เห็นภาพคลื่นน้ำทะเลซัดท่วมภูเขามาเลย(พี่ที่ทำงานบอกนั่งสมาธิเห็น)

เมื่อก่อนพ่อผมไถนาด้วยควาย
มันเหนื่อยมากนะในการทำนา
ไถเป็นเดือนกว่าเสร็จ
จากนั้นก็ปักดำต้นกล้าใช้เวลาเกือบเดือน
ช่วงเกี่ยวข้าวก็เก็บด้วยมือ นานมากว่าจะเสร็จ

มายุคนี้มีเครื่องอำนวยความสะดวกมากมาย
แต่แลกด้วยต้นทุนที่สูง

คนสมัยก่อนมีความอดทนสูง
คนสมัยนี้ความอดทนต่ำ
ทั้งร่างกายและจิตใจ

 

เราติดตามอาจารย์ดาราแฟร์ อาจารย์พูดเสมอว่า คนเราขาดสัจจะกันมากที่สุด อาจารย์เน้นตลอดให้กับผู้ติดตาม เราจึงนำความรู้ที่ได้รับจากอาจารย์มาเขียนโพสต์ให้อ่านกัน เรื่องราวต่างๆ อาจารย์เคยพูดให้เราฟัง และเคยถามขออนุญาตที่จะบอกให้คนทั้งหลาย อาจารย์ก็ไม่เคยหวงความรู้ อาจารย์อนุญาตเสมอ นั้นแหละ จึงเป็นที่มา ที่เรามาโพสต์ให้อ่านกัน

หลังจากอาจารย์ดาราแฟร์โบกมืออำลาจอ อาจารย์ก็ไปทำหน้าที่อื่น อาจารย์ก็ยังไม่ได้ย้อนมาดูในเวปพลังจิตเลย นั้นแหละคือข้อมูลที่เคยได้คุยกับอาจารย์ไว้

 

เราไม่ใช่ฮั้วโต๋ เราไม่ใช่อาจารย์ดาราแฟร์ เราเพียงแต่นำความรู้ คำพูดอาจารย์ ที่เคยคุยกันไว้ มาโพสต์ให้อ่านกัน เราก็ยังไม่รู้ว่าอาจารย์ทำอะไรอยู่ในเวลานี้

 

มะอะอุ
อะอุมะ
โอม

 

เราเองก็ได้แต่เตรียมตัวเตรียมใจอยู่ที่บ้าน ที่กทม. ทำตามที่อาจารย์บอกและแนะนำไว้แล้ว ก่อนแยกย้ายกัน

 

มะอะอุ...จบแล้วให้ตามด้วย...มะเมตตา จะ มหาราชา อะ เมตตา จะ มหาราชา (ที่เหลือต่อเองนะ)...เมตตามหานิยมด้วยรวมอยู่ในนี้แหละ

 

ท่านหนุมานพอจะแนะนำเราในเรื่องการปฏิบัติของสัจจะอะไรได้บ้างครับ เพราะเราเอง ก็ห่างจากอาจารย์ดาราแฟร์ ก็รู้สึกว้าเหว่เหมือนกัน

 

Aunyasit said:

ถึงคุณ เกษม เรื่อง "สามร่มโพธิ์ศรี" นั้นที่จริงคือเรื่องของพระจักรพรรดิ์ ที่พระศรีฯ จะลงมายกยอพระศาสนา ที่พระศรีฯท่านมาเป็นพระยาธรรมิกราช ปกครองโลก พระโพธิสัตว์อีกองค์หนึ่งทำหน้าที่เป็นคล้ายพระสังฆราชของโลก และพระโพธิสัตว์อีกองค์หนึ่งทำหน้าที่คล้ายนายกของโลก โดยมีเหล่า อัญญาสิทธิ์ และ อัญญาธรรม ซึ่งเป็นผู้ที่ลงมาทำหน้าที่ต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ปฎิบัติรอพระจักรพรรดิ์ กันทั้งนั้นและมักอยู่ในที่ลี้ลับ แต่ถ้าปฏิบัติจิตถึงก็สื่อกันได้

รายละเอียดเรื่องสามร่มโพธิ์ศรี ผมกำลังรวบรวมจากคนในคณะหลายๆคน เพราะฟังมา ต่างวาระกัน แล้วจะนำมาเล่าสู่กันฟังทีหลังครับ ที่สำคัญก็คือกาลของยุคพระจักรพรรดิ์ ใกล้เข้ามามากแล้ว ครูบาอาจารย์ ท่านมาบอกบ่อยๆให้เร่งปฏิบัติกัน พระศรีฯใกล้จะลงมาทำหน้าที่พระจักรพรรดิ์ แล้ว คำว่า "ใกล้" นี้ ในโลกภายในนั้นหากเป็น 5-10 ปีมนุษย์นั้น ถือว่าน้อยมาก

ที่ผมกำลังกังวลก็คือ กาลของพระจักรพรรดิ์ จะมาเร็วกว่าที่คิดมาก ครูบาอาจารย์ท่านสั่งให้ทำหลายสิ่งหลายอย่าง ผมยังทำไม่เสร็จอีกมาก ครูบาอาจารย์ท่านบอกไว้ว่าเมื่อกาลของพระจักรพรรดิ์ใกล้เข้ามา หายนะจะเกิดขึ้นกับโลก เทวดาเขาจะทำฤทธิ์ โลกจะปั่นป่วนเท่าที่จำได้ ท่านบอกว่า "ประเทศอเมริกาจะเป็นเกาะเป็นแก่ง" ยุโรปต่อไปก็จะหายนะอยู่ไม่ได้ ต้องมาพึ่งแผ่นดินไทย (ต่อไป ไทยกับลาวจะกลับมารวมกัน) ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น หายไป ฯลฯ และ ประเทศไทยจะดีได้ ก็ต่อเมื่อ "เกิดเหตุใหญ่" เสียก่อน การเมืองไทยคนจะฆ่ากันตายเป็นเบือ แต่ที่เป็นอยู่ทางภาคใต้ตอนนี้คิดว่ายังไม่ใช่เหตุการณ์ที่ครูบาอาจารย์ท่านกล่าวไว้ เคยถามท่านว่า "ไม่ให้เกิดไม่ได้หรือ" ท่านว่า "ปู่ยีเว่าไว้แล้ว ปานพระเจ้าเว่า เปลี่ยนแปลงไม่ได้"

หากใครสังเกตดีๆ ลมพายุนั้นคล้ายจักรหมุน หากใครเคยขี่จักรภายในจะเข้าใจว่าเป็นยังไง เท่าที่เห็นตอนนี้คือภายใน ปราบภายใน ก็ล้นออกมาภายนอก ใครมีกรรม เป็นเชื้อสายของพวกที่เขาปราบภายในก็จะได้รับผลกระทบ ถ้าจะไล่ลำดับ ก็ต้องไปตั้งต้นศึกษาระบบจิตวิญญาณที่หมุนเวียนอยู่บนโลกตั้งแต่ยุครามเกียรติ์แหละ

เอาเป็นว่าพวกอิสลามคือเชื้อยักษ์พวกนึง ฝรั่งก็เชื้อยักษ์อีกพวกนึง ทางเอเชียก็เป็นพวกเทวดา นาค ฯลฯ รวมทั้งลูกผสมเชื้อยักษ์ก็มีเช่นกัน ศาสตร์วิชาการที่มนุษย์ใช้อยู่บนโลกปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นวิชาของพวกเชื้อยักษ์เป็นคนคิด (ยิวกับยักษ์ เป็นภาษาลัญญลักษณ์) สุดท้ายศาสตร์วิชาการที่มนุษย์เอามาใช้ก็จะทำลายเบียดเบียนมนุษย์กันเอง

คุณเกษม :- ภาพรวมของภัยพิบัติทั้งหมด ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านบอกว่าก็จะเกิดขึ้น เป็นไปตามเดิมที่เคยบอกไว้แล้ว ในโลกของท่านเวลาเปลี่ยนแปลงไปแค่ไม่กี่เสี้ยววินาที่ แต่เวลาในโลกมนุษย์นั้นจะเป็นเดือนๆ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายท่านเมตตาให้คนที่เขากำลังเร่งปฏิบัติทาน ศีล ภาวนา ที่มีบุญบารมีปริ่มๆที่อยู่ใกล้เส้นคั่นระหว่างจะได้อยู่หรือจะต้องล้มหายตายจากไป เขาได้มีโอกาสสั่งสมบุญบารมีให้ผ่านจุดนั้นไป ส่วนผู้ที่กำลังเตรียมการหาที่หลบภัยก็สามารถมีเวลาเตรียมการได้เพิ่มขึ้นอีกหน่อยนึง และผลกระทบของภัยพิบัติที่จะมีผลกับประเทศไทยนั้นท่านบอกว่า ก็เป็นแบบเดิมตามที่บอกไว้แล้ว ส่วนในระดับโลกก็มีผลกระทบตามที่เคยบอกไว้ มากบ้างน้อยบ้างตามแต่บุญบารมีของบุคคลที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นั้นๆครับ

ส่วนเรื่องพระจักรพรรดิ์นั้น การทำงานของท่านเหล่านั้นค่อนข้างลึกลับ ไม่ค่อยเปิดเผยยกเว้นเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องบางคนและกาลนึงท่านก็จะบอกเรื่องนึง กาลต่อมาก็จะบอกเรื่องต่อๆมา แต่การปรากฏตัวของพระจักรพรรดิ์นั้นท่านกล่าวเพียงกว้างๆว่า หลังจากภัยพิบัติไปแล้ว จะได้พบกับท่าน แต่ท่านไม่ได้บอกว่าหลังจากภัยพิบัติไปแล้วยาวนานเท่าใดท่านจึงจะปรากฏตัว แต่ก็มีคนเราพวกนึงที่จะมีหน้าที่รองรับบารมีพระจักรพรรดิ์แต่จะเป็นใครบ้างผมไม่ทราบ ในช่วงระยะนี้ผู้ที่เขาทราบและเข้าถึงพระจักรพรรดิ์จะเป็นการรู้เฉพาะตนและมักจะไม่เปิดเผยตัว เท่าที่ผมทราบส่วนใหญ่เป็นสายพระโพธิสัตว์ที่สร้างบารมีมาแก่กล้าแต่ยังปกปิดตนเองอยู่เพื่อรอกาลเวลาทำหน้าที่ของตนเองครับ

สำหรับเรื่องของมนุษย์ต่างดาวนั้นผมเองก็มีความเชื่อว่ามีและหลายปีก่อนก็เคยสัมผัสในสมาธิ บังเอิญว่าปฏิบัติแล้วจิตหลุดเข้าไปในมิติของเขา ก็เห็นเขาทำสงครามกัน พวกเขามาหลบภัยในที่ที่เราไปหลบภัยก็เลยเจอกัน เขาบอกว่าอย่าออกไปจากที่หลบภัยเพราะอันตราย เท่าที่เห็นเขาแต่งตัวแปลกๆดูน่าเกรงกลัวและไปเห็นเขาใช้อาวุธปืนที่ยิงออกมาเป็นแสงเหมือนแสงเลเซอร์ ครับ แต่โดยส่วนตัวคิดว่าพวกมนุษย์ต่างดาวพวกนี้คงไม่ได้มาทำอันตรายอะไรโลกมนุษย์ โลกนี้มนุษย์ทำลายเองโดยอาศัย โลภ โกรธ หลงของตนเองป็นที่ตั้ง เพราะเท่าที่ทราบจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จักรวาลแต่ละจักรวาลนี้จะมีผู้ทำหน้าที่ดูแลอยู่ แม้จะมีพวกเกเรนอกจักรวาลมาเกเรในโลกมนุษย์บ้างก็ไม่สามารถสู้ความบริสุทธิ์ของพระพุทธองค์ผู้เป็นต้นธาตุต้นธรรมในจักรวาลได้

ส่วนที่คนเขาเห็นกันว่าเป็นมนุษย์ต่างดาวในรูปของยานต่างๆ ผมเข้าใจว่าเป็นกลุ่มต่างๆของพวกบังบดที่มีมิติซ้อนกันกับโลกมนุษย์ซะมากกว่า หลายครั้งหลายคราเท่าที่ผมติดตามดูจะเป็นพวกนี้ซึ่งมีอยู่หลายพวกและบังบดพวกนี้แหละที่จะคอยช่วยมนุษย์เราเพราะเทคโนโลยีเขาดีกว่ามนุษย์เรามาก การแปรเปลี่ยนของธาตุบนโลกจะมีผลกระทบกับทั้งมนุษย์และภพภูมิบังบดพวกนี้ด้วย เราจึงเห็นเขาขับยานเข้าๆออกจากมิติภพภูมิ ระดับจิตเขาสูงกว่ามนุษย์เราเขามาหาเราได้แต่เราไปหาเขาไม่ได้ยกเว้นไปทางจิตครับ ที่ด้านหลังพุทธสถานฯห้าพระองค์ก็เป็นบังบดพวกนึงที่ครูบาอาจารย์ท่านเคยมาบำเพ็ญบารมีเพื่อขอใช้พื้นที่ตรงนี้ ทางเข้า-ออกเขาเป็นเนิน จอมปลวกขนาดใหญ่สูงๆ ครับ มีตอนที่จะไถเนินนี้ทิ้ง ก็ลองเดินไปส่องดูปรากฏว่าเห็นคนถืออาวุธยืนล้อมรอบเนินนั้นเต็มไปหมด เขาบอกว่าตรงนี้ขอไว้ ผมก็เลยให้รถไถเขาเว้นเอาไว้จนถึงปัจจุบัน ใครอยากรู้เห็นก็ลองไปสื่อสารดูครับ ผมชอบไปคุยกับเขาเวลาดึกๆเพราะเงียบดีและช่วงเวลานั้นญาณรู้เห็นแจ่มใสดี พวกช่างก่อสร้างมักเจอกันบ่อยครับ เขามาบอกว่าผีหลอกที่ตรงเนินนั้น มีเสียงตะโกนออกมาบ้าง เห็นเป็นคนเดินมาบ้าง ที่จริงไม่ใช่ผีหรอกครับแต่เป็นพวกบังบดพวกนี้ อาวุธยุทโธปกรณ์เขาดูล้ำสมัยมาก เห็นแล้วก็น่ากลัวครับ แต่ว่าเขาก็ไม่ทำร้ายใครหากไม่ไปทำผิดอะไรต่อเขาในที่นั้น

ส่วนในเรื่องกาลเวลาของภัยพิบัตินั้น ให้แต่ละท่านที่จะใช้ข้อมูลต่างๆในการตัดสินใจ ใช้วิจารณญาณและดุลยพินิจ ของตนเองให้ดี ไม่ต้องมาเชื่อข้อมูลจากผมเป็นหลัก แต่ให้ใช้ข้อมูลจากผมเป็นเพียงข้อมูลประกอบในการตัดสินใจของท่าน เท่านั้น

คุณเกษม : ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ เท่าที่ผมทราบปัจจุบันนี้ มีหลายจักรวาลที่กำลังอยู่ในช่วงของยุคของพระจักรพรรดิ์ครับ และประธานสูงสุดขององค์พระบรมจักรพรรดิ์จากนานาจักรวาลก็ได้มารับบัญชาจากองค์อชิตะสัมมาพระพุทธเจ้า ให้องค์พระจักรพรรดิ์ทำหน้าที่ปรับสมดุลธาตุของโลกมนุษย์ ที่มีแม่ธรณี แม่คงคา พระเพลิง พระพาย จะเป็นผู้รับบัญชาจากองค์พระบรมจักรพรรดิ์ ในการปรับสมดุลธาตุต่างๆ ในการสถาปนาพระจักรพรรดิ์นั้นองค์พระบรมจักรพรรดิ์ผู้เป็นประธาน จะเป็นผู้กล่าวโองการต่อหน้าพระพุทธองค์ ว่าจะให้ใครบนโลกมนุษย์รองรับบารมีและสามารถใช้อำนาจขององค์พระบรมจักรพรรดิ์ได้ หรือเป็นผู้รองรับบารมีของพระจักรพรรดิ์นั้นเอง

ดูๆไปก็คล้ายกับว่า ถ้าเป็นเรื่องของธรรมะหรือเรื่องของพระธรรมคำสอนต่างๆหรือเรื่องศาสนา จะเป็นหน้าที่ของพระพุทธองค์ที่จะสงเคราะห์หรือชี้ทาง แต่ถ้าเป็นเรื่องของวิสัยโลกเรื่องต่างๆ จะเป็นหน้าที่ของพระบรมจักรพรรดิ์ ครับ

คุณ Tan_Kun :- แต่ละที่ น้ำจะท่วมสูงแตกต่างกันครับ ขึ้นอยู่กับสถานที่นั้นๆ เพราะหากเกิดภัยพิบัติ พื้นที่บางแห่งแผ่นดินจะทรุดลง แต่บางที่แผ่นดินจะโก่งตัวขึ้นครับ หากเป็นชายทะเล ในช่วงภัยพิบัติ คลื่นทะเลจะสูงหลายสิบเมตรและน้ำจะเข้าท่วมจังหวัดชายทะเลแทบทั้งหมดและน้ำท่วมลึกเข้าไปบนผืนดินหลายสิบกิโลเมตรด้วยครับ

ที่มา https://palungjit.org/threads/การเตรียมตัว-เตรียมใจ-ไปสู่ยุคภัยพิบัติ.330377/page-102#post-6257817

 

การปรับสมดุลก็คือ หมุนลูกกลมๆที่ถืออยู่ในมืออย่างมีสติ

 

เหล่าอรรยาสิทธิ์ส่วนหนึ่งรู้หน้าที่ตนเองแล้วล่ะ...เพราะเหล่าอรรยาสิทธิ์ส่วนหนึ่งนั้นได้มาฟังธรรมครบทุกคนแล้ว...เราก็เคยบอกไว้แล้ว..ผู้ที่ถอดกายในได้ล้วนแต่ได้ฟังธรรมอันเลิศ.....ท่านสบายใจได้ทุกอย่างดำเนินไปเรื่อยๆ....กายเนื้อของเรา...อายตนะเรานี้อาจจะยังโง่อยู่...แต่ดวงจิตของเราเหล่าอรรยาสิทธิ์ต่างทราบดีกว่าใคร

 

คำสอนที่อาจารย์ดาราแฟร์เคยสอนเรา "คนเราตั้งใจอะไร พูดอะไร คิดอะไร ทำอะไร ต้องตรงกันทั้ง 3 ทาง กาย วาจา ใจ จึงได้ชื่อว่า มีสัจจะ ครบถ้วน สมบูรณ์ บริบูรณ์ ทั้งหมด ในพฤติกรรมการกระทำ"

คำสอนของอาจารย์ที่ได้สอนเรา อาจารย์ดาราแฟร์ทำเป็นแบบอย่าง ต้นแบบให้เสมอ ฝากไว้เป็นข้อคิดสำหรับการเจริญธรรมของท่านทั้งหลาย ที่ตัวเราเองก็ได้นำมาประพฤติปฏิบัติขัดเกลาตนเองอยู่ จนทุกวันนี้

 

ตั้งแต่เด็กๆเวลาเรานอน...ตอนเคลิ้มหลับนั้น...ปัญหาที่เรามีความสงสัยติดค้างในแต่ละวัน...จิตมันจะผุดคำตอบขึ้นมาให้ทุกครั้ง...เราจะได้คำตอบทุกครั้งเมื่อเราเคลิ้มหลับ หรือเรียกว่า...ครึ่งหลับครึ่งตื่นนั่นแหละ....แต่ทุกวันนี้ปัญหาที่เราต้องการคำตอบจะมีมาก่อนตื่นนอน...สิ่งไหนที่จิตติดค้างในระหว่างวัน...เราจะได้คำตอบทุกครั้งก่อนตื่นนอน...

 

สวัสดีปีใหม่ 2562 ทุกท่านนะครับ
เปลี่ยนเข้าสู่ศักราชใหม่ พร้อมต้อนรับยุคพระศรีอาริยเมตไตรที่กำลังจะเริ่มต้นอีกไม่นานจากนี้
โลกเปลี่ยน ชีวิตเปลี่ยน สังคมเปลี่ยน โลกาภิวัฒน์เปลี่ยน แต่อริยสัจ4 ยังต้องเรียนรู้เหมือนเดิม
ขอให้ทุกท่านมีจิตเกษมกับทุกช่วงเวลาของชีวิตนะครับ

 

จากคำสอนที่ยึดหลักสัจจะในการปฏิบัติที่เห็นผลในกายภาพ กายมีสัจจะ ก็มีกลิ่นกายหอม วาจามีสัจจะ วาจาหอม ปากหอม จิตก็เป็นสุข แล้วทางกายภาพ ประจักษ์ผลได้ทุกคน ในประสบการณ์ที่เผชิญด้วยตนเอง อาจารย์มีกลิ่นกายหอมเหมือนดอกไม้ ทั้งๆที่ใส่เสื้อผ้าตัวเดิมเป็นสิบวัน ไม่ได้เปลี่ยน ไม่ได้ซัก อันนี้คือประสบด้วยตนเอง ในประสบการณ์ ในชีวิตจริงๆ นำมาบรรยายให้อ่านกันเป็นความรู้ เพราะเผชิญมาด้วยตนเองในช่วงที่ไปฝึกกับอาจารย์ดาราแฟร์ "คนไหนทำ คนนั้นได้ คนไหนกิน คนนั้นอิ่ม" นี่คือวาจาอาจารย์ดาราแฟร์ ที่สอนเราไว้ ให้แก่เรา เราจำจนแม่น มาจนทุกวันนี้

 

แหม่ อวยกันหน้าดูเลยนะ ตัวไม่มาฝากกุมารทองมาแทน 55

ลองถามมันสิที่โกหกเมื่อ 6 ปีก่อนและเมื่อเร็วๆ นี้ อีกหลายๆ รอบตกลงจะแก้ตัวยังไงดี ศีล 4 ว่าไง..สัจจะยังไม่ต้องพูดถึง

 

ในแต่ละวันที่เราบอกว่า...หน้าที่เราเสร็จเรียบร้อยแล้ววันนี้...หรือ...ที่เราขอตัวพักผ่อนนั้น...เมื่อเราพักผ่อนเราจะอธิษฐานจิตอุทิศบุญกุศลทั้งหมดที่ได้ทำในวันนั้นๆให้แก่สรรพสัตว์ทุกดวงจิตทุกรูปนามตลอดทั้ง3แดนโลกธาตุจวบจนทุกดวงจิตทุกรูปนามถ้วนทั่วทั้งแสนโกฏิจักรวาล....นี้แหละงานของเรา

 

ให้เรียกเราว่าวิปลาสเถอะ จะได้ลับลวงพราง

 

สวัสดีปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๖๒ แด่สมาชิกทุกคนในกลุ่มกระทู้เตือนภัยพิบัตินี้นะครับ ขอให้มีความสุขทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ มีสติปัญญาพร้อมรับกับทุกๆสถานะการณ์ที่จะเกิดขึ้นภายในปีนี้กันนะครับ ซึ่งเป็นธรรมดาของโลกที่จะต้องมีช่วงของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นแบบนี้กับโลกใบนี้ เพราะโลกก็ไม่เที่ยงเหมือนกับเราๆ ท่านๆเหมือนกันนั่นแหละครับ ในอดีตก็มีมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว และก็จะเป็นวัฏจักรเช่นนี้ต่อไปอีกไม่รู้จบสิ้นตราบใดที่มนุษย์ยังมีกิเลสครอบงำยังไม่หลุดจากสังสารวัฏนี้ ก็ย่อมจะต้องมีสิ่งนี้เกิดขึ้นเพื่อ(ล้าง)ปรับเปลี่ยน อะไรๆบนโลกนี้ใหม่ให้ดีขึ้น...

ผมมีเรื่องจะมาเล่านิดหน่อย เกี่ยวกับวันหยุดสิ้นปี๖๑ วันที่ ๓๑ ธ.ค. ที่ผ่านมานี้ผมได้ไปเที่ยวที่ ตลาดสามชุก ที่จังหวัดสุพรรณบุรี และก่อนถึงตลาดสามชุกผมก็ไปแวะกินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านๆหนึ่ง ก็พอกินเสร็จกำลังจะจ่ายเงิน ผมก็ได้ยินพวกญาติเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวพูดกันแว่วๆ ว่าเมื่อคืน(คืนวันที่๓๐) มีแผ่นดินไหวเกินขึ้นตอน4ทุ่มกว่าๆ ที่สุพรรณรับรู้แรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวได้ และเค้าก็บอกอีกว่าได้ดูข่าวตอนเที่ยงคืนของวันนั้น ข่าวแจ้งว่าศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่แถวๆ อำเภอศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี ซึ่งจ.กาญจนบุรีเป็นจังหวัดที่ผมอาศัยอยู่เอง และก็ประจวบกับเมื่อคืนวันที่๓๐ นั้นเองแม่ผมก็รู้สึกถึงแรงสั่นได้ที่ประตู(เพราะประตูแม่ผมบานพับมันหลวม) แล้วผมก็เห็นว่าตอนประมาณสี่ทุ่มกว่านั้นแม่ผมตกใจอะไรก็ไม่รู้รีบวิ่งลงมาคุยกับพ่อผมด้านล่างชั้น1ของบ้าน ซึ่งผมกำลังเล่นคอมฯใส่หูฟังอยู่เลยไม่รู้แม่ผมพูดว่าไร(ทีแรกนึกว่าแม่ผมตกใจเสียงปืนหรือไม่ก็พลุในช่วงปีใหม่บางบ้านมักจุดกัน) แล้วพอเช้าวันที่๓๑ แม่ผมก็มาพูดให้ทุกคนฟังว่า เมื่อคืนเกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดขึ้น ประตูไม้ของห้องแม่ผมดัง ตึงๆ ถี่ๆ อยู่พักหนึ่งแล้วก็ค่อยๆหายดัง เลยสงสัยว่าเสียงประตูสั่นนั้นคืออะไร ก็เก็บความสงสัยไว้ จนมาได้ยินคนที่ร้านก๋วยเตี๋ยวคุยกันเรื่องแผ่นดินไหว ผมเลยให้แม่ผมไปถามจนหายสงสัย ถ้าไม่งั้นแม่จะคาใจอยู่แบบนั้นว่ามันคือเสียงสั่นอะไร แล้วหลังจากนั้นผมก็แวะไหว้พระที่วัด 2 วัด (ก่อนไปตลาดสามชุก) วัดแรกชื่อวัดอะไรไม่รู้จำไม่ได้ แต่วัดที่ 2 จำได้ คือ วัดแค และก็ถือโอกาสไปไหว้พระราหูที่วัดแคนี้ในช่วงปีใหม่เพื่อเป็นศิริมงคล (ซึ่งผมก็ไหว้มาหลายปีแล้ว..เพราะครอบครัวผมดวงตกพระราหู) หลังจากนั้นก็ได้เวลาไปเที่ยวตลาดสามชุก พอรถไปถึงที่นั่น ผมก็ต้องสะดุดตากับป้ายโฆษณางานประจำปีของวัดทุ่งสามัคคีธรรม ซึ่งป้ายโฆษณาก็มีติด รูปหลวงปู่สังวาลย์ เขมโก ขนาดใหญ่ พอผมเห็นผมก็รู้สึกอึ้งค้างอยู่ประมาณ 5 วินาที หลังจากที่พ่อผมให้ลงจากรถเพื่อที่เค้าจะไปหาที่จอดรถ ผมก็เดินข้ามถนนมาเพื่อข้ามสะพานมาอีกฝั่งและผมก็ต้องผงะกับป้ายโฆษณาวัดทุ่งสามัคคีธรรมที่มีรูปหลวงปู่สังวาลย์อีก คราวนี้ป้ายเป็นแบบไวนิล ผมยืนมองนิ่งประมาณ 3 วิได้ แล้วพอผมเดินไปกับแม่และพี่สาวไปเรื่อยๆ เพื่อหาซื้อของกิน,ของฝากและก็ของใช้ ตาผมก็ดันไปสะดุดโดยบังเอิญกับป้ายโฆษณาเป็นแผ่นโปสเตอร์ของวัดทุ่งสามัคคีธรรมอีกแล้ว ที่ติดอยู่บนฝาผนังบ้านไม้ของร้านแม่ค้าที่มาขายของต่างๆผมก็หยุดยืนดูอย่างนิ่งโดยอัตโนมัติ ประมาณ 3-5 วิ อีกเช่นเคย แล้วผมก็เป็นแบบนี้อยู่หลายร้านประมาณ 3-4 ร้านที่เค้าติดป้ายโฆษณาของวัดทุ่งสามัคคีหรือไม่ก็ปฏิทินแขวน ที่มีรูปหลวงปู่สังวาลย์ ผมจะสะดุดยืนมองนิ่ง ประมาณ 3-5 วิ ทุกรูป ไม่รู้เป็นเพราะเหตุใดเหมือนกันเป้นเฉพาะรูปหลวงปู่สังวาลย์แค่นั้นอะนะ รูปพระเกจิอาจารย์รูปอื่นๆ ไม่เป็นอะครับ...

และระหว่างทางที่ผมกำลังเดินซื้อของกับครอบครัวผมนั้น ผมก็คิดไปด้วยว่า ทำไมหลวงปู่รูปนี้ ท่านหน้าตาดูคุ้นๆจัง พอมานึกอีกที ก็คิดในใจว่า หลวงปู่สังวาลย์รูปนี้ ใช่รูปเดียวกับที่ทำนายภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในอนาคตของเมืองไทยรึป่าว...

และพอกลับมาบ้านผมก็เปิดเน็ตดู ก็พบว่า ใช่ท่าน จริงๆด้วย หลวงปู่สงัวาลย์ที่ทำนายภัยพิบัติ ที่บอกว่าฝนจะตก7วัน7คืนและน้ำจะท่วมกรุงเทพฯครั้งใหญ่ ท้วมตึก 4-5 ชั้น คนจะตายมหาศาล แล้วที่ผมเห็นแผ่นป้ายโฆษณาวัดทุ่งสามัคคีธรรมเป็นรูปหลวงปู่สังวาลย์ขึ้นรูปใหญ่ๆ ก็เป็นเพราะหลวงปู่สังวาลท่านเคยเป็นอดีตเจ้าอาวาสที่วัดแห่งนี้ และช่วงต้นปี เดือน ม.ค. ของทุกปี ทางวัดทุ่งสามัคคีธรรมก็จะมีงานประจำปี จัดขึ้นในทุกๆปี ผมจึงคิดว่า ที่ผมเห็นรูปหลวงปู่สังวาลย์แล้วหยุดมองนิ่งประมาณ 3-5 วินาที ก็อาจเป็นไปได้ว่า หลวงปู่ท่านต้องการจะสื่อให้ผมเห็นว่า คำเตือนเรื่องภัยพิบัติใหญ่ในเมืองไทยของท่านที่เคยทำนายไว้ ก็อาจจะมีเค้าเป็นความจริงภายในปี62 ปีหมูปีนี้ก็เป็นได้ เพราะท่านทำให้ผมผงะมองรูปท่านได้ในวันเดียวตั้งหลายหนได้....

ปล. ปีหมูปีนี้ อาจจะไม่เป็นปีหมูๆ อย่างที่คิด,ที่เคยเป็นก็เป็นได้นะครับ

 

ไต้ฝุ่น ไซโคน บลาๆ จะมาได้ไงจ๊ะ ก้อคนทายไม่ได้มีวิเศษอะไร จับกระแสข่าวโน่นนี่นั่นมาโยง แล้วแอบอ้างว่านี่คือคำทำนายของตัวเองที่เคยทำนายมา ซึ่งเฟลมากี่รอบไม่สามารถจะนับได้

นี่เล่นคำทำนายพายุปาบึก แต่ก้อเหวี่ยงแหเหมือนเดิม ทายเจาะลงไปไม่ได้ (ตามข้ออ้างที่ผ่านกุมารทองมา ไปหาอ่านเอานะ ขี้เกียจเขียน) มันก้อรอกรมอุตุแจ้งอีกทีเหมือนกัน ถ้าขึ้นฝั่งอ่อนกำลังก้อเจอมุกนี้ ผุ้มีอภิญญา 108 ชั้นฟ้ามาเลื่อนออกไป ทั้งที่รัฐเขาแจ้งความเร็ว ความแรง อพยพคนเปนสเต็ปๆ ไว้รอแล้ว สมัยนี้ดีกว่าสมัยก่อนตรงมีเน็ต การสุญเสียไม่น่ามากเท่าสมัยก่อน เทอเหนคนที่ทำจิง กะคนที่คอยกุ้โลกโดยส่งฮอล์คูลไปช่วยผ่านเว็บไหมจ๊ะ

 

ขอเตือนคนทึ่หลงนิมิตเกี่ยวกับเรื่องพระยาธรรมิกราชนะ


ลองไปเสริชหาคำว่าพระยาธรรม

ท่านบอกว่าพระยาธรรมอยู่มัชฌิมะประเทศแถบตะวันออก

นี้เป็นพุทธทำนาย พระพุทํเจ้าพูดเองไม่เชื่อก๋ไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว

มัชฌิมะแปลว่าอะไรลองเสริชดู แปลว่ากลางไหม
อยู่ตรงกลางประเทศแถบตะวันออก

จะได้เลิกหลงนิมิตเสียที มันไม่ได้ปนะโยชน์อะไรนะ แล้วถ้าทำให้คนเข้าใจผิดอีกบาปมหัน์