วิธีพิสูจน์ ว่าใคร คือ พระศรีอารยเมตไตรย

ลองประกาศหาพระศรีอริยเมตไตรยสิครับ รับรองมาเพียบไปหมด เฉพาะหน้าเว็บต่าง ๆ มีไม่เว้นแต่ละวัน ไม่รู้ว่าตัวไหนจริง ตัวไหนปลอม ...

 

เชื่อในการกลับมาหรือไม่

 

แล้วใครจะอยากไปจำท่าน
ในเมื่อท่านยังเป็นปุถุชน คนธรรมดา
ทำบาปบ้าง บำบุญบ้าง เป็นเหมือนคนธรรมดาไม่พิเศษพิโสอะไร ท่านต้องบุพกรรม บางคนอาจจะเจอท่าน แต่เขาเหล่านั้นไม่รู้ เขาเหล่านั้นคิดว่าท่าน เป็นคนหนักไม่เอา เบาไม่สู้ แล้วเขาเหล่านั้นจะคิดหรือว่าเป็นท่านได้ยังไง
ในอุดมคติของทุกคน วาดฝันไว้ พระศรีอารย์ ต้องเป็นคนที่จะมาทำเพื่อพระพุทธศาสนา ทำเพื่อโลกใบนี้ ทำเพื่อคนทุกๆคน แล้วใครจะคิดหรือ ว่าสิ่งที่เจอมันดันสวนทาง ตาลปัตร โดยสิ้นเชิง
เราไม่รู้หรอกท่านอยู่ที่ไหน แต่เราไม่เคยดูคนภายนอก เราแค่จะมาบอกว่า คนที่บารมีเต็มแล้ว คนที่ได้รับพุทธยากรณ์แล้ว เรียกง่ายๆว่านิตยโพธิสัตว์ที่บารมีเต็มแล้ว จะมีของวิเศษตามร่างกาย ไม่ว่าจะลายมือ ลายเท้า รูปลักษณ์ทั้งหลาย หรือ ของวิเศษที่อยู่ในร่างกายจะมีไม่เหมือนใคร หายากกว่าของคนธรรมดา ส่วนคนที่บารมีเต็ม หรือ เรียกง่ายๆว่าล้น อธิษฐานอะไร นึกอะไร จะได้ดั่งใจหวังตลอด
เราแค่มาบอก อ่านแล้ว ไม่เชื่อก็อย่าดูถูก หรือ ดูหมิ่น ว่าเรางมงายนะ ความเชื่อส่วนตัวจ้ะ

 

ผมว่า ก็ดีเหมือนกัน ให้โอกาสทุกคนได้เปิดตัว
แล้วก็บอกต้นเหตุที่คิดว่า ตัวเอง คือ พระศรีอาริย์
แต่โดยส่วนตัวตามความคิดของผมเอง
ผมคิดว่า เป็นเพราะ พระศรีอาริย์ ท่านส่องแสงสว่าง
แห่งมหาเมตตาใหญ่ มาให้เราทุกๆคน ทั้งสามโลกธาตุ
เหมือนกันหมด ทุกคนที่รับรู้ได้ ก็จะคิดเหมือนๆกันว่า
ตัวเองน่าจะเป็น พระศรีอาริย์ แต่ความจริง
เป็นแค่การสัมผัสพลังงานได้เท่านั้น ยังไม่ใช่ตัวจริง
เพราะถ้าหากจะให้ท่านยอมรับว่า เป็นตัวจริง
ตัวท่านเองจะไม่ยอมรับเด็ดขาด
แต่ก็ยังมี พระอริยะเจ้า ที่ท่านสามารถมองออกได้
แม้จะปิดบังซ่อนเร้นตัวเอง
เพราะ พระศรีอาริย์ เอง ท่านก็มีจิตเทียบเท่า พระอนาคามี นั่นเอง
จะมีหรือที่พระอริยะเจ้าเหล่านั้น จะสัมผัสไม่ได้

 

ส่วนมาก พระโพธิสัตว์ที่บารมีเต็มแล้ว
ท่านจะอายุไม่ยืน ประมาณ 20 ปี ก็จะดับขันธ์
เพื่อป้องกันไม่ให้ มีคนมาทำบาปกับท่าน
และท่านจะได้เกิดมาสร้างบารมี ตลอด
ร่างท่านอยู่บน สวรรค์ อาศัยดวงจิตดับแค่แวบเดียว
ก็จะใช้เวลาถึง 20 ปีพอดี แล้วก็จะกลับมาอยู่สวรรค์ต่อ
เรียกว่าในรอบ 100 ปี สามารถลงมาเกิดได้ไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง
เพราะฉนั้นใครที่ไปหาท่านที่บนสวรรค์
จะต้องจับตาดูว่า แสงท่านสลัวเพียงชั่วครู่หนึ่งหรือไม่
หากสลัวก็แสดงว่า ท่านทำอย่างนั้นจริงๆ

 

.ถ้าเราบอกว่าเรามี.สัญญาลักษ์ละ.ช้ายมือ.มือรูปดาว5แฉกขวามือมีรูปพระธาตุละ.เราเป็นใครยังงัย..การบรรลุธรรมไม่อยาก.สำหลับคนที่เปิดใจฟังเราเท่านั้น

 

เราจะเงี่ยหูฟังเอง ก็แล้วกัน ไหนลองว่ามาดิ

 

ความว่าง ปล่อย รู้ทันจิต.สมาธิ สติ ปัญญา
รู้ทันกิเลชอย่างหยาบ และระเอือด ทุกสิงอย่างเป็นไปเพื่อคลายกำหนดทางรุปเสียงกลิ้นรสและสัมผัส.เป็นไปเพื่อไม่ให้มีกำหนัดทางใจ.ไม่มีอดีต ไม่มีอนาคต อยู่กับปัจบันชั่วขณะ.รู้ทันโลกีย์โลกธรรมแปดแล้วพึ่งปล่อยว่าง.ความสัมพันทางครอบครัว..ไม่ทิ่งครอบตรัวแต่เป็นไปเพื่อคลายความสัมพัน..ทางใจอาวรความรัก...ตัดความหวัง.เพื่อไม่ต่ออนาคต.ตัดความนึก.ไม่ให้คิด.
ทำได้ไหม..เอาง่ายๆให้รุ้ทันอารมกิเกสให้รุ้ทันเวทนาให้รุ้ทันความคิดให้รุ้ทันความกำหนัดในใจให้รุ้ทันสภาวะ.และปิดอายรตนะทั้ง6.แยกกายกัยจิตออกจากกัน.ให้รุ้จัก อะไรคือธรรมดา อะไรคือธรรมชาติ อะไรคือธรรมมะ..เอาแค่นี้พอ

 

ของๆท่าน ยังถือเยอะเกินไป ตัดให้น้อยลงอีก
เชิญพินิจพิเคราะห์ใหม่อีกที

 

มิได้ถือ.สรุปทั้งหมด.ทุกสิ่งอย่างในการปฎิบัติ.
อยู่ที่จิตตัวเดียวที่เป็นตัวขับเครียนสร้างภพ..
สิ่งที่กล่าวมาคือวิธีการดูจิตตนเอง.

 

แ

แล้วท่านมีธรรมอะไรที่สันกว่านี้มั้ยลองอธิบายมาดูหน่อย

 

สรูปแห่งมรรคผลคือ.ความว่างปล่าวไม่มีอะไร.
ไม่มีเครื่องบันทการใดๆมารั่งเราใว้ได้เลยแม้แต่ความเบื่อหน่ายก็ต้องละ.เพื่อไม่ให้เบื่อหน่ายสบายโล่งเบาปราศจากการปรุงแต่ง.ของจิต.

 

ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นสิ่งสมมุติ
เน้นแค่สามอย่างนี้ก็พอ สิ่งอื่นทิ้งให้หมด
เลือกเอาอย่างเดียวพิจารณาควบคู่
ในขณะที่พบเจอสิ่งใดก็ตาม

 

สรุป ทางแห่งมรรคผล มีสามอย่าง ก็คือ
ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีตัวตน
ไม่ได้มีอย่างเดียว แต่มีถึงสามอย่าง
แต่การพิจารณาให้เน้นพิจารณาเพียงแค่อย่างเดียวก็พอ

 

ตรงกับคำสอนที่ว่า
จิตตัวเดียวเท่านั้น ที่ท่องเที่ยวไปยังสามโลก
ดูจิตอย่างเดียว ไม่อาจจะทำให้บรรลุธรรมได้
แต่จะต้องฝึกดูจิต แล้วให้พิจารณาถึง
พระไตรลักษณ์สามอย่างด้วย คือ
ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นสิ่งสมมุติ

 

สิ่งที่กล่าวมองผ่านหมดแล้ว..คุณยังไม่ถึงคุณ.ไม่ถึงเรา.คุณไม่เข้าใจธรรม.อนิจัง ทุกขัง อนัตตา เครื่องยื่นพื้นฐานโลกนี้.ระเอีอดกว่านี้คุณไม่รุ้.เอาละ.เราขอเลิกตอบคำถามแค่นี้..เพราะคุณไม่เปิดใจแต่คุณ.กำลังบอกว่าคุณเก่งกว่าเรา.รุ้ทุกอย่าง.เสียดายเวลา..เราจะไม่บอกคนที่มีใจ.ทิฐฐิถือตน

 

พระวัดใหนๆก็กล่าวเช่นนี้..แต่ความระเอียดไม่เหตุผลไม่อธิบายให้แจ่มแจง..เราไม่มีครูบาอาจาร์เรามีแค่สัจจะ .

 

คนเรามักคิดว่า ธรรมะของเรานั้น วิจิตรพิสดารกว่าผู้อื่น
แต่ต่อให้ธรรมะของเรานั้น วิจิตรพิสดารแค่ไหน
หากทำให้คนบรรลุธรรมไม่ได้
ธรรมะนั้นก็ไม่มีประโยชน์อะไร
นอกจากเอาไว้ประดับบารมี
แต่ธรรมะที่เป็นพื้นๆ กลับถูกมองข้าม
พระไตรลักษณ์ คือ ธรรมะที่จะทำให้บรรลุธรรมได้

 

เราไม่ใช้พระศรีอาร์..เรื่องเหล่านี้ลึกลับ..และเราจะไม่พยามเป็นเพราะหน้าที่ของท่านยิ่งใหญ่หนักหนา..คนธรรมดา.หรือคนที่พยามเป็น.คิดพิจณาดูเถิด.โลกทั้งโลก..อยู่ในความดูแลของท่านผู้เดียว...เวบาจะพิสูทถ้าถึงวันนั้น