ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

และอีกไม่นานนี้ประชาชนชาวไทยจะมี “ผู้นำ” คนใหม่ที่ ไม่ได้มาจากพรรคพลังประชาชน …และไม่ใช่มาจากพรรคประชาธิปัตย์…หรือพรรคการเมืองใดๆในปัจจุบัน.......

ดีจัง ถ้าเป็นเช่นว่าจริงๆ ประเทศชาติจะได้สงบสักที

 

โลกยุคปัจจุบัน

กระแสแห่งเมตตาการุณ ก็มีหน้าที่เช่นนั้นตามธรรมชาติ ไม่ใช่ใครวิเศษกว่าใคร
กระแสแห่งการปกครองดูแลเป็นลำดับชั้น ก็มีอยู่แล้วเช่นนั้น

หากทราบแล้ว ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

จึงพยายามเท่าที่จะทำได้เพื่อ...ถ่วงดุลย์ สร้างฐานรองรับกระแสเย็น
ปรารถนาให้ชีวิตโดยรวมเป็นสุข ให้เค้าหยั่งรู้เห็นคุณค่าปัจจุบันธรรม ให้เค้าไม่ท้อที่จะปรับปรุงตน ให้เค้าไม่พะวงกับอนาคตทำนาย


ลำพัง ชีวิตหนึ่ง ที่เกิดมาเป็นคน ต้องยอมรับข้อจำกัด

หากทำเต็มที่แล้ว .... ก็ต้องอุเบกขาในเมตตา คือ วางเฉยเพื่อรอจังหวะ



พลังแห่งการทำลายล้างตามกฏแห่งกรรม ที่รอทำหน้าที่
ตามวาระวิบากที่ส่งผล...


คนหลายๆคน และผู้มีอุดมการณ์เดียวกัน ได้พยายามขอชะลอเวลาไว้
เพื่ออาศัย เวลา ให้บุญ บารมี รัศมี กำลังฤทธิ์ ฯลฯ แห่ง พระรัตนตรัย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในธรรมภาคขาวทั้งหมด กระแทก ให้ผลกรรมรวมที่เป็นกลุ่มก้อนทรงอำนาจมหาศาล แตกกระจายออก

แตกกระจายออก แล้ว ...ให้ค่อยๆ ผ่อนชำระ ด้วยเวลาที่ยืดออกไป แล้วเอาผลกรรมดีของชนจำนวนมากที่ทำบุญกุศลเพิ่มเติม มารองรับพลังที่จะมาช่วยเหล่านั้น

แต่ พลังแห่งการทำลายล้าง และจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่ดำรงหน้าที่ ก็ได้มารออยู่ และเร่งเร้าให้เกิดการกระทบ ในระดับต่างๆ เพราะ วิบากกรรมรวมของคนจำนวนมาก มันดึงดูดไว้ และ เชื้อเชิญโดยสภาวะให้เกิดได้ตลอดเวลา

ข้าพเจ้า ....ไม่ได้ใช้มานะ ทิฐิ ตัดสินใคร ตามความเห็น ความคิดของตน



.............หวังและหาโอกาสปลูกสร้าง ว่าทุกช่วงหลังการเกิดขึ้นและดับไปของไฟป่า
จะเกิดพืชพรรณใหม่ที่ดำเนินต่อไป



.............สัตว์โลก ย่อมเป็นไปตามกรรม................






[music]http://palungjit.org/attachments/a.332439/[/music]

 

เท่าที่ทราบมาว่า ท่านผู้เขียนสุทัสสา อ่อนค้อม ได้เล่าประวัติของหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน แต่เนื่องจากเป็นเรื่องเล่า จึงได้ใช้ชื่อหลวงพ่อเจริญ วัดป่ามะม่วงตามพุทธประวัติ คือ ป่าอัมพวัน เรื่องที่เล่าเป็นจริง แต่ท่านไม่ได้มรณภาพเพราะผลการปฏิบัติธรรมของท่านทำให้กรรมเป็นอโหสิกรรม กรรมหนักตามไม่ทัน เรื่องสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม มีหลายตอน CD ก็ 4 แผ่น

พวกเราก็สามารถเปลี่ยนกรรมประเทศได้ขอให้ร่วมกันทำความดีเจริญสติ ศึกษาการปฏิบัติให้ถูกต้อง ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งครูบาอาจารย์กล่าวว่า
"หนทางยังมีอยู่ ผู้เดินทางยังไม่ขาดสาย ลงมือเสียแต่วันนี้
ก่อนที่กระแสลมแห่งกาลเวลา จะพัดพารอยพระบาทของท่านหายไป
เพราะถึงเวลานั้น พวกเราก็จะต้องระหกระเหินไร้ทิศทาง ไปอีกนานแสนนาน "

พลังความดีนี้มหาศาล จะช่วยทำกรรมหนักให้เป็นกรรมเบาได้ ช่วยๆกันนะ

 

สนุกสนานกันใหญ่ แช่งประเทศให้ล่มจม

คนบ้ากันไปแล้ว 555+

 

โมทนาครับ คุณ โชตนา กรรมเปลี่ยนแปลงได้จริงๆ ดุจเดียวกับหลวงพ่อจรัญ

 

อินโดนิเซียก็อิสลาม มาเลเซียก็อิสลาม เขมรล่ะ? สุรินทร์ รักษ เลขาอาเซียนก็อิสลามประชาธิปัทย์ล่ะ? เหมือนหวยล็อคเลย การเมืองใหม่ของใคร?

 

หลายเวบบอร์ดรู้สึกว่าจะดึกฟ้ามาดิน ทำให้รู้สึกว่าเสียความรู้สึก บอร์ดนี้แม้จะกระทู้แทงใจ แต่ขอให้ทุก ๆ คนรักษา ความดีื ควา่มจริงใจ ศัทธาของตนเองด้วย เพชรแท้แม้จะอยู่ที่ใด ก็ยังเป็นอัญญมณีอันล้ำค่าอยู่ดี ต่างกันที่คนมอง คนให้ราคา มันเพียงเท่านั้น ว่าจะให้มากหรือน้อย
รู้ค่า หรือ ไม่รู้ค่า มองเพชรเป็นเศษแก้ว ตรองดูก็แล้วกัน ทุกอย่างจะคลี่คลายไปในทางที่ดีแน่นอน

 

ศัทธาต่อการทำความดีที่เห็น ที่รับรู้ เวลาที่ผ่านมา เป็นเครื่องพิสูจน์ และนานแล้วจนลืม ต้องไปดู สิ่งที่ทำไว้ ว่าได้ประโยชน์ หรือไร้ประโยชน์ แต่ความดีที่ฉาบฉวย
ทำต่อหน้า ลับหลังทำชั่ว ฟ้าดินเท่านั้นที่รู้ กาลเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ต้องตามดู

 

เฮ้อ . . . . . ห่วงประเทศชาติเหลือเกินแล้ว
อะไรกันนักกันหนา
เมื่อไหร่จะรู้รักสามัคคีกันนะ พี่น้องเอ๋ย เฮ้อ........

ขอบุญรักษาประเทศไทย ขอพ่อหลวงสุขเกษมสำราญเทอญ สาธุ ...........

 

POWER OF NOW พลังแห่งจิตปัจจุบัน


The Power of Now has been widely recognized as one

of the most influential spiritual books of our time.


เป็นหนังสือที่ดังมากๆ ที่อเมริกา และ ขายดีตลอดกาลด้วยคะ

พอดีเมืองไทยมีคนเอามาเเปล สันโดษ อยากให้คุณได้อ่าน

ช่วงวันหยุดนี้ คุณจะได้ เรียนรู้อะไรดีๆ เพิ่มขึ้นอีกนะเอย นะเอย

 

ถูกต้องนะคร้าบบบบบบบบบบบบบบบ;aa21

 

ใช่ ๆ หนังสือดีมาก

 

หนังสือถึงกับ มา คอนเฟิร์มเองด้วย *0*ทั้งเวอร์ชั่นไทยเเละอังกฤษ....นะเอย นะเอย

ออกมาจากกระทู้ได้ไง......คนอ่านเขาอยู่ในกระทู้....กลับไปทำงาน..ไปไป๊!!!

กระทู้นี้ เขามีไว้ให้ คนอ่าน เพื่อ ทำความเครียดกับโลก...ไม่ได้ให้มาฮากัน

อู้ววววส์....ไม่รู้หน้าที่ตนเองเลยนะเนี๊ย

 

.

 

"ระวังความแค้นของสตรี"



​

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>สาวอินเดียโหด! ฆ่าตัดคอประจานหนุ่มที่พยายามข่มขืน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>18 ตุลาคม 2551 02:03 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

เอเจนซี - หญิงสาวชาวอินเดียรายหนึ่ง ฆ่าตัดหัวผู้ชายที่ถูกกล่าวหาว่าเคยพยายามทำร้ายเธอ จากนั้นนำศีรษะเดินอวดทั่วตลาดทางตอนเหนือของประเทศ ตำรวจเปิดเผยวันศุกร์(17)

ตำรวจจับกุมผู้หญิงรายดังกล่าวในช่วงค่ำวันพฤหัสบดี(16) หลังจากได้รับโทรศัพท์แจ้งจากพยานที่ขวัญหนีดีฝ่อหลายคนว่าผู้หญิงที่เลือดโชกไปทั่วตัวหิ้วศีรษะเดินไปทั่วหมู่บ้าน แรม บาโรส เจ้าหน้าที่ตำรวจเผย

ผู้หญิงรายนี้อายุ 35 ปี ได้บอกกับตำรวจว่าช่วงที่เกิดเหตุเธอได้เข้าไปป่าที่อยู่ใกล้เคียงเพื่อตัดหญ้านำมาเลี้ยงวัว แต่ถูกชายคนหนึ่งเล่นงานเธอจากข้างหลัง

"ในความพยายามรักษาเกียรติภูมิของเธอ เธอตัดศีรษะเขาด้วยเคียว" บาโรส กล่าว พร้อมระบุว่าตามร่างกายของผู้หญิงมีรอยกัดหลายจุดบริเวณคอและแก้ม

สาวอินเดียเล่าให้ตำรวจฟังต่อว่าผู้ชายคนดังกล่าวตามรังควานและไล่ตามเธอมากว่า 3 เดือน และเธอไม่เสียใจที่ฆ่าเขา ทั้งนี้ตำรวจเปิดเผยว่าเธออาจถูกตั้งข้อหาฆาตกรรม

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในหมู่บ้านมัคคาปูร์วา ห่างจากเมืองหลวงของรัฐอุตตรประเทศ ราว 200 กิโลเมตร

ที่มา http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9510000123835

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ตามคาด.."ฮุนเซน" อ้างเหตุปะทะไทยเสริมเขี้ยวเล็บ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>18 ตุลาคม 2551 02:14 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=600> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>ทหารเขมรที่มี AK47 กระบอกเก่าๆ เป็นอาวุธ วิ่งหาที่กำบังระหว่างปะทะกับทหารไทยวันพุธ (15 ต.ค.) ที่ผ่านมา รัฐบาลกัมพูชาได้ใช้โอกาสนี้ประกาศทุ่มงบลงพัฒนากองทัพ (ภาพ: Reuters) [SIZE=+0]</CENTER>[/SIZE]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>
ผู้จัดการออนไลน์-- นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สมเด็จฯ ฮุนเซน กล่าวระหว่างการประชุมประจำสัปดาห์เมื่อวันศุกร์ (17 ต.ค.) ว่าจะต้องปรับปรุงด้านการป้องกันประเทศ ขณะที่ทหารกัมพูชากำลังเผชิญหน้ากับทหารไทยตามแนวชายแดนและหลังจากเกิดการปะทะกันด้วยอาวุธเมื่อวันพุธ

คณะรัฐมนตรีกัมพูชาได้ยืนสงบ 1 นาที ไว้อาลัยทหารเขมรที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์สู้รบที่ชายแดนพนมโตร๊ป (Phnom Troap) หรือ ภูมะเขือ ทางตะวันออกของปราสาทพระวิหาร

"ด้วยความภาคภูมิใจที่เราได้รับในด้านการป้องกันเขตแดนของเรา วันนี้คณะรัฐมนตรีจะหารือกันเกี่ยวกับร่างกฎหมาย เพื่อนำเรื่องการปรับปรุงด้านกลาโหมเป็นความเร่งด่วนอันดับแรก" สมเด็จฯ ฮุนเซนกล่าว โดยไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดที่เป็นรูปธรรม

ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 2 คนจากการสู้รบขณะที่ฝ่ายไทยได้รับบาดเจ็บ 7 นาย ทหารกัมพูชาคนที่สามเสียชีวิตเมื่อวันพฤหัสบดี เนื่องจากสูดควันพิษอย่างต่อเนื่องเพราะต้องยิงระเบิดอาร์พีจีจำนวนมาก ทั้งนี้เป็นรายงานของสำนักข่าวเอเอฟพี

วันพฤหัสบดีที่ผ่านมาทหารไทยและกัมพูชาได้ตกลงจัดลาดตระเวนร่วมกันในเขตแดนพิพาท เพื่อหาลางหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า แต่ปฏิบัติการดังกล่าวยังคงเป็นที่กังขาสำหรับเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกรุงพนมเปญ

พล.อ.แกกิมยาน (Ke Kim Yan) ผู้บัญชาการกองทัพกัมพูชา ซึ่งเดินทางไปปราสาทพระวิหาร เมื่อวันศุกร์กล่าวว่า การลาดตระเวนร่วมจะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อยังไม่มีการปักปันเขตแดนย่างชัดเจน

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=370 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=370> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>ภาพถ่ายวันที่ 15 ต.ค. 2551 ทหารเขมรสะพายลูกระเบิดอาร์พีจี "เบ40" (B40) อาวุธหลักที่ใช้ปะทะกับทหารไทยที่ภูมะเขือ ทหารกัมพูชากำลังเผชิญหน้ากับกองทัพที่มีกำลังพลเหนือกว่าและมีอาวุธทันสมัยกว่าอย่างเทียบกันไม่ได้ (ภาพ: AFP) [SIZE=+0]</CENTER>[/SIZE]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรีกัมพูชาแสดงท่าทีเห็นด้วยกับการปฏิบัติ โดยระบุว่ามาตรการดังกล่าวก็เพื่อหาทางลดกำลังทหาร ลดการเผชิญหน้า และต่อไปคงจะไม่สงครามที่ใหญ่โตระหว่างกัน

ระยะ 2-3 วันที่ผ่านมาโลกภายนอกได้เห็นทหารกัมพูชาใช้อาวุธปืนเก่าๆ ที่ตกค้างมาจากยุคสงครามเย็นในการสู้รบกับทหารไทยที่มีอาวุธทันสมัยกว่า อาวุธหลักของฝ่ายกัมพูชาได้แก่เครื่องยิงระเบิดอาร์พีจี B40 ตั้งแต่ยุคสงครามกับรุ่น B41 ที่ใหม่กว่า

รถบรรทุกทหารเก่าๆ ของฝ่ายกัมพูชานำทหารเข้าสู่แนวหน้าด้าน จ.พระวิหาร พร้อมกับลากปืนใหญ่ขนาด 122 ม.ม.ที่ผลิตในอดีตสหภาพโซเวียต รวมทั้งใช้รถลำเลียงพลรุ่นเก่าๆ ที่ผลิตในโซเวียตเช่นเดียวกัน

กัมพูชากำลังเผชิญหน้ากับกองทัพไทยที่มีกำลังพลราว 300,000 นาย พร้อมเครื่องบินรบแบบเอฟ16 ปืนใหญ่ 155 ม.ม. เฮลิคอปเตอร์ติดปืนและและอาวุธหนักทันสมัยอีกหลายชนิด.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
ที่มา http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9510000123838

 

อุตุฯเตือนช่วงนี้ภาคใต้มีฝนตกชุก ขณะที่เหนือ-อีสาน อากาศเริ่มเย็น​

​

กรุงเทพฯ 18 ต.ค. - กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนช่วงนี้ภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้น ขณะที่ภาคเหนือและภาคอีสานอากาศเย็นและมีหมอกในตอนเช้า

บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนได้แผ่เสริมลงมาปกคลุมภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ทำให้บริเวณดังกล่าวมีหมอกและอากาศเย็นในตอนเช้า ขณะที่ร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่านภาคใต้ตอนกลาง ลักษณะเช่นนี้จะทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มมากขึ้น โดยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา ระนอง ตรัง และสตูล สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยสูงประมาณ 2 เมตร โดยเฉพาะบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

สำหรับภาคกลางและภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ถึง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่. -สำนักข่าวไทย

2008-10-18 10:21:40

ผู้ค้ายันชานมไข่มุกปลอดภัย ใช้วัตถุดิบในไทย​

​

พิษณุโลก 18 ต.ค.- บรรยากาศการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชานมไข่มุกเมืองสองแคว ยังคึกคัก ผู้ค้ายืนยันผลิตภัณฑ์ทุกชนิดล้วนผลิตในประเทศไทย ไม่ได้นำเข้าจากประเทศจีน จึงมั่นใจได้ในเรื่องความปลอดภัย

บรรยากาศการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชานมไข่มุก ภายในตลาดเทศบาลนครพิษณุโลก ซึ่งมีกว่า 10 ร้านค้า ยังคงเป็นไปอย่างคึกคัก โดย นายสมชัย แสนสิริบรรพต เจ้าของร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชานมไข่มุก ทั้งค้าปลีกและค้าส่ง ที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดพิษณุโลก และภาคเหนือตอนล่าง กล่าวว่า ถึงแม้จะมีการตรวจพบสารเมลามีนปนเปื้อนในผลิตภัณฑ์นมผง และนมข้นแปลงไขมันไม่หวาน ลูกค้าก็ยังคงมาซื้อสินค้าภายในร้านคึกคักเหมือนเดิม

เนื่องจากผลิตภัณฑ์ทุกชนิดที่เป็นวัตถุดิบและส่วนผสมเครื่องดื่มชานมไข่มุก โดยเฉพาะหัวนมผงที่ทางร้านจัดจำหน่าย ล้วนแต่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในเมืองไทย ไม่ได้นำเข้าจากประเทศจีน โดยมีเครื่องหมาย อย.ที่ผ่านการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข มีวันผลิต และวันหมดอายุ แจ้งที่บรรจุภัณฑ์สินค้าอย่างชัดเจน จึงมั่นใจว่าไม่มีการปนเปื้อนของสารเมลามีนแน่นอน ลูกค้าจึงมั่นใจในความปลอดภัย

นพ.วุฒิไกร ศักดิ์สุรกานต์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่า ได้ตระเวนออกตรวจสอบผลิตภัณฑ์นมผง รวมทั้งนมข้นแปลงไขมันไม่หวาน สูตรน้ำมันปาล์มตรามะลิ ล็อตที่จะหมดอายุวันที่ 16 มกราคม 2552 ที่มีสารเมลามีนปนเปื้อนมากเกินมาตรฐานกำหนดถึง 92.82 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม หรือ 36 เท่า ซึ่งเกินค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ ไม่เกิน 2.5 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ยืนยันว่า ยังไม่พบสินค้าล็อตดังกล่าววางจำหน่ายในจังหวัดพิษณุโลก และแจ้งให้เจ้าของร้านโชห่วย และห้างสรรพสินค้า หากพบสินค้าล็อตดังกล่าว ให้เก็บคืนบริษัทผู้ผลิต หรือบริษัทผู้จำหน่ายทันที มิฉะนั้นจะมีความผิดทางกฎหมาย.- สำนักข่าวไทย

2008-10-18 09:58:01

จนท.ปะทะเดือดโจรใต้ คนร้ายดับ 1​

​

ปัตตานี 18 ต.ค. - เจ้าหน้าที่ยิงปะทะกลุ่มโจรใต้ที่เตรียมก่อเหตุร้ายใน จ.ปัตตานี เป็นเหตุให้คนร้ายเสียชีวิต 1 คน และจับเป็นได้ 4 คน

กำลังตำรวจภูธรปะนาเระ ทหารพราน และทหารเฉพาะกิจ 22 กว่า 100 นาย เข้าปิดล้อมสวนมะพร้าวในพื้นที่หมู่ 1 บ้านลาวอ ต.ดอน อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี หลังได้รับรายงานว่า มีกลุ่มก่อความไม่สงบเข้ามากบดาน เพื่อเตรียมก่อเหตุร้ายในพื้นที่ จ.ปัตตานี โดยได้เข้าตรวจค้นบ้านไม่มีเลขที่ พบกลุ่มแนวร่วม 5-7 คน มีอาวุธปืนอาก้า และเครื่องยิงลูกระเบิด เอ็ม 203 จึงแสดงตัวเข้าจับกุม แต่ปรากฏว่า กลุ่มคนร้ายได้ไหวตัวหลบหนีออกทางหน้าต่าง เจ้าหน้าที่จึงไล่ล่า และเกิดการยิงปะทะกันขึ้นในสวนมะพร้าวนานกว่า 20 นาที

หลังสิ้นเสียงปืน เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบ พบศพนายซาราวี ดือราแม อายุ 25 ปี มือขวากำอาวุธปืน .38 ถูกยิงเข้าที่ลำตัวหลายนัด เสียชีวิตจมกองเลือด ส่วนคนร้ายที่เหลือ เจ้าหน้าที่ใช้เฮลิคอปเตอร์ไล่ล่า ทำให้สามารถจับเป็นคนร้ายได้เพิ่มอีก 4 คน จึงควบคุมตัวทั้งหมดไปสอบสวนที่สถานีตำรวจภูธรปะนาเระ ว่ามีหมายจับหรือเคยก่อคดีอาชญากรรมในพื้นที่หรือไม่. - สำนักข่าวไทย

2008-10-18 01:21:26

ที่มา http://news.mcot.net/local/

 

"เมลามีน"มฤตยูเงียบแดนมังกร อันตรายจากพืชสู่คนจนถึงสัตว์เลี้ยง ​

​

สถานการณ์ "ปนเปื้อนเมลามีน" ในนมผงสำหรับทารกยังเป็นปัญหา หลายประเทศพบว่ามีการปนเปื้อน เมลามีนในผลิตภัณฑ์อื่น ที่มีการนำน้ำนมดิบที่มีการปนเปื้อนเมลามีนไปเป็นวัตถุดิบในการผลิตด้วย วันนี้ นพ.นรังสันต์ พีรกิจ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหาร และยา มาให้ความรู้ความเข้าใจ"อันตราย"เกี่ยวกับ"สารเมลามีนปนเปื้อนในวัตถุดิบที่นำมาผลิตนมผง"...

ทำไมจึงมีการเติมเมลามีนในนมและอาหารสูตรทารก

เหตุการณ์เกิดขึ้นที่จีน เนื่องจากมีการเติมน้ำลงในน้ำนมดิบที่ส่งขายให้กับโรงงานที่ผลิตอาหารต่าง ๆ เช่น นมผง อาหารทารก เป็นผลให้ปริมาณโปรตีนต่ำกว่ามาตรฐาน บริษัทที่ใช้น้ำนมดิบในการผลิตอาหารนั้น จะมีการตรวจสอบปริมาณโปรตีนในน้ำนมดิบก่อน ดังนั้นน้ำนมดิบที่มีการเติมน้ำจึงถูกปฏิเสธ ผู้ผลิตน้ำนมดิบจึงนำเมลามีนซึ่งมีปริมาณไนโตรเจนสูงมาเติมเพื่อเพิ่มปริมาณไนโตรเจนในนมเพื่อให้ผลวิเคราะห์ปริมาณโปรตีนออกมาได้ตามมาตรฐาน โดยไม่ได้คำนึงว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร ทำให้เด็กทารกเจ็บป่วยนับหมื่นคนจากนิ่วในไต และมีเด็กทารกเสียชีวิตจากอาการไตวาย 4 คน

องค์การอนามัยโลก ทราบหรือไม่ว่าจะเป็นประเทศใด ๆ ไม่อนุญาตให้มีการเติมเมลามีนลงไปในอาหารในอาหารอื่น ๆ มีการพบเมลามีนปนเปื้อนหรือไม่

ในปี 2550 พบมีการปนเปื้อนเมลามีนในโปรตีนข้าวสาลี และข้าวที่นำเข้ามาจากจีน เพื่อใช้ในการผลิตอาหารสัตว์ในประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นผลให้สุนัข และแมว จำนวนมากตาย เนื่องจากไตวาย จากการตรวจสอบในสัตว์ที่ตาย พบผลึกเมลามีนไซยานูเรต นั่นหมายความว่าในอาหารสัตว์นั้นมีการเติมทั้งเมลามีน และกรดไซยานูริก ในสถานการณ์ปัจจุบันนอกจากพบการปนเปื้อนในนมผงสำหรับทารกแล้ว หลายประเทศพบว่ามีการปนเปื้อน เมลามีนในผลิตภัณฑ์อื่น ที่มีการนำน้ำนมดิบที่มีการปนเปื้อนเมลามีนไปเป็นวัตถุดิบในการผลิตด้วย เช่น โยเกิร์ต เครื่องดื่มกาแฟกระป๋อง คุกกี้ ช็อกโกแลต เป็นต้น

หากกินอาหารที่ปนเปื้อนเมลามีนจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างไร

ตัวเมลามีนเดี่ยวๆ มีความเป็นพิษต่ำมาก ไม่เป็นพิษต่อสารก่อพันธุกรรม เมื่อให้ในปริมาณสูง ก็ทำให้เกิดมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะในหนูทดลอง เนื่องจากเมลามีนทำให้เกิดก้อนนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ตัวก้อนนิ่วที่เกิดขึ้นก่อให้เกิดการระคายเคืองในกระเพาะปัสสาวะอยู่ตลอดเวลา กระตุ้นให้เกิดก้อนมะเร็ง ตัวเมลามีนเองไม่ได้ทำให้เกิดมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะโดยตรง แต่ก็ถือเป็นตัวการทางอ้อม ถ้าเมลามีนเกิดไปเจอกับกรดไซยานูริก (Cyanuric acid) ซึ่งเป็นสารเคมีที่ผลิตจากยูเรียเช่นเดียวกับเมลามีน และอาจมีการปนเปื้อนมากับ เมลามีน หรือมีการผสมไปกับอาหารหรืออาหารสัตว์เพื่อเพิ่มโปรตีน ก็จะเกิดผลึกเมลามีนไซยานูเรต (Melamine cyanurate) ซึ่งเป็นผลึกที่ไม่ละลายน้ำ ส่งผลให้เกิดนิ่วในไต ก้อนผลึกเล็ก ๆ จะอุดตันท่อในไต ทำให้ไม่สามารถผลิตปัสสาวะได้ ส่งผลให้ไตวายและทำให้เสียชีวิตได้ ในบางโอกาส เมลามีนยังก่อให้เกิดมะเร็งในสัตว์ แต่ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะระบุว่าก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งในคน แม้ยังไม่เคยมีการศึกษาโดยตรงในคน แต่การศึกษาในสัตว์ทดลองก็พอจะคาดการณ์ถึงอันตรายต่อสุขภาพได้เช่นกัน

ทำไมข่าวที่ออกมาพบว่าเมลามีนก่อให้เกิดอันตรายเฉพาะเด็กทารก

แม้เมลามีนจะมีความเป็นพิษต่ำ แต่เนื่องจากทารกดื่มนมที่มีการจงใจเติมเมลามีนลงไป และเป็นการดื่มติดต่อกันเป็นเวลานาน ทำให้ได้รับเมลามีนในปริมาณที่สูงติดต่อกัน จึงทำให้เกิดนิ่วในไต และอาการไตวาย ตามที่เป็นข่าว สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีนมเป็นส่วนประกอบ หากนมนั้นมีการปนเปื้อนเมลามีน ผู้บริโภคก็จะได้รับ เมลามีนไม่มาก เพราะส่วนประกอบที่เป็นนมมักจะมีไม่มาก และไม่ได้มีการกินเป็นอาหารหลักอย่างเช่นทารก ที่สำคัญอีกประการ คือ ระบบการกำจัดสารพิษออกจากร่างกายของทารกยังไม่มีประสิทธิภาพเท่าของผู้ใหญ่ จึงได้รับอันตรายได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่ นมที่มีความปลอดภัยและมีประโยชน์สูงสุดสำหรับทารก ก็คือ นมแม่ หากคุณแม่ไม่มีปัญหาด้านสุขภาพจนไม่สามารถให้นมลูกได้ ควรเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นการดีที่สุด ทั้งปลอดภัย ได้ประโยชน์ แถมประหยัด

ลักษณะอาการที่เกิดกับทารกที่ได้รับอันตรายจากเมลามีนเป็นอย่างไร

จากการติดตามอาการของทารกที่เจ็บป่วยจากการบริโภคนมสูตรทารกที่ปนเปื้อนเมลามีน พบว่ามีอาการ ดังนี้ คือ ร้องไห้โดยไม่ทราบสาเหตุ ขณะที่มีการถ่ายปัสสาวะ หรืออาจมีอาการอาเจียน ม่านตามีการหดตัว ภาวะไตวายเฉียบพลัน มีก้อนแข็งออกมาขณะที่มีการขับถ่ายปัสสาวะ และความดันโลหิตสูง มีอาการบวมน้ำ และมีอาการปวดเมื่อมีการกระทบถูกที่บริเวณไต ซึ่งผู้เชี่ยวชาญจากองค์การอนามัยโลกเชื่อว่า อาจจะทำให้เกิดภาวะไตวายที่มีความซับซ้อนมากขึ้น โดยอาจมีไข้ที่ไม่สามารถอธิบายได้ ซึ่งอาจจะเกิดจากทางเดินปัสสาวะอักเสบ ติดเชื้อแบคทีเรีย ส่งผลให้เกิดการอุดตันของทางเดินปัสสาวะในขั้นต่อมา

จะรู้ได้อย่างไรว่าได้รับพิษจากเมลามีน

อาการที่อาจบอกได้ว่าได้รับพิษจากเมลามีน คือ อาการระคายเคือง มีเลือดในปัสสาวะ ปัสสาวะไม่ออกหรือออกน้อย อาการไตอักเสบ ความดันโลหิตสูง

ถ้ากินอาหารที่มีเมลามีนปนเปื้อนเล็กน้อยจะเป็นอันตรายหรือไม่

สหภาพยุโรป และสหรัฐอเมริกา มีการกำหนดค่าปนเปื้อนสูงสุดที่ร่างกายได้รับต่อวันโดยไม่ทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ หรือ Tolerable Daily Intake (TDI) โดยสหรัฐอเมริกากำหนดไว้ที่ 0.63 มก.ต่อน้ำหนักร่างกาย 1 กิโลกรัม ขณะที่สหภาพยุโรปกำหนดไว้ที่ 0.50 มก.ต่อน้ำหนักร่างกาย 1 กิโลกรัม ดังนั้น ถ้าเรามีน้ำหนัก 50 กิโลกรัม เราต้องได้รับเมลามีน 25 มก.ต่อวันถึงจะเป็นอันตราย ถ้าหากนมที่เราดื่มมีการปนเปื้อน เมลามีน 1 มก.ต่อน้ำหนักนม 1 กิโลกรัม นม 1 กล่อง มีปริมาณ 250 กรัม เราต้องกินนมถึง 100 กล่องต่อวัน ถึงจะเป็นอันตราย แต่ถ้าเป็นเด็ก เช่น เด็กที่มีน้ำหนัก 20 กิโลกรัม ก็จะต้องกินนมถึง 40 กล่อง จึงจะได้รับอันตราย

เป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีการปนเปื้อนเมลามีนจากธรรมชาติ

การปนเปื้อนเมลามีนในนมที่เกิดขึ้นในประเทศจีนเกิดจากการจงใจใส่ลงไปเพื่อเพิ่มไนโตรเจน จึงมีปริมาณเมลามีนสูงในนมและผลิตภัณฑ์ที่ทำจากน้ำนมที่ปนเปื้อนนั้น แต่ในธรรมชาติก็อาจมีการปนเปื้อนได้ เนื่องจากมีการใช้ยาฆ่าแมลงที่มีส่วนประกอบของสารไซโรมาซีน (cyromazine) ในการกำจัดหนอนแมลง สารนี้มีสูตรโครงสร้างเหมือนกับเมลามีน เมื่อสัตว์กินเข้าไป หรือพืชดูดซึมเข้า สาร ไซโรมาซีนจะแตกตัวได้เป็นเมลามีน จึงมีโอกาสตกค้างไปกับอาหารได้ แต่จะมีปริมาณตกค้างที่น้อยมากอยู่ในค่าเกณฑ์ความปลอดภัย

จะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์นม หรือผลิตภัณฑ์ที่มีนมเป็นส่วนประกอบให้ปลอดภัยได้อย่างไร

อย. มีการควบคุมการผลิตและนำเข้าอาหารอย่างเข้มงวด อาหารที่ผลิตภายในประเทศต้องได้มาตรฐานตามเกณฑ์จีเอ็มพี และมีการขึ้นทะเบียน มีเครื่องหมาย อย. อาหารที่นำเข้าก็ต้องมีคุณภาพมาตรฐานตามที่กำหนด และต้องได้รับอนุญาตมีเครื่องหมาย อย. ดังนั้น การเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารขอให้ดูที่ฉลากเป็นลำดับแรก ว่ามีการแสดงแหล่งประเทศที่ผลิต มีเครื่องหมาย อย. ดูความเรียบร้อยและสมบูรณ์ของภาชนะบรรจุ ว่าสะอาด ไม่มีร่องรอยรั่ว ฉีกขาด ซึ่งจะทำให้เกิดการปนเปื้อนของสารเคมีและเชื้อจุลินทรีย์ได้ และดูสภาพการเก็บรักษา ไม่มีการวางปะปนกับผลิตภัณฑ์ที่เป็นอันตราย และเก็บในอุณหภูมิที่เหมาะสม ไม่ควรซื้อนมผงที่มีลักษณะของการตักแบ่งขาย รวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่มีการลักลอบนำเข้ามาจำหน่าย

ข้อมูลจาก สกู๊ปแนวหน้า วันที่ 5/10/2008

ที่มา http://www.naewna.com/news.asp?ID=126492

 

อืม....ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็เอาข่าวนี้มาให้คนอ่านคลายเครียดกันบ้างแล้วกัน......

กบ ทรงสิทธิ์ สละโสดกับสาวนอกวงการ​

​

​

กรุงเทพฯ 18 ต.ค. - ดูใจกันมานานถึง 10 ปี ในที่สุดหนุ่มเสียงนุ่ม กบ ทรงสิทธ์ ก็จูงมือ คูณ ศิริลักษณ์ แฟนสาว เข้าสู่ประตูวิวาห์ท่ามกลางความยินดีของเพื่อน ๆ ในวงการ ที่มาร่วมงานกันอย่างล้นหลาม นำทีมโดย มี้ พิศมัย วิไลศักดิ์ และเพื่อนรักอย่าง แท่ง และมอส ซึ่งเจ้าบ่าวก็ขอประกาศบนเวทีแบบเสียงดังฟังชัด ให้เจ้าสาวยิ้มแก้มปริด้วยประโยคเด็ดประโยคนี้

​

และเป็นเพราะรอมานานถึง 10 ปี หนุ่มกบ เลยขอสวมวิญญาณหมอดูเลือกวันแต่งด้วยตัวเองตามวันดีในปฏิทินจีน แถมแหวนเพชรเม็ดงามบนนิ้วเจ้าสาว ก็ทำมาจากเพชรเม็ดงาม 1 ใน 3 เม็ด ในแหวนแต่งงานของคุณแม่เจ้าบ่าวด้วย แม้วัยจะห่างกันขนาดนี้ เจ้าสาวก็มั่นใจว่าชีวิตคู่จะไม่มีปัญหา เพราะเรียนรู้กันและกันมานาน ​

ด้านหนุ่มนีโน่ เมทนี ที่ถูกเจ้าบ่าวพาดพิง งานนี้ก็ขอฉายเดี่ยว ปล่อยภรรยาพักผ่อนอยู่ที่บ้าน โดยเจ้าตัวก็รีบออกปากว่าจะขอนำหน้าเพื่อนรักไปอีกหนึ่งสเต็ป ด้วยการเร่งเครื่องผลิตทายาทในปีหน้า

​

ส่วนเพื่อนเลิฟ แท่ง และมอส ที่ควงคู่กันมาแบบไร้เงาสาวรู้ใจ ก็ไม่วายถูกนักข่าวรุมถามเรื่องสละโสด ฟากหนุ่มแท่งน่ะยังไม่ชัดเจน แต่หนุ่มมอสที่ดูใจสาวเกมส์มาพักใหญ่ กลับบอกไม่รีบ แต่ก็ไม่วายมีหมอดูทักกับเขาเหมือนกัน

สงสัยงานนี้หนุ่มแท่ง คงต้องเร่งฝีเท้ากันสุดแรง เพราะเพื่อนเขาวิ่งนำหน้าไปไกลแล้ว. -สำนักข่าวไทย

2008-10-18 11:53:36

ที่มา http://news.mcot.net

 

“ดีแล้วหนอ ที่พวกเธอมีความคลางแคลงสงสัย เพราะเมื่อความคลางแคลงสงสัยเกิด เมื่อได้พิจารณาไตร่ตรองไต่ถามก็อาจจะเป็น

บ่อเกิดแห่งปัญญาได้ เพราะฉะนั้น ถ้าเธอทั้งหลายจะเชื่อก็จงอย่าเชื่อโดยฐานะหรือเหตุทั้ง ๑๐ ประการนี้ คือ


๑. จงอย่าเชื่อ เพราะเขาเล่าบอก ๆ กันมา

๒. จงอย่าเชื่อ เพราะเขาเล่าสืบ ๆ กันมา

๓. จงอย่าเชื่อ เพราะเขาเล่าลือกันมา

๔. จงอย่าเชื่อ เพราะเขาอ้างคัมภีร์ หรือ ตำรา

๕. จงอย่าเชื่อ เพราะการอนุมาน

๖. จงอย่าเชื่อ เพราะหลักตรรกศาสตร์

๗. จงอย่าเชื่อ เพราะเพียงได้เห็นแค่อาการภายนอก

๘. จงอย่าเชื่อ เพราะเพียงความรู้นั้นถูกใจเรา หรือ เดาได้ถูกต้อง

๙. จงอย่าเชื่อ เพราะเพียงคิดว่า น่าจะเป็นอย่างนั้น น่าจะเป็นอย่างนี้

๑๐. จงอย่าเชื่อ เพราะเพียงความรู้นั้นเป็นของครูอาจารย์ที่รักของตน




เหล่านี้คือหลักการเมื่อเราจำต้องเชื่อในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ต้องพิจารณาให้แน่นอนถ้วนถี่เสียก่อนจึงค่อยปลงใจเชื่อลงไป

แม้พระพุทธธรรมหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าเองเราก็ต้องพิจารณาเช่นกัน ว่าดี มีประโยชน์ มีคุณจริงไหม?

แล้วค่อยปลงใจเชื่อ แม้คำสอนของพระองค์เองทุกคนก็ต้องใช้ปัญญาพิจารณาว่าดีหรือไม่ดี มีคุณค่ากับชีวิตเราหรือไม่

พระพุทธองค์กล้าท้าให้พิสูจน์ในคำสอนของพระองค์ ถ้าไม่ดีก็ไม่ต้องเชื่อ ถ้าดีจงพิจารณาต่อไปว่าควรทำอย่างไร..

ทุกสิ่งทุกอย่างจงใช้สติใช้ปัญญาของท่านเองชี้นำ.. ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวเราเอง