ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

วันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6665 ข่าวสดรายวัน


"พิจิตร"ประกาศเพิ่มพื้นที่ประสบภัย



พิจิตร - นายสมชัย หทยะตันติ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร กล่าวว่า สถานการณ์ภัยแล้งของจังหวัดพิจิตรขณะนี้ได้เริ่มทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และแผ่ขยายวงกว้างออกไปหลายพื้นที่ ประกอบไปด้วยน้ำภาคการเกษตรและน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคขาดแคลนจึงได้ประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติประสบปัญหาภัยแล้งเพิ่มเติมอีก 6 อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอตะพานหิน อำเภอบางมูลนาก อำเภอโพทะเล อำเภอบึงนาราง อำเภอวังทรายพูน และอำเภอสากเหล็ก เป็นพื้นที่ภัยพิบัติประสบภัยแล้ง ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ประกาศไปแล้ว 5 อำเภอ ทางจังหวัดพิจิตรได้จัดรถบรรทุกน้ำออกแจกจ่ายช่วยเหลือประชาชนเพื่อบรรเทาปัญหาดังกล่าวแล้ว นอกจากนี้ แรงงานจังหวัดและจัดหางานจังหวัดพิจิตร ยังได้ช่วยเหลือราษฎรที่ประสบภัยแล้งอย่างเร่งด่วนด้วยการติดตามปัญหาการอพยพแรงงาน และจัดหางานให้ผู้ว่างงานได้มีงานทำเพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนอีกทาง ทั้งนี้ ปัญหาภัยแล้งดังกล่าวทางจังหวัดได้เตรียมรับมือเต็มที่

หน้า 30
มอบจยย.ให้ทหาร ใช้ภารกิจดับไฟใต้



นราธิวาส - เมื่อเร็วๆ นี้ ที่บริเวณกองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดนราธิวาส นายสุรพล พนัสอำพล ปลัดจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานมอบรถจักรยานยนต์ 70 คัน ให้กับเจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดน โดยมีเจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดนทั้ง 13 อำเภอ และ 1 กองร้อยอาสารักษาดินแดน ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสเข้ารับมอบ

สำหรับรถจักรยานยนต์ที่มอบให้ครั้งนี้เป็นรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ รุ่น ND 125 ซึ่งมอบให้กองร้อยละ 5 คัน เพื่อใช้ในการปฏิบัติงานออกลาดตระเวนในพื้นที่ พร้อมทั้งนี้ ปลัดจังหวัดนราธิวาสได้ร่วมพูดคุยกับเจ้าหน้าที่อาสาสมัครและได้สอบถามปัญหาในการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่และได้ย้ำให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่

หน้า 30
มหาสารคามแล้งหนัก-อ่างเก็บน้ำแห้ง



มหาสารคาม - นายวรรัตน์ ประวาลปัทมกุล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานมหาสารคาม เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์ภัยแล้งพบว่าปีนี้น่าห่วง ในภาพรวมแม้อ่างเก็บน้ำทั้ง 17 แห่ง ที่กระจายตามอำเภอต่างๆ จะมีปริมาณน้ำเก็บกักรวม 65.78 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 84 ของปริมาณความจุอ่าง 78 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ก็มีอ่างเก็บน้ำถึง 2 แห่งที่อยู่ในขั้นวิกฤต คือ อ่างเก็บน้ำหนองคูขาด พื้นที่อำเภอบรบือ มีปริมาณเก็บกักเพียง 145,000 ลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 39 ขอความจุอ่าง และอ่างเก็บน้ำหนองไฮ อำเภอวาปีปทุม มีปริมาณเก็บกักเพียง 1 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 46 ของความจุอ่าง นอกจากนี้ ยังพบว่าจากกระแสลมพัดแรงและสภาพอากาศที่ร้อน ส่งผลให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำทั้ง 17 แห่ง รวมถึงแหล่งน้ำตามธรรมชาติลดระดับลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่สถานการณ์น้ำในลำน้ำชีตลอด 80 กิโลเมตร ที่ไหลผ่านอำเภอโกสุมพิสัย กันทรวิชัย เชียงยืน และอำเภอเมือง แม้จะมีต้นทุนน้ำจากเขื่อนอุบลรัตน์ปล่อยน้ำลงลำน้ำชีอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่ควรประมาท เนื่องจากมีการนำน้ำไปใช้ประโยชน์เพื่ออุปโภค บริโภค และเพื่อการเกษตรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี อีกทั้งโอกาสที่จะเกิดน้ำเน่าเสียจากการเลี้ยงปลากระชังเป็นไปได้มาก จึงขอให้ราษฎรร่วมกันใช้น้ำอย่างประหยัด

หน้า 30
ลูกที่พ่อแม่คาดหวังในยุคศก.-สังคมฟุบ



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>"เมื่อลูกอยู่ในสภาวะเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองในปัจจุบัน พ่อแม่อยากเห็นลูกเป็นอย่างไรในอนาคต" เป็นโจทย์ให้นิตยสาร Real Parenting ในเครือบริษัทอมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง สำรวจความคิดเห็นของพ่อแม่กลุ่มตัวอย่าง ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล อายุระหว่าง 24-45 ปี แบ่งเป็น กลุ่มแม่ตั้งครรภ์ กลุ่มพ่อแม่ที่มีลูกวัยแรกเกิดถึง 3 ขวบ กลุ่มพ่อแม่ที่มีลูกวัย 4-6 ขวบ และกลุ่มพ่อแม่ที่มีลูกวัย 7-12 ขวบ กลุ่มละ 200 คน รวม 800 คน มีอาชีพพนักงานบริษัท ร้อยละ 33.2/ แม่บ้าน ร้อยละ 33.2/ ประกอบธุรกิจส่วนตัว ร้อยละ 22.8 และข้าราชการ ร้อยละ 5.2 โดยตั้งคำถามว่า "พ่อแม่อยากเห็นลูกเป็นอย่างไร" ได้ผลสรุปตามหัวข้อดังนี้

- พ่อแม่ในยุคปัจจุบันให้ความสำคัญและคาดหวังเรื่องพฤติกรรมของลูกเป็นอันดับแรก

เมื่อสอบถามถึงประเด็นที่พ่อแม่คาดหวังกับลูกมากที่สุด พบว่า พ่อแม่อยากเห็นลูกมีลักษณะนิสัย และพฤติกรรมที่ดี สูงถึงร้อยละ 86.1/ รองลงมาคือเรื่องวิธีคิดของลูก ร้อยละ 69.8/ คาดหวังเรื่องการเรียน ร้อยละ 68.2 โดยคาดหวังเกี่ยวกับอาชีพเพียง ร้อยละ 26.9 เนื่องจากยังเป็นเรื่องที่ไกลตัวลูก

- "กตัญญู" พฤติกรรมที่พ่อแม่อยากให้ลูกเป็นดังหวัง

พฤติกรรมที่พ่อแม่ตั้งความหวัง อยากให้ลูกเป็นมากที่สุด 5 อันดับแรก คือ กตัญญูต่อพ่อแม่/ญาติผู้ใหญ่ ร้อยละ 93.9/ รองลงมา เอื้อเฟื้อ มีน้ำใจ ร้อยละ 67.3/ มีสัมมาคารวะ รู้กาลเทศะ ร้อยละ 62.6/ มีความรับผิดชอบ ร้อยละ 60/ และมีระเบียบวินัยทั้งต่อตนเองและผู้อื่น ร้อยละ 58.3 โดยสิ่งที่ส่งเสริมให้ลูกเป็นอย่างที่คาดหวัง พ่อแม่คิดว่า การเลี้ยงดูมีส่วนมากที่สุดถึง ร้อยละ 88.9 เพราะการปลูกฝังตั้งแต่เยาว์วัย ให้ความใกล้ชิด และเอาใจใส่กับลูกมากๆ จะช่วยให้ลูกมีลักษณะนิสัยที่ดี ขณะที่ร้อยละ 67.8 เป็นห่วงว่าสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันอาจเป็นอุปสรรคต่อลักษณะนิสัยของลูก เพราะเศรษฐกิจไม่ดี ค่าครองชีพสูงขึ้น ทำให้ครอบครัวต้องทำงานหนักขึ้น เวลาอยู่กับลูกจึงน้อยลง และร้อยละ 52.9 เห็นว่าสังคมที่เสื่อมโทรม มีแต่สิ่งยั่วยุมอมเมา เป็นอุปสรรคสำคัญอีกประการหนึ่งที่จะทำให้ลูกไม่เป็นตามความคาดหวัง <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>

- "มองโลกแง่ดี" วิธีคิดของลูกที่พ่อแม่อยากเห็น

สิ่งที่พ่อแม่ใส่ใจรองลงมาจากเรื่องลักษณะนิสัยคือ วิธีคิดของลูก จากผลสำรวจพบว่าพ่อแม่อยากให้ลูกเป็นคนมองโลกในแง่ดี ร้อยละ 88.8/ นึกถึงใจเขา ใจเรา ร้อยละ 79.8/ ภาคภูมิใจในตนเอง ร้อยละ 67.6/ รู้จักแยกแยะคุณ โทษ รู้อะไรควร ไม่ควร ร้อยละ 63/ ทันคน ไม่ให้ใครมาเอาเปรียบ ร้อยละ 60.2

พ่อแม่เห็นว่า สังคมจะส่งผลต่อการปลูกฝังวิธีคิดของลูกถึงร้อยละ 77.2 โดยเฉพาะสภาพสังคมในปัจจุบัน มีความคิดที่แตกแยก มีแต่สิ่งยั่วยุ ส่งผลให้ลูกสับสนต่อวิธีคิดได้ว่าสิ่งใดดี สิ่งใดไม่ดี ร้อยละ 58.7 มองว่าการเมืองเป็นอีกอุปสรรคหนึ่งต่อวิธีคิดของลูก เพราะความแตกแยกทางความคิด ชักจูงให้ฝักใฝ่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่สิ่งที่พ่อแม่คิดว่าจะช่วยได้คือเรื่องการเลี้ยงดู ให้ความสำคัญ ร้อยละ 61 เพราะเชื่อว่าพ่อแม่เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกได้

- เรื่องการเรียนที่พ่อแม่อยากให้ลูกเป็น

สิ่งที่พ่อแม่คาดหวังเกี่ยวกับการเรียนของลูกมากที่สุด คือลูกมีความพร้อมด้านสติปัญญาและอารมณ์ ร้อยละ 88.5/ รองลงมา ร้อยละ 61.3 ไม่คาดหวังว่าลูกต้องเรียนเก่ง แต่ให้มีความสุข และสนุกกับการเรียน/ ร้อยละ 55.3 เห็นว่าไม่ต้องเรียนเก่ง แต่ต้องตั้งใจเรียน/ ร้อยละ 53.8 คาดหวังให้ลูกเรียนเก่งๆ และร้อยละ 50.8 หวังว่าลูกจะได้เข้าเรียนในโรงเรียน/มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง

ส่วนใหญ่ พ่อแม่ยังให้ความสำคัญกับการเลี้ยงดู ซึ่งจะเป็นตัวส่งเสริมต่อการเรียนของลูก ร้อยละ 69.5 โดยพ่อแม่ต้องเอาใจใส่ใกล้ชิด พูดคุย ถามไถ่กับลูกเรื่องการเรียน เพื่อให้ลูกผ่อนคลายไม่เครียด นอกจากนี้ พบว่าสังคมเป็นปัจจัยส่งเสริมต่อเรื่องการเรียนของลูก ร้อยละ 61.1 เพราะปัจจุบันเป็นสังคมแห่งการแข่งขัน ทำให้ลูกกระตือรือร้น ขยัน รู้จักรับผิดชอบ เพียงแต่ต้องมีพ่อแม่คอยให้กำลังใจและสนับสนุนในสิ่งที่ลูกชอบ

สิ่งที่พ่อแม่เห็นว่าเป็นอุปสรรคโดยตรงเกี่ยวกับเรื่องการเรียนของลูกคือเศรษฐกิจ เพราะค่าครองชีพในปัจจุบันสูงขึ้น เมื่อเทียบกับรายได้ที่ได้รับ ไม่เพียงพอต่อการส่งเสียให้ลูกได้รับการเรียนในระดับสูงๆ โดยพบอย่างชัดเจนว่าพ่อแม่ที่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน กังวลว่าเศรษฐกิจจะเป็นอุปสรรคกับการศึกษาของลูกถึงร้อยละ 97.5 ส่วนพ่อแม่ที่มีรายได้สูงกว่า 15,000 บาทต่อเดือน เห็นว่าเรื่องเศรษฐกิจเป็นอุปสรรค เพียงร้อยละ 2.5

- มีอาชีพ"มั่นคง" ความหวังถึงลูก

เรื่องอาชีพเป็นสิ่งที่พ่อแม่ตั้งความคาดหวังไว้เป็นอันดับสุดท้าย เพราะมองว่ายังเป็นเรื่องไกลตัว แต่ระบุถึงลักษณะอาชีพที่พ่อแม่แอบฝันไว้ก่อน พบว่า พ่อแม่อยากเห็นลูกมีหน้าที่การงานมั่นคง ร้อยละ 93.6/ รองลงมาคือ ให้ลูกรับราชการ ร้อยละ 60.1/ ได้ทำงานตำแหน่งดีๆ เงินเดือนสูงๆ ร้อยละ 58.1/ ได้ทำงานที่ลูกชอบ ไม่ว่าพ่อแม่จะชอบหรือไม่ ร้อยละ 55.7 และอยากให้ลูกมีธุรกิจเป็นของตนเอง ร้อยละ 42.2

พ่อแม่ให้ความสำคัญกับการเลี้ยงดู ร้อยละ 70.1 เพราะเป็นตัวส่งเสริมให้ลูกมีอาชีพแบบที่พ่อแม่ฝัน ในขณะที่ ร้อยละ 51.3 เห็นว่าเศรษฐกิจเป็นอุปสรรคต่อการประกอบอาชีพของลูก ร้อยละ 51.3 เพราะปัจจุบันคนตกงานมาก ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันทำให้พ่อแม่วิตกกังวลพอสมควร แต่ไม่ถึงกับเครียด เพราะเห็นว่ายังเป็นเรื่องที่ไกลตัวลูกมาก

โดยสรุปแล้ว ถึงแม้ว่าปัจจัยด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง จะเป็นอุปสรรคต่อความคาดหวังของพ่อแม่ที่มีต่อลูก แต่ปัจจัยสำคัญที่เป็นตัวส่งเสริมในทุกๆ ด้านที่พ่อแม่อยากให้ลูกเป็น คือการเลี้ยงดู โดยพบว่าพ่อแม่ส่วนใหญ่มองว่าการให้ความรักความเอาใจใส่ เป็นแบบอย่างที่ดี ควบคู่กับการอบรมเลี้ยงดูที่ดีจะช่วยได้ เพราะครอบครัวคือรากฐานสำคัญที่เป็นตัวผลักดันให้ลูกเป็นได้ในสิ่งที่พ่อแม่อยากเห็น

[FONT=Tahoma,]หน้า 25[/FONT]

 

วันศุกร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 เวลา 18:46 น.

ภัยร้ายรายวัน : รับมือหน้าร้อน
<TABLE style="WIDTH: 480px"><TBODY><TR><TD vAlign=top></TD><TD vAlign=top>ใกล้เข้าสู่เดือนมีนาคม-เมษายน ก็ดูเหมือนสภาพอากาศบ้านเราจะยิ่งร้อนขึ้น และเป็นประจำทุกปีที่ในช่วงเวลาดังกล่าว จะมีภัยธรรมชาติอย่าง

 

กรมควบคุมโรคชี้แจงเชื้อมาลาเรียดื้อยาชายแดนไทย-กัมพูชา​

​

กรมควบคุมโรค 27 ก.พ.- นพ.วิชัย สติมัย ผู้อำนวยการสำนักโรคติดต่อนำโดยแมลง กรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานข่าวขององค์การอนามัยโลกเรื่องเชื้อมาลาเรียดื้อยาในบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า

ประเทศไทยได้ติดตามปัญหาการดื้อยาของเชื้อมาลาเรีย ชนิดฟัลชิปารัมบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันพบว่าเชื้อมาลาเรียฟัลชิปารัมมีแนวโน้มดื้อยาที่ดีที่สุดในขณะนี้ คือ ยาอาร์ติชูเนท ซึ่งได้มาจากสมุนไพรจีน คือ ต้นชิงเฮา ขณะเดียวกันบริเวณเมืองไพลิน ประเทศกัมพูชาซึ่งอยู่ตรงข้ามกับ จ.จันทบุรี ก็มีแนวโน้มดื้อยาทำนองเดียวกัน และจากความร่วมมือขององค์การอนามัยโลก กรมควบคุมโรคภายใต้โครงการควบคุมไข้มาลาเรียประเทศไทย-กัมพูชา และหน่วยงานวิจัยทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสกัดกั้นเชื้อมาลาเรียบริเวณดังกล่าวแพร่กระจายไปยังภูมิภาคอื่นของโลกอย่างเข้มข้น รวมทั้งมีโครงการระยะยาวที่จะดำเนินการกวาดล้างมาลาเรียดื้อยานี้ให้หมดไป.-สำนักข่าวไทย

2009-02-27 19:02:36

ที่มา http://news.mcot.net

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เตือนภัยฝนชุก เข้าป่าระวัง

 

ในหลวง"ทรงเตือนคนไทย-รับมือภัยพิบัติ พลังงานทดแทนระวังเฟ้อ"

​

ในหลวงทรงมีพระราชดำรัส แสดงความเป็นห่วงเหตุภัยพิบัติทางธรรมชาติ ทรงให้เตรียมพร้อม ประเทศไทยอาจเกิดแผ่นดินไหวได้ เป็นสิ่งที่น่ากลัว ให้เตรียมตัวเตรียมใจรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น พร้อมทั้งทรงเล่าเคยประสบมาแล้วที่เชียงใหม่ ทรงแนะนำให้ฟังผู้เชี่ยวชาญถึงวิธีการรับมือ นอกจากแผ่นดินไหวแล้วก็ยังมีภัยน้ำท่วม และภัยจากพายุ

เมื่อเวลา 16.57 น. วันที่ 27 พ.ค. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จลง ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาส ให้นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ นำคณะเอกอัครราชทูต และกงสุลใหญ่ไทยที่ปฏิบัติราชการอยู่ในต่างประเทศ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศ เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับพระราชทานพระบรมราโชวาท ในโอกาสที่กระทรวงการต่างประเทศ จัดการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยประจำปี 2551

ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสความตอนหนึ่งว่า "เราจะต้องพยายามที่จะวางตัว และให้รู้ว่าเราเป็นคนไทย เป็นคนที่สามารถที่จะวางตัวอย่างดี แล้วก็เป็นตัวอย่างกับสัตว์โลกนั้นว่า เป็นคนที่ไม่เหมือนกับคนอื่นในโลก ฉะนั้นเราก็ต้องวางตัวให้ดี แล้วก็จะต้องพยายามฝึกฝนตัวให้เป็นคนไทย ต่างกับคนอื่นในโลก แต่การที่วางตัวต่างกับคนอื่นในโลก ต้องเข้าใจว่าวางตัวอย่างไม่ได้แปลกประหลาด ไม่ใช่สัตว์ประหลาด เป็นสัตว์พิเศษ เป็นคนที่มีความคิดที่ดี มีความคิดที่ไม่เหมือนคนอื่น เรามีความคิดที่พิเศษ วิเศษจากคนต่างชาติ ถ้าเรามีการทำการเกษตรเพื่อเป็นอาหาร หรือเป็นสิ่งที่ขายต่างประเทศมากเกินไป เราก็ไม่ผลิตอะไรที่มาช่วยให้การเป็นอยู่ดีขึ้น"

"อันนี้เป็นสำคัญ ตอบยากว่าแค่ไหนพอเหมาะ ได้เห็นมาว่าเอะอะอะไรจะทำอะไรก็เห่อกัน เห่อว่าจะทำอะไรให้มากเกินไป ถ้าทำการเกษตรเพื่อเป็นพลังงานทดแทน นี่แหละคงหมายความว่าอย่างนั้น พลังงานทดแทน ถ้ามากเกินไปลงท้ายก็เฟ้อ อย่างแผ่นดินไหวทางประเทศที่จะมีแผ่นดินไหวก็มีหลายแห่ง โดยเฉพาะเขตแดนใกล้พม่านี้ก็มี มีแผ่นดินไหว แล้วเขาก็ถามว่าอยากไปอยู่ที่ไหนที่ไม่ค่อยมี เขาก็บอกว่า แถวภาคอีสานมีน้อย แต่ภาคอีสานก็มี แผ่นดินไหวมีทุกแห่งในโลกนี้ ก็ต้องเตรียมตัวเตรียมกาย เตรียมใจว่าในประเทศไทยก็อาจจะมีทุกเมื่อ แผ่นดินไหว หรืออะไรที่น่ากลัว"

"แผ่นดินไหวข้าพเจ้าเองก็เคยเจอที่เชียงใหม่ ตอนนั้นป่วย ไม่สบาย นอนอยู่ใต้โต๊ะ ก็คงแปลกนะ นอนอยู่ใต้โต๊ะ นอนใต้โต๊ะเนี้ยถูกต้อง ตามเรื่องของป้องกันแผ่นดินไหว แต่ตอนนั้นแผ่นดินยังไม่ไหว ก็ไปนอนอยู่ใต้โต๊ะแล้ว ก็ป่วย ก็ตามไปตามมาก็ไม่ได้เป็นอะไร หัวโหนกไม่ได้หัวโน แต่ก็น่ากลัวเหมือนกัน เห็นมีโอ่ง มีอะไรเหมือนวิ่งไปวิ่งมา วิ่งไปวิ่งมาในห้อง ทุกสิ่งทุกอย่างต้องเตรียมตัว มีพี่เลี้ยงของสมเด็จพระเทพฯ ได้เห็นโอ่งวิ่งไปวิ่งมา บอกอย่ามาหลอกผีเลย อย่ามาหลอก เขาไม่เชื่อ ไม่เชื่อว่ามีผี แต่เขาก็เห็นว่าผีมันหลอกจริงๆ คือโอ่งมันวิ่งไปวิ่งมา เหมือนภัยพิบัติเนี้ย เหมือนผีหลอก โอ่งใหญ่ๆ เหมือนวิ่งไปวิ่งมา แต่เคราะห์ดีตอนนั้นไม่ได้มีอะไร โอ่งก็ไม่แตก"

คือวันที่มีภัยพิบัติ มีได้หลายอย่าง ก็ต้องเตรียมตัวว่ามีได้ อันนี้ก็ที่จะเตรียมตัวทำยังไง ก็ผู้เชี่ยวชาญอย่าง คุณสมิทธ (สมิทธ ธรรมสโรช ประธานกรรมการอำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ) เขาบอกวิธีทำอย่างไรให้ ต้องเชื่อกันบ้าง เพราะถ้าคนที่มีความรู้ ก็ต้องฟังอยู่บ้าง ในเมืองไทยอาจมีภัยพิบัติ ภัยพิบัติมีอยู่ได้หลายแห่ง ฉะนั้นก็ เขาก็ต้องเตรียมใจ เตรียมกาย และเตรียมสถานการณ์ ที่จะดูว่าจะมีอย่างไร ถ้าดูจริงๆ เมืองไทยเนี้ย ก็นับว่าดีมาก ที่ไม่ค่อยมีเหตุการณ์ แต่ก็เกิดขึ้นก็มีอยู่แล้ว คือน้ำท่วมก็มี แผ่นดินไหวก็มี พายุก็มี ก็ต้องเตรียมที่จะมีพายุ แต่อาจไม่รุนแรงเท่าที่จะเป็น"

วันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6390 ข่าวสดรายวัน

ที่มา http://www2.tmd.go.th/webboard

 

เกิดแผ่นดินไหว 5.7 ริกเตอร์ทางตอนเหนือของญี่ปุ่น​

​

วอชิงตัน 28 ก.พ.-สำนักงานธรณีวิทยาสหรัฐรายงานว่า เกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.7 ริกเตอร์ บนเกาะฮอกไกโด ทางตอนเหนือของญี่ปุ่น ในวันนี้ แต่ยังไม่มีรายงานความเสียหายหรือผู้บาดเจ็บแต่อย่างใด

รายงานระบุว่า ศูนย์กลางของแผ่นดินไหวซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเวลา 09.35 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับเวลา 07.35 น.ตามเวลาในไทย อยู่ห่างจากเมืองซัปโปโรบนเกาะฮอกไกโด ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ 80 กม. และลึกลงไปเพียง 5 กม.เท่านั้น สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นไม่ได้ประกาศเตือนภัยคลื่นยักษ์หรือสึนามิแต่อย่างใด.-สำนักข่าวไทย

2009-02-28 08:57:58

ดาวโจนส์ดิ่งต่อเนื่อง ใกล้แตะ 7,000 จุด ​

​

นิวยอร์ก 28 ก.พ.-ตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งลงต่อเนื่องใกล้แตะ 7,000 จุด หลังข้อมูลล่าสุดชี้เศรษฐกิจสหรัฐในปีที่แล้วดิ่งลงรวดเร็วมากกว่าที่คาดการณ์ไว้

ปิดการซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐ ดัชนีดิ่งลงอย่างหนักต่อไป โดยมีแรงเทขายหุ้นอย่างหนักในหุ้นกลุ่มธนาคารและสถาบันการเงิน หลังมีข่าวว่าซิตี้กรุ๊ป บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นกับรัฐบาล และนักลงทุนเอกชน ซึ่งรวมถึงนักลงทุนจากสิงคโปร์และเจ้าชายแห่งซาอุดีอาระเบีย ในการเข้าซื้อหุ้นของธนาคารที่กำลังเผชิญวิกฤติทางการเงินอย่างหนัก ขณะที่ข้อมูลล่าสุดชี้เศรษฐกิจสหรัฐช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว ขยายตัวลดลง 6.2% มากกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ที่ 3.8%

ขณะที่ตลอดทั้งปีที่แล้ว เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวเพียง 1.1% ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2544 เป็นต้นมา ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ ลดลง 80 เซนต์ไปปิดที่ระดับ 44.44 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำให้หลังปิดตลาด ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 7,062.93 จุด ลดลง 119.15 จุด หรือ 1.66% หลังจากที่รูดลงไปใกล้แตะ 7,000 จุด ต่ำสุดในรอบ 11 ปี ดัชนีแนสแดค ปิดที่ 1,377.84 จุด ลดลง 13.63 จุด หรือ 0.98% ดัชนีเอสแอนด์พี ปิดที่ 735.09 จุด ลดลง 17.74 จุด หรือ 2.36%

ด้านตลาดหุ้นสำคัญของยุโรป ดัชนี FTSE 100 ตลาดลอนดอน ปิดที่ 3,830.09 จุด ลดลง 85.55 จุด หรือ 2.18% ดัชนี DAX ตลาดแฟรงก์เฟิร์ต ปิดที่ 3,843.74 จุด ลดลง 98.88 จุด หรือ 2.51% ดัชนี CAC 40 ตลาดปารีส ปิดที่ 2,702.48 จุด ลดลง 42.36 จุด หรือ 1.54% ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนต์ ตลาดลอนดอน งวดส่งมอบเดือน เม.ย. ลดลง 16 เซนต์ ปิดที่ 46.35 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ขณะที่ราคาทองคำตลาดนิวยอร์ก ปิดที่ 941.50 ดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 30 เซนต์.-สำนักข่าวไทย

2009-02-28 05:06:19

กลุ่มหนุนพรรคฝ่ายค้านปากีสถานก่อเหตุจลาจลเป็นวันที่ 3​

​

ปากีสถาน 28 ก.พ.-กลุ่มผู้สนับสนุนพรรคฝ่ายค้านปากีสถานยังคงก่อเหตุจลาจลรุนแรงเป็นวันที่ 3 เพื่อแสดงความไม่พอใจที่ศาลสูงพิจารณาตัดสิทธิทางการเมืองแกนนำของพรรค

ตำรวจปราบจลาจลปากีสถานเผชิญหน้ากลุ่มผู้ประท้วงกว่าร้อยคนที่พยายามปิดกั้นถนนสายหลักที่มุ่งหน้าสู่กรุงอิสลามาบัด ผู้ประท้วงขวางปาไม้และก้อนหินเข้าใส่เจ้าหน้าที่ ทำให้ตำรวจต้องยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่เพื่อสลายฝูงชน ขณะที่ตำรวจอีกส่วนหนึ่งกระจายกำลังไปสนามบินที่อยู่ใกล้เคียง เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้ประท้วงเข้าไปก่อเหตุวุ่นวาย

ส่วนที่นครการาจีและเมืองละฮอร์ บรรดานักกฎหมายและทนายความต่างพร้อมใจกันไม่ไปทำงานที่ศาล เพื่อแสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับกลุ่มผู้ประท้วง

การประท้วงตลอด 3 วันที่ผ่านมา เกิดขึ้นเนื่องจากกลุ่มผู้ประท้วงไม่พอใจคำพิพากษาของศาลฎีกา ที่พิพากษายืนตามคำตัดสินของศาลเมืองละฮอร์ ให้ตัดสิทธิทางการเมืองนายนาวาซ ชารีฟ หัวหน้าพรรคสันนิบาตมุสลิมปากีสถาน-เอ็น และนายชาห์บาซ น้องชายของเขา ทำให้ทั้งคู่ไม่สามารถลงเลือกตั้งและดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้.-สำนักข่าวไทย

2009-02-28 04:09:01

ประธานาธิบดีอิรักพบหารือกับผู้นำอิหร่านที่กรุงเตหะราน​

​

เตหะราน 28 ก.พ.-ประธานาธิบดีอิรักพบหารือกับผู้นำอิหร่านที่กรุงเตหะราน หวังขอความช่วยเหลือจากอิหร่านในการสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงในประเทศ

ประธานาธิบดีจาลาล ทาลาบานี ผู้นำอิรัก เดินทางถึงกรุงเตหะรานของอิหร่าน โดยมีประธานาธิบดีมาห์มูด อาห์มาดิเนจัด ต้อนรับและนำเดินตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ จากนั้นผู้นำทั้งสองได้พบหารือกันที่ทำเนียบประธานาธิบดี เกี่ยวกับการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกัน ซึ่งประธานาธิบดีทาลาบานี หวังให้อิหร่านเป็นตัวอย่างให้กับอิรัก ในการสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงในประเทศ ซึ่งประธานาธิบดีอาห์มาดิเนจัด รับปากพร้อมช่วยเหลืออย่างเต็มที่

ความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่านและอิรักกลับมาแน่นแฟ้นอีกครั้ง หลังรัฐบาลอิรักของอดีตประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซน ถูกกองทัพสหรัฐโค่นล้มเมื่อปี 2546.-สำนักข่าวไทย

2009-02-28 03:10:01

จีนเผยรายงานด้านสิทธิมนุษยชนโต้สหรัฐ​

​

จีน 28 ก.พ.-จีนเปิดเผยรายงานด้านสิทธิมนุษยชนในสหรัฐ ตอบโต้ความเห็นของสหรัฐ ที่ระบุก่อนหน้านี้ว่ายังคงมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างแพร่หลายในจีน

รายงานด้านสิทธิมนุษยชนประจำปี ที่ทางการจีนจัดทำขึ้น ระบุว่าชาวอเมริกันในสหรัฐยังคงมีความเสี่ยงจากปัญหาความรุนแรงและอาชญากรรมที่เกิดขึ้นอย่างแพร่หลาย ขณะที่การแบ่งแยกสีผิวและเชื้อชาติก็มีให้พบเห็นตามสังคมต่าง ๆ ทั่วสหรัฐ เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมในสหรัฐไม่ได้รับการปกป้องคุ้มครองอย่างดีพอ ทำให้วัยรุ่นอเมริกันส่วนใหญ่มีบุคลิกภาพที่สับสน

หลายฝ่ายเชื่อว่า รายงานดังกล่าวเป็นความพยายามของจีน ที่ต้องการตอบโต้รายงานประจำปี ว่าด้วยปัญหาสิทธิมนุษยชนของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐก่อนหน้านี้ ที่ระบุว่าปัญหาสิทธิมนุษยชนในบางพื้นที่ของจีนทวีความเลวร้ายหนักขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ทั้งการกวาดล้างกลุ่มต่อต้านรัฐรวมถึงชนกลุ่มน้อยในทิเบต การวิสามัญฆาตกรรม บังคับใช้แรงงานและทรมานนักโทษเพื่อบีบบังคับให้พวกเขายอมสารภาพผิด.-สำนักข่าวไทย

2009-02-28 02:08:57

เนทันยาฮูเผยคว้าน้ำเหลวในการพยายามตั้งรัฐบาลผสมอิสราเอล​

​

เทลอาวีฟ 27 ก.พ.

 

"จิตนิมิต"

...คืนนี้เป็นคืนที่แปลกที่สุดในชีวิต มีเหตุการณ์ปรากฏเกิดขึ้นกับตนเอง
...เข้านอน ๕ ทุ่ม หลับสนิท
...เวลาตีหนึ่ง รู้สึกตัว ร้อนเป็นอันมาก ทั้งๆที่ในบ้านนั้นไม่เคยร้อนมาก่อน
...เวลาตีหนึ่งสามสิบนาที ลุกขึ้นอาบน้ำ
...เดินออกมาดูท้องฟ้ายามค่ำคืนนี้
...ท้องฟ้าสีแดงทางเบื้องขวา
...อากาศนอกบ้านสบายๆ ลมพัดเย็นๆ
...หรือเป็นเพราะไฟธาตุกำเริบ เพราะอาหารหนอ
...เวลาตีสอง กลับเข้านอนหลับสนิท มีนิมิตปรากฏดังนี้

๑.ยามนั้นฉันห่มจีวรสีเหลืองทองอร่ามหนอ...?
มีเส้นทางเดินข้างหน้า มองออกไปเห็นแม่น้ำลำธาร พื้นดิน หินที่ลอยอยู่ในลำธาร
มองจากด้านหน้าเยื้องขวา "มีท่านพุทธทาสภิกขุ นั่งสงบนิ่งอยู่บนเนินหิน"

๒.ประสงเดินไปข้างหน้า จะทำเช่นใด...?(ความรู้สึกคิดในใจ)
ถ้าเดินไปตอนลืมตา รู้สึกวิตก กังวล ว่าจะต้องตกลงไปในลำธารนั้นเป็นแน่แท้

จึงหลับตา ตั้งจิตแนวแน่ เดินไปตามหินที่ลอยอยู่กลางสายธารนั้น
แปลกใจจริง หลับตาเดินไปไม่ไหวโอน จิตกลับตั้งมั่นสงบจริง
เดินผ่านลำธารนั้นมาได้อย่างรวดเร็ว ไม่รู้สึกวิตกกังวลใดเลย


"เมื่อลืมตาขึ้น มีภิกษุรูปหนึ่ง กล่าวว่า..."
ท่านเอ๋ย...ท่านเดินทางมารอบโลกแล้วหนอ
ท่านเอ๋ย...ท่านหลับตานั้นเร็วยิ่ง
ท่านเอ๋ย...ท่านลืมตานั้นช้าจริง

จริงอย่างภิกษุรูปนั้นกล่าว เรารู้สึกว่าที่เราหลับตาลงนั้น
แล้วก้าวเดินไป มันแค่ชั่วครู่เดียวเอง
แต่เมื่อภิกษุรูปนั้นกล่าวเช่นนี้ แสดงว่าเราได้โคจรรอบโลก
แล้วมายืนอยู่ ณ จุดเดิมแล้ว หรือนี้...?

.................................................................

เหตุการณ์ ที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้

๑.ภายนอก มีความร้อนจ้าสัมผัสพื้นดิน สูญเสียน้ำบนหน้าดิน
๒.ภายใน ใต้พื้นดินกำลังปลดปล่อยความร้อนสู่ภายนอก
มีแรงกดดันจากภายนอก
มีแรงปลดปล่อยจากภายในเพิ่มขึ้น

.........................................................................................

๑.จะเกิดความร้อนสูงขึ้น มีไฟไหม้หลายสถานที่ ยากที่จะควบคุมได้ (ความร้อนโลกสูง)
๒.เกิดพายุความร้อน (คลื่นความร้อนจากดวงอาทิตย์เดินทางมาถึง)
๓.เกิดความแห้งแล้ง ที่ยาวนานขึ้น (พื้นดินที่อุดมกลับแห้งแล้ง สูญเสียน้ำหน้าดิน)
๔.เกิดความแตกแยกในสังคม ประชาชนในประเทศ นอกประเทศ (ผลกระทบจากคลื่นความร้อนต่อมนุษย์ สัตว์ ต้นไม้)
๕.เกิดความกดดันจากภายนอก (มีความกดอากาศเพิ่มมากขึ้น ออกซิเจนน้อยลง)
๖.เกิดความแตกแยกภายใน หาทางออก (ความร้อนแก่นโลกมีความเปลี่ยนแปลง แรงเหวี่ยงหมุนช้าลง แม่เหล็กเปลี่ยนทิศ)

๗.จะเกิดความเปลี่ยนแปลงไปทั่วโลก (บรรยากาศ อากาศ ธรรมชาติ เริ่มเปลี่ยนแปลงไปทั่ว)
๘.จะเกิดการล้มตายด้วยอาวุธร้อน รังสี อูณหภูมิที่ทำลายชีวิตอย่างรวดเร็ว (อาวุธรังสีที่ละลายทุกอย่างรวดเร็ว)
โรคอวัยวะเสื่อมเร็ว มีคนตายครั้งละมากๆ
๙.จะเกิดความแตกแยกแบ่งประเทศ แบ่งฝ่าย แข่งขัน ขัดแย้งกัน จนไม่สามารถร่วมมือ ร่วมสามัคคีกันได้
การสานสัมพันธ์ถูกทำลาย การติดต่อเจรจาต้องใช้เวลานาน เกิดการดื้อดึง ไม่ฟังเหตุผล
มีความเชื่อมั่นในส่วนของตนมากขึ้น ไม่ยอมรับเงื่อนไขกันแหละกันง่ายๆ (จิตใจประกอบไปด้วยไฟโทสะมากขึ้น รับผลจากการเปลี่ยนแปลง)

๑๐.ในลำธาร แม่น้ำลำคลอง จะเหือดแห้งไป สิ่งที่ไม่เคยปรากฏ จะปรากฏ (ที่เคยมีน้ำจะไม่มี ที่ไม่เคยมีน้ำจะมี)
๑๑.ความศรัทธาที่ถูกที่ควร กลับเลือนหาย ไม่ยินดี เพราะเห็นผลช้า (ขาดที่พึ่งทางจิต ที่แท้จริง)
๑๒.ความศรัทธาที่ไม่ควร กลับนิยม น่ายินดี เพราะเห็นผลเร็ว (เชื่อวัตถุนิยมมากขึ้น หลง ขาดสติ)
๑๓.หลักธรรมคำสอนพระพุทธเจ้า กลับวางนิ่ง หาผู้สนใจจริงได้น้อยลง (ขาดศรัทธาสิ่งที่แท้จริง กลับนิ่งเฉย)
๑๔.คำสอนสอนจริงถูกบิดเบือน ถูกเหยียบย้ำด้วยคนนอกศาสนา (ถูกคุกคาม กลื่นศาสนา เชื่อศาสนานิยม)
๑๕.ลืมตาช้า...แก้ปัญหาต้องอาสัยเวลานาน ไม่ได้รับความร่วมมือ (ของจริงกลับ "เชื่อยาก")
๑๖.ปิดตาเร็ว...กล่อมเกลา หลอกล่อ สับปรับ กลับได้ผลเร็ว (ของไม่จริงกลับ "เชื่อง่าย")

๑๗.จะปรากฏน้ำจำนวนมาก พัดเข้ามาหาแนวหินที่ไม่เคยถูกน้ำมาก่อน (น้ำแข็งละลายท่วมพื้นดิน)
๑๘.น้ำจากใต้ดินพุ่งขึ้นข้างบน (น้ำใต้ดิน น้ำพุร้อน)
๑๙.พื้นดินที่มั่นคงกลับยุบลงต่ำกว่าน้ำ (แผ่นดินยุบ)
๒๐.หินใต้น้ำ กำแพงหนึ่ง ที่ไม่เคยเห็น จะปรากฏผุดขึ้นมา(หินผุดในน้ำ)
......................................................................................

ท่านๆก็ลองตีความกันเอาเถิด ว่าควรจะเป็นเช่นไร
แจ้งข่าวตามที่รู้เท่านั้น เป็นความเชื่อ เป็นความฝัน
ของคนเดินทาง คนหนึ่งเท่านั้น จริง ก็ได้ ไม่จริงก็ได้...

จิตนิมิต

 

นักวิทยาศาสตร์หมุนเข็มนาฬิกา
"วันโลกาวินาศ"ให้ใกล้เที่ยงคืนมากขึ้น​

​

​

คณะผู้อำนวยการของนิตยสารชื่อ "เดอะ บุลเลอติน ออฟ ดิ อตอมมิค ไซแอนทิสต์" (the Bulletin of the Atomic Scientists ) ซึ่งเป็นผู้กำหนดเวลาบนนาฬิกา "วันโลกาวินาศ" หรือ "เดอะ ดูมสเดย์ คล็อค" (The Doomsday Clock )

ออกมาเตือนวานนี้ ถึงภัยคุกคามต่อมนุษยชาติทั้งจากอาวุธนิวเคลียร์และการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศของโลก ที่ปัจจุบันมีอันตรายพอๆ กัน ขณะที่ได้เลื่อนเข็มบอกเวลาของนาฬิกาเพิ่มอีก 2 นาที ให้อยู่ที่อีก 5 นาทีจะเที่ยงคืน เพื่อเป็นสัญญลักษณ์ว่า มนุษยชาติใกล้จะถึงกาลล่มสลายมากเพียงใด ท่ามกลางความวิตกเรื่องการชะงักงันของความพยายามแก้ปัญหานิวเคลียร์อิหร่านและเกาหลีเหนือ รวมทั้งคำเตือนเรื่องอันตรายจากปัญหาโลกร้อน

การเลื่อนเข็มนาฬิกามาจากการตัดสินใจร่วมกันของคณะกรรมการบริหารนิตยสาร ซึ่งประกอบด้วยนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำ และผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบาย กับบรรดาสปอนเซอร์ รวมทั้งเจ้าของรางวัลโนเบล 18 คน และนับเป็นครั้งแรกที่นิตยสารฉบับนี้ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2488 เพื่อแจกจ่ายในหมู่นักฟิสิกส์ที่วิตกเรื่องสงครามนิวเคลียร์ ระบุชัดเจนถึงภัยคุกคามจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศโลก

ทั้งนี้ เข็มของนาฬิกาเคยอยู่ใกล้เที่ยงคืนมากที่สุด คือห่างเพียง 2 นาทีเมื่อปี 2496 หลังสหรัฐฯ ประสบความสำเร็จในการทดลองระเบิดไฮโดรเจน และเข็มนาฬิกาเคยอยู่ไกลเที่ยงคืนมากที่สุด คือ 17 นาที เมื่อปี 2534 หลังการล่มสลายของอดีตสหภาพโซเวียด

ที่มา http://palungjit.org/showthread.php?t=67805

​

​

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=bottom><TD style="FONT-SIZE: 14pt">kananun หัวหน้ากลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ</TD></TR></TBODY></TABLE>
โลกไม่แตกครับ แต่มีการเกิดภัยพิบัติครั้งรุนแรงตะหาก ผมว่าหลายๆท่านที่โพสต์ ต่างก็ไม่มีใครระบุว่าโลกจะแตกสลายกันในเวลาอันใกล้นี้เลย

สิ่งที่หลายๆคน ช่วยกันเตือนผู้อื่น ด้วยความหวังดี หลายๆครั้ง ก็กลายเป็นเรื่องที่ทำให้ตนเองถูกหัวเราะเยาะ หรือแม้แต่ถูกฆ่าตาย(สมัยยุคกลางในยุโรป) ในข้อหาว่าเป็นแม่มดหมอผี โดยที่ความจริง ผู้ทำร้ายนั้นเป็นผู้ที่หวาดกลัวในสิ่งที่ผู้ที่เตือนบอกต่างหาก

ถ้าอ้างเนื้อหาในคัมภีร์ไบเบิ้ลแล้ว มีการกล่าวถึง บุคคลท่านหนึ่งที่ชื่อว่า โนอาห์ เขาเชื่อในเรื่องที่รู้เกี่ยวกับภัยพิบัติที่จะมีน้ำท่วมโลก หลายๆคนหัวเราะเยาะเขาว่าบ้า ประสาทเสีย ทำอะไรไร้สาระ

คงเหลือแต่ ญาติพี่น้องของเขา และคนที่เชื่อ ช่วยกันเตรียมตัว เตรียมการ ต่อเรือขนาดใหญ่ บรรทุกสัตว์ทุกชนิดอย่างละคู่ อาหารและน้ำ

เมื่อถึงเวลาที่เกิดภัยพิบัติ ผู้คนที่หัวเราะเยาะเขา จมน้ำตายจนหมดสิ้น ส่วนโนอาห์และพรรคพวกก็รอดพ้นจากภัยพิบัติ ช่วยกันก่อร่าง อารยะธรรมรุ่นต่อๆมา

พวกเราในเว็บนี้หลายๆคนก็เช่นกันครับ อาจมีทั้งคนที่เชื่อและไม่เชื่อในเรื่องนี้ ขึ้นกับวิจารณญาณของแต่ละบุคคล เราควรจะต้องเคารพ ในความคิดเห็นของทุกๆท่าน

หลายท่านพยายามให้ข้อมูลในหลากหลายแง่มุม จากที่ต่างๆ ทั้งในส่วนภาคที่เป็นคำทำนาย จิตทัศน์จากญาณทัศนะ ของครูบาอาจารย์ที่ท่านเป็นพระบ้าง จากฆราวาสบ้าง และทั้งในประเทศไทยเอง และจากต่างประเทศ

ในอีกส่วนหนึ่ง พวกเราช่วยกันเก็บรวบรวมข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ภูมิอากาศ ธรณีวิทยา สิ่งแวดล้อม ที่บ่งชี้ถึงอันตรายจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ ที่กำลังเกิดขึ้นถี่ขึ้น และรุนแรงขึ้นอย่างน่าตกใจ

สำหรับเรื่องการเกิดมหาสงครามนิวเคลียร์นั้น มีครูบาอาจารย์ของหลายๆท่านในเว็บนี้ได้กล่าวไว้นานหลายปีก่อนที่ท่านจะมรณะภาพ

และในวันนี้เอง ศ.ดร. สตีเฟนน์ ฮอลกิ้น ที่วงการนักวิทยาศาสตร์ได้กล่าวยกย่องว่าเป็นบุคคลที่มีไอคิวสูงที่สุดในโลกขณะนี้ ได้ออกมากล่าวเตือนถึงการเกิดสงครามนิวเคลียร์ว่ากำลังจะเกิดขึ้น รวมทั้งกล่าวถึงเรื่องของนาฬิกาอะตอมด้วย

ดังนั้นเรื่องเหล่านี้ เราไม่อาจจะบังคับใคร ให้เชื่อหรือไม่เชื่อได้ครับ

แต่พวกเราหลายคน รู้สึกได้ด้วยตัวเองครับว่า เป็นหน้าที่ที่ตนเองต้องทำเพื่อ
- ช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์
- รักษาความเป็นชาติไทย และสถาบันกษัตริย์
- รักษาพระพุทธศาสนาให้ครบห้าพันปี
- สืบทอดอารยธรรมและสังคมคุณธรรม
- เล่าความผิดพลาดของบรรพบุรุษที่ได้กระทำย่ำยีกับโลกไว้ อย่างไร้จิตสำนึก

ดังนั้น พวกเราก็ยังคงทำสิ่งที่เราควรทำต่อไป อาจมีอุปสรรคบ้างแต่ในไม่ช้า ทุกคนจะเห็นในประโยชน์ที่เราทำ

ที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือสิ่งที่พวกเราทุกคนเสียสละทุน เวลา สติปัญญา ความสามารถ เพื่อส่วนรวมนั้น หากไม่เกิดภัยพิบัติขึ้นจริง สิ่งที่เราได้ทำลงไป ก็จะกลายเป็น

- งานที่ส่งเสริม ระบบเศรษฐกิจพอเพียง
- วิถีการพึ่งพาตนเอง
- สังคมคุณธรรม
- ชุมชนแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง
- โครงการเผยแพร่ธรรมมะสู่สังคม
- และโครงการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมชุมชน ครับ

ดังนั้นจะเห็นได้ว่า สิ่งที่เราทำ หากไม่เกิดภัยพิบัติ(ซึ่งทุกคนก็ล้วนไม่อยากให้เกิด) ทุกสิ่งที่พวกเราได้ทำงานลงไป จะไม่สูญเปล่าอย่างเด็ดขาด แต่จะกลับเป็นการช่วยบรรเทาพระราชกรณีกิจของในหลวงท่านให้ เจริญก้าวหน้าขึ้นไปด้วย

แต่หากภัยพิบัติเกิดขึ้นจริง งานที่พวกเราได้ช่วยกัน ก็จะกลับมาช่วยชีวิตผู้คน ได้อีกเป็นจำนวนมากครับ

คำทำนายคือคำเตือนครับ ฟัง ใช้สติ ไตร่ตรอง หาข้อมูล แล้วค่อยเชื่อ ตอนนี้ยังไม่ต้องรีบเชื่อก็ได้ครับ รอให้มันเกิดขึ้นก่อน

แต่ว่า........เมื่อถึงเวลานั้นมันก็อาจจะสายไปแล้วครับ ขอให้โชคดี

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=bottom><TD style="FONT-SIZE: 14pt">kananun 18-01-2007 03:26 PM</TD></TR></TBODY></TABLE>
ที่มา http://palungjit.org/showthread.php?t=67805

 

ตาลายเลย ภัยพิบัติเนี่ย ทำไมมันเยอะจังงงง

 

ไฟป่าพม่าลามเข้าอุ้มผาง กระทบประชาชนใน 3 ตำบลแล้ว ​

​

ตาก 28 ก.พ.- เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ผ่านมา นายณัฐพงศ์ วรรณกูล สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองหลวง อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เกิดไฟป่าในพื้นที่เขตดอยโตน ของพม่า และไหม้ลุกลามเข้ามาในพื้นที่เขตตำบลหนองหลวงของไทย ซึ่งลุกลามเป็นบริเวณกว้าง คลอบคลุมทั่วพื้นที่ ทำให้เกิดหมอกควันปกคลุมใน 3 ตำบล คือ ตำบลโมโกร หนองหลวง และอุ้มผาง จนเริ่มส่งผลกระทบให้ประชาชนป่วยเป็นโรคระบบทางเดินหายใจมากขึ้น และล่าสุดทัศนวิสัยในการขับขี่ยานพาหนะลดลงเหลือเพียง 200 เมตรเท่านั้น

 

TIME Magazine ฉบับวันที่ 9 เมษายน 2007 ได้ลงหน้าปกว่า Global Warming Survivor Guide
หรือ คู่มือเอาชีวิตรอด จาก ภาวะโลกร้อน ซึ่งมีบทความเกี่ยวกับ 51 วิธี แก้ปัญหา โลกร้อน ที่พวกเราสามารถทำได้
1. ใช้พลังงานชีวภาพ เช่น ไบโอดีเซล์ เอธานอล ให้มากขึ้น<!-- more -->
2. ลดการใช้ พลังงาน ในบ้าน (การใช้ไฟฟ้าในที่พักอาศัย มีส่วนทำให้เกิด ก๊าซเรือนกระจก ถึง 16% )
3. เปลี่ยนหลอดไฟ หลอดไฟแบบขด compact fluorescent lightbulb (CFL) จะใช้ไฟเพียง 1 ใน 4 ของปกติ
4. การเปลี่ยนไปใช้ไฟแบบหลอด LED จะได้ไฟที่สว่างกว่า และประหยัดไฟฟ้ากว่าหลอดปกติ 40 %
5. ในอเมริกา ได้มีการรณรงค์ให้เก็บ ภาษีคาร์บอน จากโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งจะช่วยลดปริมาณการปล่อย CO2 ลงราว 5%
6. บ้านหลังใหญ่ กินไฟกว่า การอยู่บ้านหลังใหญ่เกินความจำเป็น ส่งผลให้มีการใช้พลังงานมากกว่าที่ต้องการได้
7. ไม่ซักผ้าในน้ำอุ่น ตากผ้า แทนที่จะใช้เครื่องอบผ้า ผลการวิจัยบอกว่า ตลอดอายุการใช้งานของเสื้อ 1 ตัวจะปล่อย CO2 จากการซัก รีด อบแห้ง ประมาณตัวละ 9 ปอนด์
8. รีไซเคิลเสื้อ ในบางบริษัท มีการรับบริจาคเสื้อที่ใช้แล้ว จะนำไปหลอมมาทำเป็นเส้นใยใหม่อีกครั้ง ซึ่งจะช่วยลดก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 71%
9. สร้างตึกสีเขียว ในการก่อสร้าง บางตึกจะผสมคอนกรีต เข้ากับ slug (ของเสียที่ได้จากเหมือง) ซึ่งจะทำให้อาคารแข็งแรงขึ้น ลดการใช้พลังงานได้มากขึ้น
TIME 51 Things we can do
http://www.time.com/time/specials/2007/environment/

 

สำหรับพื้นที่ที่ประสบกับไฟป่าและเกิดหมอกควันนั้น หากใช้หน้ากาก กรองอากาศช่วยเวลาที่เราออกไปสัมผัสอากาศ จะช่วยลดอัตราการเจ็บป่วยจากโรคทางเดินหายใจไปได้มากครับ

หาเป็นผ้าปิดจมูกก็ไม่

ไม่เช่นนั้นก็เป็นหน้ากาก กรองของ สามเอ็ม รุ่น เอ็น 95 ที่กรองได้ในระดับไมครอน ซึ่งรวมไปถึงลดการติดเชื้อ จากเชื้อโรคทางอากาศ ได้ในระดับหนึ่งด้วย

ดูแลสุขภาพกันเอาไว้มากๆครับ

 

เพิ่มเติมครับ หน้ากาก 3M รุ่น N95 แพ็คละ 90 บาท บรรจุ 2 ชิ้น ซื้อได้ที่ Home pro , Home work ครับ

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เค้าลางแห่งหายนะทางเศรษฐกิจ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย จอห์น บราวน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>28 กุมภาพันธ์ 2552 14:51 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> (จากเอเชียไทมส์ออนไลน์www.atimes.com)

Economic catastrophe looms
By John Browne
19/02/2009

ความคึกคักอย่างมากมายของตลาดทองคำซึ่งเกิดขึ้นมาทั้งที่มีการดำเนินการเพื่อต้านทาน อาทิ การเทขายทองคำปริมาณมหาศาลโดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ชี้บ่งถึงความเกร็งกลัวในหมู่นักลงทุน ทั้งๆ ที่รัฐบาลสหรัฐฯ ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่โต ดังนั้น เมื่อรัฐบาลต่างๆ ทั่วโลกทยอยกันส่งคลื่นแห่งสภาพคล่องสาดลงมาตามท่อน้ำของระบบเศรษฐกิจ มูลค่าของสิ่งต่างๆ เกือบจะทุกสิ่ง ยกเว้นทองคำ จะถูกละลายหายกันไปหมด

ขณะที่สภาคองเกรสแห่งสหรัฐอเมริกาผ่านกฎหมายว่าด้วยมาตรการชุดใหญ่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 787,000 ล้านดอลลาร์ในกลางเดือนกุมภาพันธ์นั้น ความมหึมาของแผนดังกล่าวทำให้ผู้สันทัดกรณีทั้งหลายลืมไปเลยกับสภาพคล่องที่เคยถูกสาดซัดให้ไหลผ่านไปก่อนหน้านี้ และจึงแทบจะไม่มีใครนึกสงสัยว่าเรื่องร้ายใดจะเกิดขึ้นมาได้อีกเมื่อสภาพคล่องนี้ไหลบ่าเข้าไปท่วมท้นแผ่นดิน

ล่าสุดนี้ การจับจ่ายภาครัฐรายการใหญ่ๆ เพื่อประคองอาการของระบบการเงินที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้ลงนามให้เป็นกฎหมายเรียบร้อยแล้วได้แก่ ความช่วยเหลือแก่กลุ่มซิตี้กรุ๊ป มูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์ กับอีก 7 แสนล้านดอลลาร์ที่จะไปยังการบรรเทาสินทรัพย์มีปัญหาโครงการหมายเลข 1 (Troubled Assets Relief Program 1) และอีก 3 แสนล้านดอลลาร์สำหรับสำนักงานการเคหะแห่งชาติ (Federal Housing Administration) และยังมีก้อน 2 แสนล้านดอลลาร์สำหรับโครงการประมูลสินเชื่อระยะสั้นเพื่อบรรเทาแรงกดดันในตลาดกองทุน (Term Auction Facility) ซึ่งเป็นโครงการของแบงก์ชาติสหรัฐฯ (เฟด) นอกจากนั้น เป็นก้อน 3 แสนล้านดอลลาร์สำหรับแฟนนี เม และเฟรดดี้ แมค สองสถาบันยักษ์ด้านการค้ำประกันสินเชื่อที่อยู่อาศัย

ก่อนหน้านั้น เมื่อราวหกเดือนที่ผ่านมา ก็เพิ่งมีงบฯช่วยเหลืออุตสาหกรรมการเงินมูลค่าเกือบ 5 ล้านล้านดอลลาร์ที่รัฐบาลอเมริกันได้อนุมัติไป ซึ่งยังไม่รวมถึงแผนกระตุ้นเศรษฐกิจรุ่นแรกของรัฐบาลบุช กับการสนับสนุนที่ไม่ใช่การให้เม็ดเงินอัดฉีดแต่เป็นรูปแบบค้ำประกันโดยธนาคารกลางสหรัฐฯซึ่งประกาศออกมาหลายระลอก มูลค่ารุ่นละมหาศาลมากมาย ดังนั้น นักวิเคราะห์น่าจะสรุปไม่ผิดพลาดที่ว่า มาตรการของรัฐบาลเป็นแค่การโยนเงินใส่ปัญหาเท่านั้น

แม้ภาครัฐออกมาโปรยคำสวยหรูจนสามารถกล่อมนักวิเคราะห์มากมายให้เห็นงามกับโอกาสที่มาตรการอัดฉีดจะประสบความสำเร็จได้ แต่ความเคลื่อนไหวในตลาดทองคำดูว่าจะเข้าใจชัดเจนถึงนัยสำคัญของการจับจ่ายภาครัฐอันมหาศาลอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ความรู้สึกที่ว่ารัฐบาลหมดมุกที่จะหาวิธีแก้ปัญหา ได้สร้างความแตกตื่นกันไปทั่ว ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นคือ นักลงทุนที่คร่ำหวอดแห่กันเสาะหาแหล่งพักทรัพย์ศฤงคารของพวกตัวที่ปลอดภัยเหนืออื่นใด ดังนั้น ในปี 2009 นี้จะมีปรากฏการณ์แบบที่เกิดขึ้นเสมอนับครั้งไม่ถ้วนตลอดช่วงประวัติศาสตร์ คือการแห่ไปเก็บสะสมทรัพย์ในรูปของทองคำ ด้วยเหตุนี้ การแทรกแซงระบบเศรษฐกิจของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ จะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว ย่อมสามารถคาดการณ์ได้จากราคาซื้อขายทองคำ ซึ่งขณะนี้การที่ราคาทองคำมีแต่จะทะยานสูงขึ้นเรื่อยๆ จึงเท่ากับว่าตลาดทองกำลังแผดเสียงสัญญาณความล้มเหลวฟ้องออกมานั่นเอง

ก่อนที่จะมาถึงการที่รัฐบาลอเมริกันสาดสภาพคล่องเข้าสู่ตลาดการเงินครั้งล่าสุด รัฐบาลก็เพิ่งอัดฉีดอุดหนุน 4 ล้านล้านดอลลาร์เข้าไปช่วยเลื่อนเวลาการล่มสลายของระบบสถาบันธนาคาร พร้อมกับวางรากฐานให้แก่การปรับโครงสร้างกันสืบต่อไป กระนั้นก็ตาม การดำเนินการเหล่านี้ได้ช่วยกอบกู้ระบบการธนาคารได้จริงบ้างหรือไม่ และในเมื่อเค้าลางของปัญหาเศรษฐกิจถดถอยแสดงตัวแจ่มชัดลึกซึ้งมากขึ้น แล้วมันจะมีแนวโน้มได้แค่ไหนว่าแพ็กเก็จเสริมอีก 787,000 ล้านดอลลาร์เพื่อการกระตุ้นระบบเศรษฐกิจก้อนนี้จะสามารถสร้างแรงใจให้เกิดความเชื่อมั่นได้เพียงพอแก่การกอบกู้พลังการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งถ้าไม่สำเร็จ ความเสียหายจากมาตรการอัดฉีดเหล่านี้จะกระทบต่อการฟื้นตัวระยะยาวไปประมาณใด

โดยทั่วไปแล้ว แพ็กเก็จกอบกู้สถานการณ์ของรัฐสภาไม่ค่อยจะได้ผลอยู่แล้ว กระนั้นก็ตาม สภาคองเกรสก็ยังไปโหมดีกรีร้อนของปัญหาด้วยการเพิ่มระดับหนี้ภาครัฐเพื่อไปสนับสนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจตลอดจนแพ็กเก็จกอบกู้ต่างๆ วุฒิสภาชิกจอห์น แมคเคน ให้ฉายาแก่กลยุทธ์ที่รัฐบาลใช้อยู่นี้ว่า “การปล้นทรัพย์ของคนรุ่นต่อไป” ทั้งนี้ แต่ละแพ็กเก็จล้วนแต่จะไปตกบนบ่าของคนรุ่นต่างๆ ในอนาคต ไปขัดขวางการปรับโครงสร้าง พร้อมกับไปคุกคามต่อเสถียรภาพในรูปของเงินเฟ้อแอบแฝงรุนแรง

ขณะที่คองเกรสอ้างว่าระบบเศรษฐกิจซึ่งไปสร้างภาระหนี้ไว้ล้นเกินอย่างแสนสาหัส ตกอยู่ในภาวะจนตรอก จำต้องได้รับการปรับโครงสร้าง แต่แล้วผู้นำแห่งรัฐสภาแห่งนี้กลับไปขวนขวายเสาะหาสร้างหนี้เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย พวกนี้เตือนถึงอัคคีภัย แต่แล้วก็กลับสาดน้ำมันไปบนกองเพลิง

ความรุนแรงของสถานการณ์ถูกกระพือเกินเลยเมื่อขนาดของปัญหาคอยแต่จะทวีตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ในสัปดาห์ที่สามของเดือนกุมภาพันธ์ บันทึกการประชุมของเฟดที่ได้รับการเปิดเผยล่าสุด ยืนยันว่าแม้แต่ฐานที่มั่นแห่งการฉายภาพด้านบวกตลอดกาลก็ส่อสภาวะตึงเครียดให้เห็น ทั้งนี้ ระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯ หดตัว 3.8% ในไตรมาส 4/2008 และคาดกันว่าจะหดลง 5.5% ในไตรมาส 1/2009 นี้ การวิเคราะห์ของบางค่ายพบแล้วว่าอัตราว่างงานขยายไปถึงระดับเลขสองหลักทีเดียว แม้ภาครัฐจะมีการเร่งจับจ่ายอย่างมหาศาลเพื่อการกอบกู้เศรษฐกิจและการกระตุ้นการเติบโต แต่ผู้บริโภคอเมริกันได้แสดงออกมาชัดเจนแล้วว่านับวันแต่จะผวาวิตกหนักขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ตลาดสินเชื่อก็แทบจะไม่มีสัญญาณการพื้นตัว

ขณะที่กระแสข่าวร้ายมีแต่จะทวีความรุนแรง ตลาดการลงทุนก็มีแต่จะจมดิ่งลง ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงทดสอบสถิติต่ำระดับใหม่ๆ อยู่ไม่ได้ขาด ส่วนตลาดซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ก็แทบจะไม่มีสัญญาณชีพจรชีวิตเต้นให้เห็น จุดที่น่าสังเกตคือ ข้อมูลเชิงสถิติบ่งบอกว่าในยุคยามทำนองนี้ ราคาทองคำควรดิ่งไปพร้อมกับราคาสินทรัพย์และสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ แต่ความเป็นจริงขณะนี้กลับเป็นตรงข้าม ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ตลาดทองคำแสดงความคึกคักอย่างโดดเด่น สถานการณ์นี้เกิดขึ้นได้ทั้งๆ ที่มีปัจจัยกดดันราคาแทรกแซงเข้าไปอย่างแข็งขัน อาทิ การเทขายทองปริมาณสูงโดยทางการอย่างกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ)

ไม่ใช่เพียงแค่ราคาทองซื้อขายสปอตจะดีดตัวขึ้นทั้งที่เผชิญแรงกดดันจากซีกขาย แม้แต่ราคาเทรดในร้านขายทอง ก็ทะยานขึ้นไปสูงกว่าราคาซื้อขายสปอต ราว 20-40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ นี้แสดงว่านักลงทุนอยู่ในภาวะหวาดผวารุนแรงกระทั่งว่าพวกเขาต้องการถือทรัพย์ไว้ในมือให้อุ่นใจ

อย่าไปหลงทางเลย ระบบเศรษฐกิจจะไม่พลิกกลับมาเป็นปกติในเร็ววัน และเมื่อแรงส่งเสริมให้เกิดการฟื้นตัวถูกพิสูจน์ว่าไม่สามารถเป็นจริงได้ ก็จงเตรียมเห็นรัฐบาลทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รัฐบาลในสหรัฐฯ ส่งสภาพคล่องอีกระลอกใหญ่เข้าไปสาดท่วมเจิ่งนองระบบเศรษฐกิจกันอีก ซึ่งเมื่อเกิดขึ้นอย่างนั้น มูลค่าของสิ่งต่างๆ เกือบจะทุกอย่าง ยกเว้นทองคำ จะถูกละลายหายกันไปหมด

จอห์น บราวน์ เป็นนักยุทธศาสตร์การตลาดอาวุโส แห่งค่ายยูโร แปซิฟิก แคปิตอล</STRONG>

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ถ้าทองราคาตกมากเราก็จงมองเห็นเป็นการดีเราก็จะเทซื้อมาทำพระพุทธรูปให้หมดแผ่นดินเลยก็จะดีไม่น้อยนะครับใจเต็มเปี่ยมๆ ^_^

 

<TABLE class=tborder id=post1926929 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>ชัยมงคลสถาน<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1926929", true); </SCRIPT>
สมาชิก



วันที่สมัคร: Sep 2007
ข้อความ: 214
<IF condition="">
</IF>Groans: 0
Groaned at 0 Times in 0 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 217
ได้รับอนุโมทนา 3,842 ครั้ง ใน 206 โพส
พลังการให้คะแนน: 184



</TD><TD class=alt1 id=td_post_1926929 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->แนวโน้มอาหารจะขาดแคลนเริ่มชัดขึ้นแล้วทั้งภัยธรรมชาติและความแห้งแล้ง
หลายปีแล้วที่เฝ้ามองเป็นจริงแน่ไม่แปรผัน
จะมีหลายๆประเทศมาเยือนเพื่อเพิ่มความสัมพันธ์ทางด้านอาหาร
ความหิวเริ่มกระจายไปทั่วโลกจะทำให้คนเป็นคนขี้โมโหมากขึ้น
แอฟริกาอดตาย ทุกวันได้แต่ร้องขอเพราะไม่มีอาวุธ
แต่ถ้าประเทศมีอาวุธ เช่นเกาหลีเหนือ
ใครพูดผิดหูกูจะยิงเอา ก็คนมันหิว
ประเทศเรารวยข้าวน่าจะทำทานกับประเทศที่อดอยากบ้าง
อย่าไปคิดแต่กำไรเป็นเงินทอง มันสู้พลังบุญไม่ได้หรอก

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ฝนตกต้นมีนาฯ สักสามหยด (เห็นที่จตุจักรวันนี้)
อากาศแปลกๆ

 

เตือนโลกร้อนกระทบรุนแรงเอเชียใต้​

​

ชิคาโก 1 มี.ค.

 

1 มี.ค. 52

อยากรักษาเนื้อแต่เสียดายเกลือ

ผมว่าเวลาการเตรียมความพร้อมยังมี แต่ผู้ที่อยากจะหนี ยังไม่แน่ใจ ยังกล้าๆกลัวๆ ยังไม่อยากเสียเงินตุนสิ่งของและยังไม่กล้าเข้ากลุ่ม กลัวถูกหลอก

ปัญหาข้อนี้จะทำให้ไปไม่รอด

 

ปศุสัตว์พัทลุงคุมปัญหาโคขาดน้ำ-ป่วยตายเกือบร้อยตัว​

​

พัทลุง 1 มี.ค.- นายไพโรจน์ อินทรศรี ปศุสัตว์จังหวัดพัทลุง ชี้แจงปัญหาโคในพื้นที่ ต.เกาะหมาก และ ต.เกาะนางคำ อ.ปากพะยูน ผอมตายอย่างต่อเนื่อง จนถึงขณะนี้ประมาณ 70 ตัว ว่า เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเมื่อถึงฤดูฝนน้ำท่วมขังท้องทุ่งนาน 1 เดือน ส่วนฤดูร้อนเกิดความแห้งแล้ง ไม่มีแหล่งอาหารทั้งหญ้าและน้ำ ทำให้โคซูบผอม มีอาการคางบวมน้ำล้มแล้วลุกไม่ขึ้น

นอกจากนี้ ยังพบว่าโคที่ตายเป็นพยาธิใบไม้ในกระเพาะและพยาธิตัวกลมจำนวนมาก ทำให้สุขภาพโคที่ขาดอาหารอยู่แล้ว มีอาการหนักมากขึ้นจนตายในที่สุด และขอให้เกษตรกรเก็บฝังซากโคอย่างมิดชิด ไม่ควรปล่อยทิ้งซากไว้คาท้องทุ่ง เพราะจะทำให้เกิดโรคติดต่อ

อย่างไรก็ดี ขณะนี้มีทีมสัตวแพทย์เคลื่อนที่เข้าไปควบคุมสถานการณ์ โดยฉีดยาบำรุงและยาถ่ายพยาธิ สนับสนุนหญ้าแห้งและฟางแห้งให้เกษตรกร พร้อมเคลื่อนย้ายโคไปเลี้ยงในตำบลใกล้เคียงที่มีหญ้าสดเพียงพอ.-สำนักข่าวไทย

2009-03-01 16:43:18

หมอกควันยังปกคลุมเชียงรายหนัก ขณะที่ลำปางเผชิญไฟป่า​

​

เชียงราย,ลำปาง 1 ม.ค.-เทศบาลนครเชียงรายนำรถดับเพลิงฉีดพ่นละอองน้ำชะล้างหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก หลังหมอกควันปกคลุมเชียงรายหนาแน่นมานานกว่า 1 สัปดาห์แล้ว ขณะที่จังหวัดลำปาง ไฟป่าสร้างความเสียหายกินพื้นที่ไปแล้วกว่า 120 ไร่

สถานการณ์หมอกควันที่ปกคลุมจังหวัดเชียงรายยังอยู่ในขั้นวิกฤติ ทำให้ทัศนวิสัยการมองเห็นขณะขับขี่ยานพาหนะในจังหวัดวันนี้(1 มี.ค.) ต่ำกว่า 1,000 เมตร ขณะที่เทศบาลนครเชียงรายได้เร่งระดมรถดับเพลิงกระจายออกฉีดพ่นละอองน้ำในอากาศตามถนนสายต่างๆ ทั่วเมืองเพื่อชำระล้างหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็กสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยว

นายสมพงษ์ กูลวงษ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลนครเชียงรายระบุว่าหมอกควันที่ปกคลุมเชียงรายหนาแน่นมานานหลายวัน ส่งผลให้ประชาชนในเขตเทศบาลนครเชียงรายเริ่มป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจแล้วจำนวนมาก ทางเทศบาลฯ จึงได้เร่งวางมาตรการในการแก้ปัญหาเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนและการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงราย เบื้องต้นได้ระดมรถดับเพลิงฉีดพ่นละอองน้ำเพื่อล้างหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็กที่ลอยอยู่กลางอากาศและตามต้นไม้ และเร่ง ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั้ง 60 ชุมชนงดเผาทุกชนิดอย่างเด็ดขาดพร้อมเตรียมหน้ากากอนามัยแล้วนับแสนชิ้นเพื่อแจกจ่ายให้ประชาชน นอกจากนี้จะเร่งจัดทีมแพทย์พยาบาลออกให้การดูแลสุขภาพของประชาชนต่อไป

ส่วนที่จังหวัดลำปาง นายสมศักดิ์ เขื่อนแก้ว ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมจังหวัดลำปาง เปิดเผยว่า ขณะนี้หน่วยงานของรัฐร่วมกันสอดส่องดูแลพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ป่า เพื่อป้องกัน และควบคุมการจุดไฟเผาป่า ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดหมอกควันพื้นที่จังหวัดลำปางขณะนี้ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายกวดขันในพื้นที่รับผิดชอบของตนเองอย่างเต็มที่ เพื่อบรรเทาสถานการณ์หมอกควันไฟให้เบาบางลง ซึ่งเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เกิดไฟป่ามากกว่า 150 จุดรอบจังหวัดลำปาง มีพื้นที่ป่าที่ถูกไฟไหม้ไปแล้วกว่า 120 ไร่.-สำนักข่าวไทย

2009-03-01 14:04:35

พายุฤดูร้อนถล่มยโสธรโค่นเสาไฟฟ้า-หอบหลังคาบ้านปลิว​

​

ยโสธร 1 มี.ค.- เช้าวันนี้ (1 มี.ค.) เจ้าหน้าที่ฝ่ายโยธาขององค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ลุมพุก อ.คำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร เร่งลงพื้นที่ตรวจความเสียหายจากพายุฤดูร้อนกระหน่ำอย่างหนักกลางดึกที่ผ่านมา พบว่าต้นไม้ใหญ่ เสาไฟฟ้า ต้านแรงลมแรงไม่ไหวหักโค่น ทำให้บ้านเรือนในพื้นที่ ม.2 บ้านหนองหาบแห และ ม.7 บ้านเหล่าฝ้าย ต.ลุมพุก ไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้มาตลอดทั้งคืน

นอกจากนี้ แรงลมยังหอบหลังคาบ้านปลิวหายไป 10 หลัง ราษฎรเดือดร้อน 40 คน แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ โดยชาวบ้านที่ถูกแรงลมพัดหลังคาหายไป ย้ายไปอาศัยบ้านญาติชั่วคราว ส่วนหลังอื่นเร่งซ่อมแซมความเสียหาย เพราะเกรงว่าพายุอาจเกิดขึ้นอีกระลอก เนื่องจากสภาพอากาศทั่วไปวันนี้ยังมีเมฆฝนปกคลุมทั้งจังหวัด

ขณะเดียวกัน นายขจรศักดิ์ สิงโตกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร ประกาศเตือนประชาชนให้ระวังภัยจากพายุ หากฝนฟ้าคะนองควรงดเว้นการทำงานกลางแจ้ง.-สำนักข่าวไทย

2009-03-01 13:33:54

หญิงชราวัย 87 ปี สังเวยพายุฤดูร้อนพัดกระหน่ำอุบลราชธานี ​

​

อุบลราชธานี 1 มี.ค.-พายุฤดูร้อนพัดถล่มจังหวัดอุบลราชธานี บ้านและสวนยางพาราพังและมีผู้เสียชีวิต 1 ราย เพราะความแรงของพายุพัดอิฐบล็อกของบ้านลงมาทับ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พายุฤดูร้อนพัดถล่มบ้านและสวนยางพาราที่อำเภอบุณฑริก จังหวัดอุบลราชธานี สร้างความเสียหายให้บ้านเรือนราษฎรและสวนยางพาราล้มระเนระนาดกว่า 200 ไร่ ทำให้บ้านเรือนราษฎรในหมู่บ้านขอนแป้น หมู่ที่ 9 และบ้านศิลาชัย หมู่ที่ 13 ถูกพายุพัดหลังคาและฝาบ้านพังเสียหายจำนวน 55 หลังคาเรือน รวมทั้งยังมีต้นไม้ขนาดใหญ่หักโค่นขวางกลางถนนระหว่างบ้านหลักป้ายไปบ้านขอนแป้น ทำให้ประชาชนที่ใช้ถนนต้องหันไปใช้ทางเบี่ยงแทน

อิทธิพลของพายุฤดูร้อนยังพัดถล่มสวนยางพารา ทำให้ต้นยางพาราของเกษตรกรในตำบลดังกล่าวเสียหายกว้างกว่า 200 ไร่ และความแรงของพายุยังทำให้กำแพงอิฐบล็อกบ้านพักนางทองแดง ทองแสน อายุ 87 ปี ราษฎรบ้านโนนบาก ตำบลโพนงาม พังลงมาทับนางทองแดงจนเสียชีวิตด้วย

หลังเกิดเหตุนางรำพูล ตันติวนิชชานนท์ สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(ส.อบจ.) อำเภอบุณฑริกได้นำเจ้าหน้าที่หน่วยบรรเทาสาธารณภัยและเจ้าหน้าที่เกษตรอำเภอเข้าสำรวจความเสียหาย เพื่อเก็บข้อมูลรายงานให้จังหวัดเร่งเข้ามาให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัย เบื้องต้นเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราจะได้รับเงินชดเชยความเสียหายจากรัฐบาลไร่ละ 960 บาท ส่วนอาคารบ้านเรือนจะได้รับการพิจารณาช่วยเหลือตามความเสียหายที่เกิดขึ้น

ด้านนายนเรนทร์ พรานไพร เจ้าของสวนยางพาราที่ได้รับความเสียหายจากอิทธิพลพายุฤดูร้อนเล่าว่า ได้ยินเสียงลดพัดพุ่งตรงเข้าหาสวนยาง ซึ่งขณะเกิดเหตุไม่กล้าออกจากบ้านมาดู เพราะเสียงดังมาก หลังพายุสงบก็พบต้นยางพาราที่ให้น้ำยางมาแล้วกว่า 3 ปี ล้มระเนระนาดกินเนื้อที่กว่า 15 ไร่ ซึ่งความสูญเสียครั้งนี้นับว่ารุนแรง เพราะต้นยางแต่ละต้นสามารถให้น้ำยางคิดเป็นเงินเฉลี่ยต้นละ 2 บาท/วัน สำหรับสวนยางของตนเสียหายกว่า 500 ต้น ทำให้สูญเสียรายได้และโอกาสในการกรีดยางตามอายุขัยของต้นยางคิดเป็นมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท ส่วนค่าชดเชยที่ได้รับจากรัฐบาลก็คงช่วยอะไรไม่ได้มากนัก.-สำนักข่าวไทย

2009-03-01 18:07:00

จัดงบประมาณเพิ่มศูนย์คุมเข้มโรคติดต่อชายแดน​

​

ตาก 1 มี.ค.- นพ.มล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ประชุมเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันโรคติดต่อนำโรคแมลงที่ 9 ที่ห้องประชุมหน่วย อ.แม่สอด จ.ตาก หลังจากติดตามสถานการณ์โรคติดต่อตามแนวชายแดนไทย-พม่าว่า

จากข้อมูลการสุ่มตรวจโรคมาลาเรียในผู้หนีภัยชาวกะเหรี่ยงและแรงงานต่างด้าว 300,000 คน ตามแนวชายแดนพบผู้ติดเชื้อมาลาเรีย 5,000 คนต่อปี และผู้ป่วยเท้าช้างบางส่วน นอกนั้นเป็นผู้ติดเชื้อทางเดินอาหาร เช่น ท้องเสีย ท้องร่วงรุนแรง ซึ่งกรมควบคุมโรคได้ให้เจ้าหน้าที่ที่ประจำการอยู่ในพื้นที่ทั้ง 12 ศูนย์ 12 แห่ง ได้ติดตามตรวจสอบรักษาเพื่อไม่ให้มีการแพร่ระบาด

นอกจากนี้ กรมควบคุมโรคยังตั้งงบประมาณเพิ่มจัดสร้างด่านตรวจโรคติดต่อจากบุคคลต่างด้าวที่จะเข้าออกนอกราชอาณาจักร โดยจะตั้งสำนักงานที่เชิงสะพานมิตรภาพไทย-พม่า ร่วมกับหน่วยงานชายแดนอื่นๆ เพื่อเป็นด่านตรวจและเฝ้าระวังการนำโรคติดต่อนำโดยแมลงจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาฝั่งไทยทางด้านชายแดน เพราะปัจจุบันพบเชื้อโรคติดต่อนำโดยแมลงดื้อยาแล้วที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นเชื้อที่อันตรายมาก ส่วนผู้อพยพชาวโรฮิงญาในแถบชายแดนทะเลฝั่ง จ.ระนองนั้น ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ติดตามเฝ้าระวังปัญหาโรคติดต่อเช่นเดียวกัน.-สำนักข่าวไทย

2009-03-01 18:48:15

แพทย์แนะบริโภคอาหารหน้าร้อนอย่างปลอดภัย​

​

อุตรดิตถ์ 1 มี.ค.- นพ.ขจร วิลัยพาณิชย์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอุตรดิตถ์ เตือนประชาชนให้ระมัดระวังการบริโภคอาหารในช่วงฤดูร้อน โดยเน้นความสะอาดและปรุงสุกใหม่เป็นสำคัญ ไม่มีแมลงวันตอม เนื่องจากสภาพอากาศร้อนอบอ้าว ทำให้อาหารบูดหรือเสียง่าย และเชื้อแบคทีเรียจะเจริญเติบโตเร็ว

หากจำเป็นต้องรับประทานอาหารตามร้านอาหารทั่วไป ควรเลือกร้านที่ไว้ใจได้ในเรื่องความสะอาด หรือร้านที่มีป้ายคลีนฟู้ดกู๊ดเทศ ซึ่งได้รับรองความสะอาดจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เพราะช่วงนี้สาธารณสุขจังหวัดได้รับรายงานจากโรงพยาบาลอำเภอและสถานีอนามัยตำบลหลายแห่งเกี่ยวกับสถานการณ์ผู้ป่วยระบบทางเดินอาหาร ทั้งอาหารเป็นพิษ อุจจาระร่วง สาเหตุส่วนใหญ่มาจากรับประทานอาหารที่ไม่สะอาด.-สำนักข่าวไทย

2009-03-01 11:32:47

ที่มา http://news.mcot.net/local/