เห็นภาพคลื่นน้ำทะเลซัดท่วมภูเขามาเลย(พี่ที่ทำงานบอกนั่งสมาธิเห็น)

พวกลักเพศแสดงกิริยาต่ำทรามแบบนี้ มีปมมากหรือไง ผัวทิ้งหรือโดยพ่อสวนทวารแต่เด็กเลยเก็บกด โพ้สโปรไฟล์ก็ใช้รูปที่น่าเกลียดสื่อความหมายชัดเจน จะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิได้ไง

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ เล่ม ๙ ภาค ๒ - หน้าที่ 691

พระนิยตโพธิสัตว์ ถึงพร้อมด้วยองค์ครบถ้วน

อย่างนี้ แม้ท่องเที่ยวไปตลอดกาลยาวนานนับร้อย

โกฏิกัป ก็ไม่เกิดในอเวจี และในโลกันตริกนรก

ไม่เกิดเป็นนิชฌามตัณหิกเปรต ขุปปิปาสิกเปรต กาฬ-

กัญชิกาสูร แม้เข้าถึงทุคติ ก็ไม่เป็นสัตว์ขนาดเล็ก

เมื่อเกิดในหมู่มนุษย์ ก็ไม่เป็นคนตาบอดแต่กำเนิด

โสตก็ไม่วิกลบกพร่อง ไม่เป็นคนประเภทใบ้ ไม่เป็น

สตรี ไม่เป็นคนสองเพศ และไม่เป็นบัณเฑาะก์.

พระนิยตโพธิสัตว์ ไม่เป็นผู้นับเนื่องดังกล่าว

พ้นจากอนันตริยกรรม มีโคจรบริสุทธิ์ในภพทั้งปวง

ไม่เสพมิจฉาทิฏฐิ มีความเห็นว่ากรรมเป็นอันทำมีผล

แม้อยู่ในสวรรค์ทั้งหลาย ก็ไม่เข้าถึงอสัญญีภพ ทั้ง

ไม่มีเหตุที่ไปเกิดในเทพชั้นสุทธาวาส เป็นผู้น้อมไป

ในเนกขัมมะ เป็นสัตบุรุษ ไม่เกาะเกี่ยวในภพใหญ่

น้อย บำเพ็ญแต่โลกัตถจริยาทั้งหลาย บำเพ็ญบารมี

ทั้งปวง.
กุแจ้งรายงานทีมงานกับมึงแล้วแหละ พฤติกรรมมึงยังเข้าข่าย ม.112 อีก

 

ผมไม่ได้เถียงใคร "ผมพูดตามจริงเลย" ที่ผมกล่าวถึงในหลวง "มีแต่ประโยคที่บอกว่าคุณมโนเอาเอง" แค่นั้น ส่วนเรื่อง "ถูกใจใครมันเรื่องของผม" ก็แค่นั้นแหละครับ "ผู้ที่เชื่อมโยงบ่อยๆมักจะเป็นบ้าได้" เพราะเชื่อความคิดมากเกินไปนะครับ

 

ยุคนี้อะไรไม่รู้ก็จะได้รู้ อะไรไม่เห็นก็จะได้เห็นค่ะ..อีชายแท้ พุทธแท้#ควายเรียกพี่เลยมึงอ่ะ#หัดใช้หลักกาลามสูตรด้วยอีผี

ครับผม ศีลบริสุทธ์มากจริงๆ อืม

 

ผมไม่ได้อยากรู้เกี่ยวกับท่านสักนิด "คุณมโนเอาเองตั้งแต่ผมเสื้อเหลืองแล้ว" คุณเชื่อยังไงก็เรื่องของคุณ " ผมไม่มโนตามคุณหรอกครับ

 

ช่วยกันแจ้งทีมงานถึงพฤติกรรม คนๆ นี้ด้วยครับ
เค้าทำผิดกฎหมาย มาตรา 112 อย่างชัดเจนแบบนี้

 

ท่านดาราแฟร์...เข้ามาต่อเลยนะท่าน...ถ้ามีอะไรสำคัญเข้ามาแทรกได้เลย..

 

เราก็ได้แค่ดู..ใจเราไม่ได้รู้สึกอะไร..
..กรรมเป็นของผู้สร้างกรรม..
...มันควรจะมีอะไรที่เป็นประโยชน์มากกว่านี้..
ที่ท่านคุยกันมีประโยชน์สำหรับเรามาก


..ขอบคุณทุกท่านที่ช่วยฝึกใจเรา..

 

อดีตชาติเคยฆ่าคนมาเยอะ...ชาตินี้จึงต้องลำบากเป็นธรรมดา

 

วิธีการปฏิบัติการช่วยเหลือตนเอง ช่วยเหลือโลกค่ะ

๑.หยุดยั้งกระบวนการทางอารมณ์และนึกคิดที่ขาดสติ ละวางจากตัวตนการรับรู้ใด ๆ ที่เกิดขึ้น ปล่อยวางมายาต่าง ๆ เหล่านั้น โดยไม่นำมันมาเป็นอุบายเพียงเพื่อทำให้จิตนิ่งอย่างที่มนุษย์มากรายหลงผิด หรือนำมันมาเป็นตัวตนสำหรับจิตใช้ยึดเหนี่ยว ซึ่งในที่สุดจิตของตนมันจะปรุงแต่งมายานั้นให้มนุษย์หลงใหลเลยเถิดไปกับมัน จนทำให้อารมณ์หยาบ ๆ จากสมองซีกซ้ายเข้ามามีอำนาจเหนือในสภาวะสมาธิแตกโดยไม่รู้ตัว*****

๒.การแผ่เมตตา ด้วยการปลดปล่อยพลังงานความรัก ความอดทน ความอดกลั้น ต่อผู้กระทำไม่ถูกต้องต่อตนเองต่อผู้อื่นที่กำลังได้รับทุกข์เข็ญลำเค็ญ เป็นความรู้สึกจากจิตสำนึกที่แท้จริงไม่ใช่แสแสร้ง

๓.การบรรลุความจริง ด้วยการสำเหนียกรู้ถึงการกระทำไม่ถูกต้องของตนเองและต่อสรรพสิ่งใด ๆ จนแม้แต่ตนเองพร้อมการขออภัยและยอมรับมันด้วยจิตสำนึก ในทันทีที่สำเหนียกรู้ โดยไม่ดื้อรั้น ถือทิฐิ และโดยไม่ต้องมีใครชี้นำ แต่เป็นการเกิดสติด้วยตนเอง ด้วยอำนาจหยั่งรู้ระดับต้น แล้วพร้อมแล้วที่จะแก้ไขปรับเปลี่ยนทัศนคติและความรู้สึกนึกคิดนั้นทันที

๔.การค้นพบความปีติสุขภายในจิตใจตนเอง แล้วรักษามันไว้ให้ยาวนานโดยไม่ยอมให้สิ่งเร้าใด ๆ มายื้อแย่งไปได้ ไม่ว่าจะเป็นการมองโลกในแง่ดี หรือวิธีแบบเด็ก ๆ นำความเป็นเด็กในตนเองออกมาก็ตาม

๕.การรู้สึกเพลิดเพลินกับผลการกระทำที่ดีงามของตนเองต่อมนุษย์คนอื่น ๆ และทำให้ดียิ่งขึ้นโดยไม่มีจิตคิดหวังสิ่งใด ๆ เป็นการตอบแทนจากพวกเขา มีความเพียงพอใจที่ได้กระทำมันเท่านั้น (ความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ)


๖.รักษาศีลเพื่อบ่มจิตใจให้สงบงัน ด้วยการละเว้นการกระทำที่ไม่ถูกต้องต่อผู้อื่นและสรรพสิ่งที่ในอันที่จะก่อให้เกิดอารมณ์ด้านลบ แล้วปฏิบัติดีงามต่อผู้อื่นเพื่อให้เกิดพลังงานบวกขึ้นมา

๗.การปฏิบัติสมาธิคิดรู้ จนเกิดการหยั่งรู้ในระดับหนึ่ง จนถึงหยั่งรู้สูงสุด ที่เรียกว่าหลุดพ้นทางกายและจิตใจ

(เป็นการกำหนดรู้ ด้วยการหยุดยั้งกระบวนการทางอารมณ์ของตนเองให้ได้ ให้กระบวนการนี้หยุดนิ่ง ซึ่งจิตจะเข้าถึงสภาวะสุขสงบ พลังสมาธิมากเท่าใด คลื่นการคิดเหล่านี้จะมีคุณสมบัติของข้อมูลที่ต้องการติดไปกับอณูของคลื่นด้วย เมื่อมันพบสารจิตอันเป็นคุณสมบัติที่ต้องการ ที่มนุษย์อาจเรียกว่าสายธารแห่งการรู้แจ้ง ที่เป็นการแลกเปลี่ยนคุณสมบัติพลังงานจากคลื่นความคิดของแต่ละคน กับมนุษย์คนอื่น ๆ ในมิติที่สามแห่งกาลเวลา แล้วคืนสู่จิตอีกทอด จนเกิดเป็นผลึกแห่งการคิดรู้ ที่ตรงความจริงของสรรพสิ่งนั้นได้ทันที)

๘.การเข้าถีงความดีงามในจิตใจของตนเอง นำออกมาแสดงให้ปรากฎต่อเพื่อนมนุษย์และทุกสรรพสิ่ง

 

น้ำจะท่วมม....เมื่อไหร่บอกด้วยน้าาาาาาา

 

หนูแนน...วันนี้ต้องเริ่มฝึกตัวเองแล้วนะ..ผีไม่มีหรอก...
...............มีแต่หลอก

 

รักษาศีล1ข้อให้บริสุทธิ์ด้วยน้าาาา

 

เราไปพักผ่อนแล้วนะ...ขี้เกียจคุยกับคนบ้า

 

แค่ 1 ข้อเองเหรอ น้าาาาาา

 

ผู้ที่รู้ตัวเองว่าบ้า แสดงว่าไม่ใช่คนบ้า 555

 

จิตยิ้มไม่เห็นด้วยค่ะ นำเรื่องนี้มาทำไมคะ ขอทราบเหตุผลด้วยค่ะ

 

ท่านดาราแฟร์ พอจะบอกได้ไหมคะ การไหวไปไหวมาของพื้นธรณีนี้หมายถึงสิ่งใดคะ น้ำใต้พิภพ หรือ การเคลื่อนตัวของเปลือกโลก หรือ การขยับตัวของแกนแม่เหล็กโลกที่ผิดปกติ หรือ การสั่งสมพลังงานใต้พื้นภิภพ มีใครพอบอกกล่าวกันได้บ้างคะ

 

การเกิดแผ่นดินไหวมีมาแล้วด้วยพระคัมภีร์ มีอยู่ ๘ ประการ ภูมิจาลสูตร อันหมายถึงเหตุที่มีความหวั่นไหวกระทบกระเทือนของผืนปฐพี ให้เป็นที่ตระหนกได้ภยันตราย เล่าลือไปทั่วไป ตลอดในคาม นิคม ประเทศ และชนบท ว่าได้ถึงแก่อุปัทวะเหตุให้เป็นอันตราย หรือด้วยเพราะเป็นอย่างไรกันแน่ ในที่พระสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ถึงเหตุให้เกิดแผ่นดินไหว มีมาด้วยกัน แปดประการ ดังต่อไปนี้.

1. ๑ ลมกำเริบ หมายถึง น้ำรองแผ่นดินอันตั้งอยู่ด้วยแก่นฐีติ กระเพื่อมด้วยลมจัด นั้น เมื่อนั้นทำให้แผ่นดินใหญ่อันตั้งอยู่สะเทือน เป็นแผ่นดินไหวใหญ่
2. ๒ ผู้มีฤทธิ์บันดาล หมายถึง ผู้มีอำนาจและอานุภาพทางจิตเจริญสัญญาอันหาประมาณมิได้อยู่ จึงบังเกิดให้แผ่นดินเกิดสะเทือนสะท้านหวั่นไหวใหญ่
3. ๓ พระโพธิสัตว์จุติ หมายถึง การที่พระโพธิสัตว์มหาสัตว์จุติหยั่งลงแล้วจากเทวาดุสิต เพื่อไปสู่การตรัสรู้ในมนุษย์โลก ย่อมให้เกิดแผ่นดินหวั่นไหวใหญ่
4. ๔ พระโพธิสัตว์ประสูติ หมายถึง ประการเมื่อพระมหาสัตว์ประสูติออกจากพระครรภ์เป็นอนันตรกัปภาคเดียวกันกับพระมารดา เกี่ยวแก่พระมารดาถึงที่สุดด้วยพระครรภ์ ย่อมปรากฏเกิดเป็นเหตุแห่งแผ่นดินไหวใหญ่
5. ๕ องค์ภควาภาคพระมหาสัตว์เจ้าถึงที่ตรัสรู้ หมายถึง ประการเมื่อพระมหาสัตว์เป็นตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ปริวัตรตรัสถึงสยัมภูญาณเป็นที่สิ้นอาสวะ ย่อมเป็นปรากฏแก่เพท(อนุศาสนี) ย่อมเป็นปัจจัยถึงให้ความปรากฏ ให้เกิดแก่เหตุแห่งแผ่นดินไหวใหญ่
6. ๖ พระมหาสัตว์พุทธเจ้าแสดงพระธรรมจักร ยังบวรพุทธศาสนาให้ดำรงอยู่ตลอดถึงสิ้นพยากรณ์ ย่อมปรากฏให้เกิดเป็นแผ่นดินไหวใหญ่ เพราะการประกาศอนุตรธรรมจักรเมื่อนั้น.
7. ๗ เมื่อพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าอันบวรทรงปลงพระอายุสังขารลงแล้ว หมายถึง เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าโปรดพ้นสัมภวะทรงดำรงพระทัยพ้นพระดำริในการไต่สวนแก่โลกแล้ว ย่อมไม่ถึงแก่การตรัสธรรมีกถาเนื่องด้วยถึงเหตุแก่มหาชน ย่อมตรัสถึงแต่เขตในที่ปรินิพพาน เป็นที่ย่อมให้ปรากฏเกิด แก่การณ์แห่งแผ่นดินไหวใหญ่
8. ๘ พระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพาน ด้วยนิพพานธาตุ หมายถึง ธาตุอันปรากฏอยู่ด้วยพระวรกายแตกทำลายลง พ้นขาดจากอายตนะ ไออุ่น และอายุ เมื่อคราวขาดพ้นด้วยอาการ (กิริยา และจรณที่เนื่องสังขาร) ย่อมให้เกิดแผ่นดินไหวใหญ่ และเมื่อธาตุนั้นได้สลายลงในที่พร้อมกันด้วยเตโชธาตุบริสุทธิ์ ย่อมปรากฏเป็นปัจจัยให้แผ่นดินเกิดความหวั่นไหวใหญ่.

 

ไม่เข้าใจค่ะ ถ้าเป็นการรับรู้ภายในเรื่องการปกปิดพระศรีอาริย์หรืออะไรก็แล้วแต่ จิตยิ้มว่าไม่ควรนำเรื่องนี้มากล่าวเลยค่ะ และเป็นการสร้างพลังงานลบเปล่า ๆ ถ้าท่านรู้เรื่องพระศรีอาริย์นี้จริงท่านต้องทราบว่าจิตยิ้มกำลังหมายถึงสิ่งใดนะค่ะ

 

ยินดีค่ะ แต่ขอเป็นพลังงานบวก และทำให้คนอื่นคิดบวกตามค่ะ จะได้ช่วยกันกันช่วยเหลือโลกและประเทศของเราลดภัยพิบัติค่ะ