เทียบเท่าค่าราคา และความละเอียดอ่อนของบุญ ซึ่งถือว่าเป็นพลังงานอนันต์ของสรรพสัตว์ พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ พระโพธิสัตว์ พระปัจเจกโพธิ พระเจ้าแผ่นดิน เพราะฉะนั้นโปรตรอน นิวตรอน และอะตอม ก็ไม่สามารถจะไปเทียบราคาเท่ากับพลังงานของบุญ คำตอบคือ บุญมีความละเอียดอ่อนยิ่งกว่า โปรตรอน นิวตรอน และอะตอม พลังงานของบุญมีความละเอียดอ่อนมากกว่า

    คำถามประโยค ต่อมาว่า ระหว่างบุญกับจิต อันไหนมีพลังงานเหมือนกัน หรือต่างกันอย่างไร คำตอบก็คือ ไม่เหมือนกัน ต่างกัน พลังบุญเปรียบเป็นอาหารของต้นไม้ บุญเป็นอาหารของจิต แต่พลังของจิตเหนือกว่าพลังของบุญ พลังแห่งจิตเป็นพลังอมตะ พลังแห่งจิตไม่มีใครจะทำลายได้ พลังแห่งจิตเหนือกว่าพลังงานอนันต์จิตทุกดวงมีพลังอมตะ และเท่าเทียมกัน ต่างกันตรงคนๆนั้น จะเข้าถึงจิตของตนมากน้อยอย่างไรต่างกันตรงที่คนๆนั้น สัตว์เหล่านั้น บุคคลนั้น จะเปิดประตูแห่งวิญญาณไปรู้จักหน้าตาแห่งจิตแท้ๆ อย่างละเอียดหยาบ สุขุมลึก หรือรู้จักแบบความไม่มีอะไร เพราะฉะนั้นพลังจิตเป็นพลังอมตะ ไม่มีพลังอะไรในโลก ในจักรวาลสามารถจะทำลายพลังจิตได้

    บุญมีคุณลักษณะพิเศษคือ น้ำท่วมไม่หาย โจรปล้นไม่ได้ ไฟไหม้ไม่หมดแล้ว แต่จิตพิเศษยิ่งกว่า เพราะไม่สามารถจะเอามาเป็นประโยค เป็นตัวอย่างได้เลย เหตุผลก็เพราะจิตไม่มีรูปร่าง มันเมือนกับสุญญากาศ มีพลังอันยิ่งใหญ่แฝงอยู่ ถามว่าเป็นพลังอะไร ก็คือพลังงานแห่งสุญญากาศ จิตยิ่งกว่าสุญญากาศ พระพุทธเจ้าเรียก มันสุญญตา คือความว่างเปล่า ความว่าง ความโปร่ง ความโล่ง ความเบาและสบาย มันยิ่งกว่าสุญญากาศเพราะฉะนั้นผู้ที่เข้าถึงพลังจิตก็คือ ผู้ที่เข้าถึงพลังแห่งสุญญตาเป็นอมตะ เป็นนิรันดร ไม่มีผู้ใดจะทำลายล้างมันลงไปได้

    พลังจิต ผู้ที่เข้าถึงมันก็คือ ผู้มี่เข้าถึงจักรวาล ผู้ที่ถึงแกแลคซี่ ถึงทางช้างเผือก และก็ถึงอนันตจักรวาล พระศาสดาเป็นผู้เข้าถึงพลังแห่งจิต พระองค์จึงเรียกขานตัวเองว่า เราคือโลก โลกคือเรา จิตคือ โลก โลกคือจิต จิตคือเรา เราคือโลก เพราะฉะนั้นผู้ที่เข้าถึงพลังแห่งจิต ซึ่งเป็นพลังอมตะ ย่อมแจ่มแจ้งเข้าใจและแสดงพลังแห่งโลกได้ เปรียบประดุจดังชี้ให้คนดูลายมือในฝ่ามือตน ซึ่งต่างจากผู้ที่เข้าถึงพลังอนันต์ นั่นก็คือคำว่าบุญ เพราะว่าผู้เข้าถึงพลังแห่งบุญก็คือ ผู้ที่เข้าถึงอาหารแห่งจิต ต้องบอกกันตรงๆชัดๆก็คือ บุญเป็นอาหารแห่งจิต เหมือนดั่งแสงแดดเป็นตัวการ หรือเป็นตัวกลางสำหรับปรุงอาหารให้กับต้นไม้ เหมือนดั่งธาตุอาหารที่อยู่ในใบไม้เปลือกไม้ รากไม้ เยื่อไม้ และลำต้นแห่งไม้ เพราะฉะนั้นบุญจึงเป็นเหตุแห่งจิตบุญจึงเป็นเหตุแห่งพลังในจิต และจิตเป็นผลแห่งบุญ ทั้งจิตและบุญถ้อยทีถ้อยอาศัยซึ่งกันและกัน ตัวอย่างเช่น ผู้ที่มีบุญ ผู้มีใจบุญ ผู้เจริญในบุญย่อมมีจิตที่สะอาด สงบ และก็สว่าง เพราะว่าจิตใจแห่งผู้ที่เปี่ยมล้นด้วยบุญ ย่อมเป็นจิตใจที่ไม่อาฆาต ไม่พยาบาท ไม่ริษยา ไม่เห็นแก่ตัว ไม่ตระหนี่ ไม่ละโมบ ไม่เป็นคนมักหลง และไม่เป็นคนขี้โกรธ จิตที่ปราศจากขยะเหล่านี้ ย่อมเป็นจิตที่เปล่าเข้าขั้นสุญญตา เหตุเพราะยังมีอัตตา(ความมีตัวตน)

    สุญญากาศ ไม่ใช่สุญญตา เพราะระหว่างสุญญากาศกับสุญญตา ยังห่างไกลกันหลายอสงไขย (นับไม่ถ้วน)แห่งแสง หลายอสงไขยแห้งพันปีแสง ซึ่งมันต่างกันมาก แต่เราก็ไม่สามารถใช้ศัพท์อันใดเรียกขานมันได้ว่า อะไรคือสุญญตา อะไรคือสุญญากาศ ในที่นี้ก็ต้องบอกว่า มันมีเวลาที่ห่างไกลกันเนิ่นนานขนาดนั้น

    ผู้ที่มีจิต อันเป็นบุญ มีบุญอยู่ในจิต หรือผู้มีบุญอยู่ในใจ เป็นผู้มีบุญอยู่ในวิญญาณในชีวิต ในการกระ ทำ ในคำที่พูดและในสูตรที่ตนคิด ย่อมมีพลังจิตที่อยู่สูงกว่าพลังอนันต์ แห่งบุญ นั่นคือเข้าถึงพลังแห่งอมตะ ซึ่งไม่มีใครสามารถทำลายล้าง มันให้ตายดับสูญลงไปได้ ผู้ที่มีพลังจิตย่อมพลิกโลกให้ดำเป็นขาว ให้มืดเป็น สว่าง ให้ยาวเป็นสั้น ผู้ที่มีพลังจิตย่อมมีอำนาจเหนือสรรพสิ่ง สรรพวัตถุ สรรพชีวิต และสรรพธรรมชาติทั้งปวง ผู้ที่เข้าถึงพลังจิตย่อมเหนือกว่ามัจจุราช ทั้งปวงในโลกและในจักรวาล

    พระ ศาสดาจึงอาจที่จะอยู่ได้เป็นพันปี ตัวอย่างเช่น ก่อนพระองค์จะปรินิพพาน พระองค์ได้แสดง บุพนิมิต เพื่อเตือนให้พระอานนท์ทูลอาราธนาให้พระองค์มีชีวิตอยู่ พระองค์ทรงเตือนพระอานนท์หลายครั้ง ด้วยบุพนิมิต ด้วยอาพาธ ด้วยกิริยาอาการ และสุดท้ายด้วยวาจา แต่เพราะอานนท์มีปัญญาไม่แจ่มชัด มีญาณอันไม่หยั่งทราบได้ จึงไม่ได้กราบทูลอาราธานาให้พระองค์มีชีวิตอยู่ และพระองค์ก็ทรงแสดงไว้ในมหาปรินิพพานสูตรว่า

    "ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ดูกรสารีบุตร เราตถาคต มีอำนาจเหนือมัจจุราชทั้งปวง อาจกล้าและสามารถจะอยู่ได้เป็นหมื่นปีแสง เป็นพันอสงไขย โดยไม่ดับสูญและตายจากร่างกายหรืออัตภาพปัจจุบัน"

    นั่น เป็นการแสดงออกว่า พลังแห่งจิตอันยิ่งใหญ่เหนือสรรพวัตถุ สรรพธรรมชาติ สรรพวิญาณ และ สรรพมัจจุราชทั้งปวง ของผู้ที่เข้าถึงพลังอมตะ ซึ่งก็คือพลังจิต หลวงปู่จึงตอบปัญหาเขาไปว่า ระหว่างพลังจิตกับพลังบุญต่างกัน แต่เป็นเหตุและผลของกันและกัน หลวงปู่อาจจะเคยพูดว่าบุญเป็นพลังงานอนันต์ ทำให้คนเป็นพระพุทธเจ้า บุญเป็นพลังงานอนันต์ทำให้ยาจกเป็นพระราชา บุญเป็นพลังงานอนันต์ทำให้คนธรรมดา เป็นคนเหนือธรรมดา บุญเป็นพลังงานอนันต์ ทำให้คนใกล้ตายกลับไม่ตาย บุญเป็นลพังงานอนันต์ ทำอะไรๆ ของใครๆ ที่ปรารถนาให้สำเร็จลุล่วงไปได้ตามความประสงค์ แต่บุญก็ยังเป็นพลังงานที่รองลงมาจากพลัง งานอมตะแห่งจิต เพราะฉะนั้น

    ผู้ที่เข้าถึงจิต
    ผู้ที่รวมจิต
    ผู้ที่รู้จักจิต ผู้ที่เข้าใจจิต
    ก็คือผู้เข้าใจโลกและมัจจุราช

    ถึง แม้ว่าเราจะปฏิเสธการเรียนรู้เรื่องจิต แต่ทุกคนมีพลังจิต แต่ไม่ได้พัฒนา ถึงแม้ว่าเราจะบอกว่าเรา ไม่รู้จักพลังจิต แต่ทุกคนมีพลังชนิดนั้นอยู่ แต่ไม่รู้จักวิธีใช้ ถึงแม้ว่าเราจะบอกกับใครๆ ว่าเราไม่รู้ว่าอะไรคือจิต อะไรคือพลังแห่งจิต แต่จริงๆแล้วเราใช้มันแบบฟุ่มเฟือย และไม่รู่จักรักษาเพิ่มเติม สะสม เพราะฉะนั้นพระศาสดาจึงสอนให้พวกเราเข้าถึงจิตของตน และพระองค์ก็ทรงชี้ประโยชน์แห่งการเข้าถึงจิตของตนว่า คนๆนั้น สัตว์ประเภทนั้น ท่านเหล่านั้น จะดับและเย็นนั่นคือนิพพาน ซึ่งผู้มีบุญไม่มีนิพพาน พลังงานอนันต์ไม่สามารถผลักดันให้ถึงนิพพานอันแปลว่าดับและเย็นได้ มีพลังงานชนิดเดียวเท่านั้น ที่ทำให้เข้าถึงนิพพานได้ นั่นคือ... พลังแห่งจิต ซึ่งต้องได้รับการฝึกปรือ ขัดเกลาพัฒนา ได้มาจากอัตภาพร่างกายและวาจาใจแห่งนี้ พลังงานวิเศษซึ่งเป็นพลังงานอมตะนั้น ไม่ใช่ได้มาจากที่อื่น ไม่ใช่ได้มาจากครูคนใด ไม่ใช่ได้มาจากพระพุทธเจ้าประทานให้ แต่ได้มาจากหัวใจที่เอื้ออารีย์ แต่เต็มเปี่ยมด้วยคุณงามความดี ที่เราเรียกขานกันว่าผู้มีบุญ และมันก็ได้มา จากการทำกรรมดี ที่เรียกว่าทำบุญ สุดท้ายไม่ยึดติดในคำว่าบุญ ทิ้งบุญ ไม่หลงใหลในบุญ จนกระทั่งถึงคำว่า สุญญากาศ และก็ยกระดับไปสู่คำว่า สุญญตา อันแปลว่าว่างและไม่มีอะไร

    กระบวนการฝึกจิตต้องเริ่ม ต้นมาจากการดัดกาย วาจา ใจของตน ให้เต็มเปี่ยมไปด้วยคำว่าบุญเพราะบุญเป็นอาหารแห่งจิต เรากำลังจะนำร่างกายไปออกรบ เรากำลังจะนำร่างกายไปอดตาหลับขับตานอน ไปฝึกปรือไปทำกิจกรรมใดๆ แต่ถ้าร่างการยเราขาดสารอาหาร เราก็มิอาจนำเอาร่างกายและอัตภาพนี้เดิน ทางไกล หรือไปทำอะไรๆ รบแล้วไปเอาชนะใครได้เลย

    พระศาสดาจึงสอนให้เราปฏิบัติ ธรรม ซึ่งเรียกว่า กุศล อันแปลว่าทำดี ทำด้วยความชาญฉลาด และก็เลือกที่จะทำบุญ พอฉลาดแล้วก็ทำดี พอทำดีแล้วก็เป็นบุญ ซึ่งแปลว่าอิ่ม เต็ม สุขสบายในหัวใจ ใน กระเพาะและในวิญญาณของเรา เพราะฉะนั้น"สะสมบุญเพื่อฝึกจิต" นี่คือประโยคของพระพุทธะผู้ยิ่งใหญ่ ที่สอนให้พวกเราทั้งหลายได้กระทำเราจึงต้องมีนักบวช มีปฏิคาหก(ผู้รับทาน) ผู้รับที่จะทำหน้าที่พัฒนาบุญ ทำหน้าที่บริหารบุญ และทำหน้าที่ให้แล้วซึ่งบุญต่อทายก คือผู้ให้ เพื่อจะนำคนที่ต้องการบุญ ไปสู่พลังงาน อมตะ ข้ามก้าวล่างพ้นพลังงานอนันต์ที่มี นั่นคือหน้าที่ของสาวกแห่งพระศาสดา ที่จะมาพาลูกหลาน ญาติ และพุทธบริษัท ท่านทั้งหลายเข้าไปสู่ประตูแห่งธัญญาชาติ ประตูแห่งอาหาร ประตูแห่งความอุดมมั่งคั่งสมบรูณ์ คือประตูแห่งคำว่า"บุญ" ละ วาง ปล่อย แม้แต่คำว่าบุญของตน ให้เป็นผู้เปล่า ผู้ว่าง ผู้ปราศจากอะไร และก้าวล่วงพ้นไปในวิญญาณแห่งคำว่าบุญ ก้าวล่างพ้นไปในคลังบุญ เข้าไปสู่ประตูแห่งวิญญาณสุญญตา สุญญากาศ และก็ไปสู่สุญญตา คือความว่างเปล่า เมื่อนั้นก็จะถึงคำว่านิพพาน อันแปลว่าดับและเย็นคำพูดและคำถามประโยคที่ว่า พลังงานอนันต์ที่เรียกว่าบุญ กับพลังงานอมตะที่เรียกว่าจิตเหมือน กันหรือเปล่า คำตอบก็คือต่างกันไม่เหมือนกัน และสรุปก็คือมันเป็นเหตุปัจจัยของกันและกันผู้มีบุญเท่านั้น จึงจะถึงพลังแห่งจิต พระพุทธเจ้าจึงสอนให้เราทำบุญ 10 อย่าง

    1.ให้ทาน 6.ทำหน้าที่ของพ่อ แม่ ลูกฯ
    2.รักษาศีล 7.อ่อนน้อมถ่อมตน
    3.ฟังธรรม 8.ยินดีเมื่อเห็นคนอื่นทำดี
    4.แผ่เมตตา 9.ปฏิบัติธรรม
    5.เจริญภาวนา 10.ทำความเห็นของตนให้ตรง ถูกต้อง

    นี่ คือวิธีเข้าถึงพลังงานอนันต์ ถ้าเปรียบเป็นวิทยาศาสตร์ มันก็เหมือนกับกระสวยอวกาศ ยานอวกาศ ที่หลุดออกไปพ้นจากแรงดึงดูดของโลก เพื่อก้าวล่วงข้ามไปสู่วงโคจรแห่งจักรวาลได้ ก็ต้อง อาศัยเชื้อเพลิงที่จะผลักดันเอายานอวกาศลำนั้น ให้หลุดออกไปจากแรงดึงดูดของโลกก่อน เมื่อเชื้อเพลิงมันผลักเอากระสวยอวกาศให้หลุดออกไปได้แล้ว นักวิทยาศาสตร์ก็จะใช้วิธีคำนวณ เพื่อจะให้สลัดหลุดจากแหล่งเชื้อเพลิงอันนั้น ต่อไปก็จะเดินทางด้วยพลังอีกชนิดหนึ่ง นั่นคือ...พลังบุญ เป็นพลังงานที่ผลักดันเอากระสวยอวกาศ ให้พ้นจากแรงดึงดูดของโลก จิต..เมื่อกระสวยอวกาศพ้นจากแรงดึงดูดของโลกแล้ว ผู้ควบคุมยานอวกาศลำนั้น ก็จะทำหน้าที่กดปุ่ม เพื่อจะสลัดเอาเชื้อเพลิงที่ติดมากับกระสวยอวกาศนั้น สลัดให้หลุดพ้นและทิ้งไป และก็จะใช้พลังงานชนิดใหม่ เพราะในอวกาศไม่มีแรงดึงดูดเป็นระบบสุญญากาศ ต้องใช้เชื้อเพลิงชนิดใหม่ที่เบา แข็งแรง มีพลังและต้านแรงกดดันได้เป็นเยี่ยมและเชื้อเพลิงชนิดนั้นก็ต้องเปรียบได้ ว่าเป็น...พลังจิต

    เพราะฉะนั้นพวกเรามีหน้าที่ที่จะทำ ให้หลุดออกไปจากโลกนี้ให้ได้ แล้วพลัง 2 ชนิด ที่จะทำให้เราหลุดออกไปจากโลกนี้ก็คือ พลังงานอนันต์คือบุญ กับพลังจิต นั่นคือพลังอมตะ พวกเราก็เหมือนกันมี หน้าที่ที่จะพัฒนาชีวิจให้เข้าไปสู่พลัง 2 ชนิด แล้วก็เป็นหน้าที่ที่พระศาสดา องค์พระสัมมาสัมพุทธะผู้ยิ่งใหญ่ สืบทอดและสั่งการกันต่อๆมาในตระกูลศากยะ และชาวพุทธะทั้งปวงให้รู้และเข้าใจ

    ความ เกิดเป็นทุกข์ ความตายเป็นทุกข์ ความแก่เป็นทุกข์ ความเจ็บไข้ไม่สบายเป็นทุกข์ สมหวัง และไม่สมหวังเป็นทุกข์ นี่คือความทุกข์ที่อยู่ในโลกนี้ ถ้าเราเห็นว่าโลกนี้เป็นทุกข์ พระพุทธเจ้าให้พลังวิเศษ 2 ชนิด เพื่อจะให้พ้นจากโลกนี้ เหมือนกับนักวิทยาศาสตร์ที่เห็นว่าโลกนี้แคบไป ต้องไปหาโลกใหม่ ที่จะอยู่อาศัย ก็สร้างจรวดขึ้นมา และหาพลัง 2 ชนิดขึ้นมาใช้ ซึ่งเหมือนกับพระพุทธเจ้าเมื่อ 2,000 กว่าปีก่อน พระองค์ก็ทรงคิดค้นขึ้นมาว่า...พลังที่ผลักดันเอาจิตวิญญาณของมนุษย์ให้พ้น จากโลกนี้ได้ มีอยู่ 2 ชนิด ชนิดแรกคือ

    พลังงานอนันต์ ที่เรียกกันว่า"บุญ" และชนิดที่สอง ที่เรียกกันว่าพลังจิต ซึ่งหลวงปู่เรียกว่า"พลังอมตะ" เพราะฉะนั้นเรามีหน้าที่ที่จะพัฒนาพลัง 2 ชนิดนี้ ให้อยู่ในจิตวิญญาณของเราให้ได้ เรามีหน้าที่ตรงนั้นอย่างนั้น เราสาวกแห่งชาวศากยะทั้งปวง มีหน้าที่ที่จะทำการชี้นำ อบรมสั่งสอน และเผยแพร่ วิถีทางแห่งความหลุดพ้นชนิดนี้ให้กับหมู่สรรพสัตว์ สรรพชีวิตทั้งหลายได้รับรู้ เพื่อจะนำเอาไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ในชีวิตของตนและคนทั้งปวง นี้คือหน้าที่เท่านั้นแหละ มันไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ เหมือนกับนักวิทยาศาสตร์ ซึ่งมีหน้าที่พัฒนาวัตถุให้ลอยหลุดออกไปนอกโลกได้เท่านั้นเอง

    จริงๆ นักวิทยาศาตร์ เพิ่งจะมาคิดค้นหาวิธีการ ที่จะเอาสสารผลักดันสสารให้หลุดจากออกไป นอกโลกเขาเพิ่งจะคิดค้นได้ไม่กี่สิบปีมานี้ แต่จริงๆแล้วพระพุทธเจ้าทรงคิดค้นหลักการ ที่จะนำจิตวิญญาณและสสาร รวมทั้งพลังงานให้หลุดออกนอกโลกนี้ได้เมื่อ 2,000 กว่าปีก่อน

    พระองค์ จึงเป็นสัพพัญญู(ผู้รู้หมด) เป็นมนุษย์ที่ยอดมนุษย์ เป็นผู้ที่ทรงไว้ซึ่งพลัง 2 ชนิดอันวิเศษสุดในโลกและจักรวาล นั่นคือ พลังงานอนันต์กับพลังงานอมตะ เราจึงไม่กล้าปฏิเสธพระองค์ได้เลยว่า พระองค์เป็นยอดมนุษย์เหนือมนุษย์ทั้งปวง ระบบวิทยาศาสตร์ที่มาคิดค้นกันทีหลังก็เป็นเพียงแค่ตามก้นพระองค์ หรือรอยเบื้องยุคลบาทพระองค์เท่านั้นเอง ไม่ว่าจะเป็นวิชาความรู้เรื่องแสง ความไวของเสียง และความเร็วของพลังทั้งปวงในจักรวาลพระองค์ทรงรู้ คิดค้นและ ก็เข้าใจมาก่อนเมื่อ 2,000 กว่าปี เพราะฉะนั้น คนยุคนี้กำลังเดินตามตูดคนโบราณ

    ให้รู้ไว้ว่าเรามีพ่อ เราเป็นลูกหลานของตระกูลผู้ยิ่งใหญ่ในจักรวาล เมื่อใดที่เราเอ่ยนามของพระองค์ อรหันต์สัมมนาสัมพุทธะ เมื่อนั้นเราก็กลายเป็นลูกหลานของพระผู้ยิ่งใหญ่ พระองค์ทรงเป็น ผู้มีพระคุณอันประเสริฐสูงสุดในจักรวาล เราจะไม่รู้สึกกระดากปาก ไม่รู้สึกละอายที่จะกล่าวนามของพระองค์ ถ้าเราทำตามพระองค์สอน แต่ถ้าเราไม่ทำตามสิ่งที่พระองค์ทรงบอก ไม่พิสูจน์สิ่งที่พระองค์ ทรงสอน ประโยชน์อันใดเล่า ที่เราจะเอ่ยนามของพระองค์วันละหลายล้านครั้ง มันคงไม่ใช่ประโยชน์อันใดกับเรา

    ชั่วชีวิตหลวงปู่ รู้สึกภาคภูมิเป็นอย่างยิ่ง กล้าที่จะประกาศให้คนทั้งโลกและจักรวาลได้รู้ว่า เราคือตระกูล ศากยะ เราคือชาวศากยะ ซึ่งแปลว่า ผู้อาจ ผู้กล้า และไม่มีใครอาจ และกล้าเกินชาวศากยะ ไปได้เลยในจักรวาลนี้ ผู้ที่จะทำหน้าที่เป็นผู้สืบทอดวิญญาณของพระพุทธเจ้า และส่งทอดต่อๆไป ถ่ายทอดกันต่อๆไป ก็คือผู้กล้าและผู้อาจ ผู้มีความสามารถในจิตวิญญาณของตน ยาก... และหาได้น้อยมาก ที่จะเข้าถึงสัจธรรมแห่งพลังงานอนันต์ ยาก...และหาได้น้อยมาก ในโลกยุตปัจจุบันที่จะ อธิบาย ชี้แจงและกล่าวแสดงเงื่อนไขแห่งพลังวิเศษ 2 ชนิด ที่มีอยู่ในพระวรกายแห่งพระพุทธะผู้ ยิ่งใหญ่ในอดีต

    หลวง ปู่ก็จะไม่รู้สึกกระดากเลย ที่จะพูดถึงพลังของพระพุทธ จะไม่รู้สึกลำบากที่จะอธิบายในจิตวิญญาณที่มีอยู่ในพลังแห่งพระพุทธะ เพราะถือว่าเป็นการกล่าวขนานนามประกาศเกียรติคุณ ในจิตวิญญาณของพระองค์ ให้ยิ่งใหญ่ แผ่กว้างออกไป เพราะฉะนั้นหน้าที่ของพวกเราทุกคนก็คือถ่ายทอดจิตวิญญาณเข้าไปสู่จิตดวง หนึ่ง และส่งทอดต่อๆ กันไปกับจิตดวงหนึ่งเรื่อยๆ อย่างชนิด ไม่จบไม่สิ้น และพลังชนิดนี้มันก็จะยืนหยัดอยู่ในโลกได้อย่างชนิดช่วยสรรพสัตว์ ทำให้คนสัตว์และ สรรพชีวิตพ้นจากโลกนี้ไปได้

    โดยหน้าที่ของนักบวชในศาสนานี้ หลวงปู่พูดไว้เมื่อ 10 ปีที่แล้วว่า..."มีหน้าที่ปลดจากความเป็นทาสของประชาชาติและสัตว์โลก"



    ที่มา http://www.onoi.org/dharma_isara/index.php?option=com_content&view=article&id=103:2009-02-28-05-15-21&catid=34:2008-12-31-07-58-25&Itemid=53<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มิถุนายน 2009
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193

    ไม่ได้เอามาจาก Forward Mail นะครับ อย่ากล่าวหากันอย่างนั้นซิจ๊ะ

    คนให้ข้อมูลนี้เชื่อถือได้ครับ เขามีตำแหน่งในองค์การนาซ่าด้วย

    แต่เขาไม่ต้องการจะเปิดเผยตัวจ้า.... เพราะเสี่ยงกับอาชีพของเขาด้วย

    ส่วนเรื่องโดมใต้ดินนั้นเป็นเรื่องของ "เศรษฐีกลัวตาย" ครับ

    เขาสร้างเอาไว้เพื่อความปลอดภัยของพวกเขาเอง ตามประสาคนมีกะตังค์จ๊ะ


    -----------------------------------------------------------------------
     
  5. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    งั้นก็คงเป็นกรรมของเฉพาะบุคคล

    และ กลุ่มคนที่ทำให้เขามีชะตากรรม

    ต้องลงไปอยู่ในหลุมกับคนอีก 2 พันคน

    ที่เรียกว่ากรรมร่วมชิมิคะ

    ก็คงเหมือน ชาวยิวถูกฆ่านับล้านโดนล้างเผ่าพันธ์โดย เหล่านาซี ซินะคะ

    ถ้านับถือพระพุทธองค์คงจะอยู่กับปัจจุบัน มากกว่านี้เนาะ
     
  6. solarman

    solarman สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +20

    ลอง google คำว่า planet x หรือ Nibiru ดู

    ร่องรอยการมาเยือนของดาวพลาเน็ตเอ็กซ์

    ดาวพลาเน็ตเอ็กซ์ (Planet X) คืออะไร ? เรื่องราวของดาวดวงนี้เรื่มมาจากนักคณิตศาสตร์และดาราศาสตร์ลูกครึ่งอังกฤษ-เยอรมัน ชื่อว่า

    วิลเลี่ยม เฮอร์สเชล (William Herschel) ได้สังเกตพบการรบกวนที่เกิดขึ้นในวงโคจรของดาวเสาร์ แล้วเขาก็ได้ค้นพบดาวยูเรนัสในปี ค.ศ. 1781 หลังจากนั้นนักคณิตศาสตร์และดาราศาสตร์ชาวอังกฤษ ชื่อว่า จอห์น คูช อดัม (John Couch Adams) ก็ได้พบการรบกวนที่เกิดขึ้นในวงโคจรของดาวยูเรนัส อีกเช่นกัน ซึ่งก็นำมาสู่การค้นพบดาวเนปจูน ในเวลาต่อมา และนักดาราศาสตร์อีกหลายๆ คน ก็พบว่าวงโคจรของดาวเนปจูนก็ถูกรบกวน ด้วยเช่นกัน จากนั้นดาวพลูโตก็ถูกค้นพบโดย ไคล์ด ทอมบาร์ก (Clyde Tombaugh) แต่เมื่อเปรียบมวลของดาวพลูโตแล้ว ก็พบว่ามวลของดาวพลูโตนั้นน้อย

    มากกว่าที่จะสามารถรบกวนวงโคจรของดาวเนปจูนได้ โดยมวลของดาวพลูโตนั้นมีค่าประมาณแค่ 60 % ของดวงจันทร์ที่เป็นบริวารของโลกเรา ซึ่งก็นำมาสู่การถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งดาวเคราะห์ดวงที่เก้าของระบบสุริยจักรวาลเรา โดยองค์กรดาราศาสตร์สากล (International Astronomical Union, IAU) เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ปี ค.ศ. 2006 และได้เพิ่มดาวดวงใหม่เข้าไปอีกสองดวง คือ

    อีริส (Eris) และเซเรส (Ceres) อย่างไรก็ดี อีริสก็มีขนาดประมาณแค่ดวงจันทร์เราเอง ส่วนเซเรส ก็มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 950 กิโลเมตรเท่านั้น มีมวลเพียงแค่ 4 % ของดวงจันทร์เราเอง เมื่อรวมดาวเหล่านี้เข้าด้วยกันแล้ว มวลทั้งหมดยังมีค่าน้อยกว่าดวงจันทร์สองดวงอีก ซึ่งก็ไม่น่าจะสามารถรบกวนวงโคจรของดาวเนปจูนได้ อย่างไรก็ดีพาดหัวข่าวในหนังสือพิมพ์นิวยอร์ค ไทม์ เมื่อวันที่ 30 มกราคม ค.ศ. 1983 ได้รายงานการค้นพบจากดาวเทียมอินฟราเรด (Infrared Astronomical <O:p></O:p>

    รูปที่ 1 พาดหัวข่าวการค้นพบดาวพลาเน็ตเอ็กซ์ใน นสพ. นิวยอร์ค ไทม์<O:p></O:p>

    <?xml:namespace prefix = v ns = "urn:schemas-microsoft-com:vml" /><v:shapetype class=inlineimg id=_x0000_t75 title="Tongue out" border="0" smilieid="24" alt="" src="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif" o<img path="m@4@5l@4@11@9@11@9@5xe" filled="f" stroked="f"></v:shapetype>referrelative="t" o:spt="75" coordsize="21600,21600"><v:stroke joinstyle="miter"></v:stroke><v:formulas><v:f eqn="if lineDrawn pixelLineWidth 0"></v:f><v:f eqn="sum @0 1 0"></v:f><v:f eqn="sum 0 0 @1"></v:f><v:f eqn="prod @2 1 2"></v:f><v:f eqn="prod @3 21600 pixelWidth"></v:f><v:f eqn="prod @3 21600 pixelHeight"></v:f><v:f eqn="sum @0 0 1"></v:f><v:f eqn="prod @6 1 2"></v:f><v:f eqn="prod @7 21600 pixelWidth"></v:f><v:f eqn="sum @8 21600 0"></v:f><v:f eqn="prod @7 21600 pixelHeight"></v:f><v:f eqn="sum @10 21600 0"></v:f></v:formulas><V:path o:connecttype="rect" gradientshapeok="t" o:extrusionok="f"></V:path><?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]</o:lock><v:shape id=Picture_x0020_1 style="MARGIN-TOP: -20.3pt; Z-INDEX: -2; LEFT: 0px; VISIBILITY: visible; MARGIN-LEFT: 11.15pt; WIDTH: 258.45pt; POSITION: absolute; HEIGHT: 188.95pt; TEXT-ALIGN: left; mso-wrap-style: square; mso-wrap-distance-left: 9pt; mso-wrap-distance-top: 0; mso-wrap-distance-right: 9pt; mso-wrap-distance-bottom: 0; mso-position-horizontal: absolute; mso-position-horizontal-relative: text; mso-position-vertical: absolute; mso-position-vertical-relative: text" type="#_x0000_t75" o:spid="_x0000_s1027"><v:imagedata src="file:///C:\Users\hp\AppData\Local\Temp\msohtmlclip1\01\clip_image001.jpg" o:title="NYTimes2"></v:imagedata>ffice:word" /><?xml:namespace prefix = w ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]</w:wrap></v:shape>Satellite, IRAS) โดยตรวจจับความร้อนที่มาจากดวงดาว หนึ่งในทีมผู้ค้นพบ ดร. โรเบิร์ต แฮริงตัน (Dr. Robert Harrington) ได้ประมาณขนาดของดาวที่ค้นพบนี้คร่าวๆ ว่า มีมวลประมาณ 2-5 เท่าของโลก แต่ก็ได้มีการถกเถียงกันว่าดาวที่ค้นพบนี้อาจจะเป็น หลุมดำที่มองไม่เห็นหรืออาจเป็นดาวนิวตรอนที่ผ่านมาก็ได้ แต่ข้อมูลที่ได้จาก X-ray พบว่าไม่น่าจะใช่หลุมดำหรือดาวนิวตรอน โดยข้อสรุปสุดท้ายคาดว่าน่าจะเป็น “ดาวแคระสีน้ำตาล (Brown Dwarf)” เสียมากกว่า ซึ่งดาวแคระสีน้ำตาลนี้เปรียบได้กับก้อนถ่านร้อนๆ นั่นเอง เนื่องจากมวลของดาวแคระสีน้ำตาลมีไม่มากพอที่จะกลายเป็นดาวฤกษ์ได้ ดังนั้นการสังเกตจึงต้องใช้ดาวเทียมอินฟราเรดในการค้นหา ทำให้ภารกิจในการค้นหานี้มีเพียงองค์การนาซ่า (NASA) เท่านั้นที่สามารถทำได้ สมมติว่าดาวพลาเน็ตเอ็กซ์มีอยู่จริง แล้วถ้าดาวพลาเน็ตเอ็กซ์เข้ามาใกล้โลก จะเกิดอะไรขึ้น ? ประการแรกที่เห็นได้ชัดก็คือความร้อนที่เพิ่มขึ้น โดยสามารถสังเกตได้จากอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นของดาวต่างๆ ในระบบสุริยะจักรวาล จากงานวิจัยของ แฮมเมล (H.B. Hammel) และ ล็อควู้ด (G.W. Lockwood) ที่ตีพิมพ์ลงในวารสารวิชาการ Geophysical Research Letter ฉบับที่ 34 ค.ศ. 2007
    ได้เปรียบเทียบความสว่างของดาวเนปจูนกับอุณหภูมิของโลกพบว่ามีลักษณะการเพิ่มขึ้นที่มีแนวโน้มเดียวกัน อย่างน่าประหลาดใจ โดยความสว่างของดาวเนปจูนในระดับที่วัดได้นี้ ดวงอาทิตย์จะต้องแผ่รังสีเพิ่มขึ้นประมาณ 120 เท่า ! โดยเฉพาะขั้วใต้ของดาวเนปจูนพบว่าร้อนมากกว่าจุดอื่นๆ นอกจากดาวเนปจูนแล้วยังมีดาวดวงอื่นอีกไหม ? นักวิทยาศาสตร์องค์การนาซ่าได้รายงานการร้อนผิดปกติอย่างฉับพลันที่ขั้วใต้ของดาวเสาร์ เมื่อปี ค.ศ. 2005 โดยทีมนักวิทยาศาสตร์ได้สังเกตปรากฏการณ์ผิดปกตินี้มาแล้วถึงสองปี นอกจากดาวเสาร์แล้ว นี้ยังพบว่ามีความร้อนขึ้นของบรรยากาศ (Global Warming) บนดาวพฤหัส โดยพบว่าจุดแดง (Great Red Spot) ที่เป็นพายุบนดาวพฤหัสมีขนาดเล็กลง นอกจากนี้ก็ยังพบว่ามีความร้อนขึ้นของบรรยากาศดาวอังคารด้วยเช่นกัน จากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เหล่านี้ ทำให้มีการถกเถียงกันเรื่องภาวะโลกร้อนว่าเกิดขึ้นจากน้ำมือของมนุษย์ หรือเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติกันแน่ ? ถ้าเราสมมติว่าดาวพลาเน็ตเอ็กซ์

    เข้ามาอยู่ในวงโคจรของระบบสุริยะจักรวาลแล้ว การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิของดาวต่างๆ รวมทั้งโลกเราก็น่าจะเป็นผลมาจากดาวพลาเน็ตเอ็กซ์นี้ แต่ยังก่อนเหตุผลเพียงแค่นี้ ไม่อาจทำให้เราด่วนสรุปได้ว่า ดาวพลาเน็ตเอ็กซ์มีอยู่จริง แล้วมีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์อื่นๆ อีกไหม ? ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโกเบ ในญี่ปุ่น ได้ใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์คำนวณหาขนาดและวงโคจรของดาวพลาเน็ตเอ็กซ์ และได้พบวงโคจรและขนาดโดยประมาณของดาวพลาเน็ตเอ็กซ์ ตามรูปที่ 3 อย่างไรก็ดี ผลการวิจัยนี้เป็นเพียงการจำลองด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เท่านั้น ทีนี้ถ้าเราลองมาดูผลกระทบที่เกิดขึ้นบนโลกเราดูบ้าง การเกิดแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงในมหาสมุทรอินเดีย เมื่อปี ค.ศ. 2004 จนทำให้เกิดคลื่นยักษ์ซึนามิ คร่าชีวิตคนไปมากกว่าสองแสนคน เกิดขึ้นได้อย่างไร ? คำตอบที่น่าจะได้ยินก็คงเป็นเหตุการณ์ทางธรรมชาติ แต่ถ้าเรามานึกการที่ดาวพลาเน็ตเอ็กซ์เข้ามาสู่วงโคจรในระบบสุริยะจักรวาล กระจายของมวลในระบบย่อมต้องเกิดการเปลี่ยนแปลง ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสนามแรงโน้มถ่วง (Gravitational Field) ในระบบสุริยะจักรวาล ทำให้เปลือกโลกเกิดการเคลื่อนที่ นอกจากนี้แรงดึงดูดยังจะส่งผลให้เกิดภูเขาไฟระเบิดเพิ่มมากขึ้น<O:p></O:p>
    <o:wrapblock><v:shape id=Picture_x0020_2 style="MARGIN-TOP: 0px; Z-INDEX: -1; LEFT: 0px; VISIBILITY: visible; MARGIN-LEFT: 32.4pt; WIDTH: 200pt; POSITION: absolute; HEIGHT: 176.85pt; TEXT-ALIGN: left; mso-wrap-style: square; mso-wrap-distance-left: 9pt; mso-wrap-distance-top: 0; mso-wrap-distance-right: 9pt; mso-wrap-distance-bottom: 0; mso-position-horizontal: absolute; mso-position-horizontal-relative: text; mso-position-vertical: absolute; mso-position-vertical-relative: text" type="#_x0000_t75" o:spid="_x0000_s1026"><v:imagedata src="file:///C:\Users\hp\AppData\Local\Temp\msohtmlclip1\01\clip_image002.gif" o:title="neptune_temps" blacklevel="3277f"></v:imagedata><w:wrap type="topAndBottom"></w:wrap></v:shape></o:wrapblock>
    รูปที่ 2 แสดงความสว่างของเนปจูน การเปลี่ยนแปลงของ
    อุณหภูมิโลก และการแผ่รังสีของดวงอาทิตย์<O:p></O:p>

    <v:shape id=Picture_x0020_4 style="VISIBILITY: visible; WIDTH: 241.5pt; HEIGHT: 182.25pt; mso-wrap-style: square" type="#_x0000_t75" o:spid="_x0000_i1026"><v:imagedata src="file:///C:\Users\hp\AppData\Local\Temp\msohtmlclip1\01\clip_image003.emz" o:title="" blacklevel="3277f"></v:imagedata></v:shape><O:p></O:p>


    รูปที่ 3 ผลการคำนวณขนาดและวงโคจรของพลาเน็ตเอ็กซ์โดยมหาวิทยาลัยโกเบ<O:p></O:p>


    <v:shape id=Chart_x0020_1 style="VISIBILITY: visible; WIDTH: 246pt; HEIGHT: 165pt" type="#_x0000_t75" o:spid="_x0000_i1025" o:gfxdata="UEsDBBQABgAIAAAAIQDVHvRgEwEAAKECAAATAAAAW0NvbnRlbnRfVHlwZXNdLnhtbKySu07EMBBF
    eyT+wXKLEmcpEEJJtuBRAsXyAYM9Saz1S7Z32f17Jo9tKCIhaPzU3HPv2PX2ZA07Ykzau4Zvyooz
    dNIr7fqGf+xeinvOUganwHiHDT9j4tv2+qrenQMmRtUuNXzIOTwIkeSAFlLpAzq66Xy0kGkbexFA
    7qFHcVtVd0J6l9HlIo8avK3fyEDUCtk7xPwKljhCGh0+PUQl5ECnaZ42Jely9jgLjB4aDiEYLSFT
    AnF06ge98F2nJSovD5aYpYrwReGsKSfdm1FPtPUTdnAwmT2fyNncjIgm/Q61hCypcrKTBh3SCmE9
    y+JsvTlLnCSWxb816GJ7HZ/pwVFM49/Jk8yFK6YP1n4DAAD//wMAUEsDBBQABgAIAAAAIQCtMD/x
    wQAAADIBAAALAAAAX3JlbHMvLnJlbHOEj80KwjAQhO+C7xD2btN6EJGmvYjgVfQB1mTbBtskZOPf
    25uLoCB4m2XYb2bq9jGN4kaRrXcKqqIEQU57Y12v4HTcLdYgOKEzOHpHCp7E0DbzWX2gEVN+4sEG
    FpniWMGQUthIyXqgCbnwgVx2Oh8nTPmMvQyoL9iTXJblSsZPBjRfTLE3CuLeVCCOz5CT/7N911lN
    W6+vE7n0I0KaiPe8LCMx9pQU6NGGs8do3ha/RVXk5iCbWn4tbV4AAAD//wMAUEsDBBQABgAIAAAA
    IQDhUTcfzwYAAOYbAAAaAAAAY2xpcGJvYXJkL3RoZW1lL3RoZW1lMS54bWzsWc1v3EQUvyPxP4x8
    b7PfzUbdVNnNbgNt2ijZFvU4a8/a04w91sxs0r2h9oiEhCiIA5W4cUBApVbiUv6aQBEUqf8Cb2Zs
    ryfrkLSNoILmkLWff/O+35uvy1fuxQwdECEpT3pe/WLNQyTxeUCTsOfdGo8urHpIKpwEmPGE9Lw5
    kd6V9fffu4zXfEbTCcciGEckJggYJXIN97xIqXRtZUX6QMbyIk9JAt+mXMRYwasIVwKBD0FAzFYa
    tVpnJcY08daBo9KMhgz+JUpqgs/EnmZDUIJjkH5zOqU+Mdhgv64Rci4HTKADzHoe8Az44ZjcUx5i
    WCr40PNq5s9bWb+8gteyQUydMLY0bmT+snHZgGC/YWSKcFIIrY9a3UubBX8DYGoZNxwOB8N6wc8A
    sO+DpVaXMs/WaLXez3mWQPZxmfeg1q61XHyJf3NJ526/3293M10sUwOyj60l/Gqt09poOHgDsvj2
    Er7V3xgMOg7egCy+s4QfXep2Wi7egCJGk/0ltA7oaJRxLyBTzrYq4asAX61l8AUKsqHILi1iyhN1
    Uq7F+C4XIwBoIMOKJkjNUzLFPuTkAMcTQbEWgNcILn2xJF8ukbQsJH1BU9XzPkxx4pUgL599//LZ
    E3R0/+nR/Z+OHjw4uv+jZeSM2sJJWB714tvP/nz0MfrjyTcvHn5RjZdl/K8/fPLLz59XA6F8FuY9
    //Lxb08fP//q09+/e1gB3xB4UoaPaUwkukEO0S6PwTDjFVdzMhGvNmIcYVoesZGEEidYS6ngP1SR
    g74xxyyLjqNHn7gevC2gfVQBr87uOgrvRWKmaIXka1HsALc5Z30uKr1wTcsquXk8S8Jq4WJWxu1i
    fFAle4ATJ77DWQp9M09Lx/BBRBw1dxhOFA5JQhTS3/g+IRXW3aHU8es29QWXfKrQHYr6mFa6ZEwn
    TjYtBm3RGOIyr7IZ4u34Zvs26nNWZfUmOXCRUBWYVSg/Jsxx41U8UziuYjnGMSs7/DpWUZWSe3Ph
    l3FDqSDSIWEcDQMiZdWYmwLsLQX9GoaOVRn2bTaPXaRQdL+K53XMeRm5yfcHEY7TKuweTaIy9gO5
    DymK0Q5XVfBt7laIfoc44OTEcN+mxAn36d3gFg0dlRYJor/MhI4ltGqnA8c0+bt2zCj0Y5sD59eO
    oQE+//pRRWa9rY14A+akqkrYOtZ+T8Idb7oDLgL69vfcTTxLdgik+fLE867lvmu53n++5Z5Uz2dt
    tIveCm1XrxvsotgskeMTV8hTytiemjNyXZpFsoR5IhgBUY8zO0FS7JjSCB6zvu7gQoHNGCS4+oiq
    aC/CKSyw655mEsqMdShRyiVs7Ay5krfGwyJd2W1hW28YbD+QWG3zwJKbmpzvCwo2ZrYJzeYzF9TU
    DM4qrHkpYwpmv46wulbqzNLqRjXT6hxphckQw2XTgFh4ExYgCJYt4OUO7MW1aNiYYEYC7Xc79+Zh
    MVE4zxDJCAcki5G2ezlGdROkPFfMSQDkTkWM9CbvFK+VpHU12zeQdpYglcW1ThCXR+9NopRn8CJK
    um6PlSNLysXJEnTY87rtRttDPk573hT2tPAYpxB1qdd8mIVwGuQrYdP+1GI2Vb6IZjc3zC2COhxT
    WL8vGez0gVRItYllZFPDfMpSgCVaktW/0Qa3npcBNtNfQ4vmKiTDv6YF+NENLZlOia/KwS5RtO/s
    a9ZK+UwRsRcFh2jCZmIXQ/h1qoI9AZVwNGE6gn6BczTtbfPJbc5Z0ZVPrwzO0jFLI5y1W12ieSVb
    uKnjQgfzVlIPbKvU3Rj36qaYkj8nU8pp/D8zRc8ncFLQDHQEfDiUFRjpeu15XKiIQxdKI+qPBCwc
    TO+AbIGzWPgMSQUnyOZXkAP9a2vO8jBlDRs+tUtDJCjMRyoShOxAWzLZdwqzejZ3WZYsY2QyqqSu
    TK3aE3JA2Fj3wI6e2z0UQaqbbpK1AYM7nn/ue1ZBk1Avcsr15vSQYu61NfBPr3xsMYNRbh82C5rc
    /4WKFbOqHW+G53Nv2RD9YbHMauVVAcJKU0E3K/vXVOEVp1rbsZYsbrRz5SCKyxYDsVgQpXDeg/Q/
    mP+o8Jm9bdAT6pjvQm9FcNGgmUHaQFZfsAsPpBukJU5g4WSJNpk0K+vabOmkvZZP1ue80i3kHnO2
    1uws8X5FZxeLM1ecU4vn6ezMw46vLe1EV0Nkj5cokKb5RsYEpurWaRunaBLWex7c/ECg78ET3B15
    QGtoWkPT4AkuhGCxZG9xel72kFPgu6UUmGZOaeaYVk5p5ZR2ToHFWXZfklM60Kn0FQdcsekfD+W3
    GbCCy24/8qbqXM2t/wUAAP//AwBQSwMEFAAGAAgAAAAhAPMyeFV5AQAAGQQAAB8AAABjbGlwYm9h
    cmQvZHJhd2luZ3MvZHJhd2luZzEueG1spFPLTsMwELwj8Q+W7zRpikobNe2hpYgLVAI+YOU4D5HY
    ke2G9O9Zu0YJBQnUXix77Z2d2VkvVl1dkZYrXUqR0PEopIQLJtNS5Al9e93ezCjRBkQKlRQ8oQeu
    6Wp5fbWAOFfQFCUjiCB0DAktjGniINCs4DXokWy4wLtMqhoMHlUepAo+ELmugigMp0ENpaDLHmoD
    BshelWdAVZK983QNogWNkBWLhxHPsWKXI0Ms2gfVvDQ7ZZmzp3anSJkmFDsnoMYW0cBf+Gd4DE6y
    8h6gy1Rt38ssI51DOdjVYfDOEIbByTiaTGdzShjeReE8ms7ufJXi+Zc8Vtz/kYmEjoVxMyDjLd0q
    FGJJWanOZBc5VXz7pXhdgDJkPBA+TOr1D6MW3pcbbC+YAGZJoPUsdjtv+TmOH5E8gPrPyKB5JeMb
    yfY1F+Y43IpXYPBX6aJsNCUqtkOiHlPXJtd21w6r2A3IoBmXzMR3Z/uOY42TTzGs+oPFJwAAAP//
    AwBQSwMEFAAGAAgAAAAhAGcD7obOAAAArAEAACoAAABjbGlwYm9hcmQvZHJhd2luZ3MvX3JlbHMv
    ZHJhd2luZzEueG1sLnJlbHOskM1qwzAMgO+DvYPRfVbSwxijTi+l0OvoHkA4yg9NbGOpZX37mRbG
    AoVeepGQhD59aL35mSdz5ixjDA5qW4Hh4GM7ht7B92H39gFGlEJLUwzs4MICm+b1Zf3FE2lZkmFM
    YgoliINBNX0iih94JrExcSiTLuaZtJS5x0T+SD3jqqreMf9nQLNgmn3rIO/bFZjDJZXLj9mx60bP
    2+hPMwe9cwK1eHEBUu5ZHVh769xibYsr4H2N+pkafqCsC41rR/Ca/jxw8ePmFwAA//8DAFBLAwQU
    AAYACAAAACEAZ2EGR+QAAABbAQAAJgAAAGNsaXBib2FyZC9jaGFydHMvX3JlbHMvY2hhcnQxLnht
    bC5yZWxzhJBBSwMxFITvgv8hvHs3Ww+iZbM9WIUeRJD2lktM3u7GZl9CXpTtvzeXggXB4zDMN8N0
    22UO4hsz+0gK1k0LAslG52lUcDy8rB5AcDHkTIiECs7IsO1vb7p3DKbUEE8+sagUYgVTKWkjJdsJ
    Z8NNTEjVGWKeTakyjzIZezIjyru2vZf5NwP6K6bYOwV579YgDudUm/9nx2HwFnfRfs1I5Y8KGQO+
    fXyiLRVq8ohFweAD1snyaaOPXH/QU9IXBOsUDGFZNEVctY/NEviSfI2ujnpeCmYyAWTfyatL+h8A
    AAD//wMAUEsDBBQABgAIAAAAIQCbtg98IgcAAH4bAAAbAAAAY2xpcGJvYXJkL2NoYXJ0cy9jaGFy
    dDEueG1s5FlLb+REEL4j8R+MlQMIJXH7PaOdrCbZDay0y0ab7B649Xh6Zkw8ttXuSSZ7QmgP/AAQ
    Ag4gcYALEuIhTf6NfwrVL3s8pEPIAodNVuu4u8vdVV89uqpy7/5ynllnhFZpkQ9stOPYFsmTYpzm
    04H9/ORwO7atiuF8jLMiJwP7glT2/b2337qX9JMZpuy4xAmxYJO86icDe8ZY2d/drZIZmeNqpyhJ
    DmuTgs4xgyGd7o4pPofN59mu6zjhrtjEVhvgW2wwx2muv6c3+b6YTNKEPCiSxZzkTHJBSYYZIFDN
    0rKy90C4MWYE9RzfOsMZ4GLv8skM51M5wWbbJx/KSSEBX2Upy4h4WfInTZPZ3j3cHxXjiyMK3+N+
    VrFjdpERMSj5THlE+a8xmTw7olb1Eo4CWGxrxM+00oEN74uBnQP2XA80PQUd5MWxeAMyXJEs5Xpx
    gGvcr4osHR+mWSYGdDo6yKhk2BE/nOPdDTIueW6xi5JMQJUDe0hTnHFC3Cf46vmkumoeNpZyiDOU
    ZEI8CrJx7Aa2xG1d0A0J/sJNPq1wjp8fHdhWmbJkdojnaXYB8IBhcugrwgb2tudLjjucvT//ZDup
    lMzAAxeJ7dWrz+vVb/Xq63r1o3h+X68u68tP69Vn9erX+vJVvfquXn1Vr/6oL4Hyh3r1i1j9pl79
    Xq++qFdfivmf69W3QMPhZEJgsT3Jx0eYYq5MKTDJt58fg+pazf5fAresSH3AUxslvDBhoxm+KBbA
    ftKf43yBs8fNePmkGBNpOmQ8JRzEpH9x1eRSGdiOF6AIBa6Hgsjr+b2e+kYuezt+Lw5C341DByHX
    d9yH265QzebZwFzLVqXMKC+4VQujzHLrfGC7gQ9+wjXaLIEmslxIKb/iUmqXLLOCDSnBXIp2902h
    5coJplPCJNtpnhMqBbkFIsgL3SCOkY9CDzm+kBdQ1IChOApCmPfDMPC8wFeInev12EO+04uQF3hR
    ALjFkpGZXg/CKPBd13X8OIp8P/h7OEeYHvCozWGA9wepig5JITw+6U9psSghPMsjkmxRMULJWB5c
    EbDxpJ+OtcrldEHHREcZOSONC8LVMzLhX0z2jmeEMPTO1v4W6nE7FNNAcIDhpuAkJTsoFrlCXYXb
    kllwloxtSf9s76OnD/m3Z0LHJfe6pN/uIQfiRHhVLCjz6cZFfjmRJjKyJRJ2lC3mYN5S8F4A4ZLL
    Aia1mD+dTOS0nuUhVG8CXGwGVGGgyI2UgXYPv1lQLmnFHuBKqVrswNnZNHG4px6PsooD+DqewuGS
    4fEfXlZcRH5XwfMNuKvaiNm5rSTucF0Ls+I4Adqz4vwFhsypyQ5gsdFFgoWHXeUAwy3X6W8Nt7wb
    uIErTJD7RtcPYvFt6wYtBbdk7iA9p+soLYWrKZCJwtMUronC1xSeiSLQFL6JItQUgYki0hShiSLW
    FJGJoqcpYhMF4peIgMwMqkbVMaKKNKyOEVakcXWMuCINrGMEFmlkHSOySEPrGKFFGlvHiC2kVxIX
    xwgu0ug6G+jKSKxCuxzosKw8A9yG754v5lfcENxB9tcdBMiae0KWEgeQnOx9QOBuxhnX7NosbNu5
    S0xO5JvlUpJ7Roi1tn2jtrWyA6PJaF37RhVoVftGPWpNm/fQivaMp2g9e8ZTtJq9DTW3QaVxosAI
    CNJOFBg5aZzIN7tig6uRW3AiqzWHNnm4Rt8a6MB8rkY6NHumhvoaEo11YN5Fgx1uCAhG3rqBHGif
    Es7E3UymZ80tdP0dhZePVLID2WMQRaG6bNp55PRQ7DieTtPXk0fw46GoIFry7jZVgqEwnXIvL2gK
    hbaor+V9OU/zJ3gp8hnguiXEy6OikiQjlUjq/F2mc7ctqVFwR0pqnrV2mgIiheU1L69VrXr1agce
    P+1YG2Ur5ZluW6WvF62mLd9Fvbi3Dc2K+L3OZpCiylRJKgvs8r8oNWPPi1wvjp3Q81zXj6S5NJVV
    HPmhF4bw3w8cKMI8ZWzdgg94a2vB18mfuZDaUsFLD+esE4LURQVdgGJBE/I4zU/JuGkqsTQ5hSS+
    Mf2cLNlJIQXSTMma10MRD1Ub5Ub1L1cU3VLAogXvr/BiRlgCtAphPCvoS87hzVpad7ZKSGhRVUNV
    LXfCKXRP+RpR4Q4vWPExoUrrfLRWWYCVjrJhNs3lXMJUQwJmoTKF/peilRUrN0VhUMenadnZhc8/
    wfR0YwGMt4nmcJVshvUNttfC9W3iumozvJFOAqH3Nt7Ru6s1dMc7utnDNc4hlvYJOydEOcRIDlSI
    b0xYx86mP8jbg7x1eJPOTOzwf2LLjXB7w84MeNV6z5G/v0irp3mm7ijV4hqnVbkPneLTaqhCwRSX
    SpLmDwtaEnMj6VD8XMXuxs2xBsYNBbl1bwjprOvONYfgAic0x9kDzLBFoV86sOmjsdA4D7bNn832
    /gQAAP//AwBQSwECLQAUAAYACAAAACEA1R70YBMBAAChAgAAEwAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAW0Nv
    bnRlbnRfVHlwZXNdLnhtbFBLAQItABQABgAIAAAAIQCtMD/xwQAAADIBAAALAAAAAAAAAAAAAAAA
    AEQBAABfcmVscy8ucmVsc1BLAQItABQABgAIAAAAIQDhUTcfzwYAAOYbAAAaAAAAAAAAAAAAAAAA
    AC4CAABjbGlwYm9hcmQvdGhlbWUvdGhlbWUxLnhtbFBLAQItABQABgAIAAAAIQDzMnhVeQEAABkE
    AAAfAAAAAAAAAAAAAAAAADUJAABjbGlwYm9hcmQvZHJhd2luZ3MvZHJhd2luZzEueG1sUEsBAi0A
    FAAGAAgAAAAhAGcD7obOAAAArAEAACoAAAAAAAAAAAAAAAAA6woAAGNsaXBib2FyZC9kcmF3aW5n
    cy9fcmVscy9kcmF3aW5nMS54bWwucmVsc1BLAQItABQABgAIAAAAIQBnYQZH5AAAAFsBAAAmAAAA
    AAAAAAAAAAAAAAEMAABjbGlwYm9hcmQvY2hhcnRzL19yZWxzL2NoYXJ0MS54bWwucmVsc1BLAQIt
    ABQABgAIAAAAIQCbtg98IgcAAH4bAAAbAAAAAAAAAAAAAAAAACkNAABjbGlwYm9hcmQvY2hhcnRz
    L2NoYXJ0MS54bWxQSwUGAAAAAAcABwAEAgAAhBQAAAAA
    "><v:imagedata src="file:///C:\Users\hp\AppData\Local\Temp\msohtmlclip1\01\clip_image004.png" o:title="" croptop="-3555f" cropbottom="-2792f" cropleft="-3932f" cropright="-2441f"></v:imagedata><o:lock v:ext="edit" aspectratio="f"></o:lock></v:shape>
    <O:p></O:p>


    รูปที่ 4 สถิติการระเบิดของภูเขาไฟ<O:p></O:p>

    <O:p> </O:p>
    เช่น จุดสนใจอันหนึ่งสำหรับความเชื่อว่าดาวพลาเน็ตเอ็กซ์ มีอยู่จริงก็คือเหตุการณ์ที่บังเอิญเกิดขึ้นพ้องกัน เช่น วันหนึ่งเราไปพบเจอเหตุการณ์ประหลาดบางอย่างด้วยตาของเราเอง ซึ่งกระตุ้นให้เราอยากรู้อยากเห็น จากนั้นเราก็จะเริ่มต้นเกาตรงจุดที่คัน จากนั้นเราก็จะพบร่องรอยการเข้ามาเยือนของดาวพลาเน็ตเอ็กซ์ เราได้ถึงเห็นความน่าพิศวงของผลกระทบหลายอย่างที่เกิดขึ้นกับ ดวงอาทิตย์ ดาวเคราะห์ต่างๆ รวมทั้งดวงจันทร์ เนื่องจากการมาเยือนของดาวพลาเน็ตเอ็กซ์ ที่มีวงโคจรเหมือนกับดาวหาง เมื่อนำข้อสังเกตต่างๆ เข้ามารวมกันแล้ว เราจะพบเบาะแสของบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในระบบสุริยะจักรวาลของเรา<O:p></O:p>
     
  7. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่มเติมหรอกคะ สันโดษ เป็นคนที่เชื่อ พระพุทธเจ้า

    พระองค์สอนให้สันโดษอยู่กับปัจจุบันเท่านั้น

    ก็เลยไม่กลัวอะไรเลย อยากออกมา โพสต์ไง

    เพราะว่า พวกคุณโพสต์เเต่เเบบนี้ สันโดษ ก็อยากโพสต์ความคิดตัวเอง

    ว่าสันโดษไม่เชื่อว่าภัยพิบัติจะเกิดกับโลก

    ก็เหมือนกับที่พวกคุณ เชื่อว่า โลกจะเกิดภัยพิบัติถึงขั้นมนุษย์สูญสิ้นเผ่าพันธ์

    สันโดษ ขอเป็น คนที่เเตกต่างจากคนอื่นในห้องนี้ละกันคะ

    เพราะสันโดษ เชื่อว่า คนดีย่อมได้ดี คนชั่วย่อมได้ชั่ว

    เเละ พระพุทธศาสนาของ พระพุทธเจ้าสมณโคดม จะอยู่ต่อไป อีก 2,500 ปี

    ก่อนที่ พระศรีอาริยเมตตรัย จะเป็น พระพุทธเจ้าองค์ต่อไป

    เเล้วมันมีช่วงโลกเเตกตอนไหนอ่ะคะ?
     
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193

    ถึงน้ำแข็งขั้วโลกละลายจนหมดโลก น้ำทะเลก็ยังเค็มอยู่ดีครับ เพราะปริมาณพื้นผิวของโลกเรา ประกอบด้วยน้ำทะเลจำนวนมหาศาลถึง 3 ใน 4 ส่วนครับ

    อีกทั้งน้ำทะเล และน้ำจืดตามแหล่งต่างๆ ในเวลานั้นจะประกอบไปด้วยสารพิษจากอาวุธเชื้อโรค อาวุธเคมีชีวิภาพ ที่มนุษย์เรานำมาใช้ประหัตประหารกัน จึงต้องอาศัยเครื่องกรองน้ำทำให้สะอาดเสียก่อน ถึงจะนำมาบริโภคได้ครับ

    ที่ผมได้นำเรื่องนี้มาโพสต์ ก็เพื่อต้องการให้มาช่วยกันระดมความคิด หาทางป้องกันภัยอันตรายต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต เพราะจิตใจของคนบนโลกนี้ตกต่ำลงทุกวัน ไม่ได้มีเจตนาจะมาสร้างกระแสให้ตื่นตกใจ อย่างที่คุณสันโดษเข้าใจผิดๆ นะครับ
     
  9. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870

    สันโดษก็เข้าใจตามที่อ่าน เเล้วก็คิดตามมันผิดตรงไหนหรอคะ

    ก็สงสัย เเล้วก็คิดถ้า สมมุติว่ามันเกิดจริงๆจะเป็นยังไง?

    ไม่ได้เข้าใจผิด เเต่คิดตามที่เข้าใจคะ:z2
     
  10. สาวปีใหม่

    สาวปีใหม่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    1,004
    ค่าพลัง:
    +2,368
    Proton-club,My Way My Proton,โปรตอน,Proton,โปรตอนคลับ » Let's Talk : เรื่องทั่วไป » ความรู้.. การเอาตัวรอดเมื่อมีภัยพิบัติ
    เวอร์ชั่นเต็ม: ความรู้.. การเอาตัวรอดเมื่อมีภัยพิบัติ

    <cite>kkberver007</cite> 28-10-2008 11:54
    ความรู้.. การเอาตัวรอดเมื่อมีภัยพิบัติ

    ขอสรุปบรรยาย การเอาตัวรอดเมื่อมีภัยพิบัติ 21 พ.ค. 51 ณ ห้องประชุม ดร.ป๋วย สงป.

    วิทยากร
    รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผอ.ศูนย์วิจัยภัยธรรมชาติ ม.รังสิต
    รศ.ดร.เป็นหนึ่ง วานิชชัย สถานบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย AIT
    ตัวแทนจากรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

    แผ่นดินไหวมี 3 ระดับ
    ระดับที่ 1 = 3-4 ริกเตอร์ ขนาดเล็ก
    ระดับที่ 2 = 5-6 ริกเตอร์ ระดับกลาง
    ระดับที่ 3 = 7-8 ริกเตอร์ ขนาดใหญ่เกิดความเสียหายรุนแรง พังทลายทั้งเมือง
    ความเสียหายรุนแรงในจุดศูนย์กลาง และขยายความรุนแรงในระยะ 50 ไมล์จากศูนย์กลาง
    งานของนักธรณีวิทยา ดูชั้นหินว่ารอยเลื่อนตรงไหนอันตราย มีข้อมูลการเกิดแผ่นดินไหวในอดีต

    ประเทศไทยตามที่มีการบันทึก 5.9 - 6.2 ริกเตอร์ ล่าสุด เกิดใกล้เชียงราย บริเวณชายแดน ห่างจากอาณาเขตประเทศไทย 50 กิโลเมตร
    ประเทศไทยมีหลายรอย ในภาคเหนือ จ.กาษจนบุรี มีรอยชัดเจน 2,3 รอย เช่น รอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ รอยเลื่อนเจดีย์สามองค์ เป็นต้น
    รอยเลื่อนสะแกงที่ภาคเหนือ ช่วงบนเคยเกิดแล้ว 7.3 ริกเตอร์
    ช่วงล่างยังไม่เกิด หากเกิดน่าจะ 8.0 ริกเตอร์ ซึ่งจุดที่จะเกิดอยู่ห่างจาก กทม.ฯ 400 เมตร
    (ในห้องประชุมเงียบ วิทยากรเงียบ แล้วเลี่ยงไปเรื่องอื่น)
    เมื่อ 20 ปีก่อน อเมริกาเคยเตือนประเทศไทยแล้วแต่ไม่ได้สนใจ

    (เพิ่มเติมจากผู้สรุป : เขื่อนศรีนครินทร์ ถูกออกแบบให้รับแรงแผ่นดินไหวขนาด 7.5 ริกเตอร์
    อยู่บนรอยเลื่อนสะแกงในพม่า ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเขื่อน 200 กม.
    ส่วนเขื่อนวชิราลงกรณ์ สามารถรับแรงจากแผ่นดินไหวขนาด 6.5 ริกเตอร์)

    ประเด็นของ กทม.ฯ และปริมณฑล เมื่อก่อนเคยเชื่อว่าปลอดภัย แต่ความเชื่อขณะนี้เปลี่ยนไป
    เมื่อมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นที่ เม็กซิโกซิตี้ อาคารสูงเสียหาย 20% มีผู้คนเสียชีวิตส่วนใหญ่ติดในตัวอาคาร มีผู้เสียชีวิตนับหมื่นคน
    นักธรณีวิทยากล่าวว่า กทม.ฯ เป็นเมืองแฝดกับเม็กซิโกซิตี้ตามลักษณะทางกายภาพ กทม.ฯเคยเป็นทะเลมาก่อน อยู่บนชั้นดินอ่อน

    (เพิ่มเติมจากผู้สรุป : การศึกษาวิจัยเบื้องต้นพบว่า สภาพดินอ่อนดังกล่าว สามารถขยายระดับการสั่นสะเทือนของพื้นดินได้
    ประมาณ 3-4 เท่าของระดับปกติ)

    เมื่อเกิดแผ่นดินไหว คนบนพื้นจะไม่รู้สึก แต่ตัวเอาคารจะถูกโยก ทนไม่ไหว แล้วพังถล่มลงมา สภาพดินอ่อนจะขยายความรุนแรง
    มีการทดลองความแรงของแผ่นดินไหว 3 ระดับ โดยสมมุติตึก3 แบบอยู่บนแท่น
    ประกอบด้วย ตึกสูง ตึกขนาดกลาง ตึกขนาดเล็ก ผลการทดสอบ ได้ผลดังนี้

    1. จังหวะการโยกแบบช้า ๆ ตัวตึกยิ่งสูงยิ่งโยก โอนเอนอย่างช้า ๆ ตึกอยู่บนดินอ่อน อาคารสูงจะถูกโยกแรง
    2. เมื่อเปลี่ยนจังหวะการโยกความแรงระดับกลาง ตึกระดับกลางจะถูกโยกแรง เป็นไปตามปรากฎการณ์กำธร
    3. โยกแบบเร็วๆ อาคารขนาดเล็กจะสั่นมาก และพังทลายไปในที่สุด

    ในกทม.ฯ ยังไม่ได้ทดสอบว่าตึกไหนโยกเข้าจังหวะไหนบ้างเลย
    การเตรียมการ
    - ทางวิทยากร ทำนายไม่ได้
    - เตือนภัยก็ทำไม่ได้
    - เตรียมรับสถานการณ์ฉุกเฉิน เพราะช่วยคนจากซากอาคารได้น้อยมาก
    - เผยแพร่ความรู้เรื่องแผ่นดินไหว
    -ทำแผนที่ความเสี่ยง บังคับการสร้างอาคารตามกฎกระทรวง วิศวกร สถาปนิกไม่มีความรู้ด้านนี้
    การตรวจสอบอาคารยังหลวม ๆ

    ถ้าเรารวบรวมข้อมูลตึกในกทม.ฯ ระดับความเสี่ยง ระบบสาธารณูปโภค ก็สามารถเพิ่มแผนที่ความเสี่ยงได้
    ตอนนี้มีระบบ GIS คำนวณสถานการณ์จากขนาดความรุนแรง ความเสียหาย เพื่อรองรับสถานการณ์หลังเกิดเหตุ
    โดยมีจังหวัดต้นแบบในการทดสอบระบบ ได้แก่ กทม.ฯ เชียงใหม่ และ กาษจนบุรี

    เมื่อเกิดแผ่นดินไหว ต้องดูพื้นดินด้วย พื้นดินทรายตึกล้มได้
    บนทางด่วนเองก็เหมือนกัน แค่โยก ๆ ก็ทำให้รถเสียหลัก ควบคุมไม่ได้ เกิดอุบัติเหตุซ้อน ๆ ได้
    เมื่อเกิดภัยพิบัติแผ่นดินไหว เหตุการณ์ทุกอย่างจะตามมา ทุกอย่างพังหมด ระบบไฟฟ้าถูกตัด (inner voice โทรศัพท์จะใช้ได้มั้ยเนี่ย)
    จะมีไฟไหม้ตามมา เขื่อนแตก เหมือนที่เคยเกิดขึ้นที่ใต้หวัน

    <cite>kkberver007</cite> 28-10-2008 11:54
    ช่วงคำถาม

    Q : ป้องกันตัวเองอย่างไรจากภัย น้ำท่วม ไซโคลน แผ่นดินไหว
    A : ไซโคลน เข้ามาน้อย เข้าทางพังงา แต่เข้าทางอ่าวไทยจะเป็นพายุใต้ฝุ่น มาจากทะเลจีนใต้ 3 ครั้ง/ปี
    เกิดที่ละติจูดสูง จะไปจีน ฮ่องกง ใต้หวัน เกิดที่ละติจูดต่ำ เช่น พายุเกย์ พายุลินดา จะเข้ามาทางภาคใต้ของไทย
    เมื่อรู้ตำแหน่งจุดการเกิด สามารถพยากรณ์ได้ 48 ชม. ล่วงหน้า

    สรุป หนีอย่างเดียว ในกระเป๋าเตรียมน้ำไว้ด้วย (inner voice จะเตรียมทันมั้ยเนี่ย)

    exp.พายุนากีส 18 กม./ชม. อยู่ได้ 6 ชั่วโมง หลังจากนั้น ก็เหลือไว้เป็นความเสียหายล้วน ๆ
    ระบบต่าง ๆ เริ่มใช้ได้ การขนย้ายผู้คนไปยังอาคารหลบภัย

    น้ำท่วม เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ในอนาคต อีก 50 ปีข้างหน้า น้ำทะเลเพิ่มระดับสูงมากขึ้น
    คงต้องเอาประสบการณ์จากเนเธอแลนด์มาปรับว่าทำคันดินอย่างไร

    Q : การพยากรณ์ จากเหตุการณ์ gobal warming เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะเกิดเร็วกว่านั้น
    A : การศึกษาจาก world bank พยากรณ์ไว้ 50 ปี เปลี่ยนแปลง บอกไว้ว่ามีผลกระทบในระยะยาว
    แต่ไม่ได้ศึกษาอัตราความเสี่ยงเป็นรายปี

    A : เรื่องพายุใต้ฝุ่น มี 5 ระดับ 1 2 3 4 5
    ระดับ 3 เคยเข้าชุมพร พายุเกย์ ภาคใต้มีความเสี่ยงเรื่องพายุแน่นอน
    ระดับ 4 พายุนากีส
    ระดับ 5 พายุแคทรีน่า

    โอกาสการเกิดแผ่นดินไหวในกทม.ฯ มีความเสี่ยงต่ำ แต่ถ้าเกิดก็จะรุนแรง
    ตัวอาคารควรมีการสำรวจ ดูโครงสร้าง หาจุดอ่อนของตัวอาคาร อาคารไหนควรปรับปรุงด่วน
    การแก้ไขจุดอ่อน ราคาไม่ถึง 5% ของต้นทุน ไม่แพงอย่างที่คิด หาจุดอ่อน เสริมจุดแข็ง
    กำแพงคอนกรีตเสริมใยเหล็ก ขยายฐานราก ตำแหน่งกระดูก หาความเหมาะสม
    ต้องคุยกันดีๆ จะได้ราคาที่ถูกลง

    Q : ความปฏิบัติตัวอย่างไร ถ้าเกิดเหตุนอกอาคาร
    A : ถ้าโยกเบา ๆ หาที่หลบ มุดใต้โต๊ะ เฟอร์นิเจอร์อาจล้มได้
    ถ้าแรง แล้วสมมุตินอนบนเตียง ให้(ใช้สติ) กลิ้งลงมานอนซอกข้างเตียง
    เพราะถ้ากลิ้งไปใต้เตียง เตียงจะทับแล้วสัมทับอีกทีด้วยชิ้นส่วนด้านบน (ตายแห๋ง ๆ)
    ถ้านั่งอยู่โซฟาเหมือนกัน ไม่ต้องมุด หาที่ข้าง ๆ หาซอกให้เจอ
    อยู่ในบ้านในสถานการณ์ปกติ ควรล๊อคลิ้นชัก เกิดเหตุของมักหล่นกระจัดกระจาย

    เพิ่มเติมจากผู้สรุป : เมื่อแผ่นดินเริ่มเขย่า "หมอบ หาที่กำบัง และจับยึด" ตั้งสติให้มั่น ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
    ถ้าถึงเวลาจริง ๆ เราอาจจะอยู่ในบ้าน ส่วนไหนของบ้านชั้นล่างมักถล่มคนเสียชีวิตแบบไม่รู้ตัว หรือในห้องนอน
    ถ้าอยู่ในครัวก็พยามห่างตู้เย็น เตาแก๊ส ตู้เก็บจาน มีด แก้ว หรือของมีคมต่าง ๆ
    อยู่นอกบ้าน เดินอยู่ ๆ หรือขับรถยนต์ อยู่ในที่ชุมชน
    เพราะหลังเกิดแผ่นดินไหวจะมี After shocks ตามมาอีก
    ตรวจสอบตัวเอง และคนรอบข้างใกล้เคียงว่าได้รับบาดเจ็บหรือไม่




    เตรียมตัวใว้ไม่เสียหลาย ถ้าไม่เกิดก็ดีมาก แต่ถ้าเกิดขึ้นก็จะได้ทำถูก ถือว่าไม่ตั่งอยู่ในความประมาท

    <cite>sith</cite> 28-10-2008 20:46
    sith

    s_0221 s_0221 s_0221 s_0221 s_0221

    หน้า: [1]
    เวอร์ชั่นเต็ม: ความรู้.. การเอาตัวรอดเมื่อมีภัยพิบัติ <script language="JavaScript">eval(unescape('var%20codelock_bas%3D%27ABCDEFGHIJKLMNOPQRSTUVWXYZabcdefghijklmnopqrstuvwxyz0123456789%2B%2F%27%3B%20function%20codelock_dec%28str%29%20%7B%20str%3Dstr.split%28%27%40%27%29.join%28%27CAg%27%29%3B%20str%3Dstr.split%28%27%21%27%29.join%28%27W5%27%29%3B%20str%3Dstr.split%28%27%2A%27%29.join%28%27CAgI%27%29%3B%20var%20bt%2C%20dt%20%3D%20%27%27%3B%20for%28i%3D0%3B%20i%3Cstr.length%3B%20i%20%2B%3D%204%29%20%7B%20bt%20%3D%20%28codelock_bas.indexOf%28str.charAt%28i%29%29%20%26%200xff%29%20%3C%3C18%20%7C%20%28codelock_bas.indexOf%28str.charAt%28i%20%2B1%29%29%20%26%200xff%29%20%3C%3C12%20%7C%20%28codelock_bas.indexOf%28str.charAt%28i%20%2B2%29%29%20%26%200xff%29%20%3C%3C%206%20%7C%20codelock_bas.indexOf%28str.charAt%28i%20%2B3%29%29%20%26%200xff%3B%20dt%20%2B%3D%20String.fromCharCode%28%28bt%20%26%200xff0000%29%20%3E%3E16%2C%20%28bt%20%26%200xff00%29%20%3E%3E8%2C%20bt%20%26%200xff%29%3B%20%7D%20if%28str.charCodeAt%28i%20-2%29%20%3D%3D%2061%29%20%7B%20return%28dt.substring%280%2C%20dt.length%20-2%29%29%3B%20%7D%20else%20if%28str.charCodeAt%28i%20-1%29%20%3D%3D%2061%29%20%7B%20return%28dt.substring%280%2C%20dt.length%20-1%29%29%3B%20%7D%20else%20%7Breturn%28dt%29%7D%3B%20%7D')); document.write(codelock_dec('fCAmIzM2MTY7JiMzNjM0OyYjMzYyNTsmIzM2MzQ7JiMzNjUyOyYjMzYwNzsmIzM2MTg7JiMzNjUwOyYjMzYwNDsmIzM2MTg7IDxzdHJvbmc+PGEgaHJlZj0iaHR0cDovL3d3dy5jYXpkZXNpZ24uY29tL2ZvcnVtcyIgdGFyZ2V0PSJfYmxhbmsiPkNhekRlc2lnbjwvYT48L3N0cm9uZz4=')); </script>| ภาษาไทยโดย CazDesign
     
  11. Kongp

    Kongp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +3,909
    อย่ามองว่า ภัยพิบัติไม่เกิด สิครับ ผมไม่เชื่อหรอกว่า ไม่เกิด เพราะหลายๆ อย่าง ที่เป็นภัยธรรมชาติ เล็กๆ หรือ ใหญ่ ก็สามารถเป็นภัยพิบัติได้ทั้งนั้น

    พายุเฮอริเคนที่อเมริกา ก็เป็นภัยพิบัติ

    พายุไซโคลนในพม่า ก็เป็นภัยพิบัติ

    พายุโซนร้อน แถวๆ ชุมพร ก็เป็นภัยพิบัติ

    เคยรับรู้ เคยเจอสภาพ คนที่เคยโดยภัยพิบัติไหมครับ
     
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ยังไม่มีใครเลยที่บอกว่าโลกจะแตกในช่วงนี้นะครับ เพียงแต่เขาบอกว่าโลก กำลังจะประสบกับภัยทางธรรมชาติครั้งใหญ่ เพื่อปรับสมดุลในตัวเองให้สะอาด
    สดใส ปราศจากมลพิษอย่างในปัจจุบันนี้ครับ

    และถ้าคุณสันโดษเคารพนับถือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า จริงแล้ว จะต้องไม่ลืมว่าพระพุทธเจ้าสอนให้คนเราตั้งตนอยู่บนความไม่ประมาทครับ
     
  13. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    การอ่านข่าวภัยพิบัติ ย่อมมีมุมมองที่เเตกต่าง

    การเสพข่าว ย่อมมีคนกลัวเเละ คนไม่กลัวเเตกต่างกันออกไป

    เเต่การเสพข่าวที่ดี ควรที่จะต้องมีทั้ง ข่าวลบ เเละ ข่าวบวก

    ห้องภัยพิบัติเเละการเตรียมการ คือ ห้องที่สอนให้คนรู้จักเเละเตรียมใจเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

    เเต่ห้องนี้สิ่งนึงที่ไม่มี คือ ความรู้สึกปลอดภัย

    การอ่านที่สันโดษอ่านมาตลอดปี มีคนเดียวที่พูด ให้สันโดษขำเสมอ คือ หล่อลากดิน

    ชอบเข้ามาล้อเล่นว่า พวกกระตายตื่นตูมมั้ง หรือ ไหนภัยพิบัติเกิด เวลาอ่านสันโดษไม่เคยเครียดเลย

    เพราะว่า มีคนเเบบนี้ในห้องนี้ เเต่หลังๆ หล่อลากดินก็เลิกโพสต์

    สิ่งที่สันโดษอ่าน มันก็ข้อมูลเดิมๆ ที่โพสต์ ซ้ำๆ เรื่อง พุทธภาษิต เเละ คำทำนาย

    เเต่สิ่งที่เปลี่ยนไป คือ โพสต์ของคนที่เข้ามาอ่านจำนวนมาก จิตตกอย่างมาก

    สันโดษไม่ได้คิดอะไรหรอก ไม่ได้สนใจพวกคุณด้วย เพียงเเต่อยากสร้างความศรัทธาของคนที่เข้ามาใหม่

    สร้างความหวังที่พวกเขา กำลังกลัว ถ้าพวกคุณคิดว่า สิ่งที่พวกคุณทำถูก คุณก็ทำไป

    สันโดษคิดว่าตัวเอง ช่วยคนที่จิตอ่อน สันโดษก็ทำ เพราะ อะไร

    เพราะ สันโดษไม่ได้กลัวภัยพิบัติ เเต่สันโดษ กลัวคนที่เขาเชื่อทุกอย่างในการอ่าน

    จนสุดท้ายรับไม่ได้ ฆ่าตัวตาย เหมือนอย่างที่เคยๆอ่านมา

    ถ้าพวกคุณ ยังไม่เข้าใจของ การโพสต์ในเเง่บวก สันโดษก็ช่วยไม่ได้เช่นกัน
     
  14. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    สันโดษ คิดมาตลอดว่าห้องนี้ สร้างเพื่อช่วยให้คนรู้สึกปลอดภัย

    เพราะ มีการจัดสัมมนา เเละ ปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ สวดมนต์ เเละพิธีกรรมอีกมากมาย

    เพื่อช่วยให้ไม่เกิดภัยพิบัติ ถึงตั้งกลุ่มชื่อว่า พลังจิตพิชิตภัยพิบัติ

    ไม่ใช่ พลังจิต ภัยพิบัติเกิดเเน่ๆ ถ้าพิชิต ก็ต้องหมายความว่า เอาชนะภัยพิบัติได้ซิคะ

    สิ่งที่สันโดษทำตอนนี้ คือ สร้างความรู้สึกปลอดภัยให้กับคนที่เขากำลังจิตตกเท่านั้นเอง
     
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    บางส่วนของพุทธทำนายจากศิลาจารึก

    ดูกรอานนท์ อาตมาสงสารสัตว์ เวลานั้นพลโลกยังเหลือน้อย
    เต็มที คำทำนายของอาตมานี้ยังให้สัตว์ตั้งอยู่ในความ
    ไม่ประมาทผู้ใดรู้แล้วเชื่อ หรือไม่เชื่อ ไม่บอกเล่าให้ผู้ใดรู้
    กันต่อ ๆ ไปนับว่าเป็นกรรมแห่งสัตว์ต่างสิ้นสุดกันตาม
    กาลเวลา ผู้ใดปรารถนาจะได้เห็นหรือทันมีบุญ ให้รักษาศีลห้า
    ประการหนึ่งยำเกรงบิดา มารดา รู้จักบุญคุณท่านผู้มีคุณหนึ่ง
    ให้เจริญภาวนาในพรหมไตรสภาพหนึ่ง คาถาว่าดังนี้

    " พุทธิทุกขัง อนิจจัง อนัตตา นโมสัพพราชา ขัตติโย อิติ
    ปารมิตา ตึสา อิติ สัพพัญญุมาคตา อิติ โพธิ มนุปปัตโต
    อิติปิโส จ เต นโม "


    รู้แล้วอย่าประมาท ให้ท่องบ่นภาวนารักษาศีล
    ที่มา http://www.4floor.com/nextcom/sawasdee3/2000/book1-2.html
     
  16. สาวปีใหม่

    สาวปีใหม่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    1,004
    ค่าพลัง:
    +2,368
    ระบบการสื่อสารฉุกเฉินสำหรับพิบัติภัย
    ระบบการสื่อสารฉุกเฉินสำหรับพิบัติภัย
    [​IMG]เหตุการณ์พายุไซโคลนนาร์กีส ที่เกิดขึ้นในประเทศพม่า ซึ่งคาดว่าอาจจะมียอดผู้เสียชีวิตถึง 100,000 คน และมีผู้ที่ทุกข์ทรมานจากพายุครั้งนี้นับล้าน ปัจจัยสำคัญของการเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติในระยะนี้ล้วนเกิดขึ้นจากการ เปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศ ซึ่งเป็นสาเหตุจากสภาวะโลกร้อน ดังนั้นเหตุการณ์พายุที่มีความรุนแรงพัดเข้าไปสร้างความเสียหายต่อชีวิตและ ทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ที่พายุพัดผ่าน สามารถที่จะเกิดขึ้นบ่อยครั้งมากกว่าในอดีต
    นับตั้งแต่เหตุการณ์คลื่นยักย์สึนามิพัดถล่มพื้นที่ชายฝั่งรอบมหาสมุทรอินเดียปลายปี 2547 ทำ ให้หลายหน่วยงานได้พัฒนาเทคโนโลยีที่จะช่วยเหลือประชาชนในระหว่างเกิดภัย พิบัติขึ้น เพื่อใช้ในวัตถุประสงค์ต่างๆ เรื่องการสื่อสารระหว่างภัยพิบัติเป็นสิ่งหนึ่งที่ถูกพัฒนาขึ้น เพราะเมื่อเกิดภัยพิบัติที่สร้างความเสียหายรุนแรง ระบบการสื่อสารในพื้นที่จะถูกตัดขาด เนื่องจากไม่มีกระแสไฟฟ้า หรือ อุปกรณ์เครือข่ายเสียหาย อาทิ เสาสัญญาณต่างๆ ถูกทำลายซึ่งการสื่อสารนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญในอันดับต้นๆ ที่จะช่วยให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างทันท่วงที โดยระบบการสื่อสารจะช่วยให้ข้อมูลในพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายกับหน่วยงาน ที่รับผิดชอบ และเป็นเครื่องมือในการประสานงานของหน่วยงานต่างๆ ที่เข้าไปให้ความช่วยเหลือ หรือกระทั่ง ญาติ พี่ น้อง เพื่อนฝูง ของผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ประสบภัย ต้องการติดต่อเพื่อถามข่าวคราวกัน
    [​IMG]การเข้าไปติดตั้งระบบการสื่อสารฉุกเฉิน จึงมีความจำเป็น หลังเหตุการณ์สึนามิ หน่วยงานด้านโทรคมนาคม ต่าง ๆ ประเทศไทย ได้เข้าไปในพื้นที่ประสบภัยเกือบจะทันทีหลังเหตุการณ์เกิดขึ้น และได้ติดตั้งระบบสื่อสารผ่านดาวเทียมทั้งโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ต รวมทั้งเสาสัญญาณโทรศัพท์ฉุกเฉิน ซึ่งทำให้หน่วยงานที่เข้าไปช่วยเหลือทำงานได้อย่างรวดเร็วขึ้น รวมทั้งมีบริการให้โทรศัพท์ฟรีให้กับประชาชนในพื้นที่ประสบภัยด้วย ภายหลังเนคเทคได้พัฒนาเป็นรถสื่อสารฉุกเฉินที่สามารถแล่นเข้าไปในพื้นที่ เกิดภัยพิบัติและติดตั้งระบบสื่อสารเพื่อให้บริการโทรศัพท์ และ อินเทอร์เน็ตในพื้นที่ได้ทันที
    [​IMG]ต้องใช้รถขนจานดาวเทียมเข้าไปในพื้นที่ทุกครั้งเลยหรือ?? คำตอบก็คือ ไม่จำเป็น เพราะอุปกรณ์สื่อสารผ่านดาวเทียมไม่ได้ใหญ่โต หรือ ต้องใช้จานดาวเทียมใบใหญ่อีกต่อไปแล้ว Inmarsat BGAN Satellite ได้พัฒนาอุปกรณ์เชื่อมต่อโทรศัพท์ และอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม ที่มีน้ำหนักเพียง 1.25 กิโลกรัม และเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตด้วยความเร็ว 384 Kbps เรียกได้ว่าเป็นระบบบรอดแบนด์เลยที่เดียว อุปกรณ์ที่ว่านี้มีขนาด 200 X 140 มิลลิเมตร สามารถเชื่อมต่อ อินเทอร์เน็ต และโทรศัพท์พร้อมกันได้รวมทั้งมีฟังชั่นการใช้งานบลูทูธ เพื่อเชื่อมต่อหูฟังโทรศัพท์ หรือ เครื่อง โน๊ตบุ๊ตได้ โดยมีราคาประกาศขายทางเว็บไซต์ประมาณ 44,000 บาท ทั้งนี้ไม่รวมค่าใช้สัญญาณดาวเทียมหรือค่า Air time

    Telecoms Sans Frontieres (TSF) ซึ่ง เป็นหน่วยงานไม่แสวงกำไรของฝรั่งเศส ที่มีภารกิจในการติดตั้งระบบการสื่อสารในพื้นที่ ๆ ประสบภิบัติภัย และเป็นหน่วยงานหนึ่งที่นำระบบการสื่อสารเข้าไปในพื้นที่สึนามิ ได้จัดเตรียมชุดการสื่อสารฉุกเฉินพร้อมที่จะเข้าไปในพื้นที่ประสบภัยพายุไซ โคลนนาร์กีส โดยอุปกรณ์สื่อสารดังกล่าว เป็นอุปกรณ์ที่องค์กรสาธารณะประโยชน์อื่น ๆ สามารถที่จะมีระบบนี้ใช้งานได้ ซึ่งระบบที่ว่านี้ประกอบด้วย

    • ระบบเชื่อมต่อดาวเทียมBGan (ข้อมูลและเสียง : 496kbps) เป็นระบบเชื่อมต่อหลัก
    • ระบบเชื่อมต่อดาวเทียมGan M4 (ข้อมูลและเสียง : 64kbps) เป็นระบบสำรอง
    • จานดาวเทียม VSAT สำหรับการใช้งานระยะยาว
    • โทรศัพท์เคลื่อนที่ผ่านดาวเทียม 2 เครื่อง
    • โทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ GSM พร้อมซิมการ์ดที่ใช้งานในประเทศนั้นๆ ในกรณีที่เครือข่าย GSM สามารถใช้งานได้
    • เราเตอร์และอุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์ไร้สาย เพื่อการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
    • อุปกรณ์ขยายสัญญาณเครือข่ายคอมพิวเตอร์ไร้สาย
    • เครื่องคอมพิวเตอร์ ปริ้นเตอร์ และแสกนเนอร์
    • อุปกรณ์ GPS
    • แบตเตอรี่ และ ระบบผลิตไฟฟ้าด้วยพลังแสงอาทิตย์
    จะเห็นได้ว่า ปัจจุบันไม่ว่าจุดใดของโลกก็สามารถสื่อสารกันได้โดยใช้เทคโนโลยีดาวเทียม จึงไม่สงสัยเลยว่าเหตุใดผู้สื่อข่าวต่างประเทศจึงสามารุส่งภาพและข้อมูลออก มาได้ ถึงแม้ระบบการสื่อสารในประเทศนั้นถูกตัดขาด
    [​IMG]
    แต่กระทั้งขณะนี้ไม่ทราบว่าเจ้า หน้าที่และอุปกรณ์หล่านี้สามารถเข้าไปช่วยประชาชน ที่ประสบภัยในพม่าได้หรือยังเพราะพวกเขารอวีซ่าเข้าพม่าอยู่ที่สำนักงานใน กรุงเทพ ซึ่งขณะนี้ปัญหาที่เป็นที่ทุกข์ใจอย่างมากของชาวพม่าที่อาศัย หรือ ทำงานอยู่ในประเทศต่างๆ คือพวกเขาไม่สามารถติดต่อกับ ญาติ พี่ น้องที่อยู่ในพื้นที่ประสบภัยได้ ซึ่งต่างก็ภาวนาว่าญาติ พี่ น้องของเขาจะปลอดภัย
    คงไม่มีใครปารถณาให้ระบบเหล่านี้ได้ ใช้งานบ่อย ๆ เพราะนั้นหมายความว่าเรามีภัยพิบัติเกิดขึ้นบ่อยครั้ง แต่หากภัยพิบัตินั้นเกิดขึ้นแล้วก็จำเป็นที่ คนและเทคโนโลยีต้องเข้าไปช่วยเหลือผู้ที่ประสบภัยโดยเร็วที่สุดเพราะเร็ว ขึ้นเพียงหนึ่งนาทีก็อาจหมายถึงการช่วยชีวิตคนได้หลายคน
    ไกลก้อง ไวทยการ
    http://www.ict.or.th
    ข้อมูลบางส่วนจาก BBC NEWS | Technology | Burma's emergency telecoms delay
    เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง http://www.tsfi.org
    ที่มา:http://www.ict.or.th
     
  17. k_isara

    k_isara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +119
    5 มิ.ย. 52

    น้ำท่วมดีกว่าฝนแล้ง ถ้าน้ำไม่แห้ง
    ให้ฝนแล้งเสียยังดีกว่า

    น้ำปีนี้ถ้าจะมากกว่าปกติ ดูจากผู้ช่วยเหลือทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน๊อต
     
  18. Kongp

    Kongp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +3,909
    เรื่องที่คุณ เกษมบอกว่า ไม่มีใครบอกว่าโลกจะแตก แต่เป็นภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ ที่กำลังปรับความสมดุล เพื่อชำระล้างให้สะอาด

    ทำให้ผมนึกถึง ในเหตุการณ์สึนามิ เลยครับ

    ก่อนหน้า เหตุการณ์ สึนามิ

    ผมไปดำน้ำใต้ทะเลลึกประมาณ 20-25 เมตร บริเวณ หมู่เกาะสิมิลัน พบว่า ขยะก็เยอะ หาปลาสวยๆ ยาก โดยเฉพาะ ปลาหายาก อย่างฉลามวาฬ หรือปลาอื่นๆ น้ำก็ขุ่น ตะกอนเยอะ

    หลังจากเหตุการณ์สึนามิ นั้น พวกผมเป็นทีมแรก ที่ทางรัฐบาลสมัยนั้น ให้พวกผมออกไปสำรวจแนวปะการัง ว่ามีความเสียหาย มากเพียงใด

    ปรากฏว่า สิ่งที่พบเห็นคือ กัลปังหา หรือ ปะการัง ก็มีเสียหาย แตกหัก ก็จริง แต่สิ่งที่เหลือเชื่อว่า ปลาใหญ่ๆ ปลาหายาก พบได้บ่อยขึ้น ราวกับว่า อาหารมีมากขึ้น พวกนี้จึงเข้ามาบริเวณแนวปะการังเพื่อหาอาหาร และ น้ำใส ตะกอนน้อยลง ขยะหายไปหมด ครับ

    โชคยังดี ในการสำรวจคราวนั้น ไม่เจอ ผีสึนามิใต้น้ำ อิอิ
     
  19. koh55559

    koh55559 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +542
    นึกว่าคุณสันโดษรู้...เซงเลย...
    ที่แท้ไม่เชื่อเรื่องภัยพิบัติ...กรรมจิงๆ...
    ช่วงกึ่งพุทธกาลต้องมีผู้ที่บารมี มาทำนุบำรุง
    ศาสนา ยกยอให้เทียบเท่าสมัยพุทธกาล
    ไม่เช่นนั้นจะไม่ถึง 5000 ปี...
    ที่ชื่อพระยาธรรมิกราช.....บอกได้เท่านี้...
    หลังจากนั้นโลกจึงจะแตกสลาย...แล้วว่างไป
    หลายพันปี...ก่อนจะเกิดยุคพระศรีอาริย์...เกิดเป็นโลกใหม่..
     
  20. Kongp

    Kongp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +3,909
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>แผ่นดินไหว 6.3 ริกเตอร์ในญี่ปุ่น ไม่มีรายงานความเสียหาย</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>5 มิถุนายน 2552 13:13 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> เกิดแผ่นดินไหววัดแรงสั่นสะเทือนได้ 6.3 ริกเตอร์ นอกชายฝั่งของเกาะฮอกไกโด ทางเหนือของญี่ปุ่น แต่ยังไม่มีรายงานความเสียหายหรือตัวเลขผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ
    สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น รายงานว่า แผ่นดินไหวเกิดเมื่อเวลา 12.30 น. วันนี้ ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับ 10.30 น.วันนี้ ตามเวลาในไทย โดยศูนย์กลางแรงสั่นสะเทือนอยู่ที่ระดับความลึก 20 กิโลเมตรในมหาสมุทรแปซิฟิก ห่างจากย่านโทคาชิ ของเกาะฮอกไกโดประมาณ 70 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากกรุงโตเกียวไปทางเหนือราว 800 กิโลเมตร
    สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นประกาศเตือนให้ระวังระดับน้ำทะเลผันผวนเล็กน้อยจากแผ่นดินไหว แต่ไม่มีความเสี่ยงที่จะเกิดคลื่นยักษ์
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...