รอบ 3 อาการ 12 - ปริวัฏตัง ทะวาทะสาการัง ยะถาภูตัง ญานะทัสนัง

ลูกพี่เป้นอะไรขอรับ

ใครทำไรลูกพี่

 

มันจะ100 เป็นวิปัสสนาเลยก้อได้ เพราะวิปัสสนามันมีสมาธิในตัวเองอยุ่แล้ว ไม่ต้องแยก80 20 หรอก
แต่ตจฯมันเป็นโกฏฐาส มันก้อง่าย และ ลป.เค็ม ก้อสอนให้ทำตจฯ ในรุปแบบไตรลักษณ์ ไม่ใช่แยกทำสมถะทาง วิปัสสนาทางแบบนั้น

 

อันธรรมนั้นฉ่ำเย็น นั้นจริงอยู่
การหมั่นดูใช่สู่รู้ เร่งผลไหม้
ต้องร่มล่มคลี่บาน ในฤทัย
ตบะขันตินวลอยู่ไหม ใคร่ครวญดู

เห็นตามจริงจะอะทิงทิง ความเกิดดับ
เห็นประจักษ์ความดับสนิท ทิ้งสิ่งรู้
ใช้ต้องคิดเปรียบเทียบ ข้างๆคูๆ
สิ่งรู้ดับถูกรู้ดับพยัญชนะมันดับลง

ทุกขสัจจเป็นสัจจใช้เปรียบเทียบ
ใช่ใครเปรียบชี้ผลแลแลตามไม่
เป็นสัจจตั้งอยู่ในกาลก่อน ก่อนก่อนใจ
เห็นสิ่งใด สิ่งนั้นดับกาลก่อนเลเด

ทุกขสัจจดับกาลก่อนซ้อนไหมจิต
หากซ้อนจิตลิขสิทธิดับร่ำลวงผล
เขาว่าดับก็เลยอ้างว่าดับด้วยตาตน
โถสัปดลของมันดับกาลก่อนเขาให้แล

บัดนั้น 80 20 80 20 <---===EEE


========================

แก้ไขเพิ่มเติม :

อ้าว !!! ( เลย ตาม เลย แหะ แหะ )

 

การดับที่เหตุ ก็คือ การกำหนดรอบรู้ทุกข์ อย่างเดียวครับ
วิธีทำ ง่ายแสนง่าย

ที่ยาก คือ ความต่อเนื่อง


เหตุ คือ สมุทัย
สมุทัยไม่สามารถไปตั้งใจละเอาได้
พูด ง่ายๆว่า สั่งทำลาย สมุทัยคือ ราคะ โทษะ โมหะ แม้รากเหง้า อวิชา
ซึ่งไม่สามารถไปตั้งใจเจตนาทำลาย หรือละได้เลย

หนทางเดียวคือ กำหนดรอบรู้ทุกข์ อย่างเดียว

ส่วนคำว่า วิปัสนา หรือ คำว่า สมถะ อย่าไปสนใจ เป็นแต่ชื่อ วิธีการ

ในความเป็นจริง
จะทำตามหลักเกณฑ์ หลักการแบบไหนก้ได้ มันก็เกิดทั้งหลัก สมถะและวิปัสนา

เช่นว่า

หากฝึกตามหลัก วิธี สมถะนำ
กำลัง สมถะ จะมากกว่า 80/20
(เนื่องด้วย จะมีกำลัง ฌาน ของอารัมนูปนิชฌานเข้าไปด้วย
ร้อยละร้อย เข้าแน่นอน แล้วมันจะมี ลักขณูปนิชฌาน มาทีหลัง )

หากฝึกตามหลัก วิปัสนานำ
กำลังวิปัสนาจะมากกว่า 80/20
(อาศัย เพียง สมาธิเล็กน้อย(ลักขณูปนิชฌานแค่เพียงเล็กน้อย)ก็ สามารถแทงตลอดได้ เห็นอนิจจัง ขณะจิตเดียวก็เห็นรอบโลกแล้ว) วลี เห็นอนิจจังขณะจิตเดียว ของหลวงปู่หล้า เขมะปัตโต


หลัก จริต ใหญ่ มี สองประเภท ในสติปัฏฐาน 4

มีตัณหาจริต พวก สมถะยานิก ก้มีทั้งปัญญาอ่อน และปัญญากล้า

พวกถนัด กายานุปัสนา จะเป็น สมถะยานิกที่มีปัญญาอ่อน
พวกถนัดเวทนานุปัสนา จะเป็นพวก สมถะยานิกที่มีปัญญากล้า



มีทิฐิจริต พวก วิปัสนายานิก ก็มีทั้งปัญญาอ่อน และปัญญากล้า

พวกถนัด จิตตานุปัสนา จะเป็นพวก วิปัสนายานิกที่มีปัญญาอ่อน
พวกถนัด ธัมมานุปัสนา จะเป็นพวก วิปัสนายานิกที่มีปัญญากล้า

หากจะวกกลับมาดู วิธีทำ ในสติปัฏฐาน
ชี้ไปที่เหตุการทำ คือการ กำหนดรอบรู้ทุกข์อย่างเดียว
พระพุทธเจ้าไม่ได้ให้ไปกำหนดดับทุกข์

กายกับจิต เป็น ตัวทุกข์ ในวิธี สติปัฏฐาน ก็กำหนดรอบรู้ทุกข์ จาก กายกับจิต อย่างเดียว

 

ชี้เหตุไปที่ จิตไม่รู้ธรรมตามความเป็นจริง
เหตุดับ ผลจึงดับหมด

 

ขั้นตอนสุดท้าย ไก่จะออกจากไข่เอง

ฟัง ซัก 21 Gun ปั๊ง ปั๊ง !!! ตู๊มๆๆ!!

 

แบบนี้แหละหลวงปู่มั่นและลูกศิษย์ มาทางนี้ แนวนี้ แทบทุกองค์..

 

โพสต์นี้ ดูเหมือนมัน อั้นๆ นะ..

เหมือนจะโผล่ แต่ ไม่โผล่สักที..

ความเพียรอ่อนเกินไป หรือเปล่าก็ไม่รู้..

 

เรื่องแซวคนอื่นนี่ก็ไม่น้อยหน้าใครเลยนะ ดำลง ดำลง ดิ่งลง ดิ่งลง..

 

สายวิปัสนายานิก จะไม่เข้าใจสายสมถะยานิก..

เหมือน พระสุขวิปัสสโก ไม่เข้าใจ พระฉฬภิญโญ..

 

สติวินโย หน้าที่รดน้ำพรวนดิน เรื่องเติบโตเป็นเรื่องของต้นไม้

 

สติวินะโย นี่ละครับ เรียกว่า หน้าที่ของต้นไม้ เพราะมันพ้นเจตนาไปแล้ว

การรดน้ำพรวดดิน ก็คือ สุจริต สาม อินทรีสังวรย์ด้วยเจตนา
เรียกอีกอย่างว่า มรรคขั้นตกแต่ง มรรคที่ยังเป็นสังขาร อาหาร ของ มรรคขั้นวิสังขาร(สติวินะโย)

 

วิน (จักรยาน) โ ย น..

โย = โยนิโสมนสิการ..

 

น้อม ไป..

 

ครับ

 

"ครับ"

ที่ออกมานี่

เห็นบทว่าด้วย "อาหาร" ในเชิงไหน ฮับ

ก. เป็น ปัจจัยการ ขณะ ขณะ ไป ไม่มีสะสม
โยนภาพวงล้อทิ้งเข้าป่าได้ เพราะเป็น ธรรมลวง
เป็น กลองอนากะ (กลอง จานลาย )

ข. เป็น อาหารสะสม กินเรื่อยๆ ทำเรื่อยๆ
พอได้ที่ ก็ บรรลุเอง ภาพปฏิจสมุปบาท
เป็นของแท้ มาแต่ ตถาคต ควรเก็บไว้ฝาด
พระไตรปิฏก ที่เยิ้นเย้อ ไม่รู้จักทำให้สละ
สลวย สอนกันมาได้!!!)(*#@*#@)#*

 

ค.

 

รอบ 3 อาการ 12 พยากรณ์ว่า

บุคคลบางคนในโลก แสวงหาธรรมเพื่อ กระดี้กระด้า
กับ ฉันทะ ที่เกาะ รูปภาพข้างฝา มหายาง ดัดแปลง

โดยหารู้ไม่ว่า ภพของสัตว์ที่จะไปเกาะอาศัยภาพ
นั้นมันจะมี ขนาดเล็กกว่า นกกระจ๊าบ

สยดสยอง ขนพอง

เฟรชฟลินท์โตน เรียกพี่

 

ไม่ออกดีกว่าคับ
ถ้าออกมาจากไข่ ก็เข้าไปติดกับ
หมุนในวงล้อ
อีก

 

อวิชชารุมทึ้ง..