เหรียญบิน หลวงพ่อทรง - แพโบสถ์น้ำ หลวงตา (เล็ก) น. ๑๒๖๕

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย พี เสาวภา, 7 เมษายน 2008.

  1. sacrifar

    sacrifar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    551
    ค่าพลัง:
    +3,221
    ทำความดีได้ตราบที่ยังมีลมหายใจ ไม่มีคำว่าสายไป

     
  2. tuaang

    tuaang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    818
    ค่าพลัง:
    +1,634
    ทำทาน
    ทำบุญ
    ช่วยเหลือ ผู้ทุกข์ยาก หรือสัตว์โลก ;aa24



    ดีที่ได้เปิดสมอง บรรเทาความร้อน ร้อนๆ เบาๆบ้าง หนักๆบ้าง

    ขอบพระคุณ ที่ได้สละเวลา สนทนาธรรม+สัพเพเหระ ทางสาย

    ไม่มีมากไป แลไม่มีน้อยไปสำหรับ ที่ผมจะขอกล่าวว่า

    อนุโมทนา ในกาลนี้ครับ คุณพี
     
  3. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,289

    มีเรื่องกรรมเรื่องหนึ่ง ที่จริงไม่ใช่เรื่องของผมโดยตรง เป็นของคนใกล้ตัว หาเรื่องมาให้ผมมามากกว่า ที่จริงเรื่องแบบนี้ผมโดนมาเยอะเหมือนกัน เป็นเรื่องคนอื่นซ่ะส่วนใหญ่ แต่ผมต้องมารับภาระและแก้ปัญหาให้ ไม่ว่าใหญ่และเล็ก จะทิ้งกันก้ไม่ได้ เอาว่าต้องโดนด้วย...แหะๆ จึงเป็นกรรมเก่า ชนิดหนึ่ง

    เรื่องนี้เผอิญเป็นเรื่องส่วนตัว เลยเล่าออกอากาสไม่ได้ แต่ผมได้เคยปรึกษาและเล่าให้หลวงพ่อทรงฟัง ตอนแรกท่านฟังเฉยๆ ไม่ได้ว่าอะไร แต่ตามสไตล์หลวงพ่อทรงที่เป็นคนมีจิตดี และสติเป็นเยี่ยม ในช่วงสุดท้ายของชีวิตในโรงพยาบาล อยู่ดีๆ เมื่ออยู่ระหว่างผมกับหลวงพ่อ ท่านก็เอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาหลังจากที่คุยกันหลายเดือน น่าจะเป็นปีด้วย

    หลวงพ่อท่านพยากรณ์ให้เลยว่า เรื่องนั้น ในที่สุดจะผ่านไปได้ ไม่ต้องกังวล แล้วยิ้มให้ ผมไม่ได้สงสัยเลย เพียงแต่ว่าเรื่องนั้นมันใหญ่มาก และยังไม่เสร็จสิ้น แต่เผมชื่อหลวงพ่อแบบเต็มร้อย ไม่มีความกังขาใดๆทั้งสิ้น

    ตอนที่หลวงพ่อยังอยู่ ผมไปหาท่านบ่อย แม้จะชอบเรื่องเครื่องรางของขลัง เพราะสนุกดี หลวงพ่อท่านก็ชอบน่ะครับ ท่านเรียนมาเยอะ เพราะเป็นคนชอบเรียน ชอบลอง แต่ที่ผมชอบจริงๆคือการคุยกับหลวงพ่อ การคุยนี่มีหลายแบบหลายเรื่องแล้วแต่เหตุการณ์และระดับ ความลึกของเรื่อง ต้องมีจังหวะ

    หลวงพ่อท่านเป็นพระที่คุยสนุกก็จริง แต่เรื่องอิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาร น่ะลืมได้เลย ท่านไม่เคยเผลอ แม้จะต้อนๆให้ให้เข้ามุมได้หลายที...แหะๆ ผมน่ะชอบฟัง อยากรู้ ชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องระดับ จิตศาสตร์ เพราะมันส์ดี

    ส่วนการคุยเรื่องส่วนตัวผม ผมได้หลวงพ่อมาเป็นโค้ช แนะนำเรื่องการงานหลายเรื่อง และเป็นไปดังปากท่าน ไหนๆก็เล่าแล้ว เรื่องการตัดสินใจในด้านธุรกิจ การประมูล ก็ได้ท่านช่วยมาปรึกษา แม้หลวงพ่อจะไม่รู้เรื่องทางโลก ทางด้านเทคนิค แต่จิตรู้ของท่านมองได้ทะลุกว่า กว่าผมมองเยอะมาก นอกจากนั้น บางเรื่องท่านยัง " ช่วย " ได้อีกด้วย

    ตอนท่านยังอยู่ผมไม่เคยเล่าให้ใครฟัง กลัวคนไปรุมท่าน เหตุการณ์นี้แบบเดียวกับตอนหลวงปู่อาจารย์ผม พอคนรู้ออกไปมากๆ คนก็ไปรุมท่าน และท่านเหนื่อยมาก เป็นบทเรียนของผม แต่ตอนนั้นจะต้องสร้างวัด ใช้เงินเยอะ ท่านก็ต้องโปรดคนไปตามบท ให้เขาได้สร้างกุศลในพระพุทธศาสนา

    เมื่อสิ้น หลวงปู่ผม ผมได้มาเจอหลวงพ่อ ก็อุ่นใจ ว่าเจอแล้วอีกองค์ ที่ผมมั่นใจว่ามีบุพกรรมเก่ากันมา ท่านถึงห่วงใย คอยถามไถ่ ให้คำปรึกษา เหมือนพ่อคอยห่วงใยลูก ผมซาบซึ้งในความเมตตาของท่านมาตลอด

    พอสิ้นหลวงพ่อไป ผมก็เหมือนขาดบุพการี ไปอีกคน เหงาๆเหมือนกัน แต่ก้เข้าใจในเรื่องกรรมเพิ่มมากคน ชีวิตคนต้องผ่านประสบการณ์ให้เรียนรู้ ผมก็พอผ่านมาหลายบทแล้ว

    กรรมนี้ แม้จะแรงแต่ถ้าท่าน สวดมนต์ ไหว้พระ ทำสมาธิ ให้จิตนิ่ง สร้างกำลังใจขึ้นมา แประกอยทานบ้างตามสมควร พวกสังฆทาน ( อันนี้หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เน้นมาก ว่าแม้ป่วยอยู่ก๋หายได้ ) ทานในการช่วยชีวิต ปล่อยสัตว์ ปล่อยปลา บริจาคเลือด ช่วยสัตว์ที่ลำบาก ( รวมคนด้วยแน่นอน ) ของแบบนี้มองไม่เห็น แต่ช่วยเลื่อนกรรม และรับแรงกระแทกของกรรมได้บางส่วน และอย่างน้อยจิตสงบ ก็เตรียมใจไว้เพื่อรับสถานะการณ์ด้วยความมีสติ ไม่ตกใจเสียสติไป ก็อาจจะผ่านพ้นเหตุการณ์มาได้

    หลวงพ่อทรงเอง ในความเห็นของผมน่ะ จิตท่านไปขนาดไหนแล้ว แต่เมื่อกรรมมา ท่านก็ต้อนรับกรรมเขาอย่างสงบ ไม่ได้แสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาร สงบ สยบกรรมซึ่งมาด้วยความเจ็บป่วยทุกทรมาณแต่อย่างใด เพราะท่านรู้ลึกถึงในกรรมนั้นครับ และปลงได้ขาด รู้ซึ้งถึงตอนจบ

    เราก็น่าจะเอาเป็นแบบอย่างเหมือนกันน่ะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤศจิกายน 2008
  4. ซักวันจะคิดออก

    ซักวันจะคิดออก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,556
    ค่าพลัง:
    +6,330
    ผมเข้าใจเอาเองว่า กรรมไม่มีวันหมด ถ้ายังไม่ได้ใช้กรรม
    เพราะฉะนั้น หลวงพ่อจึงยินดีต้อนรับกรรม เพื่อชดใช้ให้จบในชาตินี้
    ไม่ให้ตัวกรรมเองต้องตามจองเวรไปทุกชาติทุกชาติ
    เมื่อชดใช้แล้ว กรรมเองก็จะได้ไปเวียนว่ายตายเกิดใหม่
    จะได้มีโอกาสไปสร้างกรรมดีใหม่ๆ เป็นกุศลบุญให้ตัวเค้าเองด้วย
     
  5. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,289
    http://www.siamamulet.net/phpboard/qb.php?Qid=170318

    จากลิ้งค์ข้างบน ผมไม่สามารถไปชี้แจงได้เพราะไม่ได้เป็นสมาชิก แต่การพูดเรื่องจริงหลักฐานนี่ดีมากกว่ามีสีสันด้วย ดีกว่าการกล่าวลอยๆ แล้วมาพูดรวมไปหมด ผมชอบเรื่องหลักฐานเพราะไม่ได้ตะแบงกัน แต่พูดกันตรงพื้นฐานของความจริง ใครทำอะไร จะรู้อยู่แก่ใจตัวเองนี่แหละครับ ในข้อความใหม่ มีการพูดถึงหลายจุด ผมขอแสดงความเห็นบ้าง แต่คงแบบเร็วๆ และงานเยอะ เอากันพอตอบได้ทัน

    ๑) เรื่องเหรียญดีบุก ผมเล่าไปแล้ว ว่าไม่ได้จากในย่ามหลวงพ่อ และพยานยังมี ที่เป็นพระคือหลวงพี่วิโรจน์ ยังอยู่ที่วัดมอญ และพระสวัดดิ์ ย้ายไปอยู่ที่ อีสาน ผมขาดการติดต่อ แต่ได้ข่าวว่ามีคนที่วัดและในเว็บ ติดต่อไปเพราะอยากได้ของหลวงพ่อที่ท่านเก็บอยู่แต่ได้ข่าวว่า ท่านบอกว่าไม่มีอย่างเดียว แต่เรื่องการทำพระน่าจะเปิดเผยได้ และพระสวัดดิ์ ยังมีพวกเป็นพระมาจาก อีสานเหมือนกันหลายรูป มากราบหลวงพ่อ และช่วยกันทำพระผง

    ส่วนอีกองค์คือพระสมชาย ตอนนี้ไปเป็นรองเจ้าอาวาส แถววิเศษฯ ก็น่าจะรู้เรื่องดีพอสมควรเพราะใกล้ชิด หลวงพ่อชอบเรียกมาเหมือนกัน นอกนั้น คือคนที่เคยบวชที่วัดสมัยหลวงพ่อ มีหลายคน ที่ช่วยสร้างพระผง มีอยู่ในเว็บนี่คนหนึ่ง และนอกนั้นยังมีฆราวาส อีก สองถึงสามคน ผมจำชื่อได้คนเดียวคือ โยมบก เจ้าของกรุเหรียญบิน คนพวกนี้ใกล้ชิดการสร้างพระมา และน่าจะมีพิมพ์แปลกๆด้วยครับ การมาอ้างถึงหลวงพ่อ ว่าสนิท อันนี้ผมจะกล่าวในข้อหน้าก็แล้วกันครับ เคยนอนค้างคืนกับหลวงพ่อ ก็รับทราบและเชื่อด้วยครับว่าจริง แต่ก็ยังมีคนอื่นที่เขาสนิทกับหลวงพ่อเหมือนกัน บางคนเป็นญาติกับท่านด้วยครับ

    ๒) อีกเรื่องที่น่าถกคือ เนื้อพระครับ ยืนยันว่าไม่ได้มีครกเดียว พยานรู้เห็นเยอะมาก แต่น่าจะเป็นหลายๆร้อยครก เพราะหลังจากที่มีโม่ไฟฟ้าแล้ว ทำได้เร็วมาก

    ส่วนที่ว่าการผสมเนื้อมาที พิมพ์พระได้ไม่กี่องค์ก็ไม่ถูกต้องทั้งหมด คุณอาจจะไปเจอครกแรกที่ยังไม่ชำนาญ ตำด้วยครกมือ ยังไม่ได้มีความชำนาญ เมื่อ พิมพ์พระแล้วพิมพ์ติดไม่ดีบ้าง และพิมพ์ไปเนื้อแข็งบ้าง มีจริงแต่เป็นส่วนน้อยครับ ในช่วงแรกๆ เพราะหลังๆเนื้อเข้าที่ จะมีปัมท์ซ้ำซ่ะด้วย เพราะผสมเนื้อได้ที่ พิมพ์พระทีหนึ่งแล้ว เอาตาก ลมจะ พอห่ามๆดี ไม่ย้วย แล้วเอากลับมาปั้มท์ซ้ำ จะได้พิมพ์สวยงาม แต่คนทำต้องขยันหน่อย เพราะต้องกลับมาปั้มท์ซ้ำ มันเป็นกิจกรรมน่าเบื่อ

    ตอนหลังๆ เมื่อใช้กาววิทยาศาสตร์ การผสมเนื้อยิ่งง่าย การปั้มท์ก็ง่าย ทำให้เนื้อ เนียนติดชัด

    ส่วนการบอกว่าเนื้อไม่คุ้นตา ...แหะๆ กับที่คุณมี คุณได้เห็นมากี่แบบเนื้อแล้วกี่ครกครับ แล้วมาสรุปว่าที่ไม่เหมือนกับของคุณ ไม่คุ้นตา

    ส่วนเนื้อเปียก ผมเอารูปให้ดูเลยดีกว่า

    PICT2925.JPG PICT2926.JPG PICT2927.JPG
    PICT2928.JPG PICT2929.JPG PICT2930.JPG

    ยังมีอีกผมจะเอามาลงในตอนเย็นๆ เพราะไม่ค่อยว่าง แต่พระนี้พิมพ์เมื่อตอนปี ๔๙ เนื้อไม่เหมือนของคุณแน่ เป็นผสมว่านชนิดหนึ่งทางเมตตา คุณมาดูแล้วคงจะว่าฝิ่นแน่อน เพราะเนื้อไม่เหมือนกับของคุณที่เอามาขาย ของผมเนื้อยังเปียกๆอยู่เลย แต่ของผมไม่ได้ขายครับ เป็นพิมพ์สองหน้าด้วย ผมหยิบจากถาด แล้วมารับมาจากมือหลวงพ่อ

    สาเหตุที่เนื้อยังเปียกคือเนื้อนี้แก่น้ำมัน ตั้งอิ้ว อายุแค่สองปี กลิ่นยังหึ่งอยู่เลย พระนี้เป็นพระพิมพ์รูปเหมือนยุคสุดท้ายแล้วที่พระสวัดดิ์พิมพ์พระ ท่านคิดอะไรแปลกๆ ทำมาหนาแทบจะเป็นกล่องไม้ขีด จนหลวงพ่อ และคนมาทักหลายครั้ง ท่านจึงเลิกพิมพ์ และจากที่ผมทราบ หลังจากนั้นไม่ได้ทำรูปเหมือนมาอีก แต่พิมพ์อื่นแทน พระรูปเหมือนทั้งหมดพอตากแห้งแล้ว ( หมาดๆ ก็ถูกนำใส่ลังไปไว้ในหอสวดมนต์ )

    ส่วนเนื้อพระที่บอกมีซีเมนท์ ก็ไม่ถูกอีกทั้งหมดเหมือนกัน อาจจะมีใครนำมาลองดู และเป็นช่วงทดลอง แต่ผมไม่มีเนื้อซีเมนท์ที่ว่านี้ เนื้อหลักๆเลยจะเป็นปูนเพชร หรือ ปูนแม่พิมพ์ มากกว่า ราคาถุงล่ะ ๙ - ๙๕๐ บาท ซื้อมาจากร้านแถวเยื้องมหาวิทยาลัยเกษตร ที่ผมทราบผมเป็นคนไปซื้อมาเอง เพราะจะช่วยทำให้พิมพ์แข็งเร็ว รุ่นพี่ที่มีประสบการณ์เขาเลยแน่ะนำให้ ผสมลงไปในเนื้อพระ การผสมก็แค่ครึ่งก้วย หรือ หนึ่งถ้วยแก้วภายในหนึ่งครก เพราะมีราคาแพง จ่ะช่วย ทำให้เนื้อพระแข็งตัว ปูนแบบนี้พอหมด พระท่านก็บอกผม ด้วยการโทรบอก ผมก็ซื้อไปถวายอีกเรื่อยๆ หลายครั้ง

    เนื้อหลักอื่นๆก็ไม่ใช่ซีเมนท์ แต่อาจจะมีการลองซีเมนท์กับปูนขาวในยุคต้นๆ แต่เนื้อไม่ดี ไม่ได้ใช้ทำพระ สาเหตุที่ไม่ได้ใช้ ถ้ารู้จริงมันก็มีเหตุผลซ่ะด้วย เพราะปูนพวกนี้ เป็นกรดเป็นด่างสูงแล้วแต่ยี่ห้อแล้วแต่ชนิดว่าเป็นปูนชนิดอะไร ชาวบ้านเราเรียกกันว่าเค็มหรือ เปรี้ยวก็มี จะจับตัวไม่ดี และแตกรานทีหลัง ไม่เหมือนการมาผสมสร้างบ้านแบบคอนกรีต เพราะการผสมคอนกรีตใช้น้ำและทรายครับ ซีเมนท์จะละลายตัว แตกตัวดี โมเลกุลจับกันเหมือนเอานิ้วมือมาเกี่ยวกัน

    แต่การทำพระไม่ได้ใช้น้ำครับ ถ้าใช้ยุ่งตายเลย อาจจะมีในกล้วยน้ำว้า และ อาจจะมีโรยทรายเสกแต่ไม่ใช่ตัวประสาน ซีเมนท์พอไปผสมน้ำมันแล้วจะไม่แสดงคุณภาพของซีเมนท์ออกมาคือไม่จับตัวแน่น ไม่ใช่ทำพระเครื่องครับ ถ้าทำพระประธานล่ะก็ได้ครับมี และมีแบบปูนขาวปั้น ลายกนกต่างๆ แบบเมืองเพชร อันนี้มีจริงครับ แต่ก็ไม่นิยมเอาปูนขาวมาทำพระเครื่องเพราะร้อน มือไม้พองหมด ปูนกัดอีกด้วย

    มวลสารหลักในการทำพระผงวัดมอญจะมี

    ๑) ปูนหอยตัวหลักเลย เป็นหอยเผาด้วยอุณหถูมิสูง จนหอยเปื่อย ซื้อแถวคลองทวีวัฒนา พุทธมณฑล ในราคาถุงล่ะ ๒๐-๒๕ บาท คุณเสี่ย ศ ท่านไปซื้อมาคนแรก พอท่านบอกผม ผมก็ตามไปซื้อมา ขนมาเต็มท้ายรถ ครั้งล่ะประมาณ ๑๐ กว่าถุงขึ้นไปเต็มหลังรถ ปูนนี้มีคนซื้อมาหลายคน มีกองที่วัดหลายสิบถุงมาก เพราะหาง่าย ราคาถูก ชาวสวนจะไปซื้อเอามาใส่ ก้นหลุม เพื่อปรับสภาพดิน พอหาได้ แต่ต้องเลือกที่สะอาด เผามาดี และต้องมาบดซ้ำให้ละเอียดเป็นผง แล้วกรองขั้นตอนมีมากครับ

    ก่อนใช้ หลวงพ่อจะอาใส่กาละมัง แช่น้ำทิ้งข้ามคืนจนจืด แล้วเทน้ำทิ้ง หลายๆน้ำให้ปูนจืด ไม่อย่างั้นปูนจะไม่จับตัว พระเนื้อจะแตกร่วน ขั้นตอนมีมาก จะพระนั่งทำอยู่องค์เดียวอย่างคุณว่าไม่ได้หรอกครับ แต่จริงที่ตอนพิมพ์พระน่ะ จะมีพระสวัดดิ์องค์เดียว เป็นหลัก แต่ว่างๆ หลวงพ่อก็จะไปช่วย และพระลูกวัดองค์อื่น และโยมข้างวัด ก็มาช่วย ( ค่าแรงก็ไม่เอา แต่เขามาทานข้าวเหลือที่วัดกัน แลวขอพระกลับไปแทน ผมเคยเสนอพระสวัดดิ์ท่านบอกให้จ้างรายวัน ผมจะออกค่าเงินให้ แต่พระสวัดดิ์บอกไม่ต้อง เขาขอพระแทน จะเห็นว่าชาวบ้านก็เห็นพระผงมีค่า ขอไปตุนกัน )

    ๒) กล้วยน้ำว้า ที่จริงกล้วยหอมจะดีกว่า แต่แพงหายากกว่า ในหนึ่งครก จะมีปูนหอยที่จืดแล้ว และกล้วยที่เป็นหลัก เอามาโม่ไฟฟ้า จนละเอียด เหนียวหนับดี ทำกันที่ละประมาณ ครกหนึ่ง หนึ่งกิโล โดยประมาณ ก้อนประมาณลูกฟุตบอล ( ประมาณน่ะครับ ไม่ต้องเล่นสำนวนกัน เพราะผสมแบบก่ะกันทั้งนั้น ) เสร็จแล้วเอาใส่ถุงปลาสติกกร็อบแกร็บ อย่าให้ถูกอากาศ หมักไว้หนึ่งคืน ถ้าทำดีๆ หลายคืนก็ได้ยังเหนียวอยู่ ให้ปูนอิ่มตัว ในความชื้นจากกล้วยน้ำว้า อย่าใส่น้ำลงไปเด็ดขาด

    จะมาเขียนต่อครับ ตอนกลางคืนน่ะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤศจิกายน 2008
  6. cc5922

    cc5922 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    4,193
    ค่าพลัง:
    +16,973
    กราบ กราบ กราบ หลวงพ่อทรงครับ
     
  7. sacrifar

    sacrifar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    551
    ค่าพลัง:
    +3,221
    เข้ามาตีตั๋วรอได้อีกแล้ว

    ใครมีฝิ่นหรือเสริม เปียกๆแบบไหน สมัครสมาชิกเว็บนี้เลยครับแล้วส่งภาพมาให้ผม ผมขอรับซื้อถูกๆแบบราคาที่ท่านคิดว่าฝิ่นนะครับ พลิกวิกฤตเป็นโอกาสซะเลย

    ปล. มาขายถูกซื้อจริงๆนะเออ แต่ไม่ลงเบอร์เพราะผมยังเด็กไม่อยากไปทะเลาะกับใคร สมัครสมาชิกแล้ว pm มาเลยครับ
     
  8. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143

    มันส์ดีครับ...ดึกๆจะมานั่งอ่านต่อ

    ผมไม่ได้อ่านทุกหน้า สายตาไม่ดี อายุก็ไล่ๆลุงเข้าไปทุกที ขอถามย้อนแบบง่ายๆนะครับ เผื่อใครไม่ได้อ่านทุกหน้าเหมือนผม

    1. แม่พิมพ์นี้ เป็นของใครครับ
    2. แม่พิมพ์นี้ ทำลายหรือยังครับ
    2.1 หากทำลายแล้ว ทำลายเมื่อไหร่ มีพยานหรือไม่
    3. เนื่องจากลุง นำผง นำส่วนผสมไปถวาย จึงน่าจะมีหลายเนื้อ ขอคร่าวๆ ว่า เนื้อพระรุ่นนี้ที่ลุงมี มีประมาณกี่เนื้อครับ (เฉพาะที่ลุงมี)
    4. พิมพ์นี้ เริ่มพิมพ์ครั้งแรก ปีอะไรครับ
    5. ถ้าแบบหวงๆ ราคา 3000 บาท แล้วแบบไม่หวง ลุงให้นายหนุ่มทิพย์องค์นึงได้ไหม เอาแบบเปียกๆ เอาแบบดูแล้วฝิ่นชัวร์ๆ หนึ่งองค์ (ข้อนี้ไม่ตอบก็ได้...อิอิ)


    เรื่องการพิมพ์พระนี่ ผมได้คุยกับพระอาจารย์ฯ ท่านจะชอบคุยส่วนผสม ทดลองเนื้อ ทดลองส่วนผสม ลองตากแดด ลองทิ้งพื้น ลองแช่น้ำ ดูแล้วมีความสุข เหมือนเด็กที่ได้ทดลองอะไรสักอย่าง เป็นความภาคภูมิใจส่วนหนึ่ง คนทำพระทุกคนหากทำด้วยใจบริสุทธิ์ ก็คงจะเป็นอย่างนี้กระมั้ง

    ดึกๆก่อนสี่ทุ่มจะมารออ่าน ถ้าดึกกว่านี้ จะงอน!

    อาทิตย์ที่จะถึงนี้ จะไปวิเศษฯ คุณนริศว่างไหม จะชวนไปเที่ยว เผื่อได้พระฯ ได้ประวัติหลวงพ่อทรง
     
  9. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    ลองกลับเข้าไปดูกระทู้ที่ลิงค์ไว้ ก็เลยขอเอารูปมาให้ดูที่เวปนี้ หวังว่าเจ้าของรูปจะไม่หวงนะครับ

    ส่วนคำถามของผม หลายท่านมีคำตอบแล้ว แต่ผมอยากให้ลุงมาย้ำคำตอบอีกครั้งครับ เพราะระดับความน่าเชื่อถือของเจ้าของกระทู้ ระดับเกือบ100หน้า(ในขณะนี้) การันตีได้ระดับหนึ่ง

    ขอบคุณ คุณbuddabless ล่วงหน้าครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1336622.jpg
      1336622.jpg
      ขนาดไฟล์:
      53.6 KB
      เปิดดู:
      168
    • 1336632.jpg
      1336632.jpg
      ขนาดไฟล์:
      188.8 KB
      เปิดดู:
      173
    • 1336633.jpg
      1336633.jpg
      ขนาดไฟล์:
      177.8 KB
      เปิดดู:
      161
    • 1336615.jpg
      1336615.jpg
      ขนาดไฟล์:
      88.5 KB
      เปิดดู:
      148
  10. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,289
    PICT2931.JPG PICT2932.JPG PICT2933.JPG
    PICT2936.JPG PICT2937.JPG PICT2938.JPG
    PICT2939.JPG

    ยังไม่ตอบ คุณหนุ่มทิพย์น่ะ ชอบหางานให้คนเกือบแก่ทำ...ฮึ่มๆ เขียนไว้ตั้งแต่ปีมะโว้ก็ไม่อ่าน

    ผมมาเขียนต่อจากเมื่อเช้า องค์ที่โชว์นี้ก็เนื้อยังเปียกครับ เป็นเนื้อแร่บางไผ่ ตามสมมุติฐานของเขาที่ว่าเนื้อยังเปียกๆอยู่ เนื้อไม่เหมือนเขา ก็คือ ฝิ่น หรือ เสริม องค์นี้คงจะเสริมมาหลังวัดน่ะครับ พระสวัดดิ์ท่านเสริมขึ้นมา แล้วผมไปเจอก็เก็บของเสริมมาให้ หลวงพ่อท่านเสกเสริมให้อีกทีน่ะครับ เก็บกันแบบเสริมๆนี่แหละ ...แหะๆ สนุกดี
     
  11. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,289
    ต่อ

    ๓) พอเนื้อปูนหอยผสมกล้วยน้ำว้าได้ที่ ก็เอามาโม่ ในครกไฟฟ้า ครกไฟฟ้าอันนี้ผมซื้อมาจากเวิ้งนครเกษม ราคาประมาณ หมื่นกว่าบาทเป็นสแตนเลส ทั้งอัน ซื้อมาตอนประมาณ( น่าจะเป็น ) ก่อนกลางปี ๔๘ เป็นโม่ที่เขาทำไว้นวดแป้ง ขนมจีน

    ตอนแรกมีมอเตอร์ครึ่งแรง มีพวกทำพระขาย มาใช้ของวัด วัสดุวัด ทำพระตัวเอง ทำมอเตอร์ไหม้ ที่กดคานเสียไปอัน ทิ้งภาระให้พระเอาไปซ่อม ผมไปเห็นแล้ว อดสูใจ หลวงพ่อท่านก็เข้าใจความรู้สึก บอกผมว่าจะเอาไปซ่อมให้เอง ผมเลยกราบเรียนท่านว่า ผมซ่อมเองครับ ผมเลยเอาไปซ่อมแล้วเปลี่ยนมอเตอร์ใหม่ ไปเป็นสองแรง เทอร์โบไปเลย ...ส่ะใจดี

    พอกำลังโม่ ก็เอาปูนเพชร มาค่อยๆโรยใส่ประมาณ ครึ่งถ้วยถึงหนึ่งถ้วยแก้ว ตามกำลังเหนียวหนือของก้อนปูนที่มีต่อ ลูกกลิ้ง ต่อจากนั้น ก็ใส่น้ำมันตั้งอิ้ว ค่อยๆ เทออกจากขวด ค่อยๆใส่ให้เข้าเนื้อ ไม่มากน่ะครับ น่าจะประมาณไม่เกิน ๑/๔ ของถ้วย แต่ผมเห็นบางทีก็ใส่เอา ใส่เอาเหมือนกัน น้ำมันตั้งอิ้วนี้ซื้อมาจากหลายที่ หลายคน ของผมซื้อมาจากร้านหน้าวัดสามปลื้ม ในราคาปิ้ปแดง ปิ้ปล่ะประมาณ สองพันกว่าบาท มีน้ำหนักประมาณ ๒๕ - ๓๐ กิโล

    การผสมเนื้อ หลวงพ่อบางทีนั่งดูอยู่ด้วย ถ้าว่างท่านจะค่อยๆ เอาน้ำมนต์ เทใส่ช้อนแล้วค่อยๆหยอดลงไปในโม่ ตาท่านก็เพ่งมวลสารนั้นๆ จากนั้นก็ใส่หัวน้ำหอม น้ำมันเก้ากลิ่น น้ำมันเก้ากลิ่นผมซื้อมาจากร้าน ตรงสี่แยก หน้าเวิ้งนครเกษม

    จากนั้นก็ปล่อยให้โม่ไฟฟ้า โม่จนเหนียวหนับ ได้ที่ก็ยกมาพิมพ์ จากสูตรนี้ปริมาณ เท่านี้ จะพิมพ์พระรูปเหมือนพิมพ์บาง มาตรฐานได้ประมาณร้อยกว่าถึงสองร้อยกว่าองค์ครับ ปริมาณไม่น้อยน่ะครับ วันหนึ่งทำได้หลายโม่ ถึงวันล่ะเกือบๆพันองค์สบายๆ ทำมาเกือบสองปี ท่านลองประมาณดูก็แล้วกันครับ ปูนหอยหมดไปหลายสิบถุงใหญ๋ๆ ( ถุงปุ๋ย ) แม้จะมีพิมพ์อื่นทำตามมา แต่พิมพ์นี้เป็นพระเอกของวัดมอญครับ หลวงพ่อชอบมาก ชอบหยิบมาแจกเขา ผมประเมิณเองว่า สองหมื่นองค์ แบบต่ำๆ แต่ถ้าเอากันเต็มแม็กแล้ว หลังจากมีโม่ไฟฟ้าแล้ว ถ้าทำติดต่อกันทุกวัน วันล่ะ สี่ถึง ห้าครก ได้พระ ประมาณ ๘๐๐ ถึง ๑๐๐๐ องค์ แค่เดือนเดียวก็ได้ ร่วมสองหมื่นกว่าองค์แล้วครับ แต่นี่ทำมาเป็นปีกว่า อาจจะหยุดมั่ง ทำมั่ง แจกไป ทำไป สองหมื่นองค์นี่แบบสบายๆครับ

    ส่วนขั้นตอนการพิมพ์พระผมไม่คุยล่ะครับ แต่การพิมพ์พระเพื่อไม่ให้ปูนเนื้อพระติดแม่พิมพ์ เขาจะเอาแปรงสีฟัน คอยชุบน้ำมันพืช ทิพย์คอยขัด แม่พิมพ์เหล็ก ถ้าใส่น้ำมันเยอะไป พระที่พิมพ์ก็จะเยิ้ม และเปียกน้ำมันได้ครับ

    ส่วนการกดพระ ตอนหลังๆน่ะมีพระสวัดดิ์องค์เดียวเป็นหลัก แต่ไม่ใช้ตลอดทั้งหมดครับ เพราะพระสวัดดิ์ท่านมีคนช่วย พวกฆราวาสอีก สองถึงสามคน ที่มาที่วัดในเวลากลางวัน นอกจากนั้นก็มีพระบวชใหม่มาช่วยตอนเข้าพรรษา เข้าพรรษาครั้งหนึ่งก็มีหลายองค์ นอกจากนั้น ก้มีพระหลายรูปที่มาหาพระสวัดดิ์จากอีสาน มากราบหลวงพ่อ อาจจะมาขอเรียนวิชา ก็มาช่วยพระสวัดดิ์ทำด้วย

    ส่วนช่วงเวลากลางวัน ก็มีญาติโยมมาเยี่ยมหลวงพ่อ บางคณะก็มาช่วยทำพระด้วย ส่วนผมและคนของผม เมื่อไปทุกครั้งก็ ไปช่วยทำพระด้วยแทบทุกครั้ง แต่ผมเอาบ้างนิดหน่อย แล้วชิ่งมา คุยกับหลวงพ่อ ผมเองก็ไปวัดมาเป็นร้อยๆครั้งครับ

    การมาบอกว่ามีพระนั่งทำอยู่องค์เดียว อันนี้ไม่แน่ใจว่าหมายความว่าอะไร มีอะไรไปเกี่ยวข้องกับฝิ่นหรือเสริมหรือไม่ เอาว่าผมไม่ออกความเห็นก้แล้วกันน่ะครับ

    ส่วนท่านที่สนิทกับหลวงพ่อ ขนาดเป็นลูกหลาน ผมเชื่อครับ ขออนุโมทนาด้วย ท่านโชคดีมาก ท่านเจ้าของศูนย์ใหญ่ก็ฝากตัวเป็นลูกหลานของหลวงพ่อครับ

    ส่วนผมบุญน้อยจริงๆ แค่เป็นลูกศิษย์ท่านผมก็ยังไม่ได้เป็นเลย ท่านไม่เคยรับผมเป็นศิษย์ ผมเป็นแค่ผู้ที่นับถือหลวงพ่อคนหนึ่งเท่านั้นเองครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มกราคม 2009
  12. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,289
    PICT2940.JPG PICT2941.JPG PICT2942.JPG
    PICT2943.JPG PICT2944.JPG PICT2945.JPG
    PICT2946.JPG PICT2947.JPG

    เอามาโชว์อีกองค์ แต่ผมมีต่อน่ะครับ อีกสักชุดสองชุด ว่าเนื้อเปียกๆ หมาดๆ น่ะผมมีหลายองค์เหมือนกัน ที่ยังไม่แห้งดีก็มี

    องค์นี้โชว์รวมไปทีหนึ่งแล้ว ตอนนี้แยกเดี่ยว ไปส่องดูแล้วพอจำได้ว่า เป็นเนื้อพิเศษที่ผสมโดยน้ำมันตั้งอิ้วปลอมที่มีน้ำมันพืชปน เอามาจับดูเนื้อยังนิ่มๆอยู่เลยน่ะครับ แม้เวลาประมาณ สองปีกว่าแล้ว เอาไปแห่เขาต้องว่าฝิ่นหรือเสริมแน่นอน เพราะเนื้อยังไม่แห้ง...แหะๆ

    แต่ที่เอามาฉายซ้ำ เพราะตะกรุดด้านหลัง เป็นตะกรุดดอกใหญ่ มีตอกโค้ด ท สองทีด้วย ถ้าผมจะเอามาขาย ต้องพูดว่า หลวงพ่อจารดอกนี้ แต่จริงๆ ก็คือพระสวัดดิ์จาร และแต่จริงๆอีกเหมือนกัน อาจจะเป็นพระวิโรจน์หรือ พระสายันต์จารก็ได้

    จะรู้มีวิธีเดียวคือ ต้องคลี่ดูครับ
     
  13. sacrifar

    sacrifar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    551
    ค่าพลัง:
    +3,221
    คนจนทำบุญ 10 บาท กับ คนรวยทำบุญ 1 ล้าน ยังรับกุศลเท่ากันได้เลย บางทีคนจนได้บุญมากกว่าด้วยซ้ำ เกี่ยวไรล่ะเนี่ย ห่ะๆ

    พักนี้หน้าบอร์ดแปลกๆไม่ย่อรูป แต่ฉายขนาดจริงดูลำบากมาก คนอื่นเป็นไหมครับ (เข้าใจว่ากำลังเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนแปลง)
     
  14. ศนิวาร

    ศนิวาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    7,337
    ค่าพลัง:
    +17,635
    ประสบปัญหาแบบเดียวกันเลยครับนึกว่าเป็นเฉพาะเครื่องคอมฯของผม ภาพขนาดมหึมาจริงๆ เกินขนาดแต่เห็นมวลสารชัดแจ๋วแจ่มแจ้ง
     
  15. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,289
    ผมโหลดภาพแล้วหายไปเลย...อืมๆ
     
  16. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    เครื่องที่ออฟฟิตผม รูปเบ้อเริ่ม แต่ที่บ้านรูปนิดเดียว มองไม่เห็นคำว่า "องค์นี้ขอ" เลย....
     
  17. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,289
    PICT2948.JPG PICT2949.JPG PICT2950.JPG

    จากรูปเป็นใต้ฐานพระรูปหล่อเก้านิ้ว หล่อปี ๔๙ และ ปลุกเสกอยู่ในหอสวดมนต์มาจนถึง ปี ๕๐

    ผมไปขอพระสวัดดิ์ เอาปูนที่ผสมมาแล้วมาอุดในองค์พระ พระสวัดดิ์ท่านเลยเอาพระรูปหล่อติดมาให้สามองค์ ตอนที่เนื้อผงยังนิ่มอยู่ จะเห็นว่าองค์ดำน่ะเป็นเนื้อแร่บางไผ่ ผิวพระยังหมาดๆอยู่เลยครับ ยังเปียกอยู่

    PICT2952.JPG

    ถ่ายรูปให้ดูเทียบกับเนื้อพระที่ฝังที่ฐานพระ เนื้อพระฐานพระน่ะแห้งแล้ว ดูแห้งกว่าพระเนื้อแร่บางไผ่ที่เก่ากว่าซ่ะอีก เพราะพระเนื้อแร่บางไผ่น่ะฝังอยู่ในเนื้อ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอยู่ที่ส่วนผสมมากกว่า ที่ทำให้เนื้อดูแห้งกว่าพระที่ยังดูเปียกๆ แต่มีอายุเก่ากว่า


    PICT2951.JPG

    ส่วนองค์นี้เลยถ่ายมาให้ดูว่า มีพระรูปเหมือนเนื้อ ฝังเศษแบงค์ เศษแบงค์ผมไม่ทราบใครไปถวาย แต่เนื้อนี้เห็นไม่มาก ใครได้ไปก็เฮงๆน่ะครับ เพราะเคล็ดดีที่มีแบงค์ฝังอยู่ด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤศจิกายน 2008
  18. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,289
    PICT2954.JPG PICT2955.JPG

    อันนี้ชุดสุดท้ายแล้วสำหรับเรื่องนี้ ผมแสดงหลักฐานพิสูจน์แล้ว คิดว่าพอแล้วน่ะครับ ขี้เกียจจะค้นอีกแล้วน่ะครับเดี๋ยวน้องๆเขาแซวว่ากรุแตกอีก แต่อาศัยผมไปวัดบ่อย เก็บมาทีล่ะคราว เพราะไปหลายคราว ทำให้มีพระหลากหลายหน่อยครับ

    PICT2956.JPG

    คราวนี้โชว์ทีห้าองค์เลย ขี้เกียจจะซูมทีล่ะองค์แล้ว องค์ดำๆน่ะ ทารักน่ะครับเอามาให้ดูเพราะ...แอ่นแอ็น ข้างหลังฝังเหรียญอีก เป็นเหรียญชุดเดียวกันน่ะครับ

    PICT2957.JPG PICT2958.JPG

    ส่วนองค์อื่นน่ะเนื้อยังหมาดๆอยู่ จับยังนิ่มๆอยู่เลย มีทั้งแบบหนา แบบบาง แบบมีราขึ้น พอจะแสดงให้เห็นแล้วว่า พระอายุแค่สองปีกว่าเอง ยังไม่มากเท่าไหร่เลย มาด่วนสรุปเอาเองเรื่องเนื้อยังเปียกอยู่เลยไม่ได้หรอกครับ ถ้าทิ้งไว้สัก ยี่สิบ สามสิบปี อันนี้ไม่แน่ครับ แต่คงอยู่ที่การเก็บด้วย ของผมเก็บใส่กล่องปลาสติกอย่างดี กลิ่นยังหึ่งๆ อยู่เลยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 พฤศจิกายน 2008
  19. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,289
    เรื่องพระรูปเหมือนนี่ ผมก็ร่ายมาเยอะแล้ว ที่จริงน่าขอบคุณคนเปิดประเด็นซ่ะอีก เพราะจำนวนคนอ่านกระทู้นี้เพิ่มมากขึ้น บางทีเข้ามาเป็นสิบคน และไม่ใช่สมาชิกด้วย อาจจะเป็น ด้วยลิงค์ที่คุณเมืองสมุทรต่อไว้ ทำให้พวกจากอีกเว็บได้เข้ามาอ่านแล้วบอกต่อๆกันไปน่ะครับ ซึ่งยิ่งเผยแพร่เกียรติคุณของหลวงพ่อทรงให้กว้างไกล และอาจจะแตกต่างจากที่ได้ยินมาจากที่อื่น และได้ข้อมูลอีกแง่มุมหนึ่ง ต่างจากแง่มุมที่เขาเขียนกันน่ะครับ

    ส่วนการตัดสินใจ ก็คงเป็นตัวพวกท่านที่เขามาอ่าน ซึ่งโตๆกันแล้วและคงมีวิจารณญาณของพวกท่านเอง

    ผมอยากจะกล่าวแต่เพียงว่า การจะกล่าวอะไรลอยๆ ควรมีหลักฐานว่าพระเนื้อเปียกๆ น่ะ ที่ว่าฝิ่นหรือเสริมน่ะ หน้าตาเป็นอย่างไร ขอความกรุณาถ่ายรูปมาลง พวกเราจะได้ศึกษากัน ว่าฝิ่นหรือเสริม หน้าตาเป็นอย่างนี้ เนื้อแบบนี้ พิมพ์แบบนี้ การเล่นพระ ถ้าบอกว่าพระเขาเก็ สวดเขาว่าเก็ ต้องบอกได้ครับว่าเก็ ฝิ่น หรือ เสริมเป็นอย่างไร ตอนนี้โลกเทคโนโลยี่แล้ว กล้องถ่ายรูป ดิจิตัล คุณภาพดี ราคาถูก แม้มือถือเดี๋ยวนี้ ก็ถ่ายรูปได้ดีด้วย ยิ่งได้อ้างว่าไปเห็นว่ามีการพิมพ์กันตอนหลวงพ่อป่วย หรือ เสียไปแล้วน่ะ เห็นเมื่อไหร่ ตอนไหน อ้างใครที่ยังอยู่ที่วัดตอนนี้เป็นพยานได้หรือไม่

    ในขณะเดียวกัน ถ้าบอกพระแท้ ก็ต้องบอกได้ว่าพระนั่นแท้อย่างไร พิมพ์ทรงถูกต้องอย่างไร มีกี่พิมพ์ มีเนื้ออย่างไร เราเล่นพระกันแบบวิทยาศาสตร์ครับ ใช้ตาครับ ตานอก ไม่ใช่ตาใน และไม่ได้ใช้หูดูพระ เก็ แท้ ต้องตัดสินได้ ถ้าพระนั้น เก็ แท้ ตัดสินไม่ได้ ต้องเลิกเล่นพระชนิดนั้นครับ เพราะแสดงว่า พระนั้นไม่มีข้อยุติ

    การสวดลอย อ้างลอยๆ แล้วกล่าวแค่นั้น ไม่มีหลักฐานอะไรมาแสดง แล้วมาออกอากาศ มันอาจจะมีผลกว้างกับคนที่ไม่ทราบมา เขาอ่านแล้ว ไม่ทราบความจริง เขาก็ระแวง ข่าวร้ายไปง่ายกว่าข่าวดี แล้วต้องมานั่งแก้ข่าวกัน จะทำให้พระชุดอื่นเนื้ออื่น ที่หลวงพ่อท่านแจกออกมาด้วยเมตตา เจตนาบริสุทธิ์ ต้องหมองหม่นไปด้วยครับ พระที่แจกออกไปนั้น ก็มีพระเนื้อผงที่โดนข้อหานั้น แจกออกไปแล้วกว่าสองหมื่นองค์ ฟรีๆด้วย

    เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีพระเนื้อผงชุดอื่นที่พิมพ์ที่วัด อีกเช่น แหวกม่าน ( มากด้วยประสบการณ์ เจอทุกคน รวมทั้งผมด้วย ) พระนักธรรม (ขวัญใจเด็กๆ ) พระโพธิ์เก้าใบ เคล็ดพลิกแผ่นดิน ( รอวันพิสูจน์ประสบการณ์ ) พระพุทธซ้อน พระซุ้มกอ พระสิวลี ที่พิมพ์ที่วัดแท้ๆ ตอนหลวงพ่อยังอยู่ นั่งบัญชาการเองด้วย ก็จะโดนข้อหาต้องสงสัยไปด้วย ซ้ำดีร้ายพระที่คุณมีเองน่ะแหละ เขาก็อาจจะสงสัยไปด้วย ใครจะไปเชื่อครับ ว่ามีคนบอกว่าพระพิมพ์เดียว ที่ผมมีน่ะแท้ แต่ที่คนอื่นมีเนื้อเปียกน่ะเก็ พิมพ์เดียวกันแท้ๆ เพราะปล่อยไปเรื่อยๆ เนื้อหายเปียก ก็ดูไม่ออกซิ งั้นอย่าไปเล่นดีกว่า

    ในวงการพระนี่ ผมเห็นมายาว นั่งดูมานาน จะมีพวกๆหนึ่ง นั่งสวดพระคนอื่นสร้างมูลค่า ความสำคัญของตัวเอง กล่าวอ้างลอยๆ ว่าพระเขาฝิ่น สะรู้ตู้ ดูแล้วไม่ดี ไม่ชอบ พอเขาไปถามเอาความจริง ว่า ฝิ่นเป็นอย่างไร ก็ไม่สามารถพิสูจน์อะไรได้นอกจากคำพูดตัวเอง แต่กลับยืนยันว่าที่ตัวเองมีน่ะแท้หมดมาซื้อผมได้ แต่ที่คนอื่นมีผมไม่ทราบ ( เก็ก็ได้ ) อ้าว... ก็เล่นพระแบบนี้น่ะครับ คงต้องเล่นอยู่คนเดียว ซื้อขายอยู่ในกลุ่มคุณก็แล้วกัน

    และขอย้ำอีกนิดเดียวว่า พิมพ์รูปเหมือนนี้ สร้างขึ้นก่อนกลางปี ๔๘ ผมไปสั่งช่างแถวเสาร์ชิงช้าแกะพิมพ์เอง รู้สถานที่ทำ รู้ชื่อช่างด้วย รู้ราคา เพราะจ่ายตังค์เอง เพื่อฉลองอายุหลวงพ่อทรง มีอายุครบ ๘๒ ปีน่ะครับ หลังรูปเหมือนก็เขียนไว้ว่า ๘๒ ปี ไม่ใช่ ๘๔ ปี ย้ำ ๘๒ ปี น่ะครับ หลวงพ่อทรงท่านมีอายุไม่ครบ ๘๔ ปีครับ เพราะท่านล่ะสังขารไปก่อน ในเดือนเมษายน ๕๐ กำลังย่างเข้า ๘๔ ปี ก็มาล่ะสังขารซ่ะก่อนน่ะจ้ะ ส่วนประวัติท่าน ผมก็เอามาลงไว้แล้ว เขียนจากพระหลานของท่าน ท่านพระครูอุปฯ ที่รู้จักท่านมายาวนาน น่าจะใกล้เคียงมากกว่าใคร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 พฤศจิกายน 2008
  20. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,289
    บุญอยู่ที่ใจเป็นหลักครับ ส่วนเงินน่ะเป็นอามิสบูชา อามิสทาน สู้ใจไม่ได้เลยครับ

    ในครั้งพุทธกาล มีเศรษฐีคนหนึ่งเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ชอบทำบุญกับพระสงฆ์ ในพระพุทธศาสนา แต่เผอิญท่านเป็นคนขึ้เกียจ (แปลกที่ขึ้เกียจก็รวยได้ )
    เลยให้ คนใช้( ที่จริงทาสน่ะแหละ เรียกให้ไพเราะหน่อย ) ทำกับข้าวกับปลาแทน พอพระมา ท่านเศรษฐีก็คิดว่า ขี้เกียจลุกให้ คนใช้เอาไปใส่บาตรพระให้ด้วย

    ตกลงคนใช้ทำทุกอย่าง ไปซื้อ ปรุงอาหาร ทำเสร็จตอนเช้าก็ไปรอใส่บาตรพระสงฆ์ รอท่านอนุโมทนา และแผ่เมตตาให้คนใช้ที่มีจิตเลื่อมใสในผ้าเหลือง ขาดอย่างเดียวคือคนใช้ไม่ได้ออกตังค์เลย ออกแต่แรง ส่วนท่านเศรษฐีนี่ ออกเงินทุกอย่าง รวมกระทั่งจ่าย ค่ากินอยู่ให้คนใช้ เสื้อผ้า หยูกยาให้ด้วย

    ถ้าเราคิดแบบนายทุน เศรษฐี น่าจะได้บุญมากน่ะครับ เพราะลงทุนทุกอย่าง แต่เปล่าครับ

    ตอนตาย ท่านเศรษฐีก็ไปจุติ ยังสวงสรรค์ เพราะทำบุญมาเยอะ และก็พอดี คนใช้ของท่านเศรษฐีก็หมดอายุขัย ตายแล้วก็มาจุติในภพเดียวกับท่านเศรษฐี

    ท่านเศรษฐีพอเห็นก็จำได้ ว่าเคยเป็นคนใช้เรามาก่อน แต่เอ แสงของท่านคนใช้ น่ะสว่างไสว กว่าท่านเศรษฐีมากเลย

    เทวดาเศรษฐีสงสัยมาก ว่าทำไมเป็นเช่นนั้น แสงจากกายทิพย์เรานี่สู้ไม่ได้เลย

    ด้วยความสงสัย อดสงสัยไม่ได้เลย ไปถามท่านท้าวสักกะเทวราช พระอินทร์ ที่เป็นประมุขของเหล่าเทวดา ว่าทำไมเป้นอย่างนี้ครับ ตอนเขาเป็นมนุษย์ ผมเลี้ยงเขามาแท้ๆ ( เทวดานี่มักิเลสอยู่น่ะครับ คล้ายๆคนนี่แหละ แต่มีสัจจะ และศีลเคร่งครัด )

    ท่านท้าวสักกะเทวราช ส่องทิพย์เนตร แว่นแก้วดูแล้วก็ตอบว่า ก็เขาตั้งใจทำบุญด้วยจิต และแรงกายถวายให้พระพุทธศาสนา แต่ตัวท่านน่ะ ตั้งใจ น้อยกว่าเขา

    แหะๆ ...เล่าให้ฟังสนุกๆ การตั้งใจ สำคัญกว่าการตั้งเงิน คนโบราณ พอพระท่านจะให้พร ท่านถึงเตือนว่าให้ตั้งใจน่ะ ไม่ใช่มัวแต่คุยกัน บุญอานิสงค์จะได้เข้าเต็มๆ

    จบข่าว
     

แชร์หน้านี้

Loading...