!!เปิดกรุ!! วัตถุมงคลพระเกจิ-ธาตุกายสิทธิ์-หลากหลายสำนัก"หลักร้อย-ไม่ด้อยพุทธคุณ"

จองครับ

 

รับบทราบแจ้งจอง
ขอบคุณครับ

 

โอนแล้วครับ วันนี้ เวลา 11.01 จำนวน 690 ผ่าน KTB
ขอฝากพระเอาไว้ก่อนนะครับ

 

มหาบารมีเทพเจ้าเมืองระยอง “ตํานานสมบัติโจรสลัด" เหรียญหล่อเล็บมือ หลวงพ่อวงษ์ หลังยันต์ใบพัด วัดบ้านค่าย ระยอง สร้างปีพุทธศักราช 2463 ท่านเป็นศิษย์ผู้พี่ของ หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ระยอง (หลวงปู่ทิม ร่วมปลุกเสก)

หลวงพ่อวงศ์ วัดบ้านค่าย จังหวัดระยอง (พระครูวิจิตรธรรมานุวัติ) เป็นพระคณาจารย์ที่เชี่ยวชาญในวิชาไสยศาตร์ โหราศาตร์ เเละเเพทย์เเผนโบราณ องค์หนึ่งในภาคตะวันออก เป็นพระคณาจารย์สมัยหลวงพ่ออี๋ เเห่งวัดสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เเต่เเก่อาวุโสกว่า เเละรู้จักมักคุ้นกันเป็นอย่างดี เคยลองวิชากันเป็นที่ชื่นชอบของลูกศิษย์ในสมัยนั้น เเต่ชื่อเสียงของหลวงพ่อวงศ์ มิได้โด่งดังไปไกล เนื่องจากท่านเป็นพระที่รักสันโดษ มักน้อย เเละถ่อมตัว ทำเครื่องรางของขลังออกมาน้อยนั่นเอง เเต่ว่าในเขตท้องถิ่นหรือเขตใกล้เคียง ชื่อเสียงของท่านเป็นที่รู้กันทั่วไปในวงการ เคยไปร่วมพิธีพุทธาภิเษกกับสมเด็จพระสังฆราชเเพ เเห่งวัดสุทัศน์ฯ ที่กรุงเทพมหานครฯ ในสมัยนั้น หลวงพ่อวงศ์ วัดบ้านค่าย ระยอง ที่กล่าวถึงนี้ ท่านเป็นอดีตเจ้าคณะอำเภอบ้านค่าย เเละอดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านค่าย อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง จากหลักฐานที่เชื่อถือได้กล่าวว่า สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เคยมาตั้งค่ายอยู่ที่อำเภอบ้านค่าย ก่อนจะเข้าตีเมืองระยอง ฯลฯ

เหรียญปั๊มรูปเหมือนรุ่นแรกของท่านราคาเหยียบแสนไปแล้ว แต่รุ่นนี้ยังไม่แพงเพราะคนรู้จักน้อย ขาดการประชาสัมพันธ์ ด้านหลังเป็นยันต์ครูของท่าน คือยันต์ 3 หรือยันต์ใบพัด และมักเห็นในพระเครื่องของหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ระยอง ด้วยเช่นกัน ท่านทั้งสองเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกัน ย่อมปลุกเสกด้วยกันแน่นอน

สมนาคุณพรปีใหม่ รูปถ่ายเก่า หลังตะกรุดสามกษัตริย์ จารยันต์ ปี 2518 หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อยุธยา (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง ปลุกเสก ) เก่า กรอบเดิมจากวัด สุดคลาสสิค และหายาก

XXXบูชาแล้วXXX

โอนบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ (ออมทรัพย์)
หมายเลขบัญชี 403 - 454907- 0
ชื่อบัญชี อุกกฤษฏ์ แก้วอำนวย
โทร : 097 931 9199

 

ขอจองครับ

 

รับทราบแจ้งจอง
ขอบคุณครับ

 

ลูกอมว่านยาจินดามณี “ยาวาสนา” อาจารย์ประจวบ คงเหลือ
ลูกอมว่ายาวาสนามหาจินดามณี อ.ประจวบ คงเหลือ ปี 30-40 ต้นๆ เป็นลูกอมยาที่ใช้กินในพิธีกินยาวาสนามหาจินดามณี ในปีที่ฤกษ์ยามดีของทุกๆปี บางปีก็ไม่ได้จัดทำพิธี เพราะท่านว่า ว่านยาตัวแท้จริงๆหายากมากสมัยนี้ เพราะตัวว่านยาที่จะเอามาทำมวลสารนั้นจะต้องบริสุทธิ์ และต้องเข้ายาเข้าตำราเท่านั้น จึงนำมาทำมวลสารได้ บางตัวต้องทำพิธีขอเสียก่อน ก่อนที่จะนำออกมา บางตัวต้องหันปลายยอดไปทางทิศทางที่ตรงตามตำราเขาอ้อ และมีฤกษ์ในการเก็บถอน หาฤกษ์วันเวลากำหนดไว้ในตำราที่ถูกต้องเท่านั้น ท่านจะไม่มีการซื้อยาที่บดแล้วมาทำเอง แบบนั้นใครๆก็ทำกันได้ท่านอาจารย์ประจวบ ได้กล่าวไว้ เพราะฉะนั้นแล้ว ตัวยาท่านจึงเดินเท้าหาด้วยตัวเองเท่านั้น ท่านจึงจะสร้าง เพราะเมื่อก่อน บนยอดเขาอ้อมีตัวยาสมุนไพรครบครันมากมายหลายชนิด ในอดีตอาจารย์ประจวบได้เริ่มศึกษาตำราว่านยาวาสนามหาจินดานี้มาตั้งแต่ พ.ศ.2519-40กว่าๆ จากตำราโบราณของสำนักเขาอ้อที่รับมาจากท่านเจ้าคุณพระพุทธิธรรมธาดา วัดสุวรรณวิชัย ท่านเจ้าคุณได้สืบทอดมาจากหลวงปู่หวานวัดบ้านนา เกจิสายเขาอ้อในอดีต และเป็นครั้งแรกสุดที่ได้มีการสร้างจินดามณีตำรับเขาอ้อ เพราะว่าก่อนหน้านี้ ไม่เคยมีปรากฏในสำนักเขาอ้อว่ามีการสร้าง ถ้ามีก็หลังปี พ.ศ.2540-2550กว่าๆมาแล้วทั้งนั้นในพัทลุงที่สร้างๆกัน ในยุคหลังๆ ก็อาจจะมาจากตำรานี้ หรือไม่ ไม่แน่ใจ และบางคนยังยึดติดของทางภาคกลาง จริงๆแล้วของเขาอ้อก็มีเช่นกัน (ชื่อว่า ยาวาสนามหาจินดามณี) แต่ทว่าถ้าอาจารย์ยึดติดตามสูตรตามตำราแบบจริงๆ จึงเป็นการยากมากที่จะทำได้ทุกปี ของท่านไม่ทำขายไม่มีพุทธพานิชย์ เพราะบางปี ว่านมวลสารไม่มี หาไม่ได้หรือไม่ครบ ว่านยานี้มีคุณวิเศษมากเป็นทั้งยารักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ แล้วยังเป็นของมงคลอีกด้วย .....หาได้ยากมากๆปัจจุบันตำราการสร้างผงจินดามณีหรือยาวาสนา เครื่องยาผงจินดามณีหรือผงยาวาสนาตำรับเขาอ้อ ประกอบด้วยดังนี้ เกษรบุษบัน ๑ เปราะหอม ๑ ดอกจันทร์ ๑ ดอกคราด ๑ โกฎสอ ๑ โกรฎกรุงเขมา ๑ กำยาน ๑ ทองนำประสาน ๑ อย่างละเท่ากันบดตำประสานก่อนที่ผสมกับพิมเสนชมดเชียงนำผึ้งรวงรัน กฤษณา นำมะนาว นำมะเขือขื่น คั้นเป็นตัวประสานยาเข้าด้วยกัน กรณีสูตรตำรับเขาอ้อนี้ จะไม่มีการผสมสารเคมี น้ำยาสารเคมีทั้งสิ้น และถ้าตัวยาได้ไม่ครบตามสูตรท่านจะไม่สร้างโดยเด็ดขาด การบดผสมยานี้จะต้องทำภายในพระอุโบสถโดยตั้งเครื่องสักการะบูชา และต้องนิมนต์พระสงฆ์สวดเจริญพุทธมนต์ ผู้ที่ช่วยบดยาต้องนุ่งขาวห่มขาว ถ้าเป็นสตรี ต้องเป็นสตรีพรหมจรรย์เท่านั้น สีของลูกอมยาวาสนามหาจินดามณี มักออกสีน้ำตาลเข้มหรือน้ำตาลอ่อน แล้วแต่สีของสมุนไพรและตัวประสานนั่นเอง ตามตำรากล่าวว่าผู้ใดได้กิน "ยาจินดามณี" ตามตำราเขาอ้อ พรรณนาไว้ว่า ผู้ที่ได้กิน จะมีความเจริญทุกด้านกว่าคนทั้งหลาย ลาภ ยศ เงินทอง จะหลั่งไหลมาเทมาอย่างมั่งคั่ง และถ้านำไปบูชากราบไหว้สักการะทุกวัน จะระงับภัยต่างๆได้ ขึ้นโรงขึ้นศาลโทษหนักเท่าถึงตายจะพ้นโทษได้ พกติดตัวไว้จะเป็นที่ชื่นชมของคนทั่วไป เจรจาเป็นที่จับใจตลอดจนกระทั่งมีสง่าราศี เรียกได้ว่าใครเห็นใครรัก ใครพบใครหลง จนกระทั่งยาจินดามณีนี้มีการขนานนามอีกนามหนึ่งว่า "ยาวาสนา" เรียกตามตำรา “เขาอ้อ” เต็มๆว่า ยาวาสนามหาจินดามณี ของตำราเขาอ้อนี้ สรุปได้ว่ายาวาสนามหาจินดามณีนี้ มีพุทธานุภาพครบทุกด้าน ทั้งแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี ลาภผลพูนทวี เมตตามหานิยม เปรียบเสมือนยาดำซึ่งรักษาได้สารพัดมหาโรคา(โรค)ก็ว่าได้ อ.ประจวบ คงเหลือ สร้างตามตำราเขาอ้อโดยตรง มีการสร้าง 3 อย่าง คือ 1.พระผงยาวาสนามหาจินดามณี ผสมผงมหาว่าน108 สูตรเขาอ้อ 2.พระว่านยาวาสนามหาจินดามณี(สร้างน้อย)กดพิมพ์ไว้เป็นองค์ครูแค่ไม่กี่องค์(ตัวยาล้วนๆ) 3.เม็ดยาวาสนามหาจินดามณี (ตัวยาล้วนๆ ยาใช้ป้อนผู้ร่วมพิธี) และลูกอมยานี้ท่านแจกให้ศิษย์ใกล้ชิดที่ช่วยเหลือท่านจนเสร็จพิธีงานในพิธีเท่านั้น สร้างไว้ 108 ลูกเท่านั้นตามตำรา เพื่อเป็นทำเป็นพระคำพระธรรมราช แต่จะแจกไว้ให้ศิษย์ติดตัวไว้ หรือกรรมวิธีการสร้างสูตรเข้าอ้อนั้น จะเน้นฤกษ์ยามเป็นหลัก สร้างตามฤกษ์ เน้นคุณภาพไม่เน้นปริมาณ หมดฤกษ์ หยุดสร้าง ได้แค่ไหนเอาแค่นั้น

พิธีการสร้าง พิธีกลางวันตั้งแต่เช้า-ช่วงบ่าย (ฤกษ์พานาที วันเดือนปีนั้นสำคัญยิ่ง สร้างที่กำหนดไว้ตามฤกษ์ ก่อนที่จะทำพิธีปรุงยาวาสนาฯ ต้องเป็นฤกษ์ยามที่ตรงกับวันที่พระอาทิตย์ทรงกลด และต้องประกอบพิธีบวงสรวงปลุกเสกปรุงยาวาสนามหาจินดามณี ภายใต้พระอาทิตย์ทรงกรด อุปเท่ห์ดังว่า โอสถอันพิลาศ เลิศล้ำยอดยาในโลกแผ่นดิน ภายในถ้ำฉัตรทัณฑ์อันศักดิ์สิทธิ์ของสำนักตักศิลาวัดเขาอ้อ โดยอาจารย์ประจวบ คงเหลือ ศิษย์ฆราวาสสำนักเขาอ้อเป็นเจ้าพิธีกรรมและมีพระเกจิอาจารย์อีก 9 รูปสวดเจริญภาวนา อาจารย์ประจวบ คงเหลือ อ่านโองการอัญเชิญเทพยดา ครูบาอาจารย์ ในขณะนั้นได้บังเกิดปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ พระอาทิตย์ทรงกลด แสดงให้เห็นว่าเทพยดาปรมาจารย์ และเจ้าป่าเจ้าเขาอนุโมทนาอำนวยอวยชัยในพิธีกรรมครั้งนี้ ทั้งๆที่แสงอาทิตย์เจิดจ้า ภายในถ้ำร้อนอบอ้าว แต่เมื่อพระเกจิอาจารย์เริ่มเจริญภาวนาท้องฟ้ากลับแปรเปลี่ยน เมฆฝนเคลื่อนคล้อยเข้ามาแทนที่ และสายฝนก็ได้โปรยปรายลงมาหนักบ้างเบาบ้างเป็นระยะ สลับกับเสียงฟ้าร้องคำรามเลื่อนลั่น ทำให้บรรยากาศภายในถ้ำร่มรื่นสงบเงียบเย็นสบาย หลังจากเสร็จพิธีท้องฟ้าซึ่งฝนขาดเม็ดแล้ว เปิดโปร่งปรากฏแสงนวลเหลืองทองผ่องอำไพ แซมด้วยสายรุ้งทอพาดผ่านผืนฟ้า และเป็นแบบนี้ทุกครั้ง มีการสร้างว่านยาวาสนามหาจินดามณี เมื่อทำพิธีเสร็จตอนกลางวันนั้น กลางคืนจะทำพิธีพุทธาภิเษกตามตำราเขาอ้ออีกครั้งหนึ่ง ถ้าทำเป็นพระต้องกดพิมพ์นั้นต้องกดพิมพ์ภายในพระอุโบสถอันศักดิ์สิทธิ์ตามฤกษ์กดพิมพ์จนหมดเวลากลางคืนภายในฤกษ์ไม่เกินเที่ยงคืน ฤกษ์ปั้นยาวาสนามหาจินดามณีไว้กินก็ต้องปั้นในฤกษ์ที่กำหนดก่อนเที่ยงคืนและเมื่อจะลงผ้าลงตะกรุดอุดพอกผงยาตามตำราเขาอ้อก็ต้องลงอักระให้เสร็จภายในฤกษ์ที่กำหนดก่อนเที่ยงคืน โดยมีอาจารย์ประจวบ คงเหลือ เจ้าพิธีและประธานจัดสร้าง ต่อมาหลังเที่ยงคืนเป็นต้นไป ได้ฤกษ์ทำพิธีป้อนยาวาสนามหาจินดา ตามสูตรโบราณของเขาอ้อนั้น จะต้องป้อนกลางสระน้ำ โดยจะต้องนั่งแพกลางสระน้ำ เมื่อดวงจันทร์ลอยขึ้นเหนือหัว ก็จะให้ลูกศิษย์ในพิธี(ผู้ร่วมพิธีเท่านั้น) เข้าแถวมากินยาวาสนามหาจินดามณี ท่านจะป้อนให้ อมในปากภาวนา มะ อะ อุ ในไว้ในใจ แล้วลงไปกลืนลงใต้น้ำเท่านั้นจนครบ 3 ครั้ง ผู้ใดทำได้ถือว่าสำเร็จพิธี ถ้าผู้ใดกลืนลูกอมยาฯไม่ลงคอ ผู้นั้นถือว่าไม่สำเร็จ พิธีต้องทำเกิดใหม่นับไป 7 วัน ต้องมาอาบน้ำมนต์ เพื่อปัดเคราะห์เสียก่อนแล้วค่อยมาเข้าพิธีใหม่ในปีถัดไป ถ้ามีการสร้าง ส่วนผู้ที่สำเร็จพิธีนี้ ถือว่าเป็นบุญวาสนาอย่างยิ่ง

ในตำราใบข่อยเขาเอาะ(เขาอ้อ)ได้ พรรณนาไว้ว่า ตัวยาวาสนามหาจินดามณี เป็นยาวิเศษมีคุณอนันต์ ผู้ที่ได้กินเข้าไปที่ถูกต้องตามตำรา จะมีคุณวิเศษทางยารักษาโรคภัยไข้เจ็บ ที่มีคุณวิเศษที่สูงสุดในบรรดายารักษามหาโรคคา(รักษาโรค)เมื่ออาจารย์เจ้าทั้งหลายได้เปิดแลตำรานี้ และสร้างตามตำราได้สำเร็จนั้น ตัวมหายารักษาโรคานี้ จะเป็นใหญ่กว่ายารักษาโรคาทั้งปวง ไม่ว่าโรคร้ายใดๆจักมลายสิ้นวิเศษนักแล แลอย่าได้สนเท่ห์เลย

คาถาเสกมีดังนี้ จินดามณี ปี ยังมันตัง ยะสังธาสัง ดกมัง อุปสันติ สะเนหัง มาตาปี ตาวโอรสัง ปโพตัญจะ มหาราชา ตวังมังโป สัตถุโนทิปัง กาเรเทโว สุโปเสทิ กิญจิเทโว สักโฏปัชชัง พัสมิงกินเนวา ทัตวา ปี ยังกัตตะ สิรีปุตโตภวันตุเมสิทธิลาภัง ชะนานะเย

XXXบูชาแล้วXXX

 

หลวงปู่ทวดเนื้อว่านกดมือ “พิมพ์พระรอดจิ๋ว” หรือ “ตัวหนอน” ฝังตะกรุดนารายณ์แปลงรูป เนื้อทองแดง (เป็นเศษที่เหลือจากการทำตะกรุดนารายณ์แปลงรูป) อาจารย์นอง วัดทรายขาว ปัตตานี ปี 2514 หายากมากแล้ว

พระหลวงปู่ทวด (พิมพ์พระรอดจิ๋ว) สร้างปี 2514 ฝังตะกรุด 1 ดอก โดยอาจารย์นอง วัดทรายขาว ปัตตานี ซึ่งเป็นรุ่นแรกของท่าน โดยที่ท่านได้นำส่วนผสมของเนื้อว่าน และมวลสารศักดิ์สิทธิ์ที่เคยสร้างพระหลวงปู่ทวดพิมพ์ต่างๆใน ปี 2497 มาผสมเป็นส่วนใหญ่

พระอาจารย์นอง ธัมมภูโต อดีตเจ้าอาวาสวัดทรายขาว อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ท่านเป็นสหธรรมิก กับพระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ พระอาจารย์นอง ได้สร้างพระหลวงพ่อทวดที่ออกในนามวัดทรายขาว เริ่มจากรุ่นแรก ปี 2514 เนื้อว่าน มี 2 แบบ คือ แบบกดพิมพ์ด้วยมือและแบบกดพิมพ์ด้วยเครื่อง แบบกดพิมพ์ด้วยมือ บางพิมพ์ได้ใช้แม่พิมพ์เดิมของวัดช้างให้ อาทิ พิมพ์ใหญ่ (หน้ากรรมการ /หน้าพินัยกรรม) พระหลวงพ่อทวดรุ่นนี้ทางวัดได้จัดพิธีปลุกเสกใหญ่ โดยนิมนต์พระเกจิอาจารย์ชื่อดังหลายท่านนั่งปรกปลุกเสก ต่อมา พระอาจารย์นอง ได้สร้างพระหลวงพ่อทวดออกมาเป็นระยะๆ อีกหลายรุ่นหลายพิมพ์ และส่วนหนึ่งเป็นการสร้างถวายของลูกศิษย์ก็มี นอกจากนี้ยังมีการสร้างเหรียญหลวงพ่อทวด อีกมาก ทุกรุ่นเป็นการปลุกเสกของพระอาจารย์นองเองโดยตรง ซึ่งพระหลวงพ่อทวดเนื้อว่านทุกองค์จะมี “ตะกรุด” ใต้ฐานองค์พระทุกพิมพ์ สำหรับองค์นี้เป็นพิมพ์พระรอดจิ๋ว องค์เล็กกะทัดรัด แต่พุทธคุณเป็นเยี่ยม สภาพสวยสมบูรณ์

XXXบูชาแล้วXXX

โอนบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ (ออมทรัพย์)
หมายเลขบัญชี 403 - 454907- 0
ชื่อบัญชี อุกกฤษฏ์ แก้วอำนวย
โทร : 097 931 9199

 

ขอจองครับ

 

รับทราบแจ้งจอง
ขอบคุณครับ

 

พระปิดตาหลวงพ่อปาน วัดเครือวัลย์ พิมพ์หน้าพุทโธ หลังเรียบ เนื้อผงจุ่มรักแดง (หลวงพ่อปาน ท่านจะแพ้ผงรัก ทำให้พระท่านที่สร้าง ส่วนใหญ่ จะเป็นพระจุ่มรัก)

หลวงพ่อปาน ท่านเป็นพระที่เก่งในทางรักษาแผนโบราณ คนถูกหมาบ้ากัดท่านรักษาได้ชะงัดนัก อีกทั้งท่านยังแสวงหาความรู้ วิชาอาคมจากเกจิอาจารย์ต่างๆ เช่น วิชาทำตะกรุด น้ำพระพุทธมนต์ จากหลวงพ่อถัน ,วิชาสร้างปลัดขิก จากหลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ ,เรียนวิชาทำผ้ายันพัดโบก จากหลวงพ่อโต วัดเขาชากกระโดน จ.ระยอง ,ศึกษาวิชาดับพิษสุนัขบ้า การปรุงยาแก้เลือดลม ความดันโลหิต วิชาแก้คุณไสยจากพระครูศรีพนัสนิคม วัดพลับ ชลบุรี รวมถึงคณาจารย์ชื่อดังอีกหลายท่าน เช่น หลวงพ่อจั่น หลวงพ่อฮวด วัดเสม็ด, หลวงพ่อพูน วัดตาลล้อม ,หลวงพ่อเปิ้น วัดบ้านเก่า พานทอง ชลบุรี

หลวงพ่อปาน ท่านเก็บผงเก่าหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ นำมาสร้างวัตถุมงคล เพื่อสืบสานตำนาน พระปิดตา หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ ไว้อย่างน่าชื่นชม ทั้งเนื้อหา และพิมพ์ทรงที่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ เปรียบดั่งองค์ปฐม แจกญาติโยมเพื่อความเป็นสิริมงคล จำนวนสร้างแต่ละรุ่นแต่ละยุคน้อยมาก เป็นที่เสาะแสวงหาของผู้ศรัทธาโดยทั่วไป (ผสมมวลสารผงมหาเสน่ห์หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ ยอดเมตตามหานิยม ถ้าไม่มีพระหลวงพ่อแก้ว ใช้แทนกันได้ ที่มีพุทธคุณสูง แต่สนนราคาที่เช่าได้สบาย ๆ)

รูปหล่อสมเด็จองค์ปฐม รุ่น 1 วัดโขงขาว (จัดสร้างเพียง 3,000 องค์) หลวงพ่อพระราชพรหมยาน ( หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) พุทธาภิเษก 3 ปีซ้อน พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง พุทธาภิเษกพร้อมพิธีบวงสรวง ที่วัดโขงขาว ๓ ปี ตั้งแต่ ๒๕๓๒ – ๒๕๓๔ ในงานทอดกฐินวัดโขงขาว จ.เชียงใหม่ เดิมที ทางหลวงพ่อบุญรัตน์สร้างพระขึ้นมาโดยคิดว่าให้เป็นรูปพระพุทธชินราช ไม่ได้คิดว่าจะเป็นสมเด็จองค์ปฐม พอกราบเรียนให้หลวงพ่อพระราชพรหมยานท่านอธิษฐานจิต ท่านก็ถามว่า อะไรอยู่ในกล่องลองเอามาให้ดูหน่อยสิ เมื่อหลวงพ่อบุญรัตน์มาหยิบไปให้ท่านดู ท่านก็ปรารภว่า "นี่ไม่ใช่พระพุทธชินราชนะ นี่คือสมเด็จองค์ปฐม" จากนั้นท่านก็อธิษฐานจิตให้ และก็อธิษฐานให้อีก 2 วาระ ในปี 2533 ,2534 คราวนำกฐินมาทอดที่วัดโขงขาว สมเด็จองค์ปฐมวัดท่าซุงทุกรุ่นพุทธาภิเษกเพียงครั้งเดียว แต่รุ่นนี้พุทธาภิเษกถึง 3 ครั้ง ผู้มีองค์ปฐมไว้ครอบครองไม่ว่ามนุษย์ก็ดี อมนุษย์ก็ดี สัตว์ร้ายต่างๆ ผีปีศาจร้าย ถ้าคิดจะทำร้ายต่อเราจะรุ่มร้อนจนทนไม่ได้ ต้องล่าถอยไปในที่สุด ตามคำที่ท่านพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีท่านเคยปรารภไว้ (ตามปกติเวลาที่ท่านทำพิธีบวงสรวง และปลุกเสกอธิษฐานจิต หลวงพ่อท่านจะเล่าว่า สมเด็จองค์ปฐมท่านลงมาปลุกเสก พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระอรหันต์ทุกพระองค์ลงมาหมดทั้งพระนิพพาน ปลุกเสกด้านลาภ พระพุทธเจ้าด้านลาภมากที่สุด คือพระพุทธกัสสป พระพุทธทีปังกรท่านมาด้านหน้า ท่านเปรียบเทียบให้ฟังว่า พระสีวลีไปไกลมากมองไม่เห็นเลย จะหาพระที่ทำได้อย่างหลวงพ่อวัดท่าซุงนั้น ยากถึงยากมากๆ แล้วพระสมเด็จองค์ปฐมรุ่นนี้ ท่านเมตตา เสกยาวนาน ถึง 3 ปี ท่านๆ คิดดู พุทธคุณจะสูงส่งเพียงใด)

สีผึ้งผีหุง หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จังหวัดระยอง (ตลับยาหม่องเสือนูนโบราณยุคต้น หาชมยาก สภาพใช้โชกโชน เหลือติดนิดหน่อยๆ ใช้พุทธคุณแรงๆได้ มีเชื้อ เอาไปผสมใส่สีผึ้งต่างๆได้ แค่หัวขีด ก็คุ้มแล้ว) สีผึ้งชนิดนี้หลวงปู่ทิม ท่านจะไม่ค่อยทำ เนื่องจากต้องผสมน้ำมันวิเศษหายากทำยาก ท่านเคยใช้ให้หลวงตาพูน (อดีตสัปเหร่อเก่า) นำสีผึ้งปิดปากผีให้หลวงตาพูนไปหุงที่ทาง 3 แพร่ง โดยไม่ต้องจุดไฟหุงเลย เพียงแต่เอาขันใส่สีผึ้งปิดปากผี พร้อมทั้งฟืน 3 ท่อนมาวางที่ทาง 3 แพร่ง เตรียมเครื่องเซ่นปลา พร่าปลายำ แล้วเรียกผีผู้ตายมากินเครื่องเซ่น จากนั้นจึงเอาขันที่วางใส่สีผึ้งวางบนไม้ฟืน และกล่าวว่า เมื่อเอ็งกินอิ่มแล้วช่วยหุงสีผึ้งนี้ให้ด้วยพรุ่งนี้จะมาเอา และก็รีบเดินไปข้างหน้าโดยไม่ต้องเหลียวหลังมามอง พรุ่งนี้เช้าให้กลับมาดู ถ้าสีผึ้งนี้หุงเสร็จ แสดงว่าวิชาที่ฝึกมาสำเร็จเป็นอันใช้ได้ ผลปรากฏว่า สีผึ้งที่หลวงตาพูนนำไปใช้ผีหุง สำเร็จ จึงนำกลับมาให้หลวงปู่ทิมท่านดู หลวงปู่ท่านก็มองดูก็ไม่กล่าวอะไร ได้แต่ยิ้มๆ และนำเข้าไปในกุฎิท่านปลุกเสก อีกครั้งหนึ่ง

XXXบูชาแล้วXXX

โอนบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ (ออมทรัพย์)
หมายเลขบัญชี 403 - 454907- 0
ชื่อบัญชี อุกกฤษฏ์ แก้วอำนวย
โทร : 097 931 9199

 

ขอบูชาครับ

 

รับทราบแจ้งจอง
ขอบคุณครับ

 

ตะกรุดหนังหน้าผากเสืออันลือลั่น!!! หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว นครปฐม ลงรักทองเก่า ไม่งายที่จะหา ไม่ง่ายที่จะได้ครอบครองกันทุกคน

ถ้าพูดถึง ตะกรุดหนังหน้าผากเสืออันดับต้นๆของเมืองไทย หนึ่งในนั้นต้องมี “ตะกรุดหนังหน้าผากเสือ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว นครปฐม” อยู่ด้วยอย่างแน่นอน สำหรับตะกรุดหนังหน้าผากเสือ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ดอกนี้ สภาพสมบูรณ์ และเก่า เนื้อ มันส์มากๆ ชัดเจน ถ้าจะพูดถึงความหายาก ชั่วโมงนี้ “ตะกรุดหนังหน้าผากเสือ” ของหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว หายากที่สุดแล้ว มีให้เห็นน้อยมากๆ เบญจภาคีแห่งตะกรุดหนังหน้าผากเสือที่ถูกจัดให้เป็นยอดนิยมอันดับ ๑-๕ มีดังนี้ ๑.หลวงปู่นาค วัดอรุณฯ ธนบุรี ๒.หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว นครปฐม ๓.หลวงพ่อหว่าง วัดเทียนถวาย ปทุมธานี (ท่านเป็นอาจารย์ของหลวงปู่นาค วัดอรุณฯ) หรือตะกรุดของหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว แล้วแต่สภาวะความนิยมของตลาดในขณะนั้นๆ คนรุ่นเก่า รุ่นปู่ รุ่นทวด จะยกอันดับที่ ๓.นี้ ให้หลวงพ่อหว่าง แต่คนรุ่นใหม่แทบจะไม่รู้จัก และไม่เคยเห็นกันแล้วเนื่องจากตะกรุดของท่านไม่มีหลุดเข้ามาหมุนเวียนให้เห็นในตลาดส่วนกลางเลย ๔.หลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ อยุธยา ๕.หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม นครปฐม

ตะกรุดหน้าผากเสือ ของหลวงปู่บุญจัดเป็นตะกรุดชั้นยอดของหลวงปู่ก็ว่าได้ เพราะว่าท่านสร้างไว้ไม่มาก ขบวนการสร้างของท่านก็ลำบากยากยิ่ง เพราะว่ากว่าจะลงอักขระเลขยันต์ได้จะต้องดูฤกษ์ดูยาม และต้องทำพิธีบายศรี มีหัวหมู ที่จะทำจะต้องจัดหาเครื่องพิธีมาให้ครบ และเอาหนังหน้าผากเสือมาให้ท่าน เสือหนึ่งตัวใช้ได้อันเดียว (ทำได้แค่ดอกเดียว เพราะตบะ มหาอำนาจ โดนดึงออกมาหมดแล้ว) ตะกรุดหน้าผากเสือของหลวงปู่บุญ ท่านกำหนดเอาหนังส่วนเฉพาะช่วงเหนือของตาเสือขึ้นไประหว่างทั้งสองเฉพาะช่วงนั้นเท่านั้น ดังนั้นหนังเสือตัวเดียว จะทำตะกรุดได้ดอกเดียว และหนังเสือตัวที่ตัดเอามาแล้ว เมื่อทิ้งไว้จะเป็นขมวนผุไปในที่สุด กรรมวิธีการสร้าง เมื่อได้หนังหน้าผากเสือตามลักษณะดังกล่าวมาแล้ว ต้องให้หลวงปู่กำหนดฤกษ์ จากนั้นจะตั้งเครื่องสังเวย บูชาเทวดา ครูอาจารย์ แล้วท่านจะเข้าพิธีลงอักขระเลขยันต์ในแผ่นหนังหน้าผากเสือ เฉพาะพิธีแต่ละครั้งได้เพียงดอกเดียวเท่านั้น เมื่อลงเสร็จแล้วท่านจะปลุกเสกจนครบ 7เสาร์ 7 อังคาร จึงจะใช้ได้ นับว่ามีกรรมวิธีสร้างที่ค่อนข้างยากมากดังนั้น ในชีวิตของหลวงปู่จึงสร้างไว้ไม่มากนัก คนมีความปรารถนาแรงเกล้า และมีโอกาสเท่านั้น จึงได้ทำเอาไว้ ตะกรุดหน้าผากเสือของหลวงปู่บุญ จึงมิได้สร้างขึ้นแบบง่ายๆเหมือนทั่วไป แต่กรรมวิธีโดยเฉพาะที่เป็นแบบอย่างของท่าน ตามตำรับที่ท่านได้ศึกษามา

ตะกรุดหน้าผากเสือหลวงปู่บุญ มีขนาดไม่แน่นอน เท่าที่พบจึงมีขนาดไม่เท่ากันแม้แต่ดอกเดียว ลักษณะเป็นหนังหน้าผากเสือม้วน ประมาณ 2-3 รอบเท่านั้น เพราะหนังซึ่งมีความหนาจะม้วนมากกว่านั้นได้ลำบาก และทุกดอก จะถักเชือกไว้ก่อนอย่างแน่นตึง เพราะหนังเสือซึ่งม้วนยาก หากไม่ใช้เชือกถักแน่นแล้ว จะคลายตัวออกทันที (แต่ที่ถักเชือกแล้ว ไม่ได้ลงรักชุบ เชือกเปื่อยขาดคลายตัวออกไปจนเห็นขนเสือก็เคยมีให้เห็นกัน) ลักษณะการถักมีหลายแบบไม่แน่นอน มีทั้งลักษณะถักคลุมหัวท้าย กับถักไม่คลุมหัวท้าย ส่วนที่เชือกไม่คลุมไว้คือ หัวและท้าย จะเห็นขนเสือโผล่ออกมาบ้างเล็กน้อย เพราะไม่ได้เอาขนออก การลงอักขระเลขยันต์หลวงปู่ ท่านลงด้านใน มิใช่ด้านมีขน จะยังคงสภาพเดิมอยู่ เช่นนั้น ทุกดอกที่ถักเชือกไว้แล้วส่วนมาก มักจะลงรักทับไว้ด้วยเพื่อรักษาเนื้อของเชือกให้คงทน บางดอกปิดทองทับตลอดดอกก็มี

XXXบูชาแล้วXXX

 

พระสรรค์นั่งฐานขีด สังฆาฏิคู่ เนื้อผงน้ำมัน ผสมว่านสบู่เลือด มีแร่อุกกาบาต มวลสารทั้งองค์ เนื้อนี้หายากน่าบูชา (โซนเนื้อน้ำมันปรกโพธิ์ 9 ใบ) พระสรรค์ของหลวงพ่อกวย เป็นพระที่ท่านชอบมาก และตั้งใจทำเป็นอย่างดี ท่านเคยบอกกับศิษย์ท่านไว้ว่า กูจะทำให้ดีเหมือนของเก่าเลย พุทธคุณดี เเละมีประสบการณ์สูงมาก ทั้งโชคลาภ เมตตา คงกระพัน กันคุณไสย เเละภูตผีปีศาจ (ผสมทรายเสก) เป็นของดีที่ไม่ควรมองข้ามครับ

พระสรรค์นั่ง ฐานขีด เป็นพระพิมพ์มาตรฐานนิยมเนื้อดิน ที่พบมากหลวงพ่อกวย ท่านสร้างราวปี 2500 เป็นพระที่หลวงพ่อกวย ท่านสร้างเองกดพิมพ์เอง เป็นพิมพ์ที่มีประสบการณ์ และที่สำคัญมวลสารของพระสรรค์นั้น ส่องจะกับเม็ดทรายเสก แร่อุกกาบาต และพลอยต่างๆ ของหลวงพ่อกวย ท่านผสมอยู่ด้วย ทำให้เป็นอีกหนึ่งพิมพ์ที่น่าใช้ และพิมพ์นี้ ยังเป็นพิมพ์ที่ถูกบรรจุไว้ในรายการประกวดพระเครื่องสายหลวงพ่อกวยอีกด้วยเช่นกัน

(ในอดีต พระสรรค์ หรือพิมพ์สรรค์พระกรุเก่าสมัยต้นอยุธยา เป็นพระกรุของอ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท มีความศักดิ์สิทธิ์อย่างมาก เป็นธรรมดาของพระกรุทุกกรุผ่านกาลเวลามาเป็นร้อยๆปีพระที่ขึ้นมาก็มีทั้งดีและชำรุดแตกหัก หลวงพ่อกวยท่านเสียดายชิ้นส่วนพระ จึงนำมาบดตำแล้วสร้างขึ้นมาใหม่ หลวงพ่อท่านพูดกับพระโชน พระที่ช่วยท่านสร้างพระกับท่านว่า “กูจะทำให้ดีเหมือนของเก่าเลย” นอกจากพระสรรค์กรุเก่าชัยนาทที่หลวงพ่อใส่เป็นส่วนผสมแล้ว ยังมีดินจากบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ทรายเสก แร่ และมวลสารอื่นๆ นับเป็นของดีจริง ขลังจริง พุทธคุณ อยู่ยงคงกระพัน แคล้วคลาด ช่วยตัดกรรมหนักเป็นเบา กันคุณไสย ช่วงนี้หายาก และราคาเริ่มแพงขึ้นเรื่อยๆ)

XXXบูชาแล้วXXX

โอนบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ (ออมทรัพย์)
หมายเลขบัญชี 403 - 454907- 0
ชื่อบัญชี อุกกฤษฏ์ แก้วอำนวย
โทร : 097 931 9199

 

บูชารายการ พระสรรค์นั่งฐานขีด สังฆาฏิคู่ เนื้อผงน้ำมัน ผสมว่านสบู่เลือด มีแร่อุกกาบาต มวลสารทั้งองค์

 

รับทราบแจ้งจอง
ขอบคุณครับ

 

พระสมเด็จฐานสำเภา วัดไผ่ล้อม ระยอง ปี 2513 เนื้อผงจินดามณี (ที่สุดแห่งผงเมตตาชั้นครู ของหลวงปู่ทิม ที่ให้มาเป็นมวลสาร 1 กระป๋องนมโบราณ ความจริงแล้ว หลวงปู่ทิม ท่านสำเร็จผงจินดามณี และทำได้ขึ้นมากๆ) จุ่มน้ำมันยางนา หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ปลุกเสก พระใน (ยุคแรก) หายากที่สุด เนื้อแน่นหนาๆ เก่าทันยุค

เมื่อปีพุทธศักราช 2508 พระอาจารย์พูน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ต.บ้านค่าย อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ให้เริ่มทำการสะสมว่านนานาชนิด มีทั้งว่านประเภทคงกระพันชาตรี เมตตามหานิยม ป้องกันสัตว์ร้ายเขี้ยวงาทุกชนิด แร่ธาตุต่างๆหลายชนิด มีแร่บังขนิฏสีเขียว,สีดำ,สีมันปู,แร่ดอกมะขาม จ.กาญจนบุรี,แร่พลวงเงิน,แร่พลวงทอง,พลอยจันทบุรี,สีนิล,ชินปรอทสังฆวานร, โมราท้องรุ้ง,เสาตะลุงช้างเผือก,กระดูกหัวกระโหลกช้างทรง,เพชรน้ำค้าง,ศิลา น้ำค้าง,เหล็กทรหด,เหล็กน้ำพี้,เหล็กยอดเจดีย์,สัมฤทธิ์,ข้าวตอกพระร่วง, ข้าวสุกลอยน้ำ,ข้าวสารดำ,ข้าวรอดเพชรหลีก,ไคลประตูเมือง,ไคลเจดีย์,ไคลเสมา๙ แห่ง,ดินโป่ง9,โป่ง 9สี,ดินบริสุทธิ์ กลวงมหาสมุทร,ดินกรุซุ้มกอทุ่งเศรษฐีเมืองกำแพงเพชร,ดินกรุสุโขทัยดินกรุ อยุธยา,ดินท่า 9 ท่า, อีกทั้งรวบรวมผงพระเครื่องต่างๆทุกยุคทุกสมัยที่ชำรุด มีสมัยเชียงแสน,สุโขทัย,อู่ทอง,ลพบุรี,พิจิตร,พิษณุโลก,กำแพงเพชร, สุพรรณบุรี,อยุธยา,รัตนโกสินทร์,25 พุทธศตวรรษ ส่วน ผงวิเศษต่างๆที่เก็บสะสมไว้อีกมากมาย เช่นผงปฐมอักขระ,ผงไตรสรณาคม,ผงพระพุทธคุณ,พระธรรมคุณ,พระสังฆคุณ,ผงพระเจ้า ห้าพระองค์,ผงพระเจ้า 16 พระองค์,ผงตรีนิสิงเห,ผงอิทธิเจ,ผงปถมัง,ผงมหาราช,ผงสังตโลก,ผงมหาอุตม์หลวง พ่อวงศ์,ผงพระเกสรหลวงพ่อวงศ์ วัดบ้านค่าย,ผงพญางิ้วดำ,กาฝาก,กาหลง,กาฝากรักซ้อน,กาฝากมะยม,กาฝากมะรุม, กาฝากมะขาม,กาฝากมะนาว,กาฝากลั่นทม, เถาวัลย์หลง,เครื่อสาวหลง,ว่านสาวหลง,ไม้รู้นอนเก้าอย่าง,ยอดรัก,ยอดสวาท, กัลปังหา,ทรายเงิน,ทรายทอง,ว่าน108,เกสรดอกไม้108, น้ำมนต์บ่อขุนไกรอันศักดิ์สิทธิ์ มวล สารต่างๆดังที่ได้กล่าวมานี้

อาตมาได้สะสมจัดหามา 5 ปีเต็ม จึงได้นำมาผสมสร้างเป็นองค์พระ ก่อนที่จะเริ่มกดพิมพ์พระ ได้ทำพิธีบวงสรวงเทพเทวา ครูบาอาจารย์เสร็จแล้วจึงกดพิมพ์เป็นปฐมฤกษ์ โดยพระอาจารย์จำปี วิปุโล เมื่อวันเสาร์ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 5 ปีระกา ตรงกับวันที่ 22 มีนาคม 2512 เวลา 09.09 น.ในราศีเมษ มหัทธโนแห่งฤกษ์ คือฤกษ์ที่มั่งคั่งสมบูรณ์ไปด้วยทรัพย์สินเงินทองและเทพเทวารักษาดี เมื่อ พิมพ์พระเสร็จแล้ว ก็ได้ทำพิธีปลุกเสกเดี่ยวโดย พระอาจารย์จำปี วิปุโล โดยนิมนต์พระภิกษุภายในวัดมาร่วมสวดบริกรรมพระปริตมีพระพุทธคุร พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ.พระ 5 รูปสวดพระธรรมจักร108 ตลอดคืน รวม 15 คืน เริ่มปลุกเสกเมื่อวันเสาร์แรม 5 ค่ำเดือน 9 อยู่ในพรรษา ตรงกับวันที่ 22 สิงหาคม 2513 จนถึงวันที่ 5 กันยายน 2513 ซึ่งตรงกับวันเสาร์ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 10ปีจอ รวม 15 คืน เป็น ที่น่าอัศจรรย์อย่างมาก เพราะว่าการทำพิธีครั้งนี้ตรงกับวันเสาร์ 5 ทั้งหมด คือตั้งแต่เริ่มพิมพ์ เริ่มปลุกเสก ละวันสุดท้ายที่ปลุกเสกเดี่ยว ก็ตรงกับวันเสาร์อีกเช่นกัน ที่น่าอัศจรรย์อีกอย่างก็คือเมื่อทำพิธีปลุกเสกถึงเวลาตีห้าดับเทียนชัย ได้มีฝนตกซู่ลงมาประมาณ 1 นาที แล้วก็หยุดตกซึ่งจะเป็นอย่างนี้ทุกคืน วัตถุมงคลที่จัดสร้างในครั้งนี้ได้ทำพิธีปลุกเสกใหญ่อีกครั้งหนึ่งโดยนิมนต์พระ คณาจารย์ที่มีอาคมขลังขมังเวท 9 รูป นั่งปรกอธิษฐานจิตปลุกเสกตลอด 1 คืน ดังมีรายนามดังต่อไปนี้ 1.หลวงปู่ทิม(พระครูภาวนาภิรัติ) วัดละหารไร่ จ.ระยอง 2.หลวงพ่อลัด(พระวิจิตร) วัดหนองกระบอก จ.ระยอง 3.หลวงพ่อชื่น วัดมาบข่า จ.ระยอง 4.หลวงพ่อโต่ง วัดเพ จ.ระยอง 5.หลวงพ่อรวย วัดท่าเรือ จ.ระยอง 6.หลวงพ่อหอม วัดชากหมาก จ.ระยอง 7.หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส จ.จันทบุรี 8.หลวงพ่อสมชาย วัดแม่นางปลื้ม จ.อยุธยา 9.หลวงพ่อสละ วัดทรงธรรม จ.อยุธยา มีสิ่งที่น่าอัศจรรย์เป็นอย่างมากในการปลุกเสกพระเครื่องครั้งนี้ คือ ขณะที่หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ นั่งบริกรรมภาวนาอยู่นั้น ช่างภาพถ่ายรูปไม่ติด คือแฟล๊ชไม่ขึ้น ถ่ายอยู่หลายครั้งก็ไม่สำเร็จผล ต้องขออนุญาตท่านก่อนจึงได้ถ่ายติด.ในระหว่างที่หลวงปู่ทิม นั่งบริกรรมภาวนาอยู่นั้น ถ้าท่านหลับตาลงครั้งใด ไฟฟ้าจะดับทันที เป็นอย่างนี้ถึง 3 ครั้ง ดังนั้นท่านจึงต้องบริกรรมภาวนาลืมตาตลอดคืน ไม่ได้พักเลย จนกว่าเสร็จพิธีคือสว่าง

 

เหรียญพุ่มข้าวบิณฑ์ รุ่นแรก ท่านเจ้ามา วัดสามปลื้ม ปี 2498 เนื้อกะไหล่ทอง สภาพสวย กระแสกะหลั่ยเดิมเก่ายุคจัด หายากนัก วัดสามปลื้ม มีปูชนียวัตถุหลากหลายอย่าง เช่น พระปรางค์ใหญ่ , มณฑปพระพุทธบาท, สระจระเข้ ,เขาพระพุทธฉาย

พระมงคลทิพย์มุนี (ท่านเจ้าจุ้ย ปัณฑิโต) วัดสามปลื้ม ท่านเป็นลูกศิษย์ของท่านเจ้ามา วัดสามปลื้ม มีความเชี่ยวชาญทางวิปัสสนากรรมฐาน ท่านได้จัดสร้างเหรียญทรงพุ่มข้าวบิณฑ์รุ่นนี้ขึ้นเมื่อปี 2498 "ในวาระคราวสมโภชวัดจักรวรรดิราชาวาส ครบ 130 ปี" ด้วยเนื้อเงิน (หายากมากๆ) และทองแดงกะไหล่ทอง ก็ (หายาก) (เหมือนเหรียญถวายภัตตาหารของหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ที่จัดสร้างเมื่อปี 2501 ซึ่งสร้างด้วยเนื้อโลหะ 2 แบบเหมือนกัน)

ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปทรงพุ่มข้าวบิณฑ์มีหูในตัว มีห่วงเชื่อมติดกับหูเหรียญ โดยด้านหน้าเหรียญได้รวบรวมปูชนียวัตถุที่สำคัญภายในวัดมาไว้ด้วยกัน อาทิเช่นตรงกลางเหรียญเป็นรูปบุษบกภายในจำหลักรอยพระบาทจำลอง โดยด้านล่างเป็นรูปจระเข้ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของสระจระเข้ภายในวัด ส่วนด้านหลังเหรียญเป็นรูปท่านเจ้ามาครึ่งองค์ ด้านบนมีอักขระคำว่า "อัง" ด้านล่างมีรูปกงจักร (สัญลักษณ์ที่เกี่ยวเนื่องกับผู้สร้างวัดซึ่งเป็นแม่ทัพ) ภายในมียันต์ "เฑาะว์"

วัดจักรวรรดิราชาวาสเป็นวัดเก่า มีมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เรียกกันว่า "วัดนางปลื้ม" บ้าง หรือ "วัดสามปลื้ม" บ้าง ตอนปลายรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๑ ต่อมาจนถึงต้นรัชกาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ ท่านเจ้าพระยาอภัยราชา (ปิ่น) บรรพบุรุษสกุลสิงหเสนี เป็นผู้เริ่มปฏิสังขรณ์วัดสามปลื้ม แต่ยังไม่แล้วเสร็จก็ถึงแก่อสัญกรรม

ต่อมาราวปี พ.ศ. ๒๓๖๒ เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์) ต้นสกุลสิงหเสนี ผู้เป็นบุตรจึงได้ทำการปฏิสังขรณ์ต่อ โดยมอบให้บุตรชายคนโตชื่อนายเกต (เจ้าพระยามุขมนตรี ในรัชกาลที่ ๔) เป็นผู้อำนวยการสร้างจากด้านเหนือ เข้ามาทางด้านใต้ และให้บุตรชายคนรองชื่อนายแก้ว (เจ้าพระยายมราช ในรัชกาลที่ ๔ ) เป็นผู้อำนวยการสร้าง จากด้านใต้เข้าไปหาด้านเหนือ บรรจบกันตรงกลาง ได้สร้างพระอุโบสถ เสนาสนะสงฆ์ ศาลาการเปรียญ ตลอดจนขุดคูแม่น้ำเจ้าพระยา เข้ามาจนถึงสระน้ำซึ่งขุดไว้ใช้ภายในวัด

เมื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จลง ก็ได้จัดการอาราธนาพระภิกษุจากวัดราชบูรณะบ้าง วัดพระเชตุพนฯ บ้าง มาอยู่จำพรรษา แล้วน้อมเกล้าถวายเป็นพระอารามหลวง ในสมเด็จบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้ารัชกาลที่ ๓ เมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๓๖๘ และได้ พระราชทานนามใหม่ว่า "วัดจักรวรรดิราชาวาส วรมหาวิหาร มาถึงทุกวันนี้

“คดไม้” กลายเป็นหิน กายสิทธิ์ภาคผู้เลี้ยง ของค้ำของคูณ
ความเชื่อไม้กลายเป็นหิน (petrified wood) ในวัฒนธรรมไทย ไม้กลายเป็นหินมักถูกเรียกว่า "คตไม้" ซึ่งคำว่า "คต" หมายถึง "หิน" ดังนั้น "คตไม้" จึงหมายถึง "หินไม้" นั่นเอง คนไทยเชื่อกันว่าไม้กลายเป็นหิน เป็นหินมงคล สามารถดลบันดาลให้ในสิ่งที่ต้องการ ทั้งอำนาจบารมี เป็นหินแห่งการปกป้องคุ้มครอง แคล้วคลาดปลอดภัย ความเมตตาและโชคลาภ นอกจากนี้ ไม้กลายเป็นหินยังนิยมนำมาใช้เป็นเครื่องประดับ หรือวัตถุมงคลต่างๆ เช่น แหวน จี้ กำไล เป็นต้น เชื่อว่าจะช่วยเสริมดวงชะตา โชคลาภ และความเจริญรุ่งเรืองกับผู้ครอบครอง
ในวัฒนธรรมตะวันตก ไม้กลายเป็นหิน มักถูกมองว่าเป็นตัวแทนของความแข็งแกร่ง ความมั่นคง และความยั่งยืน นอกจากนี้ยังเชื่อว่าไม้กลายเป็นหินสามารถช่วยปกป้องคุ้มครองผู้ครอบครองจากอันตรายต่างๆ ได้อีกด้วย ชาวอเมริกันพื้นเมือง เชื่อว่าไม้กลายเป็นหิน เป็นสัญลักษณ์ของพลังแห่งธรรมชาติ ชาวยุโรปเชื่อว่าไม้กลายเป็นหิน เป็นสัญลักษณ์ของชีวิตนิรันดร์ ความเชื่อเกี่ยวกับพลังวิเศษของไม้กลายเป็นหิน นอกจากความเชื่อเกี่ยวกับความเป็นมงคลแล้ว ยังมีความเชื่อเกี่ยวกับพลังวิเศษของไม้กลายเป็นหินอีกด้วย โดยเชื่อกันว่าไม้กลายเป็นหิน สามารถช่วยบำบัดรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ได้ เช่น โรคไต โรคหัวใจ โรคเบาหวาน เป็นต้น นอกจากนี้ยังเชื่อ ว่าไม้กลายเป็นหิน สามารถช่วยเสริมสร้างพลังกายและพลังใจให้กับผู้ครอบครองอีกด้วย

" ลูกอมเนื้อผงคลุกรัก " ทารักนํ้าเกลี้ยงดำเก่า ของ " หลวงปู่เฒ่ายิ้ม วัดหนองบัว " อมตะเถราจารย์แห่งเมืองกาญจนบุรี สุดยอดหายาก !! สร้างจำนวนน้อย สร้างพร้อมพระปิดตาเนื้อผงของท่าน และเรียกได้ว่าสามารถบูชาแทนพระปิดตาของท่าน ที่ถูกบรรจุอยู่ใน " เบญจภาคีพระปิดตาเนื้อผง " ได้อย่างสนิทใจ
ลูกอม " ผงพุทธคุณฯ " และ " ว่าน 108 ชนิด " ผสมผสานมวลสารสำคัญอื่นๆ แล้วนำไปคลุกรัก เนื้อผงของท่าน จะร่วนซุย ผิวนอกมีกระจายตัวเป็นกาบๆ มีความเก่าแห้งมากๆตามอายุการสร้าง (ท่านหลวงปู่ยิ้มละสังขาร พ.ศ. 2453) (พระเนื้อผงฯ ของท่าน จะมีสองแบบคือ " แบบผงพุทธคุณฯ " และแบบ " คลุกรัก " แบบแรกออกสีโซนขาว แบบหลังจะออกโซนสีนํ้าตาล อย่างลูกอมที่ลงให้ได้ชมนี้ ซึ่งจะมีน้อยกว่าแบบแรก และยังมีโซนออกเทา หรือเขียวขี้เป็ดหายาก) และที่สำคัญมากๆ ท่านได้ผสมผงอาถรรพ์ คือ " เถาตำลึงทอดยอด " ที่ท่านต้องไปยืนเพ่งภาวนา ด้วยจิตอันแกร่งกล้า จนเถาว่านฯ เลื้อยมาพันมือท่านเอง ซึ่งจะมีคุณทาง " มหาเสน่ห์ " และเป็น " มหานิยม " ยิ่งแก่ผู้นำไปพกบูชา ซึ่งไม่มีในเนื้อผงฯของเถราจารย์อื่นๆ เช่นเดียวกับ " หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว " นำมวลสารที่เรียกว่า " อำพันทอง " คือ ตัวเชื้อจากการผสมพันธุ์ของปลาวาฬ ที่แรงมากทางมหาเสน่ห์ และ " ดอกบัวคู่ " คือ บัวก้านเดียว มีดอกสองดอก ที่แรงทางเสน่ห์ เช่นกัน ผสมลงในเนื้อผงยาจินดามณี หรือทาง " หลวงพ่อปาน และ หลวงเชย แห่ง วัดบางกะสอบ " ใช้พวก " ว่านดอกทอง " ผสมลงในเนื้อผงฯ เพื่อทำพิมพ์พระ หรือ หลวงพ่อปาน ท่านใช้อุดก้น เครื่องรางองคตไม้ เพื่อให้แรงทางเสน่ห์ เมตตา แก่ผู้นำไปผู้บูชาเช่นกัน จึงไม่น่าแปลกใจที่พระฯ ของเถราจารย์ทุกวัดที่โด่งดังจนเป็นตำนาน เมื่อเรานำมาบูชาด้วยใจที่ศรัทธา เชื่อมั่น ถือมั่น จึงขอลาภฯ ขอเมตตาฯ ได้อย่างเอกอุเลยทีเดียว ส่วนไฮไลท์สําคัญยิ่ง ลูกอมเนื้อผงฯ ของหลวงปู่เฒ่ายิ้มนี้ ยังผสม " รังหมาร่า " ที่ขึ้นเกาะบน องค์พระประธาน ตรงใต้พระเนตร และ " เปลือกหอยทาก " นำมาบดตำผสมลงไป เมื่อได้ส่องดู และสังเกตดูให้ดี จะเห็นเศษเป็นเม็ด และเกร็ดเปล่งประกาย สะท้อนตา อยู่ในเนื้อ อีกทั้งยังเห็นเกร็ดสีดำ ของ " รังหมาร่า " อีกด้วย จะเห็นเม็ดเกร็ดเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ก็คือ เกร็ดของเปลือกหอยทาก & รังหมาร่าล่า ที่อยู่ในเนื้อ ลูกอมทำตอนสร้างพระปิดตาผงยอดนิยมของท่านฯ และแจกกับศิษย์ ที่รับใช้ใกล้ชิด เพื่อให้นำไปเป็นเครื่องรางฯ บูชาคุ้มตัว กันภัย ต่อตน และครอบครัว อุปมาเหมือนดั่ง เราเช่าหาเพื่อบูชา ลูกอมผงฯคลุกรัก ของ วัดเคลือวัลย์ , วัดสะพานสูง , วัดท่าลาด , วัดกลางฯ , วัดบางปะกอก เราต้องยึดหลักการดูจากเนื้อพระฯ ของท่านคณาจารย์ เพื่อนำมาเปรียบเทียบ ยกเว้นการทำโดยเฉพาะ เช่่น ลูกอมสายสิญจน์ ของวัดหนองบัว ก็จะใช้วัสดุต่างๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของวาระนั้นๆ นี้คือตำนานเครื่องรางลูกอมขลังฯ แห่งตักศิลาใหญ่ แห่ง " วัดหนองบัว "

XXXบูชาแล้วXXX

โอนบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ (ออมทรัพย์)
หมายเลขบัญชี 403 - 454907- 0
ชื่อบัญชี อุกกฤษฏ์ แก้วอำนวย
โทร : 097 931 9199

 

ขอจองครับ