มี สติรู้พร้อม อยู่กับความคิด ในขณะปัจจุบันนั้น นี่คือ จิต เดิน วิปัสนา

เอกกวีย์ ่่่่่่่่่่่่่่ี่่่่่่่่่่่่่่ีความผิดคนละทิศเลย ช่างมันเนอะ

 

เอางี้ ลวกเพ่ หากป่านนี้ ยัง "หมั่นสดับ" ไม่ได้
ยัง "เงี่ยโสตสดับ" ไม่ได้

ลวกเพ่ ต้องไปหา CD พุทธวจน ตึง ตึง ตึง ตึง
มาฟังแล้วหละ

ดีนะ ตัวเหลือง ตัวนิ่ม สนเป่า

 

เหมือนหรือไม่คือรู้กายในปัจจุบัน จิตเดินวิปัสนาเหมือนกันหรือไม่ครับ

 

เหมือนกันครับไม่มีต่าง เพราะ เอา ลักษณะ อนิจจังทุขขังอนัตตา
เป็นเครื่องรู้ของจิตเครื่องระลึกของสติ ชำนาญแล้วมันไม่เลือก

เจตสิก ก็เป็น ความคิด พวกนี้ก็มี ลักษณะ อนิจจัง ทุขขัง อนัตตา
กาย ก็เป็น ลักษณะ อนิจจังทุกขัง อนัตตา

กายกับใจ เป็นเครื่องฝึกของสติ เป็น หนทาง ของวิปัสนา เดินทางนี้ จะเหมือนกันหมดทั้งสี่ฐาน

 

โอยยยย.....

นะ ใช้ แนวรับ แนวต้าน เป็น ตัวเหลือง ตัวนิ่ม ไปเลย

ถ้าไม่เอา พุทธวจน ตึง ตึง ตึง ตึง

ก็ไปหาในห้างก็ได้ สองพันเก้า มั้ง แต่ สนุกกว่า
หน่อย มี ธรรมตัดแปะ ทั้งจริง ทั้งปลอม
เปิดฟัง ให้ลุ้น ไปอีกแบบ

 

ก่อนที่ผมจะมีสติรู้กายแบบไม่ต้องตั้งอกตั้งใจรู้ มันมีความเห็นนึงเกิดขึ้นในใจก่อน คือ กายนี้แสดงรูปที่เป็นจริงของโลกให้เราเห็นไม่ได้ เราเห็นโลกอย่างไร อยู่ที่เรามองโลกผ่านกายสังขารแบบไหน สรุปตอนนั้นว่าสิ่งที่เราเห็นทั้งหมด ไม่จริงอย่างที่เห็น เป็นสมมุติตามสังขารมันแสดงให้ดู
ต่อมาก็ว่า งั้น เราก็ปรุงแต่งสิ่งที่ไม่จริงทั้งนั้นเลยสิ แล้วความรู้สึกที่เกิดขึ้นจากการปรุงแต่งสมมุติเล่า มันก็กลวงลวงทั้งนั้นสิ ...สรุปใจคิดว่า ไอ้ห่า โลกนี้ไม่มีอะไรจริงเลย มีแค่ธาตุ..เท่านั้นแหละ เหมือน จิตปล่อยโลก..ปิติเกิด..เหมือนได้ยินเสียงสาธุอาจเป็นเสียงจากใจผมเอง..
หลังจากนั้น จิตรู้กายแบบไม่ต้องกำหนด เหมือนจิตมันมีกำลังเหลือ จากการที่เลิกสนใจรูปต่างๆแบบ เอามาปรุงแต่งต่อไปเรื่อยๆ จิตมันก็เลยมารู้อยู่กับการเคลื่อนไหวของกายแบบทีี่เล่านั้น
เล่ามายืดยาว ก็ขอจบประมาณนี้แหละครับ

ใครอยากรู้ต่อไปยังไงก็ตอบมาว่ามีลูกหรือยัง..

 

ไม่ต้องเล่าแล้ว ฮับ

เดาออกเลย ใครบอกมี แล้วยังกล่าวเป็นธรรม
คุณจะเริ่มเอา สันติยัดปาก แน่นวล

เพราะ การรู้ เห็น แบบที่เล่าข้างบน ก็เหมือน
การรู้เห็นแบบ หนูบี หนูขวาน และ เหล่าพ้อง
ตัวเฮียของหนูบี ( ถ้าจำไม่ผิด ก็มี ครูบา บานาน่า
อะไรด้วย )

มันเป็นเพียง สังขารมันกระซิบ หลอกเอา
แบบ มหายาน

ปิติ ที่เกิด มันแค่ ทำให้เหมือนเด๊ะ รวม
ถึงการ ถอยออกมา ว่างๆ แต่ รู้การเคลื่อนไหว

สิ่งที่ไม่เห็นคือ

อนิจจสัญญา

อนัตตาสัญญา

ทุกขสัญญา

เป็น การเห็นสัญญาขันธ์ โดยใช้ ไตรลักษณ์เป็น
สิ่งที่จับต้องได้เหมือนตาเห็นรูป

แล้วจึงเห็น สัญญาเหล่านั้นดับ อีกที

ถ้าไม่เห็นตามนี้ ล้วนแต่เป็น "ทิฏฐิ" มันสร้าง
สังขารเหมือนว่า วิมุตติ มันปรุง วิมุตติขึ้นมา
หลอกให้ สำคัญตนว่า แจ้งแล้ว เข้าใจแล้ว

ธรรมะ ไม่อาจเห็นได้ด้วยการ ตีความ ตรรกะ

ธรรมะ เป็นเรื่อง ประจักษ์

การแจ้ง หมายถึง รับรู้ไปตามที่มันปรากฏ

ไม่ใช่ แจ้ง ฮานาก้า เข้าใจแระ คนละเรื่อง

การแจ้ง ของจริง การแจ้งนั้น จะต้องมี
อวิชชา เป็นตัวกำเหนิด ไม่มีตัวอื่น
มาเป็น พ่อแม่จิต จิตประภัสสร
เกลียดตัว(อวิชชา) แต่ไป กินไข่(มีจิต)

 

เดี๋ยวจะว่า ไม่หาทางออก ให้ เผื่อไว้

ก็ขอ อนุญาต ไม่มิสระอิ เหมือนบอกเคขวาน

ว่า

ให้ฟัง พุทธวจน แล้วเห็น ตัวเหลือง ตัวนิ่ม

หรือ ฟังชาดก500ชาติ ให้มากๆ

แต่ถ้า ไม่เอาหละ ก็ นั่นแหละ ไปซื้อ
เครื่องวิทยุธรรมะ เปิดฟังแล้วลุ้น
เอา มีทั้งถูก ทั้งผิด ยังดีกว่าไป
ฟังอย่างอื่น ที่ไม่ปรากฏ พุทธวจน เลย
แบบที่ฟังมาก่อนหน้า


ปล. เปนเรื่อง สัทธินทรีย์ หากมี ก็พอประทัง

 

แสงทองเอกวีย์
เข้าใจผิดตั้งแต่โพสแรกผมแล้วจะตามอ่านต่อดีมั๊ย ตั่วเฮีย
ผมหมายความว่ารู้กายแบบเดียวกับที่เคยได้ยินนักดูจิตบอกว่า ดูจิตแบบชำเลือง คือ แบบเดียวกันเข้าใจมั๊ย ถ้าเอาจิตมาพูดว่าดูแบบไม่ต้องตั้งใจนี่ผมคิดไม่ออกว่าืดูกันยังไงว้าาา กลัวเพ่ง แต่ถ้านึกถึงอาการรู้กายแบบที่เกิดกับตัวก็ อ่อ คงแบบนี้เอง เข้าใจยัง...เดี๋ยว หวดดด

 

เอาหน่า สองพันกว่าเอง เว้นแต่จะชอบของ
ฟรี ก็ โหลดเอา ( เพียง มันจะมี เสียง กลอง
ตึง ตึง ตึง )

ของไม่จำเป็นต้องไปเทียบให้เหมือน
หรือไม่เหมือน มันจะไม่เอามาเป็น
บท บริบท มากบท(ปทปรม) หลอกฮับ

นะ นะ

ไปลองฟังดูก่อง

ไปปรับ อินทรีย์ก่อง

แล้ว ค่อยมาว่ากันใหม่ เวลาเหลือเยอะ
ตั้งหลายวินาที เป็นล้านนนน กลัวอัลไล

 

ขณะนั้นมันเป็นอย่างที่เล่านั้น แต่ผมไม่ได้แจ้งอะไรทั้งนั้น
ก็บอกแล้ว ว่า เหลวเป๋ว ๆรู้แล้วว่า เหลวเป๋ววเว้ย
แล้วถ้าดูกายแบบนี้ไปเรื่อยๆละ แต่เป็นการเป็นงานมาขึ้น จะได้มั๊ย

 

เห็นไหม ทิฏฐิ มันบัง

บังอะไร

บังการเห็น กิเลส

พอไม่เห็นกิเลส ก็จะ แบบนี้แหละ

แจ้งแทงตลอด แต่ เออะ แล้วภาวนา
กันยังไง ถึงจะ หายป่วยแบบปลิดทิ้ง
อมตะ ไม่ตาย


ปล. แค่ จุฬโสดา หรือ โสดาปฏิมรรค
ก็ อมตะ แล้ว โรคภัยไม่มีอีก เด็ดขาด

 

ผมคิดว่าไมุ่มีถามเลยนะว่าภาวนายังไงจะหายป่วย. ผมถามเกี่ยกับทุกข์เวทนาจากป่วย จัดการกันยังไง
ช้าๆหน่อย ไม่ต้องรีบ มีเวลา

 

พวกนี้ผมเรียกเป็น วิตก วิจาร ที่เกิด ในการ รู้กายรู้ใจ
หรือจะท่าไหนก้เกิดได้หมด ยืน เดิน นั่ง นอน
บางที จะเป็นธรรมะอุทาน หรือ ผุดเป็นคำตอบ ที่เคยหาคำตอบมานาน
หรือ จะผุดเป็นความรู้อะไรอะไรที่ไม่เคยรู้มาก่อน ให้ได้เป็นความรู้

เมื่อ มีวิตก วิจารก็ตามมา ปีติ สุข ก็จะตามมา เป็นแบบ ระยะระยะ
อยู่ที่ว่า ฝึกในอิริยาบทไหน ไม่ว่าจะตั้งท่าในรูปแบบ
หรือ ไม่ตั้งท่าแต่อยู่กับชีวิตประจำวัน กิน ดื่ม ทำ พูด คิด

บางคนฝึก ในชีวิตประจำวัน จะปิติขนลุกเป็นช่วงๆ สุขโชย เป็น ระยะ

ก็จะไม่ต่างอะไรในการฝึกในรูปแบบ ความต่อเนื่อง ปิติ สุข จะมาเหมือนกัน
หากจะต่างก็จะต่างแต่เพียง กำลัง ฌาน ของสมถะในรูปแบบ ซึ่งจะมีมากกกว่า

 

ปรารภ แบบนี้ ค่อยยังชั่ว

อินทรีย์มี 5 อย่าง

สติ สัทธา วิริยะ สมาธิ ปัญญา

สมาธิ เหาะเหิน แจงแวง โผล่ออกมาจากหน้าจอ
มาเคาะกาโหลกผมไม่มี ก็ตัด ไม่เด่น

สัทธา อันนี้แยบไป เพราะ ออกแนว หวงศาสดา
อื่นเหมือน กลุ้มธาต กลุ่มเพื่อนที่คบ อันนี้ให้
ปรับ แต่ย่อมไม่สนใจ ก็เพราะ สัทธาเสีย
ก็ไม่เป็นไร เพราะ พึงปรารภ วิริยา รำพา(รัมพา)

ก็เอา วิริยะ นั่นแหละ มาดู ห่างๆ อย่าอิน
อย่าเข้าใจว่ามี แค่มัน เด่นกว่าเพื่อน
( จึงเรียก อินทรีย์ )

ลวกเพ่ กำหนดเห็น ความไม่เที่ยง ใน วิริยะ
เข้ามาเลย ดู ความเกิดดับ

ถ้าหวงศาสดาอื่นอยู่ในจิต จะเข้าใจว่า วิริยะดับ
คือ ขี้เกียจ อันนี้ไม่ใช่ วิริยะดับ จะต้องเกิด
ใหม่ทันที แต่ถ้าไม่เกิด ให้กำหนดรู้ว่า ไม่เทียง
และ แม้นมันจะเกิด วิริยะต่อเนื่อง ก็ใช่ว่า
จะไป ดี้ด้าเห็นวา มันเที่ยง ความมนสิการ
ว่าไม่เที่ยง จะต้องไม่หาย

จนกว่าจะ อ๋อ อย่างนี้ เรียก สติ

แล้วจะ อ๋อ ตามอีกทีว่า ความตั้งมั่นในสิกขา
(ไม่ใช่เรื่อง ฌาณ แฌณ ) แต่ มันจะมี สามัญผล
ให้สังเกตได้ คือ ปิติ5 แล้วอาจจะมี ปลิ้น
ไปตามกรรมเวรมาให้ผล ไปเสียเวลากับ
สมแทะ ชนิดต่างๆ จนกว่าจะกลับมา
ที่ เหตุ หรือ ดู วิริยะเกิดดับ ธรรมดาๆ ง่ายๆ
ไม่ต้องทำ วิริยะดับ ก็ใช้ รู้ได้ ใช่ว่าจะต้อง
ปั้นหน้าปั้นตา บึ๊ดจั้มบึ๊ด ( พอมาถึงตรงนี้
ได้ก็จะ อ๋อ ทำไม เอราวี แหม่ม ขยี้ ตอน
ปล่อยไก่ ชำเรือง ไม่ชำเรือง )

 

อันนี้ยอมรับฟังได้มากที่สุด...มีเหตุผล ฟังรู้เรื่อง...,

 

ไป ลองดูก่องนะ ท้าให้ลอง

หาก ภาวนาได้ แค่ ลมหายใจเดียว ก็ ฮู้แล้ว
ไม่มีเรื่อง เนิ่นช้า

หากยังมัวถาม ออกแนว หวงศาสดา อื่นไม่เลิก
( คอยเทียบเคียงให้ลงกับ ku )

ก็กราบเท้าลา

 

Go.. บึด จั้ม บึ๊ด

 

ผมก็ยังเชื่อว่า
ทำให้กระจ่าง
ทำให้จริง
กะได้ผลจริง
ถามผีละ
โอเคร
55อยากเป็นแนวหลอนคุยกะผีมั้ง

 

งานจะออกมาดีต้องตั้งใจ
ไม่แข็งถือเป็นหุ่นยนต์
ไม่ปลวกเฉียดสลึมสลือหลับๆตื่นๆ
ขอให้มีความสุขกลับงานที่ทำครับ