ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

สถานการณ์น้ำท่วมเชียงใหม่กลับสู่สภาวะปกติแล้ว​

​

เชียงใหม่ 28 ต.ค.- ความคืบหน้าเหตุน้ำป่าไหลหลากที่จังหวัดเชียงใหม่ ล่าสุดแม้สถานการณ์จะกลับสู่สภาวะปกติแล้ว แต่หลายหมู่บ้านได้รับความเสียหาย บางแห่งสะพานถูกพัดขาดจนใช้การไม่ได้

หลังน้ำป่าจากดอยสุเทพหลากเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อคืนที่ผ่านมา ล่าสุดยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่ม 10-20 เซนติเมตร แต่สภาพโดยรวมส่วนใหญ่สถานการณ์กลับสู่สภาวะปกติแล้ว โดยพบว่ามี 7 หมู่บ้าน โดยเฉพาะในตำบลบ้านแหวน กว่า 200 ครัวเรือน ได้รับผลกระทบ ส่วนสะพานที่ตำบลน้ำแพร่ ถูกกระแสน้ำพัดผ่าน จนไม่สามารถใช้สัญจรผ่านไปมาได้ ขณะที่ทางอำเภอเตรียมสร้างอ่างเก็บน้ำแก้มลิงบริเวณต้นน้ำแม่ตาช้าง ตำบลบ้านปง เพื่อแก้ปัญหาในระยะยาว.-สำนักข่าวไทย

2008-10-28 10:09:29

ที่มา http://news.mcot.net

 

*** ไทยเรามีดี ****

เผด็จการ...ประเทศไทย ไม่มี
เพราะ....สังคมชาวไทย มีเมตตาเป็นพื้นฐาน
แต่...บางคนชอบกล่าวว่าร้ายผู้อื่น ว่าเขาเผด็จการ

โหดร้าย...ประเทศไทย ยังมี
เพราะ....ไปหลงความเชื่อผิดๆ นอกศาสนา
ความเชื่อผิด ความเห็นผิด...สามารถ บงการให้คนโหดร้ายได้

ปัญญา....แต่เดิม ประเทศไทยมีมาก
เพราะ...คนไทยส่วนใหญ่อยู่กับธรรมชาติ พาให้คิดสร้างสรรค์
ปัจจุบัน....ปัญญา เริ่มลดลง
เพราะ... ไปยึดติดกับความรู้ ความเชื่อ ที่ไปซื้อมามากเกินไป
ทำให้....ขาดการพิจารณาด้วยตนเอง

ทหาร...ไม่ใช่เผด็จการ
เพราะ....เป็นประชาชนที่ใส่เครื่องแบบ ถูกฝึกให้มีระเบียบแบบแผน มีวินัยสูง
ถืออาวุธ...เพื่อรักษาความสงบสุข เพื่อปกป้องประเทศชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ทหาร.... ก็คือ ประชาชน
ประชาชน...ก็คือ ทหาร แยกกันไม่ออก
เมื่อ บ้านเมืองมีภัย....เกิดสงคราม ทหารไม่พอ ประชาชน ก็ต้องไปทำหน้าที่ทหาร
ใครมายุแหย่ให้ประชาชน เกลียดทหาร...ถ้า เขาไม่เสียสติ ก็คือพวกยุแหย่ทำลายประเทศชาติ

ความรู้... คนไทยรู้มาก รู้เป็นอันดับหนึ่งของโลก
เพราะ.... มีคนไทย รู้ความหมาย ของสัจจะธรรม แต่ชาวโลกประเทศอื่นเขายังไม่รู้
ความรู้ทำมาหากิน...คนไทยไม่เป็นรองใคร
แต่....มักถูกความเชื่อผิดๆ มาบดบังเอาไว้ จึงต้องรับกรรมลำบาก

ความดี... คนไทยทุกคน รู้อะไรดี อะไรไม่ดี
แต่.... สิ่งที่ไม่ค่อยดี กลับชอบทำ ชอบสะสม
เพราะ...มีคนชอบเอาเงินทองวัตถุ มาหลอกล่อใจ ให้ใหลหลง

บ้านเมือง.... สะดุด หยุด งง
ต่างฝ่าย ต่างงง... จะทำอย่างไรดี
สิ่งที่ดี....ทุกคนคิดได้ แต่ทำไม่ได้สักที
เพราะอะไร... ต่างงุนงงงวย

สุดท้าย...เรื่องเหลือเชื่อ
คำเดียว....สามารถแก้ไข ได้ทั้งโลก
คือ .... "สัจจะ"
คือ.... การแปลงความคิด ให้กลายเป็นการกระทำ

ยกตัวอย่าง...
เช่น ข้าพเจ้า.... ไม่อยากเห็น บ้านเมืองไทยแตกแยก คนไทยทำลายกันเอง
จึงกำหนดข้อสัจจะ ขึ้นมาหนึ่งข้อ... "ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด"
ม็อบใดๆ .... ข้าพเจ้าก็ไม่สนใจ
สนใจแต่เพียง...ต้องไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ทั้งกาย วาจา ใจ
อย่างน้อยที่สุด.... ต่อไป โลกก็ต้องบันทึกว่า
ข้าพเจ้า...ไม่ใช่คนที่ร่วมทำลายความสามัคคี ของชาติบ้านเมือง จนพินาศย่อยยับ
ไม่ใช่ความผิด....ของข้าพเจ้า
เพราะ... ข้าพเจ้า "ถือสัจจะไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด"

- " หนุมาน ผู้นำสาร "
วันอังคารที่ ๒๘ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๑

 

ตัวกระทำ...ของสนธิ คือ พาคนไปตายมาก

สันติธรรม
เกิดเมื่อ...ประชาชนรักษาสัจจะ
เกิดเป็น....สัจจะธรรมในชีวิต
ใช้ชีวิต...ไปตามสัจจะธรรม

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

อ่านข่าวว่าถ้ารัฐบานคุยกับเขมรไม่รู้เรื่องทำให้ไทยอาจเสียดินแดนถึง 1.5 ล้านไร่ รวมอ่าวไทยอ่านแล้วน้ำตาคลอไม่รู้ว่ามาได้ไง กลุ้มใจ แต่ก็ไม่รู้จะทำไง ได้แต่ขอให้พระสยามเทวาปกปักรักษาคุ้มครองประเทศไทย ให้คนในมิจฉาทิฐิกลับตัวกลับใจอยู่ในสัมมาทิฐิ ได้แค่นั้น

 

*** ความฝัน ****

ทักษิณ จะกลับมา

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>กทม.ประกาศเขตอันตรายบ้านทรุดทาวน์อินทาวน์ เผยอาจต้องสั่งรื้อถอน</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>28 ตุลาคม 2551 13:14 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

​

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=left border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>กทม.คาดสาเหตุอาคารทรุดที่วังทองหลางเกิดจากรับน้ำหนักตู้อบ-เตาอบขนมปังไม่ไหว รอวิศวกรรมสถานฯ สรุปก่อนรื้อถอน

นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวถึงกรณีบ้านเดี่ยว 2 ชั้นครึ่ง ในหมู่บ้านทาวน์อินทาวน์ ซ.ศรีวรา 9 เกิดการทรุดตัว 5-10 ซม. เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมาว่า ตนได้รับรายงานจาก นายนราธิป ภัทรวิมล ผอ.เขตวังทองหลวง พบว่าบ้านดังกล่าวมีการให้เช่า เจ้าของอยู่ต่างประเทศ โดยผู้เช่าประกอบธุรกิจโรงงานเบเกอรี่ มีคนงาน 11 คน พักอาศัยอยู่ ซึ่งมีการทรุดตัวตั้งแต่ ตี 2 ทำให้คนงานตกใจ บางคนกระโดดลงมาจากบ้านทำให้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ​

ทั้งนี้เบื้องต้นคาดว่าสาเหตุน่าจะมาจากการนำเครื่องจักรขนาดใหญ่ เตาอบ ตู้แช่ เข้าไปไว้ในบ้านจึงทำให้บ้านเกิดการทรุดตัว แต่จะต้องรอให้วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสถ.) เข้าตรวจสอบความมั่นคงและพิสูจน์สาเหตุที่ชัดเจนก่อนที่จะออกคำสั่งว่าจะต้องมีการรื้อถอนอาคารหรือไม่ ซึ่งหากจำเป็นต้องรื้อถอนเจ้าของอาคารจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เขตได้เข้ากั้นพื้นที่เป็นเขตอันตราย และออกคำสั่งห้ามใช้อาคารดังกล่าวแล้วเพื่อความปลอดภัย พร้อมยืนยันไม่มีผลกระทบต่อบ้านที่อยู่ข้างเคียง​

นายนราธิป กล่าวว่า จากการตรวจสอบบ้านดังกล่าวมีอายุการใช้งานกว่า 10 ปี มีการออกแบบถูกต้องตามกฎหมายและไม่มีการต่อเติมผิดแบบ ทั้งนี้ ในเบื้องต้นไม่พบว่าสาเหตุการทรุดเกิดจากพื้นดินอ่อนแต่อย่างใด​

แต่ขณะนี้จะต้องรอให้วิศวกรรมสถานฯ วัดระดับการทรุดตัวที่แน่นอนก่อน เพราะอาคารยังคงมีการทรุดตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้จากการเข้าตรวจสอบพื้นที่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา และประเมินด้วยสายตาเห็นว่าอาคารไม่ปลอดภัยอาจต้องมีการรื้อถอน​

ที่มา http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9510000127855​

บ้านย่านทาวน์อินทาวน์ทรุด กว่า 20 ชีวิตหนีตายอลหม่าน​

เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา สำนักงานเขตวังทองหลาง รับแจ้งอาคารทรุดตัวและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ จึงรุดไปตรวจสอบที่บ้านเลขที่ 1657 หมู่บ้านทาวน์อินทาวน์ ซ.9 แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กทม.ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ 3 ชั้น ทรงยุโรป พื้นที่ 155 ตารางวา มีหลายสิบห้อง มีสภาพทรุดตัวบริเวณโรงรถประตูทางเข้าหน้าบ้าน กำแพงตัวบ้านด้านข้างและด้านหลัง ปูนแตกมีรอยร้าวหลายจุด และยังพบผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย มีน.ส.ศันศนีย์ อินอะราม อายุ 22 ปี บาดเจ็บที่เข่าและนิ้วเท้าทั้ง 2 ข้าง เนื่องจากถีบประตูกระจกออกจากบ้าน นส.รัตนา บุตรแดง อายุ 18 ปี บาดเจ็บหัวเข่าขวา เล็กน้อยหลบหนีออกมาทางหน้าต่าง นส.พิมชนก พรมลี อายุ 34 ปี บาดเจ็บข้อเท้าเคล็ด ระหว่างที่วิ่งหนีออกจากตัวบ้าน ​

ตรวจสอบบ้านหลังนี้ มี น.ส.จิดาภา กลมเกลียว อายุ 35 ปี เป็นผู้เช่าบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งกล่าวว่า ได้เช่าบ้านหลังนี้ เดือนละ 35,000 บาท เพื่ออาศัยและประกอบกิจการทำเบเกอรี่ส่งตามห้างสรรพสินค้า เป็นเวลา 10 ปี ส่วนเจ้าของบ้านไม่ได้อยู่ในไทย แต่ก็ไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ประเทศไหนบ้านหลังนี้อาศัยอยู่ 11 คน ผู้ใหญ่ 10 คน เด็ก 1 คน ระหว่างที่เกิดเหตุ ตนนอนอยู่และได้ยินเสียงเหมือนฟ้าผ่า เวลา 04.00 น.ตน และคนงานต่างร้องเรียกกัน และพากันวิ่งหนีลงจากบ้าน ซึ่งบางคนก็ต้องถีบประตู ส่วนสามีตนก็ต้องไปช่วยเพื่อนอีกห้องเพราะว่ามีเด็กอาศัยอยู่ ​

น.ส.ศันศนีย์ กล่าวว่า ได้ยินเสียงคล้ายฝนตกช่วงประมาณเวลา 02.00 น.เป็นเวลาที่กำลังจะหลับ จนกระทั่งได้ยินเสียงอีกครั้งตอนตี 4 เสียงดังแรงมาก ตนและเพื่อนต่างวิ่งหนีออกจากห้อง ซึ่งตนต้องปีนออกจากทางหน้าต่างของห้องนอน ชั้นที่ 3 ลงมาสู่ชั้นที่ 2 และมาพังประตูกระจกชั้นที่ 2 เพื่อหนีตาย เพราะคิดว่าบ้านจะถล่มลงมา จนทำให้ได้รับบาดเจ็บและของใช้ที่จำเป็นก็ยังอยู่ข้างในไม่ได้นำสิ่งใดติดตัวออกมาเลย น.ส.ศันศนีย์ ยังกล่าวอีกว่าก่อนหน้านี้ประมาณ 2-3 เดือนที่ผ่านมา เคยได้ยินเสียงดังคล้ายฝนตกแบบนี้เช่นกัน แต่ไม่ได้เอะใจบ้านจะทรุดตัว และมีเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งล่าสุดเมื่อคืนก็เกิดเหตุการณ์ขึ้นจนได้ ​

นายนราธิป ภัทรวิมล ผอ.เขตวังทองหลาง กล่าวว่า ได้เข้าไปตรวจสอบพื้นที่ในบ้านและสั่งการให้เจ้าหน้าที่เทศกิจนำเชือกมากั้นเป็นเขตอันตรายห้ามเข้า และตนได้ประสานไปยังสำนักงานโยธาธิการมาตรวจสอบอาคารดังกล่าวอีกครั้ง เพื่อพิจารณาว่าจะต้องรื้อถอนหรือไม่ และขณะนี้เจ้าหน้าที่โยธาเขตวังทองหลาง ได้นำเครื่องวัดการทรุดตัวของตึกมาทดสอบอยู่ ซึ่งตัวตึกมีการทรุดตัวอยู่ตลอดเวลา โดยได้มีการสั่งห้ามผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปภายในอาคารโดยเด็ดขาด เพื่อป้องอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้น ​

(28/10/51)​

ที่มา http://www.tv3.co.th/becnews/data/social.html​

ลมพายุกระหน่ำสตูล ส่วนอุทัย-กำแพงเพชร-ราชบุรี น้ำยังท่วมหนัก​

​

ภูมิภาค 28 ต.ค.-ฝนที่ตกหนักในระยะนี้ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมแล้วในหลายพื้นที่​

ที่ จ.สตูล เกิดลมพายุพัดกระหน่ำในหลายพื้นที่ของ ต.ปากน้ำ อ.ละงู ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนพังเสียหายกว่า 10 หลัง บางหลังถูกต้นไม้ที่ถูกแรงลมพัดถอนรากถอนโคนล้มทับ ทั้งจุดต้นไม้ขนาดใหญ่หักโค่นขวางถนน เจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังตัดต้นไม้ เพื่อไม่ให้กีดขวางทางจราจร​

ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.อุทัยธานี นอกจากยังไม่ลดแล้ว ยังมีน้ำหลากจากลำห้วยทับเสลาเข้ามาสมทบ และไหลเข้าท่วมตลาดเทศบาลตำบลหนองฉาง อ.หนองฉาง​

ขณะที่ผู้ใหญ่บ้านบ้านโละโคะ อ.โกสัมพี จ.กำแพงเพชร เข้าแจ้งกับนายอำเภอว่า ลูกบ้านซึ่งมีทั้งชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงและม้งรวมกว่า 700 คน เดือดร้อนหนัก จากภาวะฝนตกหนักติดต่อกันเกิดน้ำท่วมสูงถึงเอว และขาดแคลนเครื่องอุปโภคบริโภค ต้องกินข้าวกับเกลือมาถึง 3 วันแล้ว​

ผู้แทนพระองค์ ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร นำถุงยังชีพพระราชทานมอบให้กับผู้ประสบภัยน้ำท่วมใน จ.ราชบุรี ซึ่งหลายพื้นที่ยังเดือนร้อนหนัก เพราะบ้านเรือนถูกตัดขาดจากโลกภายนอก.-สำนักข่าวไทย​

2008-10-28 15:02:55 ​

กำแพงเพชรน้ำท่วมสูง หมู่บ้านชาวเขาเดือดร้อนหนัก​

กำแพงเพชร 28 ต.ค.- ผู้ใหญ่บ้านกำแพงเพชรเดินลุยป่า 1 วัน ขอความช่วยเหลือจากอำเภอโกสัมพีนคร หลังฝนถล่มหนักน้ำท่วมตัดขาดหมู่บ้านชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงและม้งกว่า 700 คน ขาดแคลนน้ำ-อาหาร​

นายส้า แสงซุ้ง ผู้ใหญ่บ้านโละโคะ หมู่ 10 อ.โกสัมพีนคร จ.กำแพงเพชร ซึ่งเดินเท้าออกจากหมู่บ้านมา 1 วัน เข้าขอความช่วยเหลือกับอำเภอโกสัมพีนครเมื่อเช้าที่ผ่านมา (28 ต.ค.) เนื่องจากชาวไทยภูเขาเผ่ากะเหรี่ยงบ้านโละโคะ 334 คน 65 หลังคาเรือน ประสบภัยน้ำท่วมสูง หลังจากฝนตกหนักมา 3 วัน 3 คืน ทำให้ต้องอพยพไปอยู่ชั่วคราวที่โรงเรียนบ้านโละโคะ ที่สำคัญกำลังขาดแคลนอาหารและน้ำดื่ม โดยเฉพาะผู้สูงอายุและเด็กเริ่มเจ็บป่วยกันมาก

นอกจากนี้ ยังมีหมู่บ้านชาวไทยภูเขาเผ่าม้งเดือดร้อน 400 คน 70 หลังคาเรือน แม้จะอยู่บนพื้นที่สูงไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม แต่ถนนและสะพานไม่สามารถสัญจรได้ ทำให้ขาดแคลนเครื่องอุปโภคบริโภค ส่วนโทรศัพท์สาธารณะหมู่บ้านที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ไม่สามารถใช้การได้เช่นกัน จึงต้องตัดต้นไม้บริเวณเหนือหมู่บ้านเพื่อใช้ข้ามแม่น้ำ และใช้เวลาเดินเท้าอ้อมภูเขาลงมาพื้นล่างนาน 7 ชั่วโมง ถึงอำเภอค่ำวานนี้ ก่อนจะมาแจ้งให้อำเภอเร่งช่วยเหลือ​

ด้านนายจำรัส กังน้อย นายอำเภอโกสัมพีนคร สั่งจัดเตรียมเครื่องอุปโภคบริโภคอย่างเร่งด่วน เพื่อนำไปช่วยเหลือวันพรุ่งนี้ (29 ต.ค.) โดยเจ้าหน้าที่จะนำไปส่งที่อุทยานแห่งชาติคลองวัง เพื่อลำเลียงต่อเข้าหมู่บ้าน เนื่องจากรถยนต์เข้าไม่ถึงและมีถนนบางช่วงถูกตัดขาด ขณะเดียวกันยังเข้าตรวจสอบความเสียหายพื้นที่น้ำท่วมตัดขาดหลายหมู่บ้านในพื้นที่หมู่ 7 ต.ลานดอกไม้ตก เพื่อให้การช่วยเหลือพร้อมกัน.-สำนักข่าวไทย​

2008-10-28 14:48:52 ​

</TD></TR></TBODY></TABLE>

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>​

ที่มา http://news.mcot.net

 

*** ถึงเวลา ****

คนไทย...น่าจะหันมารักประเทศชาติ มากกว่าผลประโยชน์ของตัวเอง
การเปลี่ยนแปลงที่ดี .... ทำได้จริง เมื่อไว้ใจกัน พูดจาภาษาไทยด้วยกัน
คนเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ กินมาก โกงมาก ... จะลำบาก
ถ้าหยุด....ความแตกแยกของคนไทยด้วยกันไม่ได้
เรื่องเสียดินแดน...ก็ต้องตามมา

ถึงเวลาแล้ว....ที่คนไทยต้องถือสัจจะ ทำความดี เพื่อประเทศชาติบ้านเมือง
- " หนุมาน ผู้นำสาร "
วันอังคารที่ ๒๘ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๑

 

*** หลักของบ้านเมือง ****

ถ้าทุกคน...ทำเพื่อส่วนรวม ไม่หวังผลประโยชน์เข้าตนเอง
หลักรัฐธรรมนูญ....ก็ไม่ใช่เรื่องยาก
เพราะ...มีเป้าหมายเดียวกัน
คือ.... ทำเพื่อความเจริญของชนชาติไทย
เลือกทางที่ดีที่สุด... สำหรับชาติไทยในอนาคต
เมื่อลูกติดขัด....จึงขอคำปรึกษาจากพ่อ

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** ยุทธศาสตร์โลกสันติธรรม ****

สิ่งที่น่าทำ...เพื่อแก้ไขสถานการณ์ทั่วโลก
ยุทธศาสตร์ขุดคลองไทย ... เพื่อหมุน วงล้อเศรษฐกิจโลก
ยุทธศาสตร์ข้าวไทย สวนครัวไทย .... เพื่อเป็นแหล่งผลิตอาหาร เป็นที่พึ่งของโลก
ยุทธศาสตร์ทำความดีด้วยสัจจะ ... เพื่อหมุนกงล้อโลกุตตระธรรม

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

ข้าพเจ้ารับราชการครูที่ ไทรโยค กาญจนบุรี ซึ่งต้องบอกว่า เมืองกาญก็ยังมีผู้ดูเเลรักษา เพราะถ้าเกิดขึ้นจริง ๆ หมายถึงหลายจังหวัด หายนะนั้นยังไม่ถึงเวลา

 

ที่น่ากลัวร้ายเเรง คือการศึกษาขั้นพื้นฐานชาติเดินไปผิดทาง

 

ขอถามท่านผู้เจริญทั้งหลายสักหน่อย....นึง

เท่าที่มีการนำคำทำนายสารพัดหลายสำนักลงมาโพสต์
ถามว่า มีสำนักไหนที่ใกล้เคียงความเป็นจริงบ้าง.......น้อยมาก

แล้วถ้าเช่นนั้น การนำคำพยากรณ์มาโพสต์ก็ไม่ต่างจาก นำความเท็จมาเล่าสู่กันฟัง หรอครับ.......ใครจะรับผิดชอบตรงนี้

สมาชิกเวปพลังจิต นับว่าเป็นผู้มีสติปัญญาในระดับหนึ่ง
หลายท่านมีภูมิความรู้สูงระดับ "อนุอภิญญา" ด้วย ซ้ำไป
แต่ท่านทั้งหลายเหล่านั้นไม่ปรานารถจะเผยตัวตน

แต่ที่ต้องมีทำหน้าที่เตือนสติในหน้านี้ ก็เพราะเห็นว่าการพยากรณ์อย่างมีเลศนัย แอบแฝงไว้ด้วยอคติ เป็นเครื่องมือของผู้ไม่ประสงค์ดีต่อบ้านเมือง เข้ามายุยงผ่านสื่อให้ประชาชนเกลียดชังกันเอง......หาสมควรเข้ามาอยู่ในเวปของผู้มีสติปัญญาไม่

Nirvana เฝ้ามองกระทู้ต่างๆเป็นเวลานานและเห็นว่า การพยากรณ์ของบุคคลที่เป็นกลางอย่างแท้จริง และไม่ได้มีส่วนได้เสียหรือยึดเป็นอาชีพเลี้ยงตัวเอง (ในการเล่าเรื่องโกหกแลกกับค่าทำนาย) ก็มีอยู่เช่นกัน ดังเช่น ท่าน ดร.อาจอง ชุมสาย ซึ่งเราเชื่อว่าท่านผู้นี้เป็นมหาอัจฉริยะคนหนึ่งของโลก เราไม่เคยสงสัยในคำพยากรณ์ของท่านแต่ประการใด

การที่บุคคลมีความเห็นแตกต่างกันเป็นเรื่องปกติ แต่การที่นำเสนอข้อความอะไรที่เป็นสิ่งย้ำเตือนอย่างมีเหตุผล ก็ควรจะได้เสนอให้ท่านผู้เจริญได้พิจารณา การเสียดสีบุคคลบางประเภทอาจจำเป็นในระดับหนึ่งซึ่งสมควรกับบุคคลที่เอนเอียงพาชาติไปล่มจมอย่างนั้น เพื่อให้ผู้คนตระหนักถึงคำพูดอาบยาพิษที่ได้พร่ำบอกคนที่รู้เท่าไม่ถึงการ ประดุจเหมือนเอามีดปาดจุดเน่าหนอนของผลไม้ให้เห็นเนื้อใน

ขอให้ผู้เจริญสังเกตข่าวสารที่ปลิวว่อนอยู่ในสื่อต่างๆ จะเห็นได้ว่ามีความเท็จมากกว่าร้อยละ 50 ก็เพราะเกิดจาก อสัตตบุรุษที่มีเถยจิตคิดร้ายต่อบ้านเมืองทั้งสิ้น พูดเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น.....แต่เอาเถอะ อีกไม่นานความจริงจะเปิดเผย แล้วผู้คนจะได้ตาสว่างกันเสียที

วันนี้วิบากกรรมของประเทศชาติกำลังส่งผล ทำให้ผู้คนจำนวนมาก "เห็นกงจักรเป็นดอกบัว" ต่อเมื่อกรรมทั้งหลายให้ผลเต็มที่จนสิ้นกรรมต่อกันแล้วเท่านั้น ฟ้าคงเปิดสว่างไสวในจิตใจของผู้มืดมนในวันนี้

ควรมิควรก็ไปพิจารณากันเอาเองเถิด......ท่านผู้เจริญ

 

ท่าน Nirvana ตัวผมเองก็โง่งมอยู่และไม่ได้มีความสามารถอะไร ดังนั้นผมเลยชอบแค่ด่าเปรยๆเพื่อบั่นทอนคนที่มาพูดเพื่อความดังหรือเรียกความสนใจเพื่อให้เขาหมดอารมณ์หยุดสร้างเวรและบาปกรรมต่อเขา(คือยอมบาปและสนองความอารมณ์ร้อนของตัวผมเอง) ใครที่เจตนามาลงโดยเจตนาดีถึงจริงหรือเท็จผมขออนุโมทนาหมด ขอให้ท่านตั้งใจทำเพื่อช่วยส่วนรวมอย่ามาอมพะนำ ถ้าท่านสามารถแยกแยะได้จริงและรู้ก็ช่วยบอกให้คนดูแลบอร์ดมาเล่นเอาเองเนอะ อย่าไปบั่นทอนคนไหนที่เขาสละเวลาและอารมณ์ให้เลย แค่ชี้แนะเขาทาง Private message รักษาหน้าและน้ำใจไมตรีต่อกันเถอะ ถ้าผมพูดผิดอะไรก็ขอโทษล่วงหน้าและชี้แนะด้วยครับ

 

วันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6543 ข่าวสดรายวัน


ขวัญหนีดีฝ่อ!หุ้นโลกดิ่งซ้ำ



เอเอฟพีรายงานว่า เมื่อ 27 ต.ค. กระแสตื่นตระหนกหวาดผวาเศรษฐกิจโลกถดถอย ส่งผลต่อการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกอย่างหนักหน่วงตั้งแต่ต้นสัปดาห์ โดยเฉพาะที่ตลาดโตเกียวของญี่ปุ่น ดิ่งอีก 6.36% ลงไปอยู่ระดับต่ำสุดในรอบ 26 ปี ฮ่องกงดิ่งลงเป็นสถิติสูงสุดในวันเดียว 12.7% นับจากปี 2534

ด้านราคาน้ำมันโลกดิ่งต่ำกว่าระดับ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ตามกระแสที่ความต้องการใช้น้ำมันลดลง แม้ว่ากลุ่มชาติอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก หรือจี 7 จะประกาศรับมือกับวิกฤตการเงินที่ปั่นป่วนอยู่ในตอนนี้ให้มีเสถียรภาพให้ได้ แต่นักลงทุนกลัวไม่หายว่า มาตรการต่างๆ ที่ออกมาในตอนนี้จะสายเกินไปแล้วที่จะป้องกันภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยเพิ่งมีรายงานการสำรวจภาวะความมั่นใจในเศรษฐกิจของเยอรมนี ชาติที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของยุโรป พบว่า อยู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงเศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรง ทำให้สถานการณ์การซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปไม่แตกต่างจากเอเชียที่พากันดิ่งระนาว อังกฤษดิ่งลงทันทีที่เปิดตลาดไปกว่า 5.32% ส่วนฝรั่งเศส ร่วงมากกว่า 6% และเยอรมนี ดิ่งกว่า 5.42%

ในเวลาเดียวกัน รัฐบาลนานาประเทศพยายามหาทางรับมือด้วยมาตรการต่างๆ เช่น ญี่ปุ่นประกาศจะอัดฉีดเงินก้อนใหญ่เข้าตลาดหุ้นอีกหากจำเป็น ส่วนธนาคารกลางเกาหลีใต้สั่งปรับลดอัตราดอกเบี้ยแล้วในอัตราสูงกว่า 75 จุด เหลือที่อัตรา 4.25% เป็นการปรับลดที่สูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา ด้านกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ เปิดแผนกู้วิกฤตให้กับยูเครนและฮังการี ชาติยุโรปตะวันออก และต่อมา รัฐบาลสหรัฐอเมริกาประกาศฉีดเงินถึง 125,000 ล้านดอลลาร์ เข้าสถาบันการเงินหลัก 9 แห่งของประเทศ ได้แก่ ซิตี้กรุ๊ป, เจพีมอร์แกน, แบงก์ ออฟ อเมริกา, โกลแมนแซกส์, มอร์แกน สแตนลีย์, เวลส์ ฟาร์โก, แบงก์ ออฟ นิวยอร์ก เมลลอน, สเตต สตรีต และเมอร์ริลลินช์ที่แบงก์ ออฟ อเมริกา ซื้อกิจการไปแล้ว

หน้า 7

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><!--Middle--><TD vAlign=top align=left bgColor=#ffffff>จำนวนคนอ่านล่าสุด 976 คน <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TD vAlign=top align=left>[FONT=Tahoma,]วันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6543 ข่าวสดรายวัน


แฉบริษัทจีนปิดข่าว"ไข่เมลามีน"



เมื่อ 27 ต.ค. เอเอฟพีรายงานความคืบหน้ากรณีศูนย์ควบคุมอาหารเขตบริหารพิเศษฮ่องกงตรวจพบสารเมลามีนในไข่ที่นำเข้าจากบริษัทฮั่นเหว่ย เมืองต้าเหลียน ประเทศจีน ว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขต้าเหลียน รวมถึงฮั่นเหว่ยพบไข่ปนเปื้อนเมลามีนมาตั้งแต่เดือนก.ย. แต่ไม่ได้แจ้งหรือแถลงเรื่องนี้ต่อสาธารณะ <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>

เจ้าหน้าที่ตรวจสอบความปลอดภัยด้านอาหารเมืองต้าเหลียน เปิดเผยว่า หน่วยงานสาธารณสุขเริ่มสุ่มตรวจไข่ตั้งแต่เดือนกันยาฯ หลังพบสารเมลามีนปนเปื้อนในนมผงจนเป็นเหตุให้ทารกที่ดื่มเข้าไปล้มป่วยนับหมื่นคน ทางบริษัทฮั่นเหว่ยจึงสั่งทำลายไข่ทิ้งทั้งหมด เบื้องต้นเชื่อว่า อาหารไก่อาจปนเปื้อนเมลามีน ทำให้ไข่ที่ออกมามีเมลามีนตามไปด้วย ส่วนการตรวจในเดือนต.ค. ไม่พบเมลามีนปนเปื้อนในไข่

ด้านบริษัทฮั่นเหว่ย หนึ่งในผู้ค้าไข่ไก่รายใหญ่ของจีน ปฏิเสธแสดงความเห็นใดๆ โดยระบุสั้นๆ เพียงว่า กำลังสอบสวนข้อเท็จจริง เช่นเดียวกับสำนักงานควบคุมคุณภาพและตรวจสอบโรคของจีน ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบสินค้าส่งออกที่ยังไม่ยอมให้ข่าวเช่นกัน ขณะที่เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยด้านอาหารเมืองต้าเหลียนเรียกประชุมด่วนเพื่อรับมือผลกระทบที่อาจตามมา ส่วนทางการฮ่องกงสั่งตรวจสอบอาหารสัตว์นำเข้าจากจีนโดยด่วน[/FONT]

[FONT=Tahoma,]หน้า 7[/FONT]
</TD></TR></TBODY></TABLE>หุ้นเอเชียพลิกกระเตื้องแล้ว

<STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>
</NYT_BYLINE> บีบีซีรายงานว่า เมื่อ 28 ต.ค. สถานการณ์ซื้อขายในตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดด้วยตัวเลขดิ่งลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 หลังจากไม่มีวี่แววใดๆ ว่า เศรษฐกิจโลกจะทะยานมาพ้นปากเหวของช่วงถดถอยรุนแรง อย่างไรก็ตาม ในช่วงบ่าย สถานการณ์ดีขึ้น โดยเฉพาะที่ฮ่องกง กระเตื้องขึ้นมาบวกที่ 11% หลังจากเมื่อวันจันทร์ดิ่งลงไป 12.7% ส่วนญี่ปุ่นดีดกลับมาที่บวก 6.4% หลังค่าเงินเยนอ่อนตัว ด้านเกาหลีใต้เพิ่ม 5.6% จีนเพิ่ม 2.8% แต่ออสเตรเลียดิ่งต่อเนื่องลง 0.4%

สถานการณ์หุ้นในเดือนที่ผ่านมา ปั่นป่วนแปรปรวนตลอด ช่วงที่ดีที่สุดอยู่ในสัปดาห์วันที่ 13 ต.ค. เมื่อหุ้นพร้อมใจกันพุ่งกระฉูด ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ที่นิวยอร์ก พุ่งขึ้นกว่า 936 จุด คิดเป็นร้อยละ 11 เป็นสถิติร้อยละที่พุ่งสูงสุดภายในวันเดียวนับจากปีค.ศ.1933 และทำลายสถิติพุ่งขึ้นสูงสุดตามจุด มากกว่าเมื่อปีค.ศ.2000 เมื่อเหล่ารัฐบาลชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจตั้งแผนค้ำยันบรรดาธนาคารของแต่ละประเทศไม่ให้พังครืน แต่ล่าสุด นักลงทุนกลับผวาว่า มาตรการต่างๆ ที่ตั้งขึ้นมานั้น อาจสายเกินไป
</TD></TR></TBODY></TABLE>คาดคนอ้วนมี"โดปามีน"น้อย ต้นเหตุไร้ความสุข-ทานอาหารมากขึ้น



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>ตามปกติผู้คนทั่วไปมักคิดว่า "คนอ้วน" น่าจะมีความสุขกับการกินได้ง่ายกว่าคนผอม อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาล่าสุดกลับพบว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะคนอ้วนเวลากินอาหารจะมีสารโดปามีน หรือสารแห่งความสุขหลั่งออกมาน้อยกว่าคนผอม ดังนั้น คนอ้วนจึงต้องกินอาหารให้มากขึ้น เพื่อให้สมองหลั่งสารโดปามีนออกมามากขึ้นด้วยเช่นกัน

ผลการศึกษาดังกล่าวจัดทำโดยนักวิจัยจากสถาบันวิจัยโอเรกอน สหรัฐอเมริกา โดยใช้เทคนิคที่เรียกว่า "functional Magnetic Resonance Imaging" หรือ "fMRI" เพื่อตรวจสภาวะการทำงานสมองของนักศึกษาหญิง 43 คน อายุระหว่าง 18-22 ปี และเด็กวัยรุ่นอีก 33 คน อายุประมาณ 14-18 ปี ในขณะกำลังดื่มช็อกโกแลตมิลค์เชก และบางส่วนดื่มสารละลายที่ไม่มีรสชาติ

ตามปกติ เซลล์สมองจะหลั่งสารโดปามีน หรือสารแห่งความสุขออกมาเวลามนุษย์รับประทานอาหาร ด้วยเหตุนี้คนส่วนใหญ่จึงรู้สึกยินดี หรือมีความสุขเวลาที่อาหารเข้าปาก แต่จากการใช้เทคนิค "fMRI" สแกนสมองอาสาสมัครกลับพบว่า นักศึกษาหญิงกลุ่มที่มีรูปร่างอ้วนจะมีการหลั่งสารโดปามีนออกมาน้อยมากเมื่อดื่มช็อกโกแลตมิลค์เชก และเมื่อผ่านไป 1 ปี นักศึกษาหญิงกลุ่มนี้มีแนวโน้มจะอ้วนมากขึ้นกว่าเดิมด้วย

ผลลัพธ์จากการศึกษาครั้งนี้ทำให้นักวิจัยตั้งสมมติฐานว่า เนื่องจากสมองของคนอ้วนมีการหลั่งสารโดปามีนออกมาน้อยขณะกินอาหาร ส่งผลให้ต้องทานอาหารเข้าไปให้มากขึ้น เพื่อให้สารโดปามีนหลั่งออกมามากขึ้นตามไปด้วยจึงจะรู้สึกได้ถึงความพึงพอใจจากการกินอาหารมื้อนั้น การกินอาหารเข้าไปมากเพื่อให้สารโดปามีนหลั่งออกมามาก จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนอ้วนหลายคนลดน้ำหนักไม่สำเร็จหรือสำเร็จยาก

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

เป็นอย่างไรรึท่านทั้งหลาย ที่เคารพรัก

สตอมเซิร์จที่จะเกิดในเมืองไทย สค. กย. ต.ค. ปี 2551

ไปถึงไหนแล้วหรือครับ?

ปล1. ก็ผมบอกแล้วว่าไม่มีอะไร ทำไมไม่เชื่อหล่อฯ บ้างหล่ะ
ปล2. เดี๋ยวมีประเด็น เขื่อนแตก และหิมะตกในเมืองไทย ปีนี้

ปล.3 ผมกัดไม่ปล่อยนะครับท่าน

 

โอ้ อย่าบ่นเลยครับ มีงานเยอะ แสดงว่ามีงานทำ ถ้าไม่มีงานแล้ว ?????
;aa19

 

งั้นต้องขอให้คุณ falkman มีงานเยอะๆ.... ต่อเนื่องตลอดนะคะ ( เอ...จะใช่คำอวยพรไหมเนี่ย )

 

วันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2551 เวลา 20:40:06 น. มติชนออนไลน์ อ่านล่าสุด 94 คน

<CENTER>
</CENTER>
เจ้าอาวาสวัดอรุณฯมรณภาพด้วยโรคชรา

<STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>พระครูศรีชยาภิวัฒน์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดอรุณราชวราราม เขตบางกอกใหญ่ กทม. เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม พระธรรมสิริชัย (บุญเลิศ โฆสโก) เจ้าอาวาสวัดอรุณราชวราราม ได้มรณภาพด้วยโรคชรา สิริรวมอายุ 90 ปี 68 พรรษา ก่อนหน้านี้ได้เข้ารักษาอาการอาพาธหายใจเหนื่อยหอบที่โรงพยาบาลธนบุรี แต่เนื่องจากชราภาพไม่สามารถรับการผ่าตัดได้ แพทย์พยายามรักษาจนสุดความสามารถแล้ว กระทั่งได้ละสังขารจากไปอย่างสงบ ท่ามกลางความโศกเศร้าของญาติโยมและคณะศิษยานุศิษย์ จะเคลื่อนศพกลับวัดอรุณฯในวันที่ 30 ตุลาคม เวลา 13.00 น. ตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่บริเวณชั้น 2 โรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดอรุณฯ สรงน้ำศพตั้งแต่เวลา 14.00 น. จากนั้นเวลา 17.00 น. วัดได้ขอพระราชทานน้ำหลวงสรงศพพระธรรมสิริชัยเป็นการพิเศษ