ธรรมะไร้กาลเวลาทั้งทางโลกทั้งทางธรรม

..??

 

มีสติละความพอใจและไม่พอใจในโลกครับ
ถึงเป็นสัมมาสติ
ไม่ใช้รู้เฉยๆ

 

ฮู่ซื่อๆ เป็นการใช้ภาษาอิสาน..

รู้เฉยๆ หรือ ฮู่ซื่อๆ เป็นอาการของจิตถึงฐาน..

 

อันเดียวกัน..

พระพุทธองค์ตรัสว่า.. "สักว่า"

 

สักว่าเค้าใช้กะอายตนะ
ใครใช้ส่งเดช
มีกิเลสกะรู้ว่ามีกิเลสนี้อย่างฮา
ถึงกะขอร้องเลย55

 

อันนี้สักวาบ่เป็นสักว่า

 

ยังไม่หมดกิเลส
ยังไม่สิ้นกิเลส
ยังไม่ละกิเลส
ยังไม่ระงับกิเลส
ยังไม่สลัดกิเลส
ยังไม่ปล่อยวางกิเลส
ยังไม่ดับกิเลส
กิเลสยังไม่ดับ
กิเลสดับยังไม่หมด
กิเลสยังดับไม่สนิทไม่สิ้นเชื้อ
จักกล่าวคำว่า..สักว่ารู้สักว่าเห็นหาได้ไม่
กิเลสยังไม่ระงับกิเลสยังไม่ดับ
ไปกล่าวคำว่า.สักว่ารู้สักว่าเห็น
ก็จะหลงสักว่า..สักว่าหลง
ขยายความหมายคำว่า
สักรู้สักว่าเห็นไม่เป็นไม่ถูก

 

บางคนที่ได้ผลเพราะมีอุปนิสัยตามส่ง
คือฟังธรรมพระองค์ไหนรับอุปนิสัยมาด้วยถึงได้ผล
ฟังยูทูปละมะโนเองบรรเทิงแน่นอน
ชอบบรรเทิงมาฟังเพลง55

 

ติ้งส้มอยากได้ซักเพลงมัย

 

มีกิเลสก็รู้ว่ามีกิเลส
โกรธก็รู้ว่าโกรธ อยากได้ก็รู้ว่าอยากได้ เผลอก็รู้ว่าเผลอ ถูกแล้วนี่ครับ

 

..

 

กิเลสต้องประหารมันนั่งดูโจรขึ้นเฉยๆมำมัยอ่า

 

ไปไล่ตามหลังกิเลสที่เกิดมาแล้ว
ไล่ให้ตาย หมดร้อยปี ก็ประหารกิเลสไม่หมด

มรรคของพระพุทธเจ้า คือ สติปัฎฐาน
การมีสติระลึกรู้ สภาพตามความเป็นจริงนั้นล่ะ
คือทางที่พระพุทธองค์ตรัส
ถ้าคุณการ้องต้องการอ้างอิงด้วย
ก็กางพระสูตรมรรคมีองค์แปด ก็รู้แล้วครับ

 

สัญญาต่างกะปัญญาตรงไหนเหรอหรือผมงง

 

คนที่ดูทะเลจากรูป
กะคนที่ไปทะเลต่างกันอยู่แล้ว

 

อาการของสัญญาเป็นแบบไหนเริ่มงง55

 

เมื่อก่อนถ้ามีใครมาบอกว่าให้ระลึกรู้ตามจริงอย่างเดียว ผมก็จะงง เหมือนคุณการ้องนี่แหละครับ

แต่ความจริงมันคืออย่างนั้น
ระลึกรู้เพื่อเห็นสภาพที่มันเป็นจริง มันเป็นของลอยลม เกิดๆดับ เค้าให้เห็นตรงนี้
จนจิตมันเห็นแจ้งไตรลักษณ์ ว่าทุกสรรพสิ่งเป็นของไม่คงที่ คงทนทั้งนั้น
จิตถึงรู้แจ้งทุกข์ ขึ้นมาว่านี้ทุกข์ นี้เหตุ นี้ทางดับ
ไม่ใช่การไล่ตามประหารกิเลสไปเรื่อยๆ
แต่ต้องรู้แจ้งไตรลักษณ์เพื่อถอนความยึดมั่นของจิต พอไม่ยึดมั่นก็จบไป แค่นั้นครับ เรื่องมันมีเท่านี้

 

รู้ได้งัยผมงงอ่าผมเริ่มงงละ55

 

อาการสัญญาต่างจากปัญญาแบบไหนเหรอขอตัวอย่างปนะกอบ

 

ผมเป็นมาก่อนครับ เลยเข้าใจหัวอกเดียวกันครับ55