เหรียญบิน หลวงพ่อทรง - แพโบสถ์น้ำ หลวงตา (เล็ก) น. ๑๒๖๕

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย พี เสาวภา, 7 เมษายน 2008.

  1. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,289
    พระสมเด็จพิมพ์แหวกม่าน หลวงปู่พัว วัดพักตราราม
    พระนี้เป็นพระสมเด็จแหวกม่านรุ่นเก่าแก่ของแม่กลองน่ะครับ
    ประวัติ
    https://www.web-pra.com/auction/show/11010528

    93015 (2).jpg 93014 (2).jpg
     
  2. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,289
    พระโมลีหลวงพ่อวัดโบสถ์น้อย
    ถ้าท่านเล่นพระเครื่อง รุ่นเก่าๆหน่อยจะได้ต้องได้ยินชื่อ หลวงพ่อวัดโบสถ์น้อย ยุคสงครามโลกครั้งที่สอง ยุคโกโบริ น่ะแหละครับ แหะๆ
    สถานี้รถไฟบางกอกน้อย บางท่านคงไม่เคยไป ยุคก่อน ผมจะไปกาญจนบุรีต้องไปขึ้นรถไฟที่สถานีบางกอกน้อย
    สถานีนี้โดนถล่มด้วยระเบิดจากพันธมิตรหลายรอบ จนเหลือแต่ทราก วัดหลวงพ่อโบสถ์น้อยที่อยู่ใกล้ๆ ก็โดนไปด้วย ราบเรียบเหลือแต่โบสถ์เล็กของหลวงพ่อวัดโบสถ์น้อยตั้งโด่เด่อยู่ด้วยพุทธบารมี ยังทนลูกระเบิดอยู่ได้
    https://pra.kachon.com/pra/detail.asp?id=1761

    007(19).jpg 93016 (3).jpg 93018.jpg 93017.jpg 198897 (2).jpg
     
  3. Khun Krit

    Khun Krit สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2018
    โพสต์:
    81
    ค่าพลัง:
    +96
    รบกวนพี่ ๆ ทุกท่านครับ ผมอยากขอแนวทางการสะสม

    ตะกรุดเทพรำลึก ตะกรุดเทพรัญจวน และเต่ารุ่นแรกได้ไหมครับ ในขณะเดียวกัน เดี๋ยวผมไล่อ่านย้อนหลังไปด้วยเช่นกันครับพี่ ๆ
     
  4. Suppasit_S

    Suppasit_S เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,147
    ค่าพลัง:
    +3,869
    ผมสะสมตามที่พี่พีแนะนำ คือ สะสมเฉพาะที่ตอกโค็ด ท ไม่มีหัว และ วศด ครับ ตัวอย่างโค็ด อยู่ช่วงแรกๆ ในกระทู้ลองหาดูครับ บางรายการนานๆ ผมจะเก็บแบบไม่ใช่โค็ด 2 ตัวนี้ แต่เก็บจากเซียนสายตรงหลวงพ่อ แต่ผมสะสมน้อยมากๆครับ
     
  5. Khun Krit

    Khun Krit สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2018
    โพสต์:
    81
    ค่าพลัง:
    +96
    ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับพี่ชาย พอดีพระครูสุริยันต์ วัดป่าฉัพพรรณรังสี ท่านแนะนำให้ลองหาเต่ารุ่นแรกมาพกไว้ครับ แต่เจอหลายโค๊ดเลยครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,289
    พระรุ่นนี้หลังหลวงพ่อล่ะสังขาร มีเอามาวางในตู้เพิ่มมาจากคนล่ะตู้กับท่านวัด มีลุงกับป้ามาเฝ้า เหรียญวาง เยอะมาก กระจายอยู่ทั่วตู้ แดงกริ้บๆ ทั้งนั้น โค็ดศูนย์

    ช่วงหลวงพ่อยังมีสังขาร และหลังล่ะสังขาร เต่านี้ราคาไปถึง เหรียญล่ะ ๑๕๐๐ บาทแล้วน่ะครับ เป็นที่นิยม กันทั่วไป เล่าไปตามจริง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มิถุนายน 2023
  7. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,289
    ตะโพนชุดสุดท้ายก่อนล่ะสังขาร แบบใช้แล้วมาบ้าง เนื้อทองแดงออกสีแบบนี้น่ะครับ เป็นทองแดงท่อนเดียวกัน

    uFgvivWAWTESFFQ-JPWst9Y8iRR4PPcsTDf3_BVlw6c&_nc_ohc=AIW-iXKitk0AX-ai046&_nc_ht=scontent.fbkk22-2.jpg

    nohZw-0_7YE1fmae4Pns2bi6AAyscTwF2yCfg05CrUH&_nc_ohc=29_TyNk-74wAX88_HYp&_nc_ht=scontent.fbkk22-6.jpg

    _oc=AQlyfXETC-zqRlqVbKFiy3-VU1ppvTdf6vI4M_ImZoWkGy9THi-FmT3SBvaVhXtF138&_nc_ht=scontent.fbkk22-6.jpg

    5hvYNC9dxlaSGQoJKf40Q4ZyEVIiHSBv4_YU1NGcXG6&_nc_ohc=oDqu9NXh7XIAX-wF1eE&_nc_ht=scontent.fbkk22-2.jpg
     
  8. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,289
    จากนี้ไปผมจะเข้ามากระทู้ทุกวัน เผื่อช่วยแนะนำอะไรได้บ้างสำหรับคนเล่น หลวงพ่อทรงที่เข้ามาใหม่ น่ะครับ
     
  9. Khun Krit

    Khun Krit สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2018
    โพสต์:
    81
    ค่าพลัง:
    +96
    ขอบคุณนะครับพี่ รู้เรื่องเลยครับ เก็บมาแล้ว 2 + ตะกรุด 1 ดอกครับ (ที่เหลือของวัดอื่นนะครับ)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,289
    ยินดีด้วยครับ
     
  11. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,289
    แม่พิม กาฝากไม้ตะเคียน ( ของทนสิทธิ์ )

    IMG_5088ๅ.JPG IMG_5089ๅ.JPG
    ผมพยายามหาที่เขียนไว้ใน พลังจิต แต่หาเท่าไหร่ไม่เจอ แต่เคยเขียนไว้แน่ๆ ตกลงเอาใหม่ ใจความเดิมแน่นอน ชีวิตนี้ไม่มีทางลืม รายละเอียด อาจจะเขียนดราม่าไปตามสำนวน แต่หลักเดิมๆแน่นอน
    ท่านที่มาอ่าน.......ลองถามคนเฒ่าคนแก่ ที่จริงต้องเอาคนบ้านนอก คนไร่ คนสวน คนหากินตามป่า เพราะคนเมืองคงยากที่จะรู้จัก ยกเว้นท่านเรียนมาทางพฤษศาสตร์ รอบรู้ด้านไม้
    ว่าเคยเห็นกาฝากไม้ตะเคียนไหม ???
    คำตอบคือ ไม่เคยเห็น ไม่มี มีด้วยหรือ??? บางคนอายุ ๘๐ กว่า คนบ้านนอก ท้องไร่นี่แหละ เกิดเห็นมาหลายแผ่นดิน บอกผมเลย เกิดมากูไม่เคยเห็น ...ของที่ไม่เห็นไม่ใช่ไม่มี แต่มันหายาก เลยไม่เห็นครับ
    ปกติกาฝาก ต้นรัก ต้นมะยม ก็หายากอยู่แล้ว ถ้าต้นมะม่วงล่ะหาง่าย เอาเดี๋ยวนี้ยังได้ แต่ต้นเล็ก เอารถมาขนเลย บ้านผมมีเพียบ
    แล้วไม้ตะเคียนน่ะ ถ้าไม่ใช่ปลูกตามวัดเก่าๆ มานานๆ หายากที่จะปลูกตามบ้าน เพราะเขาถือ ว่ามีผี และเป็นไม้ใหญ่มาก จะล้มทับบ้านเอา ถ้าจะมีก็ในป่าใหญ่ๆไปเลย และถ้ามีกาฝากจริงๆ ก็ยากที่จะเห็นเพราะต้นตะเคียนเขาสูงมาก น่าจะร่วม ตึก หกเจ็ดชั้นขึ้นไป ใบซ้อนเป็นพุ่ม ก็หนามาก จะมองหากาฝากยาก และ ไม้ตะเคียนเขามียาง มีน้ำมัน เขาว่ากาฝากไม่ชอบ กาฝากไปลงก็แห้งตาย
    จะสรุปเลยว่า ไปหาน่ะครับ กาฝากไม้ตะเคียน ไม่มีหรอกครับ ถ้ามีก็แหกตามาขาย ต้องให้เห็นกับตาถึงจะเชื่อน่ะครับ พ่อค้ายุค 4.0 นี่ เล่าในเน็ทได้ทุกเรื่อง เพื่อขาย แต่ดูไม่ขาด เพราะกาฝากคือกาฝาก จะดูอย่างไรมาจากต้นอะไร
    กาฝากไม้ตะเคียนหายากพอๆกับเหล็กไหลในนิยาย
    แต่แม่พิมที่เอามาโชว์ ทาสีทองปิดนี่ เป็นไม้กาฝากต้นตะเคียนทองแน่นอน เพราะกิ่งเขาหักลงมาข้างบริเวณ กลดที่ผมนอนจำวัด อยู่ใต้ต้นพอดี ...ฟันธง ไม่ได้เห็นกับตาอย่างเดียว เเต่นอนรอเลยก็ว่าได้ อยู่ในเหตุการณ์ตั้งแต่วินาทีแรก จนเป็นรูปแม่พิม
    จะเล่าสั้นๆ ว่าต้นปี ๒๕๕๔ ก่อนน้ำท่วมใหญ่ ผมเบื่องาน เบื่อคน เลยใช้คำว่าลาออก เลิกทำงานไปบวชอยู่ประมาณ ๕ เดือน ต้นปี ๒๕๕๔ สบายจัง เงียบๆ สบายๆ ฉันมื้อเดียว น้ำหนักลดไปอื้อเลย ร่างกายปราดเปรียว แต่จิตสงบขึ้น เลิกสนใจเรื่องทำมาหากิน เรื่องเงินๆทองๆ ไม่สนใจเลยว่าได้ สวดมนต์ ทำวัตร เช้าเย็น บิณฑบาต กวาดวัด ช่วยหลวงพ่อจารผ้ายันต์ตะกรุด ตามที่ท่านใช้ ท่านสอนให้ด้วย สบายๆ วันๆหมดเร็วมาก ว่างๆท่านให้อ่านพระไตรปิกฎ สงสัยให้มาถาม หลวงพ่อท่านเก่งเลยล่ะ เรื่อง พระธรรมวินัย ชาดก พระอภิธรรม เข้าขั้นอาจารย์
    และมีโอกาศไปเข้าปริวาสสองครั้ง ไม่บอกสถานที่ แต่จริงๆ สถานที่เป็นลานใหญ่โตพอสมควร ผมเห็นต้นไม้ใหญ่ ความที่เป็นคนกรุงด้อยประสบการณ์ในการออกป่า เลยไปกางกลดใต้ต้นตะเคียนสูงใหญ่ ร่มต้นหนึ่ง คิดว่าสบายล่ะ ร่มดี นอนในกลด นั่งภาวนา สบายไป
    แต่ผิดคาดน่ะครับ ต้นตะเคียนน่ะ มดตะนอยเพียบ เดินกันยั้วเยี้ยะ ดีที่ปักกลดห่างมาจากต้นหลายเมตร เพราะร่มเขากว้างใหญ่ กลดเป็นแบบสมัยใหม่น่ะครับ เป็นเต้นท์ มีเสากางนอนได้ทุกที่ ไม่ต้องปัก ไม่ต้องแขวน
    ผมนี่แพ้ มดตะนอยมาตั้งแต่เด็ก ต่อยนิ้ว บวมทั้งแขน ถ้าเข้ามาในกางเกง ต่อยไอ้เจี้ยวล่ะไข่ดันบวม ไข้ขึ้นเลย ที่พูดนี่โดนมาแล้วครับท่าน จากสมัยเด็ก บ้านอยู่ในสวน ชายทุ่ง ท่านที่ไม่เคยโดน ไม่มีทางรู้รสชาด ว่ามันแซบ ปวด บวม ขนาดไหน สำหรับคนที่แพ้พิษมดตะนอย
    พอเห็นมดตะนอยคู่ปรับเก่า ใจมันแป้วเลย แต่ อย่างว่าเเต่งเครื่องแบบ พระศากยบุตรแล้ว ปอดแหกกันง่ายๆจะเสียชื่อเครื่องแบบเขา เอาเป็นสู้ และ ในใจยังพออุ่นใจ มีพระวัดปากน้ำ ปลัดงาหลวงปู่อาจารย์ผม เบี้ยแก้ และ แหวนแม่พิม ต้องสู้กันหน่อย และได้ใช้สู้จริงๆ โดน สี่ครั้ง แมลงคล้ายผึ้งต่อย สองครั้ง มดตะนอย กัดอีกสอง ตามกรรม โดนจริงๆ เพราะถึงไปกางกลด ห่างจากต้น แต่มดเขาได้กลิ่น จะมาสำรวจ เรียกว่าอยู่ในรัศมีทำการของหน่วยลาดตระเวณ ซวยจริงๆ เขามาในกลด ตอนนั่ง ตอนสวดมนต์ ตอนนอนก็โดน ใช้ เบี้ยหลวงพ่อทรง แหวนหลวงพ่ออั้บ นี่แหละ ดูพิษ ตึ้บๆๆๆ ใช้ได้ผลจริงๆไม่ได้โม้ ของเขาดี เอาตัวรอดมาได้ มั่นใจโพดๆ
    คืนหนึ่ง อากาศร้อนตับแล็บ สบงนี่เปียกไปหมด แต่ก็ต้องเข้ากลด เพราะพอมืด กองทัพโคตรยุง แมลงจะเข้าเล่นงานทันที มียุงมากมายมหาศาล น่าจะติดอันดับต้นๆของประเทศไทย ยิ่งต้นฝน แบบปลายเมษา ต้น พฤษภา โอ้โฮ มากันดำมืด แล้วยุงพวกนี้ไม่มีลีลาน่ะครับ มาเกาะ กัดทันที เหมือนรู้เรานุ่งเหลือง เป็นพระตบเขาไม่ได้ ...อื้อฮือ
    นอนจับลมหายใจไปเรื่อยๆ พอเคลิ้มๆ พายุมาครับ เข้าเดือน เมษา พฤษภา มีพายุ ฝนอีก ใครที่เคยปริวาส หรือ เคยธุดงค์ในป่าจะทราบว่า เจอฝนนี่โคตรสาหัส ทั้งเปียก ทั้งชื้น ทั้งหนาว ( พระไม่มีผ้าห่มน่ะครับ มีแต่จีวร ) เรียกว่าโคตรทรโหด ทั้งแฉะ ทั้ง สัตว์ต่างๆ ตะขาบ ทาก ฯลฯ โอ้ย จาระไนไม่ถูก ต้องระวังเอา ทั้งไอ้ตัวยาวๆก็ไม่แน่ กลัวก็กลัว ได้แต่แผ่เมตตากันไป เรามาทำหน้าที่เฟ้ย เจ็บ ตาย ในหน้าที่ ก็ ต้องได้คะเเนนกัน บ้างแหละน่ะ
    พอพายุแรง กิ่งไม้ก็หัก หลายกิ่งหลายต้น แต่ต้นที่ผมอยู่นี่กาฝากหักตามลงมากับกิ่งต้นตะเคียนครับ พอเช้าพระที่ไปปริวาส มามุงดูกัน ต่างก็ไม่เคยเห็น ถึงจะมีอาวุโสกว่า กาฝากต้นตะเคียน ผมไม่อ้างสิทธิ์ ว่าข้างกลดผม เพราะนอนเรียงกันไปห่างๆ หลายองค์และ ผมเป็นพระใหม่ เงียบอย่างเดียว ตกลง ท่าน แบ่งกัน ผมได้มาท่อนขนาดหัวแม่โป้ง ในฐานะพระมุง ท่อนเล็กกว่าเขา แต่ไม่กล้าพูดอะไร และ ที่สำคัญไม่แน่ใจว่านี่ของวัด จะเข้าข่ายปาราชิกหรือไม่ มีค่ามากว่า ห้ามาสก หรือไม่ มาจากป่าหรือไม่ มีเจ้าของหรือไม่ เจ้าของหวงหรือไม่ ความเป็นพระใหม่ กลัวน่ะครับ กลัวไปหมด ขี้หดเลยล่ะ มาบวช ไม่ใช่มาลงนรก ผมเอากิ่งกาฝาก นั้น เหน็บ ซ่อนๆไว้แถวนั้นก่อน ต้องเคลียร์ว่าเป็นของโจรก่อนหรือไม่ ค่อยเอาไป เดี๋ยวจะซวย
    พอหมดปริวาส เย็นๆของอีกวัน ผมไปแอบดักกราบท่านเจ้าอาวาส เจ้าวัด ดูแลวัดน่ะครับ ท่านอายุมากแล้ว พรรษาก็มาก พอท่านว่าง จึงไปกราบท่านเอากิ่งไม้กาฝาก ให้ท่านดู ก็เป็นแค่เศษไม้เล็กๆท่อนหนึ่ง ไม่ได้โดดเด่นตาอย่างไร เดินตามสนามหญ้าในวัดไหนๆก็เจอ ที่แปลกกว่าเขาคืออันนี้เป็นกาฝาก ไม้ตะเคียนเห็นกับตา ไม่ใช่นวนิยาย ของ เอ็ดก้าร์ อลันโป
    ผมเล่าให้ท่านฟัง ผมกราบเรียนไปตรงๆ กลัวเป็นขโมย ของวัด จะอาบัติไหม มีเจ้าของไหม เจ้าของหวงไหม มูลค่าเท่าไหร่ ถ้าท่านพิจารณาว่าเอาไปไม่ได้ อาบัติ ผมมากราบขอขมาแล้ว เผ่นทันที เอาคืนให้ท่านหรือทิ้งแถววัดนั่นแหละ ท่านเอามาพิจารณาดู แล้ว บอกเอาไปได้ เศษไม้หักลงมาธรรมดา ไม่มีค่างวดอะไร ทิ้งไว้ก็รกอีก ถือว่าช่วยทำความสอาด ลานวัดก็ได้ แล้วให้อนุญาตผมมา ท่านต้องเป็นพยานให้ผมนี่แหละ ผมจำได้ยังทำบุญถวายวัด ท่านไป เรียกว่าใช้หนี้กัน ขาดจากกัน เป็นของผมซ่ะ สบายใจ
    นี่คือที่มาของแม่พิม กาฝากไม้ตะเคียน ผมเลยเอาไปให้ช่างอบจนแห้ง แกะแม่พิม มา ได้ ๙ ตนพอดี เศษไม้ให้เก็บหมด เอามาบดทำ นางกวักได้อีกไม่กี่ต้น ขนาดเล็ก เบา แต่ กำลังภายในสูงมาก แกะแม่พิมเสร็จ พร้อมทั้งนางกวัก เอามาขอ หลวงพ่ออั้บท่านเมตตาเสกให้ และชุดนี้ใส่ลังฝากในลังเหล็กไว้ ตลอด ๑ พรรษา ๒๕๕๔ ปีน้ำท่วมพอดี ปีนั้นคนไม่เยอะ บางทีต้องลุยน้ำมา รถผมรถตู้ ลุยไปถึงวัดสบายๆ ในบางจังหวะน่ะครับ คนไม่ค่อยมีครับ พวกท่านคงทราบรสชาดของปีนั้น ว่างแทบทุกอย่างนิ่ง สนิท บ้านเมืองเปลี่ยวทีเดียว
    ที่เอามาโชว์เป็นของประจำตัวจริงๆ เอาไปขอ หลวงพี่ ... ท่านเมตตาพิจารณาข้างในให้ทราบหน่อย ให้มั่นใจโก๋ ท่านบอก มี อยู่ สองท่านน่ะ ท่านหนึ่งคือ เทวดา ผู้หญิงที่มากับไม้ และ อีกท่านคือ แม่พิม ที่หลวงพ่ออั้บท่านเชิญมา ตกลง สองต่อเข้าฮอส ผมใช้ติดตัวมาตลอด ห้อยกระเป๋าโทรศัพท์ไว้กับ เเม่พิม หยก ประสบการณ์ชีวิตผมดี เรื่องไม่มีอด กินกันจนอ้วนทั้งบ้าน ถึงหมาอีก ห้าตัว ไม่มีอด ไม่มีอยาก ตามจังหวะชีวิตครับ แม่เขาช่วยไว้หลายทีด้วย แม่พิมเขาใจดี ทั้งแม่ตะเคียนด้วยจ้ะ
    แม่พิม ไม้กาฝากนี้ ไม่แจก ไม่แลก ไม่ขาย น่ะครับมีแค่ ๙ ตน ยังไม่พอคนในบ้านและ เพื่อนๆกันซ่ะด้วย

    .........................

    73458853_521180415372504_7467520416190300160_n.jpg 74604454_521180445372501_281228333918715904_n.jpg 73504666_521580525332493_602167853851869184_n.jpg 74360259_521580631999149_2838200752399187968_n.jpg
     
  12. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,289
    เบื้ยแก้หลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์ อ่างทอง

    เบี้ยตัวนี้ซื้อเขามาครับ ดูง่ายมาก เห็นรูปก็รู้ว่าใช่ แต่ผ่านการใช้งานมาพอสมควร ได้มาเจตนาเดียวคือเอาไว้ใช้งานเพราะเป็นสุดยอดเบี้ยสายอ่างทอง ติดอันดับหนึ่ง โดยเฉพาะหลวงพ่อภักตร์ เป็นปรมาจารย์ของอ่างทองแบบไร้ข้อกังขา หลวงพ่อทรงตอนท่านยังอยู่พูดด้วยความเคารพมาก ยังอยากได้ตำราของหลวงพ่อภักตร์ที่ กระจัดกระจาย เล่มหนึ่งว่าไปที่อยู่โพธิ์ทอง ผมพยายามสืบหา แต่ไม่มีความสามารถ ยินดีซื้อมาถวาายหลวงพ่อ ( ว่าจะก็อบถวายท่านพระครูมานิตย์ด้วย แต่เหลว )
    พอหลวงปู่เลกท่านเจิมให้ก้ไปสั่งตลับ ใช้ติดตัว ของดีแหละครับ วันหนึ่งเอาขึ้นมาส่อง ปรอทครับ ปรอทเริ่มซึมออกมาตามตัวเบี้ย จากตัวเบี้ยน่ะครับ ไม่ใช่ผ่านชันนะโรงมา
    เปลือกหอยนี้ก็เหมือนกระดูกแหละครับ เหมือนฟัน มีเคลือบฟันข้างนอกให้เราใช้งาน แต่ตัวฟันมีรูพรุน เอาไว้ใช้งาน ใช้ไปนานเคลือบฟันจะเสีย สึกไป หอยก็เหมือนกัน เนื้อจากความเก่าของหอยเบี้ยอายุ ร่วม ๑๐๐ ปี ส่วนนอก เคลือบเบี้ย สึกไปเยอะ ตามอายุการใช้งาน ปรอทเริ่มซึมออกมา หลายจุดกระจายไปตามตัวเบี้ย
    ผมถอดเบี้ยออก เอาพู่กันค่อยๆ เขี่ยพวกปรอทมารวมกัน ลองแบบนี้อยู่สองสามครั้ง ใช้งานด้วยปรอทก็ซึมออกมาตามรูพรุนของผนังเบี้ย ผมเอาพู่กัน ปัดมารวมกัน เอาปรอทของดีพวกนี้เอาไว้ในขวดรวม จะเล่าต่อไป
    เลยต้องเลิกใช้งานเบี้ยตัวนี้เพราะปรอทเริ่มซึมถ้าใช้งานกระแทกไปมา ร้อนจาก อุณหภูมิตัว พระจะยิ่งหนีออกมาอีก หมดกัน
    สารปรอท แม้มั่นใจว่า หลวงพ่อฆ่าฤทธิ์มาดีแล้ว แต่ จะไม่ปลอดภัย พวกสารปรอทอาจจะไปติดกับพวกโลหะ ทอง อลูมินั่ม และกัดได้ หรือซึมเข้าร่างกายได้ จะเกิดโทษได้
    เลยต้องเลิกใช้ครับ แค่ปรอทที่ปัดออกมาได้ หน่อยนึง สัก ๑ ใน ๕ หัวไม่ขีด เก็บไว้อย่างดีรวมกันในเศษปรอท เอาไปผสมทำเบี้ยครับ
    จะเล่าต่อไป
    สรรพคุณในการใช้ เบี้ยแก้ ก็ตรงกับชื่อคือ สารพัดแก้ กันสารพัด โดยมีอุปเท่ห์การใช้ เช่น เบี้ยแก้มีอิทธิฤทธิ์ทางด้านการป้องกันคุณไสย มนต์ดำ ยาเสน่ห์ กันเขี้ยวงา หรือแม้กระทั่งกันผี เช่น ป้องกันอัตวิบากกรรม แก้ภาพหลอน จิตหลอน ภาพอุปทาน แก้อำนาจภูตผีปีศาจ อาถรรพณ์เวท ทำให้มัวเมาขลาดกลัว ขนพองสยองเกล้า ลมเพลมพัด คุณไสย คุณผี คุณคนทั้งปวงอุบาทวเหตุ อุบาทวภัยทั้งปวง มัวเมายาพิษ ยาสั่งทั้งหลาย ไข้ป่า ไข้ป้าง ไข้ผีป่า ผีโป่ง ผีปอบ ต้องกระทำจากภูตผี ผีพราย ผีตายโหง กองกอยวิกลจริต จิตวิกลวิกาล วิญญาณ อุปาทานวิกลเหมือนผีเข้าเจ้าสิงสู่ปราศจากสิ้นแล

    ให้อธิษฐานเอาน้ำมนต์ เอาดอกพุทธรักษาดอกไม้ ดอกเข็มแดงหลากสี ตั้งขันธูปเทียน ขันห้า ข้าวตอก ดอกไม้แก้บาทวพิษ บาดทะยัก อัมพาต บาดแผล ฝีมะเร็ง ฝีคุณ หัวพิษ หัวกาฬ ทรางชัก รางขนพอง สันนิบาตลูกหมา ลูกนก หลังแอ่น คางแข็ง บ้าหมู ภายนอกภายใน อาบกินด้วย ตั้งจิตหน่วงลง ในคุณพระศรีรัตนตรัยใช้ได้แล

    เมื่อเข้าศึกสงคราม ให้เอาไว้ด้านหน้า สารพัดศัตรู บีทาย่ำรุกไล่ให้เอาไว้ด้านหลัง หาเจ้าฟ้ามหากษัตริย์ เจ้าขุนมูลนาย ให้เอาไว้ด้านข้างขวา เมื่อหาหญิง หานางพญาไว้ข้างซ้าย สารพัดศาสตรามิต้องข้างกายเลย ดุจฝนเสนห่า ข้าวปลาอาหารเป็นพิษ คางแข็ง เคี้ยวไม่กลืนเลยแล

    เบี้ยแก้ เป็นเครื่องรางที่ทำจากหอยจั่น หรือหอยเบี้ย ซึ่งครั้งอดีตต้องนำเข้าจากเมืองจีน และสิ่งที่ขาดไม่ได้ คือ ปรอท, แผ่นตะกั่ว, ชันโรงใต้ดิน
    คณาจารย์ผู้สร้างจะกำกับพระเวท พร้อมวัสดุที่จะทำมาให้ครบ ใส่ในพานครูพร้อมดอกไม้ธูปเทียน


    วิธีการสร้างเบี้ยแก้ คือ การนำปรอทที่ปลุกเสกแล้วเข้าไปอยู่ในตัวเบี้ย แล้วหาวิธีอุดไว้ไม่ให้ปรอทหนีออกมาได้ด้วยชันโรงใต้ดิน ที่ปลุกเสกแล้ว และหุ้มด้วยผ้าแดง หรือแผ่นตะกั่วแผ่นทองแดง แล้วจึงนำมาถักเชือก หรือหุ้ม ทำห่วงไว้ให้ ผูกเอวหรือห้อยคอ

    ขั้นตอนสุดท้าย คือ การปลุกเสกกำกับอีกครั้งหนึ่ง ปรอทที่นำมาทำเบี้ยแก้เรียกว่า ปรอทเป็น โดยเมื่อเขย่าตัวเบี้ยแก้แล้ว จะได้ยินเสียงดัง "ขลุกๆ" อยู่ในตัวเบี้ย

    ถ้าทำเบี้ยในช่วงฤดูร้อน ปรอทจะมีการขยายตัวมาก ทำให้เวลาเขย่าในสภาวะอากาศร้อน จะไม่ค่อยได้ยินเสียง "ขลุก"

    แต่ถ้าเอาเบี้ยตัวเดียวกัน มาเขย่าในช่วงอากาศหนาว ปรอทจะหดตัวลง ทำให้มีพื้นที่ว่างในตัวเบี้ยมีมาก เวลาเขย่าจะได้ยินเสียง "ขลุก" ชัดเจน

    เมื่อกรอกปรอทเสร็จแล้ว จะปิดช่องด้วยชันโรงใต้ดินที่ปลุกเสกแล้ว และหุ้มด้วยผ้าแดงหรือแผ่นตะกั่วแผ่นทองแดงแล้ว จึงนำมาถักเชือกหรือหุ้มทำห่วงไว้ให้ผูกเอว หรือห้อยคอ ขั้นตอนสุดท้ายคือการปลุกเสกกำกับอีกครั้งหนึ่ง

    เสียงของเบี้ยแก้ แต่ละตัวไม่เหมือนกัน บางตัวก็ดังมาก บางตัวก็ดังน้อย บางตัวบรรจุปรอทน้อยเกินไป การกระฉอกของปรอทจะดังคล่องแคล่วดี แต่ก็ขาดความหนักแน่น
    บางตัวบรรจุปรอทมากไป ก็อาจจะทำให้เสียงน้อย หรือไม่ได้ยินเลยก็มี


    เบี้ยแก้ ที่ผ่านการบรรจุปรอทจนกระทั่งถักหุ้มเรียบร้อยแล้ว ยังไม่ถือว่าเสร็จสิ้นขั้นตอนกรรมวิธี เพราะคณาจารย์เจ้าผู้สร้าง ท่านต้องปลุกเสกกำกับอีกครั้ง จนมั่นใจว่าใช้ได้จริงๆ แล้ว

    เล่ากันว่า คณาจารย์บางรูปสามารถปลุกเสกเบี้ยแก้จนตัวเบี้ยคลานได้เหมือนหอย

    จากที่กล่าวมาในข้างต้น เป็นวิธีการสร้างเบี้ยแก้ ซึ่งคณาจารย์และเกจิอาจารย์ผู้สร้างที่ได้รับการถ่ายทอดสืบต่อกันมา จึงถือเป็นเครื่องรางที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ ของเมืองไทย

    หากจะกล่าวถึงเกจิอาจารย์ที่ได้รับการยอมรับ และรู้จักกันมากที่สุด คงได้แก่ สายวัดกลางบางแก้ว ของ หลวงปู่บุญ หลวงปู่เพิ่ม และ หลวงปู่เจือ

    สายทางวัดนายโรง ของ หลวงปู่รอด สายนี้มีการถ่ายทอดโดย หลวงปู่ทัต วัดคฤหบดี ซึ่งเป็นศิษย์ของหลวงปู่รอด อีกท่านหนึ่ง และหลวงปู่ทัตได้ถ่ายทอดให้ หลวงปู่พลอย ซึ่งปัจจุบันไม่มีการจัดสร้างเบี้ยแก้แล้ว

    ส่วน เบี้ยแก้ ของสาย อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง หลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ และเบี้ยของ หลวงพ่อซำ วัดตลาดใหม่ และยังมีสายทางอ่างทองก็มี หลวงพ่อพักตร์ วัดโบสถ์ และสายลูกศิษย์ของหลวงพ่อพักตร์ ได้แก่ หลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน หลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ และของวัดท่าช้าง เป็นต้นอีกมาก ที่ยังไม่ได้กล่าวถึง ล้วนแต่ขึ้นชื่อเรื่องพุทธานุภาพ มีสรรพคุณร้อยแปดพันเก้าประการ สุดที่ยากบรรยาย ครอบคลุมทุกด้าน ป้องกันสิ่งชั่วร้าย และแก้เหตุร้ายให้กลับกลายเป็นดี

    ลอกข้อมูลของ ป๋อง สุพรรณ จาก น.ส.พ. คมชัดลึกมาให้อ่านครับ

    tRwEWvdD6UovZoqn_jewIpwB5xyYz3UWYIhYF8mzZJy&_nc_ohc=A9wuqcYJVkcAX9R5gxy&_nc_ht=scontent.fbkk29-6.jpg

    er1umbD4PBJoXUwVWr_L2uifuKfx-QIaj04PGt-KF6b&_nc_ohc=rs42DOTcEnEAX_6Srzv&_nc_ht=scontent.fbkk29-1.jpg

    4kLD4NYOEhw3ZQ4kd-dMRwbskr6CBzFHKp0W4Oggbfp&_nc_ohc=sWWKU6sF3G4AX8OhxGU&_nc_ht=scontent.fbkk29-7.jpg

    cqj_qHpTJ5-EIkXbj_pIi466Qn2gVLFkovmbI9SdGTv&_nc_ohc=EunSCHSZsHUAX-Vk7s_&_nc_ht=scontent.fbkk29-1.jpg

    VAL3KPMtdIeKSkB059bZVQr0tuYh0p2DAlzw4ROxUWJ&_nc_ohc=et9ufLPi5eYAX9eCoDw&_nc_ht=scontent.fbkk29-1.jpg
     
  13. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,289
    เบี้ยพระราม๕
    ไม่รู้จะเรียกเบี้ยอะไรเพราะไม่มีวัด ขอเรียกเบี้ยพระราม๕ ก็แล้วกันน่ะครับ เพราะต้นกำเหนิดมาจากที่นั่น
    หลังจากมารู้จัก หลวงพ่อทรง เลยรู้จักวิธีหาและทำเบี้ย พวกอุปกรณ์ทำเบี้ย ปรอท ชันนะโรง หอยเบี้ย หอยจั่น หอยมือเสือ ที่ซื้อมาถวายท่าน ช่วยทำเบี้ยถวายท่านบ้าง แบบรู้ งูๆ ปลาๆ
    จะที่สะสมเบี้ยไว้บ้างหลายร้อยตัว เช่นของหลวงพ่อทรงจะแยกกลุ่มกันใส่ถุงปลาสติกไว้ในตู้พระไว้ พวกนี้พอมาเจอ จะเห็นปรอท คายออกมาจากเบี้ย สาเหตุเพราะตอนทำเบี้ยอัดปรอทแน่น และ ปิดชันนะโรงแแน่นเกินไป อัดจนแน่น อันนี้อุทาหรณ์พวกที่ ชอบทำเบี้ยน่ะครับ ใส่ปรอทพอประมาณ ให้มีช่องว่างอุดชันโรงให้มีช่องว่างเพราะปรอท จะขยายตัวเมื่อร้อน
    ถ้าอัดแน่นไป เขาจะดันออกมาจากรู ซึมรั่วออกมา แม้รูจะไม่ใหญ่ ปรอทพวกนี้ที่หนีมา ตามศัพทหลวงพ่อทรง ผมจะเก็บใส่ขวดไว้ ที่ติดกันชันะโรง ก็เอาพู่กันค่อยๆลูบๆเก็บสะสมปรอทไว้ ตั้งแต่ยุคเบี้ยของ หลวงพ่อทรง ลงมา
    แต่เนื่องจากเบี้ยผมมีเบี้ยหลายร้อยตัวหลายหลวงพ่อ เพราะไปช่วยท่านทำ ช่วยสร้างวัด ค่ารักษาพยาบาลพวกท่าน เมื่อป่วย ฯลฯ ปรอทที่คายมาหรือหนีมาจะมากพอสมควรประมาณ สัก ๑ ใน ๔ ของขวดยานัตถุ์ หมอมี จะได้ ผสมๆ กันมา ถ้าเอามาใส่แบบแน่นตามวิธี ใส่ตัวใหญ่คงได้ประมาณ สอง ถึง สามตัว ตัวเล็กก็คงสัก ๕ หรือ หกตัว
    เบี้ยที่ปรอทคายออกมา มีหลายชุดเช่น
    ๑) เบี้ยหลวงพ่อทรง หลวงพ่อทรงเสก
    ๒) เบี้ยแสนหกก็แบบเดียวกัน ก็เอาปรอท เก็บไว้ในขวดเดียวกัน อันนี้หลักๆหลวงพ่อเสียนเสกให้
    ๓) เบี้ยเสาร์ ๕ หลวงปู่ดี หลักๆ หลวงปุ่ดีเสก และเอาไปเข้าพิธี หลวงพ่ออั้บ หลวงปู่เล็ก
    ๔) เบี้ยหลวงปู่เล็ก รวมๆกันหลายรุ่น เช่นรู่นหูอื้อ รุ่น เสาร์ ๕ ที่ได้แบ่งมา
    ๕) เบี้ย หลวงพ่อแม้น ชุดนี้ก็คายปรอทออกมาพอสมควร ต้องค่อยๆเปลี่ยนถุง ต่อมาใส่แยกโหลไว้ เบี้ยของหลวงพ่อแม้น มีสองรุ่น เสกทั้งพรรษาครับ
    ๖) เบี้ยหลวงพ่อ หยิบ วัดบ้านกลางเบี้ยเสาร์ ๕ เบี้ยข้ามปี ท่านเสกให้ทุกวันประมาณ หก เดือน ออกพรรษาข้ามาอีกปี
    ๗) เบี้ยหลวงพ่อเจือ แบบขนาดใหญ่เปลือย ก็มีปรอทออกมา
    ๘) เบี้ยหลวงพ่ออั๊บ ชุดหุ้มตะกั่ว มีหลายขนาด ปรอทก็ดันออกมาได้
    และที่สำคัญ ปรอท ๙) เชื้อจากเบี้ยหลวงพ่อภักตร์ ผมสะสมใส่ขวดไว้ เสียดายไม่ได้ถ่ายรูป ก็เก็บไว้ เอาของไปปลุกเสก ก็เอาใส่ไปด้วย หลักๆ มี หลวงปู่เล็ก หลวงพ่ออั้บ หลวงพ่อแม้น พระครูมานิตย์ หลวงพ่อใจ อันนี้ขั้นตอนเสกปรอท
    พอประมาณสักปี ๕๗ หรือ ๕๘ หลังหลวงพ่ออั้บล่ะสังขารไปแล้ว เห็นว่าเก็บปรอทไว้เฉย ไม่มีประโยชน์ ยกเว้นเอาไปถวายหลวงพี่พระครูมานิตย์ซะ
    เลยคิดแบบว่าทำไว้ใช้เอง เพราะรู้ว่าปรอทเสกพวกนี้หลายหลวงพ่อด้านเบี้ยเก่งๆทั้งนั้น จะเป็นเครื่องราง ประเภทของทำไว้ใช้เองมากกว่า เพราะจำนวนไม่มาก
    เลยไปขอเบี้ยแก้เปล่าๆ ท่านพระครูมานิตย์มา สิบกว่าตัว ชันนะโรงก็ขอแบ่งมาหน่อยแบบนิ่มๆ ของผมที่เหลือชันนะโรงนิ่มๆ มีหน่อย และขอชันนโรงอาจารย์ก่อ แม่กลองมาหน่อย เพราะของพวกนี้เขาผ่านพิธีมาแล้วหลายครั้ง
    พอได้ ฤกษ์สดวก ผมเอาปรอทมาแบ่งใส่เบี้ย ตัดตะกั่ว และเศษแร่ชนวนแต่โคตรเศรษฐีที่ทำเหรียญเต่าหลวงปู่บุญศรี ใส่ทุกตัว ตามสูตรหลวงพ่อทรง ท่านบอกว่า ปรอทจะมากินพวกตะกั่วนี่ จะไม่หนีไปหมด ปิดชันนโรงแล้ว เก็บไว้ เอาไปเข้าพิธี พิธีหลักก็พิธีไหว้ครูท่านพระครูมานิตย์ ใส่กระเป๋าไปบอกขออนญาตครูทำมาหลายปีมากหลายพิธี จนจำได้ และ เอาไปขอ หลวงปู่เล็กท่านเมตตา ฝากใส่ลังไป หลายพิธี พิธีหลักๆ ก็ ปี ๕๗ ๕๘ พิธี เจริญสุขและอีกหลายครั้ง จำไม่ได้ แต่ แทบทุกครั้งยุคแรกๆ ที่หลวงปู่เล้กท่านเมตตาเสกของให้
    ตกลงเป็นเบี้ยไม่มีวัด ใส่เอง แต่ไม่ได้เสก เพราะไม่รู้วิธีเสก เสกไม่เป็น ไปโหนครูบาอาจารย์ท่านดีกว่า แต่ปรอท มาจากหลายหลวงพ่อข้างต้น และ หลวงปู่เล็ก กับพระครูมานิตย์ เมตตา เสกให้ จำได้ว่ามีเอาไปฝากพระครูมานิตย์มาหนึ่งพรรษาด้วย หลวงพ่อใจ ก็อย่างน้อย ๑ พรรษา จำไม่ได้ว่าปีไหน แถวๆ ๕๗ ๕๘ ๕๙ ๖๐
    เอาใส่ลังที่จำได้แน่ๆ ปี ๖๐ ไปฝากไว้กับหลวงพ่อใจ ๑ พรรษา มีแค่ สิบกว่าตัวเอง และจริงๆน่าจะหลายพรรษา ผมจำได้ที่เอาลังไปฝาก หลวงพ่อใจผ่านอาจารย์ก่อ ประมาณ สักสาม สี่พรรษา มีเหรียญพวก เจ้าพ่อ ข้อมือเหล็ก เจ้าพ่อพันท้ายฯ ด้วย สรุปว่าเสกมาหลายปีครับ
    ตั้งแต่เก็บเศษปรอทมาจนวันนี้ก็ตกประมาณ ๑๕ ปี
    ปรอท ใส่แบบ สูตร หลวงพ่อทรง เขย่าดังแซ็กๆ
    มาเป็นเบี้ยพระราม๕ นี่แหละครับ มีหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์ด้วยคือมีเชื้อปรอทของหลวงพ่อภักตร์ผสมลงในเนื้อปรอทครับ

    E7gSXQ53dmxZa_CqRtvuJdvV14ZEgtfyDrOW2OITtHe&_nc_ohc=YiMPwaunRMMAX-gukxf&_nc_ht=scontent.fbkk29-4.jpg

    nn7mXO_8wQJ2X_UtbAcob11q5eth0RRGO6sbxZ50MfB&_nc_ohc=jgv34Xz6BwsAX_Kzrv0&_nc_ht=scontent.fbkk29-7.jpg
     
  14. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,289
    พิธีที่หลวงปู่เล็ก เสกรูปหล่อ ๙ นิ้วรุ่นแรก มีกุมารทองตัวจ่าฝูง ตัวประธานตั้งอยู่ด้วยและกุมารบริวารอยู่ถุง อยู่ในวงสายสิญญ์ด้วย หลังเสก จึงไปขอท่านตั้งชื่อให้ ท่านกำหนดดูแล้ว ท่านบอกเขามีชื่ออยู่แล้ว
    เป็นกุมารทอง รุ่นแรก และรุ่นเดียวที่ หลวงปู่เมตตาเสกให้แบบเป็นทางการ ท่านมีบารมี มีวิชาด้านนี้น่ะครับ นอกนั้นท่านเสกให้พวกพยาบาลวิชัยยุทธหลายคนน่ะครับ แต่จะเป็นของส่วนตัวนำมา หรือ แจก รุ่นนี้ไป พวกพยาบาลที่ทราบในบารมีหลวงปู่เล็ก จะแอบไปขอบารมีกันครับ

    TdV5BNN9sX8tAFfA_ACgkHvBBZJY2WaOOFAoCX1YqvO&_nc_ohc=mys8U7U6ScMAX_P5uGF&_nc_ht=scontent.fbkk29-5.jpg

    20150709_170358.jpg IMG_3473.JPG IMG_3476.JPG IMG_3478.JPG IMG_3481.JPG
     
  15. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,289
    เบี้ยหลวงพ่อทองหยิบ วัดกลาง
    เบี้ยนี้ก็ขอแนะนำ ว่าเป็นลูกหม้อ อ่างทองของแท้ มาแบบ ครบเครื่อง ทำแล้วในปี ๒๕๕๒ แล้ว จารย์น้ำ แสวงหา ( หลังๆท่านไปทำหน้าที่การงานใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆกับการไฟฟ้า ภูมิภาคและ เรียนต่อ โท น่าจะเอกแล้วมั้งตอนนี้ ก้หาจากวงการพระไป ด้วยหน้าที่การงานรัดตัว ) บ้านอยู่แสวงหา และรู้จักกับหลวงพ่อทองหยิบเป็นอย่างดีเพราะเป็นคนพื้นที่ โตมาจากนั่น
    ท่านเอ็นดูเหมือนลูกหลานตอนเรียนตรี ก็เอาตะกรุดที่ท่านลงให้มาออกหาเงินเรียนช่วยกันไปด้วย เป็นขาประจำของพลังจิตเลยรู้จักกัน ในนาม เบบ๊้ อุลตราแมน
    อาจารย์ ( เซียน ) น้ำ ไปของหลวงพ่อทองหยิบท่านเมตตาให้ เอาไปฝาก ก่อนเข้าพรรษา ท่านเสกให้ตลอดพรรษาพร้อมกัยของวัดที่จะออกหลังพรรษา
    แต่ออกพรรษาสักระยะ ไปรับของ หลวงพ่อท่านบอกว่า มึง อย่าพึ่งเอาไป รอกูเสกเสาร์ ๕ อีกที เสาร์ ๕ น่ะ เดือน มีนา ของอีกปี ๒๕๕๓ เซียนน้ำโทรมาถามผม ผมบอกเอาเลย อัดเยอะ ชอบ พระแบบ ตกลงอยู่กับหลวงพ่อข้ามปี จนผมลืม ตอนเซียนน้ำไปรับคืนท่านบอกจารย์ น้ำว่า กูเสกให้มึงทุกวัน เลยถวายท่านส่วนหนึ่ง ประมาณ ๑ ใน สาม ให้ท่านแจกในส่วนของท่าน พรึ้บเดียวเกลี้ยง แบ่งจารย์น้ำไป ๑ ใน สาม ได้ข่าวว่าแจกญาติ หมดเกลี้ยง
    ใครได้เบี้ยแจกมาจากหลวงพ่อหยิบ หน้าตาแบบนี้ โค็ดแบบนี้ เป็นเบี้ยไตรมาส ๕๒ และ เสาร์ห้า ๕๓ ครับ เสกมาร่วมๆ สองร้อยวัน กว่า ๖ ถึง ๗ เดือนครับ ยิ่งเสกนานๆ ถูก ใจ โก๋แก่เป็นอย่างยิ่ง
    เสกพร้อมกับล็อกเก็ตอันนี้ ทำแค่อันเดียว ช่างเขาแถมมาให้ตอนผมทำล็อกเก็ต หลวงปู่เล็ก ปี ๕๒ เอาแผ่นเงินแปะหลัง หลวงพ่อหยิบ ท่านจารให้ ตอกโค็ดเดียวกัน เสกข้ามปีมา นานกว่าตะกรุด ซ่ะอีก เพราะตระกรุด ออกพรรษา คนมาจอง หมดพรึ่บ แต่เบี้ย อยู่ต่อมาอีก ประมาณ ๔ เดือน เจออีก ๑๐๐ กว่าเสก ( เสกให้ทุกวัน )
    เบี้ยหลวงพ่อหยิบเสกให้แบบนี้เป็นพญาเบี้ยไม่ต้องเอาไปปลุกเสกที่ไหนอีกครบ
    เบี้ยแก้หลวงพ่อทองหยิบ วัดบ้านกลาง เขียนไว้ในพลังจิต แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มิถุนายน 2018
    เป็นเบี้ยชุดนึงที่แอบหวงที่สุด ไม่เคยเอาไปเสกใหม่ ไม่ค่อยแจกใคร เอาติดรถไว้ตลอด ของดีจริงๆ
    แม้ผมจะไม่สนิทสนมกับท่าน เคยไปหาประมาณ สองครั้ง แต่พบว่าหลวงพ่อเป็นพระเมตตามาก เป็นพระที่ทำตัวเป็นหลวงตาธรรมดา ทั้งสีหน้า หน้าตา ท่าทาง แต่ที่ซ่อนประกายไว้มิดชิด แบบสูงสุดคืนสู่สามัญ คือท่านเป็นพระที่มีอาคมขลังมาก และที่โด่งดังมีชื่อเสียง คือตะกรุดโทน จารไม่พอลูกศิษย์ ต้องจองกันยาวทีเดียว ขนาดที่ผมไป ตะกรุดไม่มีแล้ว เพราะท่านจารเอง คนเดียว ไม่มีใครจารมาให้เสก ท่านพิถีพิถันเรื่องนี้ และ ลูกศิษย์นิยมแบบนั้น
    ในช่วงปี ๕๒ เผอิญ รู้จักกับเซียนน้ำ แสวงหา เขาเป็นคนแถววัด สนิทสนมกับหลวงพ่อมาก หลวงพ่อเอ็นดูแบบลูกหลาน ด้วยอาจจะเฉลียวฉลาด เรียนสูง ได้ของดีหลวงพ่อมาเยอะ ผมเลย ทำเบี้ยมารุ่น ( อาจารย์หมีเป็นคนทำ ผมเป็นคนออกทุน และควบคุมขบวนการ ...แหะๆ ) ทำล็อกเก็ตแบบตัวอย่างมาอันเดียว ให้เซียนน้ำไปขอให้หลวงพ่อท่านเมตตาเสกให้ ไม่ได้นึกว่าจะทิ้งไว้นาน สักอาทิตย์สองอาทิตย์ น่าจะพอ ระดับหลวงพ่อ ไม่จำเป็นต้องนาน ช่วงเวลาที่เอาไปฝากท่านคือ ประมาณเดือน ตุลาคม ๒๕๕๒
    พอออกพรรษา แต่พอไปเอาคืน ท่านบอก คุณน้ำว่า กูเสกให้มึงทุกวัน แต่มึงอย่าพึ่งเอาไป แต่ให้รอ เสาร์ ๕ มีนาคม ปี ๕๓ ก่อน ตกลง ฝากไว้ เสกต่อไปอีก เพราะท่านต้องการแบบนั้น เสาร์ ๕ เป็นวันแรงน่ะครับ ไม่ใช่วันดี ตามแนวโชคลาภ แต่แรงตามหลักไสยศาสตร์ อยู่ยงคงกระพัน คุ้มครอง แคล้วคลาด และเป็นวันที่หายาก นานๆจะมีสักที
    พอผ่านเสาร์ ๕ คุณน้ำไปรับ ถวายหลวงพ่อท่าน ส่วนนึงจำได้ประมาณครึ่งหนึ่ง ให้หลวงพ่อไว้แจกศิษย์ หรือ ออกให้บูชาค่ายาท่าน ( ท่านป่วยกระเสาะ กระแสะแบบโรคคนแก่ แต่ช่วงนั้นยังแข็งแรงดี และ เดินไม่ค่อยถนัด ขาตึงชา อ่อนแรง ) คุณน้ำมาเล่าให้ฟังว่า พอคนรู้ว่าหลวงพ่อทองหยิบมีเบี้ยแก้ พรึ่บเดียวเกลี้ยง ใครได้ไปมั่งผมไม่ทราบ แต่เอามาให้ดูว่าเบี้ยวัดบ้านกลางมี เผื่อท่านไปเจอจะได้รู้ ว่าของวัดบ้านกลางและ หลวงพ่อทองหยิบเสกมานานร่วม ร่วมหกเดือน ข้ามปีทีเดียว หลวงพ่อย้ำกับเซียนน้ำ ว่า กูเสกให้ทุกวัน แต่ ตัวมันเล็กกูจับไม่ถนัด จารไม่ได้ทุกตัว ด้วยหมึก เอาแค่เป็นตัวครูเป็นที่ระลึก
    ผมแบ่งกับคุณน้ำอีกครึ่ง เก็บไว้ แทบไม่เคยโชว์ใคร แจก ใคร น่าจะเอามาประมูลครั้ง สองครั้งไม่มาก เพราะหวง เพราะของดีจริงๆ แต่แนว หลวงพ่อหยิบจะไปแนวบู็ แรงๆ ร้อนๆหน่อยน่ะครับ แม้ ท่านจะเป็นดูใจเย็น เมตตา ท่านน่าจะไปแนวกสิน พวกไฟ กสินน้ำ และไม่เคยเอาเบี้ยท่านไปเสกซ้ำ เพราะต้องการเก็บแนวท่านไว้ ท่านเก่งทางบู๊ๆ คุ้มครองสูง
    ผมเอาไว้ที่รถ หนึ่งตัวเสมอ เพราะของท่านคุ้มครองดีมากครับ
    เก็บใส่ขวดไว้ จนฝุ่นขึ้น
    ที่ผมเขียนบันทึกไว้ กันลืม เสกนานร่วม ๖ เดือน นานกว่าตะกรุดมากเลยครับ หลวงพ่อน่าจะลงไว้หลายวิชา
    เบี้ยหลวงพ่อทองหยิบ วัดกลาง
    เบี้ยนี้ก็ขอแนะนำ ว่าเป็นลูกหม้อ อ่างทองของแท้ มาแบบ ครบเครื่อง ทำแล้วในปี ๒๕๕๒ แล้ว จารย์น้ำ แสวงหา ( หลังๆท่านไปทำหน้าที่การงานใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆกับการไฟฟ้า ภูมิภาคและ เรียนต่อ โท น่าจะเอกแล้วมั้งตอนนี้ ก้หาจากวงการพระไป ด้วยหน้าที่การงานรัดตัว ) บ้านอยู่แสวงหา และรู้จักกับหลวงพ่อทองหยิบเป็นอย่างดีเพราะเป็นคนพื้นที่ โตมาจากนั่น
    ท่านเอ็นดูเหมือนลูกหลานตอนเรียนตรี ก็เอาตะกรุดที่ท่านลงให้มาออกหาเงินเรียนช่วยกันไปด้วย เป็นขาประจำของพลังจิตเลยรู้จักกัน ในนาม เบบ๊้ อุลตราแมน
    อาจารย์ ( เซียน ) น้ำ ไปของหลวงพ่อทองหยิบท่านเมตตาให้ เอาไปฝาก ก่อนเข้าพรรษา ท่านเสกให้ตลอดพรรษาพร้อมกัยของวัดที่จะออกหลังพรรษา
    แต่ออกพรรษาสักระยะ ไปรับของ หลวงพ่อท่านบอกว่า มึง อย่าพึ่งเอาไป รอกูเสกเสาร์ ๕ อีกที เสาร์ ๕ น่ะ เดือน มีนา ของอีกปี ๒๕๕๓ เซียนน้ำโทรมาถามผม ผมบอกเอาเลย อัดเยอะ ชอบ พระแบบ ตกลงอยู่กับหลวงพ่อข้ามปี จนผมลืม ตอนเซียนน้ำไปรับคืนท่านบอกจารย์ น้ำว่า กูเสกให้มึงทุกวัน เลยถวายท่านส่วนหนึ่ง ประมาณ ๑ ใน สาม ให้ท่านแจกในส่วนของท่าน พรึ้บเดียวเกลี้ยง แบ่งจารย์น้ำไป ๑ ใน สาม ได้ข่าวว่าแจกญาติ หมดเกลี้ยง
    ใครได้เบี้ยแจกมาจากหลวงพ่อหยิบ หน้าตาแบบนี้ โค็ดแบบนี้ เป็นเบี้ยไตรมาส ๕๒ และ เสาร์ห้า ๕๓ ครับ เสกมาร่วมๆ สองร้อยวัน กว่า ๗ เดือนครับ ยิ่งเสกนานๆ ถูก ใจ โก๋แก่เป็นอย่างยิ่ง
    เสกพร้อมกับล็อกเก็ตอันนี้ ทำแค่อันเดียว ช่างเขาแถมมาให้ตอนผมทำล็อกเก็ต หลวงปู่เล็ก ปี ๕๒ เอาแผ่นเงินแปะหลัง หลวงพ่อหยิบ ท่านจารให้ ตอกโค็ดเดียวกัน เสกข้ามปีมา นานกว่าตะกรุด ซ่ะอีก เพราะตระกรุด ออกพรรษา คนมาจอง หมดพรึ่บ แต่เบี้ย อยู่ต่อมาอีก ประมาณ ๔ เดือน เจออีก ๑๐๐ กว่าเสก ( เสกให้ทุกวัน )
    เบี้ยหลวงพ่อหยิบเสกให้แบบนี้เป็นพญาเบี้ยไม่ต้องเอาไปปลุกเสกที่ไหนอีกครบ
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มีนาคม 2012
    จ. เบี้ย เสก ข้ามปี หลวงพ่อทองหยิบ วัดบ้านกลาง



    เบี้ยนี้เล่าไปแล้ว หลวงพ่อหยิบ พอออกพรรษา ท่านบอกให้รอเสาร์ ๕ ของอีกปี จนเสาร์ ๕ ถึงไปรับคืน ท่านบอกว่า กูเสกให้ทุกวัน

    หลวงพ่อทองหยิบก็อาพาธ น่ะครับ เดินไม่ถนัด และ นิ้วมือ จะล็อคครับ ทำบุญกับพระอาพาธ อานิสงค์ แรงครับ
    Yscfcc2P7csTeBdQgrXMFw36nqbMshTrud6SsiNO2dd&_nc_ohc=u2gGLQJJmzIAX9C77mt&_nc_ht=scontent.fbkk29-4.jpg

    OzW9bkdWoKJIoxft_OepESCHbebR6E7q3SJnLHQ0PPm&_nc_ohc=jD5AYEVZq_sAX-7gFnF&_nc_ht=scontent.fbkk29-6.jpg

    tzTKnm26AAtMDKunFuTZrsCvjTw51TpsuJ35ZkpBjfj&_nc_ohc=c0kYqJnGDJQAX-bBHlV&_nc_ht=scontent.fbkk29-4.jpg

    e6jF9jF6J4Ba7xiCbJYijhHtYgB3fF8KztP3Eok2DCs&_nc_ohc=wsSglmy6kkwAX9zKXKX&_nc_ht=scontent.fbkk29-9.jpg

    IMG_2319.JPG IMG_2320.JPG IMG_3141.JPG IMG_3140.JPG
     
  16. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,289
    หนุมาณ หลวงปู่เกลี้ยง รุ่นหัวหน้าสั่งการ เนื้อเงิน
    ทำหกร้อยน่ะเนื้อทองเหลือง ส่วนเนื้อเงินมีไม่เกินหลักสิบ เพราะต้นทุนสูง
    ทำหกร้อยตน แบ่งกันกับพวก เอาไว้แจกฟรีครับ รุ่นนี้ไม่ขายครับ
    เปิดดูไฟล์ 4587705
    เปิดดูไฟล์ 4587706
    หลวงพ่อที่เมตตาเสกหนุมานรุ่นหัวหน้าสั่งการ รอหลวงปู่เกลี้ยงเนื่องจากท่านอาพาธ
    ๑) หลวงปู๋เล็กเป็นปฐมฤกษ์ เอารูปข้างลังให้ท่านดู ขอเสกหนุมาน
    ๒) หลวงพ่อ ผอม ถาวโร ขอเสกเป็นหนุมาน
    ๓) หลวงพ่อ อนันต์ เจ้าตำหรับลิง ขอเสกเป็นหนุมาน
    ๔) หลวงปู่เกลี้ยง ตอนเอาไปเสก ลูกศิษย์เก่าแก่ของท่านเป็นหัวหอก และ ขอกับหลวงปู่ เป็นรุ่น หัวหน้า แบบสั่งการครับ...แหะๆๆ ท่านยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทีเดียว
    ๕) ฝากเข้าพิธี เหรียญรุ่นแรกหลวงปู่ ครูบาแก้ว เป็นเวลา ๔๕ วัน
    ๖) ต่อจากนั้นข้ามปี ฝากใส่ลัง ฝากไว้ในห้อง หลวงพ่อใจ อีก ๑ พรรษา ( ๒๕๕๘/๕๙ )
    ผงที่อุดใต้ฐาน เป็นผงล้วนๆ ประกอบด้วย
    ผงหลวงปู่ภู วัดต้นสน
    ผงหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์
    ผงหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
    ผงหลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน
    สีผึ้งหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม
    ผงว่านสบู่เลือด และว่าน 108หลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน
    ผงเขี้ยวงา หลวงพ่อไพล วัดบางแคกลาง
    ผงว่าน ผงเขี้ยวงา ดินอาถรรพ์ ต่างๆ และพลอยเสก
    เน้นไปทางคุ้มครอง เมตตา เสน่ห์
    ไม่ได้เน้นผงพุทธคุณครับเพราะเป็นเครื่องรางรูป หนุมาน
    ส่วนรูปถ่ายน่ะไปทุกงาน และไปฝากเข้าพรรษากับ หลวงพ่อใจ ในปี ๒๕๕๗ และมาเข้าพรรษาอีกครั้งร่วมกับรูปหล่อ ใน ปี ๒๕๕๙
    เปิดดูไฟล์ 4587700
    เปิดดูไฟล์ 4587701 เปิดดูไฟล์ 4587702 เปิดดูไฟล์ 4587703 เปิดดูไฟล์ 4587704
    รูปถ่ายหนุมาณแปดกรนี่เสกมานานมาก ร่วมๆ ๕ ปี ได้ไปติดตัวได้ครับ
    หนุมาณหกร้อย ( ไม่ใช่ ห้าร้อย )
    เปิดดูไฟล์ 3450491 เปิดดูไฟล์ 3450492
    เปิดดูไฟล์ 3450493 เปิดดูไฟล์ 3450494
    ทำมา หกร้อยตนเลยเรียกแบบนั้น เนื่องจากผมไปรู้จัก ผู้ใหญ่ ( อายุน้อยแต่หน้าที่ใหญ่ ) ที่ท่านรู้จักกับหลวงปู่เกลี้ยง วัดเนินสุทธาวาสเป็นอย่างดีมาก เรียกว่ารู้จักกันมาแต่รุ่น คณแม่ ท่านนี้ไปบวชกับหลวงปู่ หลวงปู่มาตามไปบวช ว่าพระราหูเข้าต้องบวช ไม่งั้นแย่ ไปทำงานได้ตอนกลางวัน ( งานเยอะ ) แต่เช้าเย็นต้องสวดทำวัตร เช้า เย็น แล้วมาจำวัดที่วัด เป็นอันตกลง ท่านผู้นี้เจออภินิหารเหนือโลกของหลวงปู่หลายอย่าง ในด้านล่วงรู้วาระจิตและ รู้กาลล่วงหน้า หลวงปู่ท่านบอกว่า โยมแม่ของท่านผู้นี้ในอดีตชาติเคยเป็นน้องสาวของท่าน ทำให้ท่านเอ็นดู ครอบครัวนี้เป็นพิเศษ มีอะไร จะมานิมนต์ท่านไปฉันที่บ้านเป็นประจำ ตั้งแต่ท่านผู้นี้ยังไม่เกิด มีหลายเรื่องเอาว่าที่ผมได้ยิน เชื่อว่าท่านเป็นพระเหนือโลก จากผู้ที่ไม่ได้ซื้อขายและ สนใจพระเครื่องกับเครื่องรางมากมายน่ะครับ ไม่ได้สนใจสะสม ขนาดใกล้ชิดกับ หลวงปู่ขนาดนั้น
    หลวงปู่เป็นที่ทราบ ว่า เก่ง ทางด้านหนุมาน น่ะครับ ดังแบบ สะท้านแผ่นดิน....แต่ต้องหาให้ดีๆน่ะครับ ...แหะๆ ว่าผ่านมือท่านจริงๆ จะเตือนไว้ก่อน
    ผมเลยได้โอกาส ไปกระแซะ ขอทำหนุมาน จะมาแจก ก็ได้รับคำตอบว่าได้ ไปทำมาเลย เดี๋ยวพาไปพบท่านแบบถึงตัว ผมก็ไปขออาจารย์ ก่อ หล่อ หนุมานมา ๖๐๐ ตน ( มีเศษหน่อยตามนิสัยช่าง ) อุดผงแรงมาอย่างดีเรียกว่าทำแบตเตอรี่มาดีแล้วรอ ท่านที่มาชาร์จไฟให้เต็มเท่านั้นครับ
    พอทำเสร็จ หลวงปู่เกลี้ยงท่านป่วยครับ ท่านอายุ ๙๗ ปีครับ ท่านป่วยแบบคนแก่ เข้าๆออกโรงพยาบาลอยู่ระยะ ผมเลยไม่ได้เอาหนุมานไปเสก เนื่องจาก ท่านผู้ติดต่อที่เป็นศิษย์ก้นกุฏิ บอกรอไว้ก่อน
    ขณะที่รอ ผมเลยนำไปถวายหลวงปู่ เล็ก เสกให้เป็นปฐมฤกษ์ เอาใส่ลังลูกปืนไปได้พอดี เอารูปหนุมานแปะไว้หน้าลัง เอาถวายให้ท่านดู ( ท่านเพิ่งเสก หนุมานให้วัดนางในมา ) กราบเรียนท่านว่า ผมจะทำหนุมานแจกเขา ท่านพยักหน้า เอานิ้วมาจิ้มที่ลังวนๆอยู่สักพักบอกว่า พยักหน้าว่าใช้ได้ ....ถามผมจริงๆ แค่นี้ใช้ได้แล้วน่ะครับ แรงด้วย แต่ในตอนนั้นอธิษฐานครูบาอาจารย์ในด้านโภคทรัพย์ ผมแก่แล้ว หนุมานบู๊ ๆ เนื้อหนังถึงทนไหว แต่กระดูกมันแก่ๆ ก็จะไม่ค่อยไหวน่ะครับ เอาแคล้วคลาดโภคทรัพย์ ทำมาหากินจะเหมาะกับยุคสมัยกว่า
    ขณะที่รอหลวงปู่เกลี้ยงด้านสุขภาพให้เหตุการณ์นิ่ง ผมนำไปขอความเมตตา จาก
    ๑) พ่อท่าน ผอม ถาวโร สองครั้งบอกท่านและเอารูปให้ดูเลยว่าทำหนุมาน ขอหลวงปู๋ ใส่ รูป ใส่นามให้ด้วย ท่าน เสกให้ครั้งแรก ตอนกำลังจะไปงาน พุทธาภิเศก ให้วัดบางขุนพรหม ครั้งนี้ท่านเสกให้นานมาก ครั้งที่สองที่สำนัก ที่ศรีราชา
    ๒) หลวงพ่ออนันต์ (ตามรุปวันที่ไปกราบท่าน ) เนื่องจากพาเพื่อนสิงคโปร์ ไปกราบท่านไปบูชา พญาวานร ก่อนกับ เลยเอาลัง หนุมาน ไปขอท่านเมตตา ท่านเสกให้อยู่นานจนเกรงใจท่านเลยน่ะครับ เนื่องจากผมบอกว่าแจกฟรี เอาไปทำสาธารณประโยชน์
    พอได้โอกาส หลวงปู่เกลี้ยงท่าน สบายดีกลับมาพักที่วัด พวกพาเข้าไปพบ ตอนขอเสกหนุมาน พวกกันที่เป็นศิษย์ บอกหลวงปู่ที่ข้างหู ดังๆ ว่าเอาแบบสั่งการเลยน่ะครับ ( หมายความว่าเป็นหัวหน้า ) ผมจำสีหน้าท่านได้ดี ท่านแบบยิ้มแก้มแทบฉีก เอียงศรีษะท่านไปหาลูกศิษย์ ด้วยความเอ็นดู และ เสกให้ ผมมั่นใจว่า ครูท่านแรงด้านนี้เลยครับ
    ผมแจกไปสามร้อยตัว ให้พวกท่านที่ ชลบุรี ๑๐๐ ตัว พวกในกรมฯ ราชการ ๑๐๐ ตน และ แถวๆ ตลิ่งชัน ๑๐๐ ตัว ถ้าจำไม่ผิด เพราะแจกด่ะ ...แหะๆ
    ที่เหลือ เอามาแจกพี่น้องครับ ได้เวลา จะเอาประมูลมั้ง แถมมั่ง แจกมั่งครับ ตามอุดมการณ์บ้านเหรียญบินฯครับ
    บันทึกไว้เป็น ของนอกวัด ของหลวงปู่เกลี้ยง หลวงปู่เล็ก หลวงปู่ผอม อีกรุ่นน่ะครับ
    hmZ_i9IoKcrfDMxgVpl0xGcPX22lazwYdtI01IcAQgm&_nc_ohc=AS7Q-10efkkAX_Ha39s&_nc_ht=scontent.fbkk29-8.jpg

    62ROkSq8RNfrEYLl8LpHwCYIEsOP7w0CMNRm7bSf3cB&_nc_ohc=cgmfgJ1nUKoAX9B3wCv&_nc_ht=scontent.fbkk29-1.jpg

    QvhPQqDccKCz8UwZn2-UQwT8ms3wkWN5mFKidBWHhP1&_nc_ohc=d81JYJRlpIAAX_cq31E&_nc_ht=scontent.fbkk29-6.jpg


    ieK9OhP6cGUkmlvGy5DmLvIBGpaHkYRqiEW_X2w-e51&_nc_ohc=9KLRs82-MjUAX_YZJMu&_nc_ht=scontent.fbkk29-5.jpg

    gMKY8LE9nsTkNcTuvb_fuzngKfJJNj3GUZ_leP91Ti4&_nc_ohc=-vM2YRGoMrwAX--qEPE&_nc_ht=scontent.fbkk29-1.jpg
     
  17. spada

    spada สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2006
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +1
    สวัสดีครับพี่พี

    ผมขออนุญาตรบกวนพี่พี ช่วยเช็คข้อความใน pm ของทางพี่ หรือใน IB ของ Facebook ของพี่ด้วยครับ


    ขอบคุณมากครับ
    RTA (MoD)
     
  18. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,289
    ผมไม่ลงเรื่องพระซ่ะหลายอาทิตย์ ไม่ได้เลิกหรอกครับ แต่เพราะราคาพระตกลงมาก ผมเลยไปซ้อนซื้อเหมือนกัน จะเป็นพระสายกรรมฐานที่ผมชอบมานานแสนนานตั้งแต่เริ่มส่องพระ สายพระอาจารย์หลวงปู่ฝั้น ท่านพ่อลี หลวงตามหาบัว หลวงปู่แหวนแนวๆนั้น ชอบมาก
    เลยใช้เวลาสำรวจตลาดพระทางเน็ท พวกพระเขี่ยกอง มั่ง และ พระคาบลูกคาบดอก จะมีพระใหม่ๆแท้ๆ หลงมาเหมือนกัน แต่ไม่ค่อยทันเขาหรอก แต่ก็ดูไว้ไม่ให้ตากลับ 555555 เหมือนพระพิมพ์โมนาลิซ่าในตำนาน
    ไปเจอพระหลวงพ่อคูณเหรียญหนึ่งเหรียญยอดนิยม ปี ๒๕๑๗ ที่ผมมั่นใจว่าจะขึ้นเหรียญหลักแน่นอน เพราะมีปริมาณพอเพียง หลักแสน และประสบการณ์เพียบจริง
    เหรียญพวกนี้ตอนผมไปกราบหลวงพ่อปีแรกๆที่ท่านกลับมาวัดบ้านไร่ พระมีเพียบ ในประวัติหลวงพ่อคูณไม่ได้ลงน่ะครับ แปลกจัง แต่หลวงพ่อคูณท่านจะไปจำพรรษา วัดในเมืองนครราชสีมา ที่วัดสระแก้ว ที่ออกเหรียญรุ่นแรก และรุ่นนี้ด้วยปี ๒๕๑๗
    แต่ท่านย้ายกลับมาพัฒนาวัดบ้านไร่ประมาณ ปี ๒๕๒x ตอนนั้นยังไม่มีศาลาใหญ่ ไม่มีโบสถ์ มีแต่ศาลาไม้ แต่วัดพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วมากด้วยบารมีของหลวงพ่อ ที่มีแต่เมตตาและเป็นของจริง
    ท่านนำพระรุ่นนี้มาด้วย พระรุ่นนี้ มีเป็นพานๆ เหรียญล่ะ ๒๕ บาท ไม่แยกพิมพ์ ผมเช่าทุกที่ ที่ละกำมือเอาใส่ถุงรวมกันกับพระจากบ้านและในคอให้ท่านเป่าให้อีกที ขอรับกับมือท่านหลายครั้งเพราะผมไปวัดท่านทุก สองอาทิตย์ที่กลับขึ้นฝั่งตอนนั้นทำงานในทะเล น่าจะผ่านมือเป็นร้อยๆเหรียญ แจกเขาไปเรียบตอนนี้เหลือ สามองค์เท่านั้น
    มาดูเหรียญแท้ก่อน ผมเอาเรื่องปลาสลิดบางบ่อมาลงด้วย เพื่ออรรถรส ที่ผมได้เจอมา
    โปรดสังเกตุผิวเหรียญหลวงพ่อน่ะครับ เหรียญแท้ เนื่องจากเป็น เหรียญ ปั้มกระแทกด้วยแรง่นาจะเป็นตันต่อตารางนิ้ว ผิวจะเรียบยังกับกระจก จะมีรอยแตก เสี้ยน และ จุดผงในพิมพ์ ต่างๆก็แต่แบบธรรมชาติของตำหนิ การกระแทกหลายพันครั้ง ระหว่างพิมพ์เหล็กและแผ่นทองแดง ในบล็อค
    แต่เหรียญแท้ผิวจะเรียบตึง ดูได้จากข้างแก้มสองด้านของหลวงพ่อคูณ ซ้าย ขวา
    เหรียญเก๊องค์นี้เนื่องจากหล่อ ผิวจะเป็นมะระ ขรุขระ ดูเก๊ง่ายมาก
    เหรียญหลวงพ่อคูณ ปี 2517 สร้างกุฏิสงฆ์วัดสระแก้ว ออกวัดสระแก้ว ปี 17 เนื้อทองแดง รมดำ
    สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2517 ลักษณะเหรียญรูปไข่ครึ่งองค์ เพื่อเป็นที่ระลึกในโอกาสสร้างกุฏิวัดสระแก้ว อ.เมือง จ.นครราชสีมา เป็นเหรียญปั๊มรูปไข่ ด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อคูณครึ่งองค์
    ด้านบนเขียนว่า “หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ” ด้านล่างเขียนว่า "วัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา"
    ตรงสังฆาฏิด้านหน้าตอกโค้ด "ปรธ" ภายในวงกลม เป็นตัวย่อมาจากคำว่า "ปริสุทโธ" ซึ่งเป็นฉายาของท่าน
    ด้านหลัง มีอักขระยันต์อยู่ตรงกลาง มีตัวอักษรเขียนว่า "ที่ระลึกสร้างกุฏิสงฆ์วัดสระแก้ว อ.เมือง จ.นครราชสีมา"
    ด้านล่างมีจุดคั่น 2 จุด เขียนว่า "รุ่นพิเศษ ๔ ต.ค. ๒๕๑๗" เหรียญรุ่นนี้แกะบล็อกได้เหมือนท่านที่สุด และเป็นเหรียญที่มีประสบการณ์เล่าขานกันมากมาย มี 2 เนื้อ คือ
    1. เนื้อนวโลหะ สร้าง 2,500 เหรียญ (รอยตัดจะดูทื่อ กว่าเนื้อทองแดง)
    2. เนื้อทองแดง สร้าง 99,999 เหรียญ มีทั้งแบบมีรอยจาร และไม่มีรอยจาร
    3. สำหรับเหรียญเนื้อทองแดงนี้มีการแยกบล็อกได้หลายบล็อก เท่าที่พบเห็น คือ
    3.1 บล็อกนวโลหะไหล่จุด (นิยมสุด) เป็นบล็อกเดียวกับ เหรียญเนื้อนวโลหะ
    3.2 บล็อกนวโลหะหูขีด มีตำหนิเช่นเดียวกับ "บล็อกนวโลหะไหล่จุด" แต่ที่หูด้านซ้ายของหลวงพ่อตรงด้านล่าง จะมีขีดอยู่ 1 ขีด
    3.3 บล็อก 5 แตก หรือ บล็อกประสบการณ์ ด้านหลังตรงคำว่า พ.ศ. ๒๕๑๕ ตัวเลข ๕ จะมีเส้นแตกพาดผ่านในลักษณะบนลงล่าง
    3.4 บล็อกหูขีด บริเวณหูด้านซ้ายของหลวงพ่อตรงด้านล่างจะมีขีดอยู่ 1 ขีด
    3.5 บล็อกสายฝน หรือ บล็อกคอขีด
    3.6 บล็อก "คูณ" มีขีด ตรงคำว่า "หลวงพ่อคูณ" ที่ สระอู จะมีขีดเป็นเส้นวิ่งออกมา
    3.7 บล็อกอมหมาก บริเวณปากหลวงพ่อจะมีก้อนนูนอยู่ในปาก มีทั้งก้อนใหญ่และก้อนเล็ก
    3.8 บล็อกสังฆาฏิมีเส้น ที่สังฆาฏิหลวงพ่อจะมีเส้นเล็ก ๆ วิ่งพาดไปพาดมาจำนวนหลายเส้น
    3.9 บล็อกธรรมดา (หน้าเกลี้ยง) หรือที่เรียกว่า "บล็อกแก้มขวามีเส้น"
    หลวงพ่อคูณกับปลาสลิดบางบ่อ

    หลายเรื่องเกี่ยวกับหลวงพ่อมันเลือนลางไป ตอนนั้นน่าจะ พ.ศ. ๒๕๒๘/๓๐ แต่หลายเรื่องโดยเฉพาะเรื่องใหญ่ๆมันชัดเจน เล่าทางโน้นที ทางนี้ที ตามสไตล์ผมก็แล้วกันน่ะครับ อย่าว่ากันเลย

    ในช่วงที่ผมไปหาหลวงพ่อบ่อยๆ เรียกว่าพอคุ้นหน้าบ้างไปแทบทุกอาทิตย์ แต่ก็ยังไม่เท่าศิษย์ใกล้ชิดชาวบ้านแถววัด พวกนั้นจะเข้านอกออกในได้ เรียกว่าผมยังไม่ถึงขั้นคนใน แต่ก็ไปหาบ่อย แทบทุกอาทิตย์ ออกจากบ้านประมาณ ตีสาม ถึงวัด ประมาณตี๕กว่าๆ หรือ ๖โมงเช้า ไปบางที ท่านยังไม่ออกมาเลย บางทีไปถึงบ่ายๆ เรียกว่าว่างก็ไป และถ้าท่านว่าง ท่านก็นั่งคุยด้วย ผมสังเกตุคนรอบข้างตามนิสัย
    ในตอนหนึ่งที่นั่งคุยกันอยู่ ว่างๆ ท่านก็พูดเปรยๆมาแบบ ไม่มองหน้าว่า
    กูอยากได้ปลาสลิด

    ผมก็มองหลวงพ่อ นึกว่าท่านอยากฉัน เลยถามว่าหลวงพ่อจะฉันเหรอครับ จะเอากี่กิโลล่ะ ผมจะไปซื้อมาถวาย ท่านบอกว่า

    กูจะเอาเป็นๆ

    ผมถามท่านว่าหลวงพ่อจะเอามาทำไมครับ ท่านบอกว่า กูจะเอามาทำเชื้อ แถวนี้ ( ด่านขุนทด ) ไม่มีปลาสลิด ท่านว่าคนอีสานไม่มีใครเลี้ยงปลาสลิด อาจจะเพราะอยู่บนที่ราบสูง ตอน พ.ศ.นั้นน่ะครับ ( ประมาณ ๒๕๒x หรือ ยี่สิบกว่าปีมาแล้วตอนเขียนเรื่องนี้ ตอนนี้ผมไม่ทราบน่ะครับ อะไรๆ มันเจริญขึ้นเยอะ )
    ตอนนั้นท่านขุดบ่อหลังวัดแล้วน่ะครับ ผมไม่ทราบขนาด แต่กว้างใหญ่มาก เอาไว้เป็นแหล่งน้ำให้ชาวบ้าน มีปลาหลายชนิดอยู่ในนั้น ปลาหายากๆก็มี พวกปลาจีนต่างๆ ผมเรียกชื่อไม่ถูก ที่มีคนนำมาถวาย จรเข้ก็ได้ข่าวว่ามี อันนี้ผมไม่ทราบตอนนั้นว่าทำไมท่านถึงเลือกผมให้หาปลาสลิดให้ท่าน
    ผมไม่มีความรู้เรื่องปลาสลิดเลย เคยแต่กินที่เขาตากแห้ง ของชอบด้วย ไม่เคยเลี้ยงปลาสลิด อาจจะมีปลาตู้บ้างพวก ปลากัดลูกหม้อ ( เคยเพาะเป็นฟาร์มตอนรุ่นๆ ออกขายเขาหาตังค์ใช้ ) ปลากัดจีน ปลาออสการ์ ปลาเทวดา ปลาหางนกยูงในตุ่มบัว แต่เคยไปซื้อลูกปลานิลไปปล่อยหลายครั้งเพราะหาง่าย ก็นึกว่ามันง่าย เขาแค่ช้อนใส่ถุงปลาสติกใบใหญ่
    เลยบอกท่านว่าเอาปลานิลไหมหลวงพ่อ ท่านบอกไม่เอากูมีเยอะแล้วแล้วมันหาง่าย ผมเลยถามหลวงพ่อจะเอาปลาสลิดกี่ตัว ท่านบอกตามใจมึงขนมาได้กี่ตัว อยากได้ตัวเมียเยอะๆ เอามาทำเชื้อ ผมก็รับปากท่านด้วย ด้วยความนึกไม่ถึง นึกว่าไปซื้อลูกปลาตามร้านให้เขาอัดแก็ส ออกซิเจนมาถวายท่านสักหลายร้อยตัว ก็แค่นั้นเอง นึกว่าของหมูๆ ท่านก็ไม่ว่าอะไรต่อ ได้แต่สูบยาต่อไป เราก็คุยกันไปตามปกติ เรื่องอะไรบ้างผมจำไม่ได้แล้ว

    แต่เหตุการณ์ไม่เป็นดังนั้นครับ หลังจากวันนั้นเมื่อกลับมา เมื่อผมว่างได้จำสัญญาที่ให้ไว้กับหลวงพ่อ ผมเลยขับรถไปหาบ่อปลาแถวบางบ่อ เขาบอกไม่มี ผมตระเวณหาบ่อปลาทุกบ่อแถวนั้นในตอนแรกริมถนนใหญ่( บางนา – ตราด ) ก่อน สมัยนั้นถนนยังไม่เหมือนอย่างนี้ แล้วเขามีป้ายบ่อปลาบอกไว้ ทุกแห่งมีคำตอบเหมือนกันคือไม่มีลูกปลา ลูกปลาเศรษฐกิจแทบทุกชนิดเขาหาให้ได้ ขนาดปลาบึกยังมี ( ตอนนั้นเราเพาะจากไข่ได้แล้วดังไปทั่วโลก คนไทยมีของดีๆเยอะน่ะครับ เราไม่สามัคคีกันเองน่ะแหละ ) ลูกปลาเสือตอ สัตว์น้ำต้องห้ามยังมี
    แต่ไม่มีปลาสลิดครับ ผมตระเวณไล่ขึ้นมาถึง ดอนเมือง รังสิต สมัยนั้นยังมีบ่อปลาน่ะครับ คำตอบคือไม่มี ปลาอื่นเขามีเพาะแทบทุกอย่างแต่ปลาสลิดไม่มี ผมช็อบหาในหน้าเหลืองทุกหน้า ทุกบ่อปลาที่ไม่ไกลเกินไป ขนาดสมุทรสาคร สมุทรสงคราม คำตอบคือแบบเดียวกัน คือไม่มี ในยุคนั้นก็ยังไม่มีมือถือด้วย ผมและแฟนก็ช่วยกัน ถามเพื่อนทุกคน คนรู้จักทุกคน ลูกน้องคนที่บริษัท แต่คำตอบคือแบบเดียวกันว่า ไม่มีหาไม่ได้ ใช้เวลาเป็นอาทิตย์ แต่ก็ไม่คืบหน้า เรียกว่ายังไม่มีอะไรคืบหน้าผมก็ไม่กล้าไปหาหลวงพ่อ เพราะรับปากกับท่านไว้ แต่ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย

    เรื่องชักจะยุ่งแล้วซิ ต้องมานั่งคิด ตั้งสติใหม่ อย่างที่ผมเรียนให้พวกท่านทราบ ที่ตามอ่านเรื่องของผมมาบ้าง ผมเป็นคนตั้งใจทำอะไรแล้วไม่เลิกครับ เป็นสันดานต้องทำให้ได้ ถ้าไม่สุดวิสัยแบบต้องไปหาบนดาวอังคาร เวลามีให้พยายามเสมอ ผมกลับไปบางบ่อใหม่ เพราะเป็นแหล่งปลาสลิด ค่อยๆ ขับรถตระเวณดู ค่อยๆคิดไป ตลอดระยะเวลาที่ผมหาปลาสลิดเป็นๆมาใช้เวลาเป็นอาทิตย์เพราะทำตอนว่าง งานก็ต้องทำ บางทีลาบ้าง ออกตอนบ่าย ไปขับรถตระเวณหา แต่ตลอดเวลาที่ตระเวณหา ได้ถามเขาดู ผมพอได้ความรู้มาบ้างคือ ปลาสลิดเขาไม่สามารถเพาะได้ ต้องให้มันเพาะตามธรรมชาติ เรียกว่ามันอาย พ.ศ.นั้นน่ะครับ (ส่วนพ.ศ.นี้ผมไม่ทราบครับ) คนบางบ่อบอกผมว่า คุณเขาไม่เพาะกันหรอก เขาเลี้ยงในบ่อเลย พอวิดบ่อก็จับแต่ตัวใหญ่ๆ กลางๆเล็กๆก็ปล่อยกลับไป ให้มันแพร่พันธ์ในนั้น อืม ผมพึ่งรู้นี่ครับ

    ผมกลับไปบางบ่อ ที่นี้เข้าไปจากถนนใหญ่ บางนา - ตราด ขับไปตามถนนเส้นทางข้างในแถวตัวไร่นา บริเวณเขตบางบ่อเลย สมัยนั้นยังเป็นถนนลูกรัง ผมไม่ได้ไปหาปฐวีธาตุที่บางบ่อตามที่พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณนรฯ สั่งลูกหลานมาหาน่ะครับ.....แฮะๆ แต่มาหาปลาสลิดเป็นๆตามที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อคูณสั่ง ระยะเวลาคงห่างกันหลายสิบปี ตอนนั้นขับรถไป ผมยังคิดเลย ว่ามาหาปฐวีธาตุถ้าจะยังง่ายกว่าเพราะเห็นมีกองทรายหลายกอง มันก็มีบ่อเลี้ยงปลาสลิดข้างทางเยอะ แต่เอาตัวไม่ได้ จะเอาอย่างไร ที่นี้ต้องหยุดแล้วเดินเข้าไป ถามเขาด่ะไป คำตอบก็คือเหมือนกัน มันอยู่ในบ่อ ต้องรอหน้าเขา รอเวลาเขาวิดขาย เขาถึงวิด แล้วขายกันทีเขาขายทั้งบ่อ หรือ บางบ้านก็อาจจะทำเค็มเอง ตากเอง

    ท่านที่ไม่มีความรู้เรื่องการเลี้ยงปลาสลิด คงสงสัยทำไมไม่ให้เขาเอา แห หรือสวิงช้อน ....แหะ มันไม่ง่ายอย่างนั้นน่ะครับ เพราะบ่อปลาสลิดแต่ล่ะบ่อ ขนาดใหญ่มาก มีเนื้อที่หลายไร่ อาจจะเป็นที่นาเก่า และจะไม่ลึกมา เกือบเมตร หรือ เมตรกว่าหน่อยๆ ปลูกด้วยหญ้าเต็มไปหมด อาจจะมีรอบๆ ตรงขอบๆ ที่เขาจะขุดร่องไว้ เอาไว้วิดน้ำ หรือเอาไว้พายเรือ ตรวจดู แต่โดยปกติบ่อจะเดินรอบได้ เพราะมีคันดิน ท่านที่เห็นบ่อแล้วจะรู้ว่าการลงไปจับปลาสลิดสัก ร้อยสองร้อยตัวไม่ใช่เริ่องง่ายเลย แล้วเขาจะทำ ทำไมแค่จับไม่กี่ร้อยตัว วิดทั้งบ่อขายเป็นพันเป็นหมื่นตัวดีกว่า คุ้มกว่า

    ผมคงไม่มีปัญญาไปซื้อปลาสลิดเป็นๆ หมื่นตัวแล้วขนไปด่านขุนทดได้ และอีกอย่างเพราะหญ้าเยอะ เขาไม่ทำกัน เมื่อถึงหน้าเขา หรือถึงเวลาเขาจะวิดทั้งบ่อ ซึ่งใช้เวลาหลายวัน ส่วนการปลูกหญ้าท่านคงสงสัยว่าทำไม ไม่ถอนให้เรียบเหมือนบ่อปลาธรรมดา บอกเลยก็ได้ ปลาสลิดชอบกินหญ้าเน่าครับ อันนี้อาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไม่เนื้อมันถึงอร่อย.....แหะๆ เขาเลยปล่อยให้มันขึ้น และเน่าอยู่อย่างนั้น อันนี้ที่ต้องเล่าเพราะมันมีเรื่องตอนหลังครับ ส่วนเรื่องที่ผมเล่าถ้าไม่ใช่หรือจำเลือนไป ท่านที่มีความรู้ทักมาได้น่ะครับ ผมอาจจะลืมเรื่องลายละเอียดไปบ้าง แต่เค้าโครงเรื่องไม่มีทางลืมจนวันตายครับ

    ต้องปูพื้นเรื่องอีกนิดน่ะครับ บ่อแต่ล่ะบ่อน่ะ จะมีบ้านอยู่ห่างๆกันแบบบ้านนอก ใน พ.ศ.นั้น คงเป็นที่นาเดิมๆ ไม่ใช่รวมกันแบบหมู่บ้าน และแต่ละบ้านจะเลี้ยงหมาไว้ บางบ้านไม่ใช่ตัวสองตัว แต่หลายตัว และแต่ล่ะตัวโคตรมหาดุเลยครับ เอาไว้เฝ้าบ้าน เฝ้าขโมย เป็นหมาไทยตัวโตสูงประมาณหัวเข่านี่แหละ ถ้าตัวๆไม่น่ากลัวเท่าไหร่ เตะกระเด็นได้ แต่มาเป็นฝูงล่ะก็โทษทีน่ะครับ ผมว่าถ้าล้มแล้วมันรุมทึ้งได้ อาจจะถูกหมาฟัดตายได้ ท่านที่ปลูกสวน มีหมาเฝ้าสวน จะรู้ว่าหมาพวกนี้ดุมาก เพราะไม่คุ้นคน ดุแบบไม่กลัวคนน่ะครับ เห็นคนแปลกหน้าเป็นศัตรูมันหมด ยกเว้นเจ้าของถ้าดุมันๆ จะหงอแล้วกระดิกหางให้ แค่นั้น ถ้าเป็นคนอื่นอย่าแหยมครับ ยิ่งหมาหมู่แล้วผมว่าเหมือนพวกไฮยีนาที่ดูในหนังสารคดีอาฟริกาน่ะครับ

    เมื่อผมไปตระเวณแถวนั้นบ่อยเข้ายังไม่สำเร็จก็มีอยู่วัน ขับรถไปเรียบๆเคียงๆเผื่อเขาวิดบ่อจะได้เข้าไปซื้อ มีน้าคนหนึ่งแกโบกรถให้หยุด แกจำรถผมได้น่ะ แล้วคงสงสารผมน่ะครับ เห็นมาหลายวันแล้ว แล้วแกรู้ว่าจะเอาไปถวายวัดหลวงพ่อคูณ เพราะผมบอกเอง บอกทุกที่ ที่ไปถาม เรียกว่าเอาบารมีหลวงพ่อนำหน้า แกบอกทางว่า มีบ้านอยู่หลังกำลังวิดบ่อชื่ออย่างนั้น อยู่ที่นั้น คุณลองไปติดต่อสิ อาจจะสำเร็จ ผมเหมือน วานรได้แก้ว รีบบึ่งรถไปทันที ชื่อแกน่ะ ตอนนี้ผมลืมไปเรียบร้อยแล้ว พอไปถึงสถานที่ที่เขาบอก ผมจอดรถ ถามเขาไป บ้านจุดหมายน่ะไกลจากถนนใหญ่เป็นกิโล ต้องเดินไปตามทาง และคันนา มือถือไม้ยาวๆสองอันคอยไล่หมา ขอโทษ ผมพกปืนไปกระบอกด้วยเพราะมันเปลี่ยว เป็นสมิทชีพ .๓๘ ลูกโม่ห้านัด เพราะพกแล้วมิดชิดดี กระบอกไม่ใหญ่ แค่ขับรถเข้ามาก็เปลี่ยวแล้ว แล้วยังเดินมาจากถนนใหญ่อีก ยิ่งเปลี่ยวใหญ่ ถ้าเป็นยุคน้ำมันแพงนี่ ผมว่าผมคงโดนจี้แล้ว ปืนน่ะแค่เอามาแค่ให้อุ่นใจ เกิดมีอะไรมาจะได้แลกกันได้ แล้วประการสำคัญเอาไว้ยิงขู่หมาได้ ผมกะว่าแค่เอาเสียงขู่เลยใส่ลูกซ้อม หัวตัดมา แต่ถ้ายิงคนน่ะ ถ้าไม่ตกใจลนลานล่ะก็ และยิงถูกที่สำคัญ นัดเดียวอยู่แน่นอนน่ะครับ

    การไล่หมานี่ต้องมีวิธีด้วยน่ะครับ เพราะผมชำนาญขึ้นเรื่อยๆ เพราะไปบ่อย เมื่อโผล่ไป พวกหมามันเห็นเราเห็นแต่ไกลก็จะเห่าเรียกพวกและแห่กันมา วิ่งกรูกันมาเชียว อย่าวิ่งน่ะครับ ผมท่องคาถากันหมา ที่จริงท่องกันงู ที่พ่อสอนไว้ด้วย เป็นคาถาหลวงพ่ออี๋วัตสัตหีบ อาจารย์พ่อผม เวลาท่องให้เอาลิ้นดุนเพดานปาก ( อันนี้บอกใครไม่ได้น่ะครับ เขาห้าม แต่ถ้าอยากรู้จริงๆ เจอกันจะแอบบอกให้ แล้วตอนนั้นผมไม่มีตะกรุดกันงูหลวงปู่อั้บน่ะครับ ยังไม่รู้จักท่าน แต่แถวนั้นน่ะ งูชุมครับ ขนาดเดินไป ยังพอเห็นเลื้อยผ่านไปบ้าง จำไว้น่ะครับ ถ้าเลื้อยเร็วน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าเลื้อยช้าๆน่ะ ระวังตัวไว้น่ะครับ เรียกว่าชุมทั้งหมาทั้งงูพอสมควร) พอหมามาใกล้ ทำเป็นก้มลงเก็บหินน่ะครับ จะมีหินหรือเปล่าช่างมัน อันนี้เป็นเคล็ด หมามันจะกลัวก้อนหิน เป็นธรรมชาติมัน พอมันเห็นเราเก็บหินมันจะหยุดกึก และเราทำเดินใส่เข้าไปเรื่อยๆ ทำใจดีสู้เสือน่ะ ว่าไม่กลัวมัน เรียกว่าใจข่มใจ มือก็แยกถือไม้ยาวๆที่เตรียมไปสองอัน พอมันหายตกใจ มันก็กรูเข้ามา เราก็เหวี่ยงไม้ไล่ แต่อย่าตีให้ถูกตัวน่ะครับ อย่าทำให้มันเจ็บ ขู่ให้มันกลัวเฉยๆ เพราะถ้าบางตัวถ้ามันเจ็บขึ้นมาละอาจจะเป็นเรื่อง ดีไม่ดี มันสู้แล้วงับไม้ได้ แล้วรุมเข้ามาล่ะ แย่เลย เรียกว่าคอยกวาดตีไล่ อย่าให้มันเข้าใกล้ อย่าตกใจ ปากก็ตะโกนเรียกเจ้าของเขาให้ดูหมาด้วย ว่าพี่ๆ มาดูหมาด้วยครับๆ พอหยุดตะโกนต้องเอาลิ้นดุนเพดานปากไว้ ท่องคาถาไป เจ้าของเขาพอได้ยินเสียงคนเขาก็รีบมาดู เพราะกลัวหมาเขาจะกัดเราตาย ท่าทางพวกเขาแปลกใจแน่ที่ ผมคนแปลกหน้าบุกมาคนเดียวจนถึงบ้านเขา กว่าจะมาถึง ผ่านมาหลายบ้าน หมาหลายกลุ่ม ใช้วิธีเดียวกันน่ะครับ คืออย่ากลัวมัน ทำก้มหยิบหิน ทำเดินใส่พวกมันซ่ะอีก หมามันจะงง หยุกกึก ท่าทางลังเล เราก็เดินไปเรื่อยๆ มันจะเห่าปล่อยมันไป มือก็ถือไม้สองอันกวาดไปมากันมันเข้าใกล้ หลวงพ่อก็พกไปด้วยน่ะครับ เผื่อต้องให้ท่านช่วย...แหะๆ

    พอเจ้าของมาที่นี้สบายหน่อยแต่ก็ต้องระวังมองซ้ายมองขวาไว้ ห้ามนุ่งขาสั้นเดี่ยวมันงับน่องเหวอะ หรือได้ลองของ นุ่งกางเกงยีนท์หนาๆแล้วใส่รองเท้าผ้าใบเผื่อต้องวิ่ง พอเจ้าของเขามากันหลายคน กันหมาได้ ผมก็แจ้งความจำนง ท่าทางเขางงๆมากเมื่อผมบอกว่าต้องการซื้อปลาตัวใหญ่ๆ เป็นๆ ขนาดฝ่ามือ สองร้อยตัว เอาตัวเมียเกือบหมด ตัวผู้แค่สิบกว่าตัว แต่พอผมอธิบายถึงหลวงพ่อคูณ ว่าจะเอาไปถวายท่าน เอาไปเลี้ยง ท่าทางเขาเข้าใจ คนไทยน่ะครับ คุยเรื่องพระล่ะง่ายขึ้น เพราะตอนนั้นท่านเริ่มดังมากๆ ใครไม่รู้จักหลวงพ่อคูณนี่เชยแหลกเลย มีบางคนพอรู้เรื่อง แนๆ ยังจะมาขอเหรียญหลวงพ่อก่ะผมซ่ะอีก

    เขามีกันหลายคนกำลังวิดบ่อกัน ด้วยเครื่อง วิดน้ำจากอีกบ่อไปยังอีกบ่อ เขาพาผมไปดูบ่อปลาที่กำลังวิด โอ้โฮ้ มันใหญ่หลายไร่ ท่าทางเขาแปลกใจในความบ้าของผมที่บุกมาถึงบ้านเขา มาซื้อปลาสลิดเป็นๆแค่สองร้อยตัว เขาบอกว่าอีกสามวันน้ำถึงจะหมด เขาจะคัดปลาไว้ ใส่ตุ่มไว้ให้ เราตกลงราคา ผมลืมไปแล้ว แต่สองร้อยตัวน่ะไม่กี่ร้อยบาท ตกลงเรานัดเวลากัน ผมวางมัดจำกลัวแกเบี้ยว ย้ำแล้วย้ำอีก เขารับปากแน่นอน ผมวางเงินมัดจำให้เขา ตอนนั้นมันไม่มีโทรน่ะครับบ้านนอก มือถือก็ไม่มี จะโทรจี้ก็ไม่ได้ ต้องไว้ใจกัน สามวันน่ะผมรอตลอดเวลา นึกถึงหลวงพ่อว่าอย่าให้เขาเบี้ยว เพราะมันไม่กี่ตังค์สำหรับเขาเลย ต้องมาแยก มาคัด เก็บไว้ให้เราอีก เรียกว่าลำบากเขา เขาเหมาขายน่ะ คงได้หลายหมื่นกับแค่ของเราไม่กี่ร้อยบาท ขากลับเขาให้คนพายเรือมาส่ง ที่สะพานผมเดินกลับมาที่รถ สบายใจขึ้นหน่อย ตอนนี้ต้องหาวิธีขนไปไม่ให้ปลามันตาย

    ผมซื้อเครื่องปั้มลมแบบใส่ถ่าน พร้อมถ่านอัลคาไลด์หลายชุด ตุ่มปลาสติกสองใบ แบบใส่หลังรถ มาสด้า ๓๒๓ ได้ ผมไม่มีรถกะบะ น่ะครับ ไม่เคยคิดมี แต่ถ้ามีจะง่ายมากขึ้นเลยล่ะ ผมกะจะถ่ายปลาใส่บ่อบัวของผมไว้ก่อน เป็นบ่อที่คุณแม่ผมขุดไว้ปลูกบัว ไม่ลึกมาก กว้างสักสองเมตร ยาวประมาณสามเมตร พอถึงเวลาค่อยวิดน้ำด้วยสูบน้ำเครื่องไดรโว่ล์ ของพ่อผมที่มีไว้ตอนฝนตก น้ำจะท่วมบ้านบางส่วน เรียกว่าวางแผนไว้ แต่เวลาจริงมันไม่ง่ายอย่างนั้นน่ะครับ

    พอถึงวันนัด ผมไปถึงตอนสายๆ จะตัดตอนเหตุการณ์เดิมเกี่ยวกับเรื่องหมาน่ะครับ แต่ตอนนี้พอพวกหมามันเห็นผมแต่ไกลๆ กรู่เข้ามาผมชักปืนยิงขึ้นฟ้าขู่ไว้ก่อน ได้ผลครับ พวกมันหยุดกันกึก เจ้าของเขารีบออกมาดู แล้วก็กันหมาไว้ เรียกว่าสดวกขึ้น พอผมไปถึง เขาคัดปลาใส่ตุ่มไว้เรียบร้อย ขนาดใหญ่ตัวอ้วน โตเท่าฝ่ามือ เป็นตัวเมียส่วนใหญ่ ตัวจะโตและสีซีดกว่า( อันนี้ถ้าจำไม่ผิดน่ะครับ ) เป็นตัวผู้ไม่กี่ตัว ผมดูแล้วพอใจมาก เขารักษาสัจจะเป็นอย่างดี คนมีสัจจะนี่น่าคบน่ะครับ คบได้ ผมเอาถุงปลาสติกใบใหญ่ที่เตรียมไปให้เขาใส่ แต่มีปัญหาอีก เพราะปลามันมีเงี่ยง มันแทงถุงทะลุ ต้องเลยตามเลย เอาปลาใส่ถุงมาแล้วรีบขึ้นเรือ เขาพายมาส่งที่รถ ผมขอแรงเขาเอาตุ่มหลังรถใส่น้ำคลองแถวนั้นแล้วเอาปลาใส่ ใส่หลังรถมา ปลาสลิดนี่มันชอบกินหญ้าเน่าน่ะครับ น้ำจะเหม็นหญ้าเน่า ปลาก็เหม็นคาว เรียกว่าเหม็นไปทั้งรถ แต่เลยตามเลย ผมกลัวแต่ปลามันจะตายซ่ะก่อนน่ะครับ พอมาถึงบ้านผมรีบเอาสวิงที่ซื้อไว้ช้อนลงไว้ในบ่อ ก็สำเร็จไปเปลาะหนึ่งไม่มีใครตายเลยดีมาก ส่วนอาหารปลาน่ะผมถามเขาแล้วเขาบอกไม่ต้องมันจะกินตะใคร่ กินหญ้าเน่าตามบ่อเอง น่ะครับ ตกลงไม่ต้องเลี้ยง จัดว่าเลี้ยงง่าย

    ผมจำได้ว่ารออีกสามวันจนถึงวันศุกร์ เพราะไม่งั้นต้องลางานอีก คอยมาดูปลาทุกวัน พอวันศุกร์เลิกงานผมรีบกลับบ้าน เริ่มวิดบ่อด้วย เครื่องสูบน้ำไดรโว่ร์ เอาน้ำฝนใส่ตุ่มที่หลังรถ ทั้งสองตุ่ม เมื่อน้ำในบ่อแห้งดี ผมก็จับปลามาใส่ในตุ่ม ตอนแรกหาแผ่นไม้อัดครอบไว้กันมันกระโดด พอได้ปลาหมด เอาใส่ตุ่มแยกกันสองตุ่มไม่ให้แออัดมาก เอาเครื่องปั้มลมใส่ แล้วเอาแผ่นปลาสติกใสครอบ เอาเชือกมัดไว้ กันมันกระโดดออก ปั้มลมก็อัดอากาศไปเรื่อยๆ กันมันหายใจไม่ออก กว่าจะเสร็จก็ ดึกมากประมาณ สี่ห้าทุ่ม ผมก็อาบน้ำเข้านอน ปล่อยปลาไว้ที่ท้ายรถน่ะแหละในตุ่มพร้อมทั้งเครื่องปั้มลมทำงานตลอด ในที่มืดๆปลามันจะสงบน่ะครับ ไม่ดิ้นมาก

    ผมกับแฟนตื่นตอนตีหนึ่งกว่าๆ ที่จริงนอนไม่ค่อยหลับหรอกครับ อยากไปวัดเลย แต่ไปถึงก็ดึกมากยังมืดอยู่ ก่ะว่าถึงสักตีห้า ให้หลวงพ่อตื่นแล้ว ก่อนออกจากบ้าน นึกถึงหลวงพ่อ ขอให้รเดินทางราบลื่นเพราะระยะทางไกล น้ำในตุ่มมันจะเหวี่ยงไปมากลัวปลาเมาแล้วตาย ผมบอกพวกปลาว่า พวกเอ็งอดทนหน่อยน่ะ จะพาไปปล่อยที่วัดหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ ที่นี้พวกเอ็งจะอยู่กันอย่างสบายจนแก่ตายไม่มีใครมารังแก เรียกว่าจิตวิทยาหน่อยๆ ที่จริงกับตัวเองมากกว่า

    ผมค่อยๆขับรถ กลัวน้ำในตุ่มมันกระฉอกไปมา กลัวปลาเมา กลัวปลาตาย หยุดดูเป็นระยะ ความมืดและอากาศเย็นเพราะแอร์ในรถช่วยได้มาก เพราะปลาอยู่อย่างสงบ ผมไปถึงวัดก็สางแล้ว ผมขับรถตรงไปที่สระท้ายวัดตรงหอฉัน จอดรถ แล้วมาดูปลา ไม่มีตัวไหนลอยตายเลยครับ เขาพร้อมกันอยู่อย่างสงบจริงๆ

    ผมขึ้นไปกราบหลวงพ่อ ท่านนั่งรับแขกอยู่ ( คนมาวัดหลวงพ่อจะมาแต่ตีสี่ตีห้า) พอกราบเสร็จ ก็เรียนให้ท่านทราบว่ามีปลาสลิดเป็นๆ สองร้อยตัวมาถวาย ที่แรกท่านฟังทำท่าไม่เชื่อ ( อาจจะเป็นลีลา ) ท่านรีบบอกให้พาไปดู ท่านรีบเดินตามผมมาที่รถ พร้อมด้วยลูกศิษย์ที่บนศาลาก็เดินตามกันมาหลายคน พอมาเห็นปลาในตุ่มท่าทางท่านดีใจมาก ผมดูออกเลย ผมกราบเรียนท่านว่า ปลาสลิดสองร้อยตัวนี่เขากำลังจะจับไปฆ่า ทำปลาเค็มแล้ว หลวงพ่อสั่งให้ผมไปหา ผมช่วยเขามาจากความตาย ของถวายชีวิตทั้งสองร้อยชีวิตนี้แก่หลวงพ่อ เป็นทาน


    ท่านอนุโมทนา สาธุ แล้วสั่งให้ผมเอาไปเทในสระ ท่านให้คนช่วยผมยกตุ่มเอาไปเทลงในสระเองพร้อมแฟนผม เราเทน้ำทิ้งบ้าง แล้วยกไปเทที่สระน้ำใหญ๋ ท่านยืนมองอยู่ตลอดเวลา ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ บอกว่ากูอยากได้มาตั้งนานแล้วแต่หาไม่ได้ ( พอผมฟังแล้วผมเข้าใจเลยว่าทำไม เพราะหลายอาทิตย์กว่าผมจะได้ ) เราเทปลาลงในสระหมด ผมขึ้นมาเก็บรถล้างมือ หลวงพ่อท่านยืนคอยอยู่ตลอด พอเสร็จท่านถามว่า พวกมึงกินอะไรกันมาหรือยัง ผมกราบเรียนบอกท่านว่ายังครับ ไม่กล้าแวะนาน เพราะกลัวปลาตาย ท่านบอกตามกูมานี่ ตอนนั้นเริ่มสว่างมากแล้วน่ะครับ

    ท่านพาเดินมาที่หอฉัน มีสำรับตั้งอยู่ในที่สำหรับพระฉันเป็นชั้นบน เป็นสำรับท่านเอง ท่านยกมาวางกับพื้นข้างล่าง แล้วบอกว่ามึงสองคนกินซ่ะ ผมถามว่าเป็นอาหารหลวงพ่อเหรอครับ ท่านบอกใช่ แต่กูไม่กินล่ะ กูให้มึงสองคนกิน พร้อมทั้งเปิดฝาชี ผมกราบเรียนท่านว่าของหลวงพ่อผมไม่กินล่ะ หลวงพ่อฉันก่อน เหลือแล้วผมสองคนค่อยกินก็ได้

    ท่านส่ายหน้าบอกว่าไม่ มึงกินกัน กูไม่กินด้อก มึงสองคนมาเหนื่อยๆ กินเดี๋ยวนี้กูจะนั่งดูพวกมึงกิน ผมอึ้ง แต่เมื่อท่านสั่ง กินก็กิน อาหารก็เป็นอาหารพื้นๆน่ะครับ ข้าวเหนียว น้ำพริก ผัก แกงอีสาน ผมเรียกไม่ถูก แล้วก็ผลไม้ ผมก็นั่งกินกัน ตรงนั้น ท่านก็นั่งยองๆสูบยามองอยู่ บอกตามตรงผมกินไม่ค่อยลง เพราะหลวงพ่อมานั่งมอง มันติดคอ เลยกินฉลองศรัทธาท่าน ตามที่ท่านสั่ง แล้วตอนนั้นมันอิ่มบุญ ไม่หิวหรอกครับ

    พอกินเสร็จท่านบอกให้ตามมา เราเดินตามท่านมาที่ศาลาใหญ่ ท่านไปหยิบพระรูปหล่อท่านนั่งยองๆ มาให้ผมองค์ ผมเอาพระที่เตรียมมาจากบ้านเป็นพระที่ยายผมทำมาจากสะเก็ดดาวที่เจอในจอมปลวก ให้ท่านจาร ท่านจารอยู่แต่จารไม่เข้า ท่านเลยส่งเหล็กจารพร้อมทั้งพระ มาให้ผมแล้วบอกว่ามึงลองจารซิกูจารไม่เข้า ( อันนี้ผมไม่ทราบว่าท่านรู้ได้อย่างไรว่าผมพอเขียนภาษาขอมได้แต่เด็ก ) ผมอึ้งพนมมือตอบท่านว่าผมไม่กล้าจารหรอกครับ ขอหลวงพ่อจารเป็นเคล็ดเท่านั้นแหละ ท่านก็ทำให้ แต่ไม่ติดน่ะครับ แล้วจารพระรูปหล่อให้ผม องค์นี้ผมก็เก็บไว้อย่างดี แต่เราคุยกันได้ไม่นาน ท่านต้องเริ่มฝังตะกรุดเพราะเป็นวันเสาร์ ผมกับแฟนเลยลากลับมา

    219300-e1866dd7ff5ee0b2ae4d6786fd241ed7.jpg
    รูปที่เห็นถ้าท่านไปวัดบ้านไร่มาเมื่อสักยี่สิบปีก่อนจะเห็น หลวงพ่อเอาเหล็กจารใส่กล่องใบนี้ เพราะเหล็กจารท่านหนักเป็นเหล็กทั้งแท่ง ตกลงตำเท้าล่ะทะลุแน่เลยต้องใส่กล่องไว้ ท่านใช้มาหลายปีก่อนผมไปวัดบ้านไร่ซ่ะอีก เรียกว่าข้างนอกเปรอะไปด้วยขี้มือท่าน ส่วนข้างในก็เปรอะไปด้วยสนิมเหล็ก เหล็กจารหลวงพ่อจะเป็นเหล็กทั้งดุ้นน่ะครับ ไม่ใช่ไม้ เป็นเหล็กอย่างดีผมเคยจับ ข้างนอกแกะลายกันลื่นตอนเอามือจับ ตอนปลายฝนด้วยเครื่องจนแหลม เรียวเล็กน้ำหนักกำลังดี ผมไม่กล้าขอเหล็กจารหรือทำอันใหม่ไปเปลี่ยนเพราะเห็นท่านใช้เหล็กจารอันนี้สร้างบารมี แต่ตอนหลังผมก็เห็นท่านใช้เหล็กจารอันใหม่น่ะครับ อันเก่าคงมีคนมาขอเปลี่ยนไป ผมน่าจะขอมาน่ะ ....แหะๆ

    ผมเลยขอแต่กล่องมาเพราะเห็นว่ากล่องนี้อยู่กับหลวงพ่อมาหลายปี เข้านอนท่านก็ถือไปด้วย ไปนิมนต์ไหนท่านก็เอาใส่ย่ามไป จัดว่าอยู่คู่กายท่านมาหลายปี ผมเก็บไว้อย่างดีเลยครับ เก็บไว้ในที่สูง ไม่เคยโชว์ใครกลัวมาขอ เอามาโชว์ที่นี่ที่เดียวครับ

    ส่วนรถผมน่ะ หลังเสร็จงานมันเหม็นมาก ทั้งหญ้าเน่า ทั้งคาวปลา ต้องเอาไปล้างฟอกพรมตากแดด อีกนานกว่ากลิ่นจะหมดครับ แต่อิ่มบุญมากครับงานนี้ และถ้าแถวอีสาน แถวด่านขุนทด มีปลาสลิดกินกันล่ะก็ อยากจะบอกว่าผมมีส่วนในการแพร่พันธ์น่ะครับ
    k1aWKE_pdU0BUS9ZIsSiTge_wzi-Jz3Xw3_tm4w-NCX&_nc_ohc=WQxRiL6ckh4AX9mddQK&_nc_ht=scontent.fbkk29-1.jpg

    8gW6fCNADALQMG602R9xNwM7GAN_Wc-bAuIFWAnNmGF&_nc_ohc=mqMoKonGKzIAX-Hr_wy&_nc_ht=scontent.fbkk29-7.jpg

    Vra2nNsdkTPZY72j3OECsNpyVThbJQrsBbglnKBZKk4&_nc_ohc=JrQGbk8u7xEAX9-Aoci&_nc_ht=scontent.fbkk29-8.jpg

    fZ_2NAYOZrz7nXtwRuK1Z-SnsYgYtbxMpm_l8-DzVz3&_nc_ohc=dfQ_0joyIzUAX83zyu3&_nc_ht=scontent.fbkk29-6.jpg

    eYr-6_HIGwbpjPPwMK48AxSsaokhArToEL-l-aGed_U&_nc_ohc=qWexoVrDws0AX-YEKVl&_nc_ht=scontent.fbkk29-6.jpg
     
  19. Suppasit_S

    Suppasit_S เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,147
    ค่าพลัง:
    +3,869
    สวัสดีครับพี่ วันนี้ผมเพิ่งได้เล่าประสบการณ์ของพี่เรื่องหลวงพ่อคูณให้เพื่อนผมฟังอยู่เลยครับ น่าทึ่งมาก

     
  20. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,289
    เหรียญหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ
    รุ่นทหารพรานสร้าง ที่ระลึกสร้างพระอุโบสถวัดป่าฉัตรมงคล จ.นครราชสีมา ปี ๒๕๓๗
    ผมหาประวัติละเอียดไม่เจอ รุ่นนี้มีพิธีใหญ่มาก มีวัตถุมงคลหลายอย่าง พระกริ่ง พระผง เหรียญ ผมได้จากน้าผมที่เคยเป็น รองผบ หน่วย ทหารพราน ยังได้มีดโบวี่ปลุกเสกจากท่าน รุ่นนั้นยังลุยในลาวและตามชายแดนอยู่
    มีดโบวี่นี่ ท่าน ผบ ทหารพรานยุคนั้นทำแจก น่าจะเหล่าๆขุนพล มี เบอร์วิ่ง หรือ running number ของผมเบอร์ 100 อราบิค และเข้าพิธี ไม่น่าจะพิธีเดียว น่าจะมีพิธีแบบพราหมณ์มาก่อน ผมได้มา เลยไปขอท่านพระครูจารและ ลงให้ เอาเข้าพิธีไหว้ครูจึงรับกลับ และ แปลกมาก พอได้มา เรียก ฝันก็แล้วกัน แต่ติดตามาก ได้มีวาสนาเห็น ท่านขุนพันธ์ แต่งชุดขาว นุ่งโจงกระเบน ไว้หนวดโง้ง มีอายุแล้ว ผอม ดำ เกร็ง ผมขาวดอกเลา ทำถือมีดนี่ในมือขวาแล้ว รำมีดให้เดิน ท่าเยี้อง ท่าย่าง ไปทางขวามือท่าน ควงมีดในมือ ท่าทางคล่องแคล่วมาก แล้วหักหันกลับมา เดินกลับมาที่เก่า จบด้วยท่าสุดท้าย จำไม่มีพลาด คือ ท่านารายณ์ ขว้างจักร ยืนขาซ้ายขาเดียว ขาขวายกขึ้น มือขวา กำด้ามมีด ในท่าขว้าง เหมือนรำให้ดู ผม ดีใจขนลุกซู่ รีบกราบท่าน ท่านมาหน้าเฉย ไม่ยิ้มม ไม่ถมึงทึง เหมือน มาสั่งสอน แล้วภาพเลือนหายในท่านั้น
    ผมไม่เคยได้มีวาสนารู้จักท่านปู่ขุนพัน์ แต่รู้จักท่านจากหนังสือและงานเขียนของท่านและทราบดีว่าท่านเป็นตำรวจน้ำดี มีสัจจะ มีครู มีคาถาอาคมขลัง น่าจะหลายสิบปี เกินสามสิบกว่า มาแล้วท่านแต่ชุดแบบนี้แหละ ไปงานพิธีหนึ่ง ห้อยพระ หรือเหรียญอันเบ้อเริ่มที่คอท่าน นอกเสื้อ
    คนที่ไปงานพิธี ก็เยอะ อยู่ มีพี่คนหนึ่งเอาปลัดให้ท่านลง เขาถ่ายรูปไว้ ท่านปู่ขุนพันธ์ เอาเหล็กจาร หรือปากกา ดูไม่ชัดลงให้เดี่ญวนั้นเลย ผมนี่อื้อฮือ เรามีวาสนาไปมั่งจะขอให้ท่านเมตตา ลงปลัดงาไว้ใช้ติดตัว ของคนดีแบบท่าน เป็นของวิเศษของเทพยดา เอาไว้ปกป้องคุ้มครอง ตัวได้ ท่านก็แต่งชุดคล้ายๆแบบที่ผมเห็นนี่แหละ แต่ไม่คล้องพระ
    กราบท่านปู่พลตรี ขุนพันธ์ฯ ยอดตำรวจไทยครับ
    ส่วนพระกริ่ง พระผง ได้บูชาจากที่วัดบ้านไร่ พอจำได้ว่า ท่านบิ้กจิ๋วตอนนั้น น่าจะเป็น ผบ ทบ สร้างให้ทหารพราน การปลุกเสกแน่นอน พิธีใหญ่ นิมนต์พระมาเยอะมาก และ หลวงพ่อคูณเสกเดี่ยวให้อีก กะว่าทำของดีๆ ให้เหล่าทหาร
    วัตถุมงคลหลวงพ่อคูณของผม ได้จากมือท่านเอง หรือได้ที่วัดแทบทั้งนั้น ถ้าได้นอกวัด จะเอาติดกระเป๋าไปให้ท่านเป่าให้อีกที รับกับมือ
    แต่พอช่วงสัก ๒๕๓๔ ประมาณนี้ คนเริ่มเยอะมาก ไม่อยากกวนท่าน รุ่นน้องไปซื้อมาฝากก็รับต่อกันมา คนๆนี้จะเอาไปรับกับมือหลวงพ่อเหมือนผม เป็นเคล็ด
    รุ่นนี้น้าผมเห็นกำลังสร้างวัดเลยช่วยให้มา ประมาณ ๑ ถุง มาร่วมบุญ ผมแจก ไปพร้อมเหรียญหลวงปู่พระครูบุญศรี บางคนชอบ หลวงพ่อคูณ ไม่รู้จัก หลวงปู่พระครูบุญศรี ที่เหลือก็เอาใส่ลังเสกหลวงปู่พระครูบุญศรีเสกมาเรื่อย น่าจะเป็นปีๆขึ้นไป เหลืออีกไม่มาก เสกเพียบ
    ....................................................
    QLxxwVx_7U-c7AYHYdVCNcYz66BbBlzXgEsYXyav5B6&_nc_ohc=35UBC5n2PC8AX8Y6YUg&_nc_ht=scontent.fbkk29-9.jpg

    imMhUHEbIlWIRLoK9tE3EXnaoesKqt8my0j2jlmTHvT&_nc_ohc=gDPuzVn8UboAX94CWsd&_nc_ht=scontent.fbkk29-4.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...