เรื่องเด่น ความสำคัญของการมีกัลยาณมิตร,คุณสมบัติของกัลยาณมิตร

ณ ขณะนั้นเฮทำไปพูดไปคิดไปเพราะขาดสติ (ตัวอย่างในชีวิตประจำวันเห็นได้ทั่วๆไป ทำลงไปแล้วคิดได้ทีหลัง) (คงเข้าใจแล้วนะว่าทำไมพระพุทธเจ้าจึงแนะนำให้พุทธบริษัทฝึกฝนอบรมเจริญสติปัฏฐาน ๔ คือ ๑. ตามดูรู้ทันกาย, ๒. ตามดูรู้ทันเวทนา, ๓. ตามดูรู้ทันความคิด, ๔. ตามดูรู้ทันเหล่านิวรณ์ธรรม - ไม่ใช่ไปนั่งทำทีละข้อๆนะ เรื่องนี้ยาว) แต่ขณะนี้หุบไปแล้ว

 

สำหรับผู้ที่ปรารถนาจะเป็นกัลยาณชน ให้ปฏิบัติตาม
คำแนะนำนี้ก็ได้ครับ

ผู้ที่เป็นกัลยาณชน ในพระพุทธศาสนา ก็คือ ผู้ที่ประพฤติ ปฏิบัติใน จรณะ 15

จรณะ 15 คือ

1. สีลสัมปทา คือ ถึงพร้อมด้วยศีล ศีลมีกี่สิกขาบท จำให้ครบ ปฏิบัติให้ได้


2. อินทรียสังวร คือ สำรวมในอินทรีย สำรวมใจระวัง ทางตา หู จมูก ลิ้น และกาย

ตาเห็นรูป ไม่ติดในรูป ไม่ว่ารูปดีหรือรูปชั่ว
หูได้ยินเสียง ไม่ติดในเสียง ไม่ว่าเสียงดีหรือเสียงชั่ว
จมูกกระทบกลิ่น ไม่ติดในกลิ่น ไม่ว่ากลิ่นดีหรือกลิ่นชั่ว
ลิ้นกระทบรส ไม่ติดในรส ไม่ว่ารสดีหรือรสชั่ว
กายกระทบการสัมผัส ไม่ติดในการสัมผัส ไม่ว่าการสัมผัสนั้นดีหรือชั่ว


3. โภชเนมัตตัญญุตา คือ การรู้จักความพอดีในการกิน กินเพื่อยังอัตภาพให้เป็นไปเท่านั้น ไม่กินเพื่อความอ้วนพี ไม่กินเพื่อติดรส ไม่กินเพื่อยังกิเลสให้กำเริบ


4. ชาคริยานุโยค คือ การปฏิบัติตามความเพียรของผู้ที่ตื่นอยู่ เป็นผู้เพียรระวังไม่ให้ความชั่วเข้ามาถึงใจ โดยทาง ตา หู จมูก ลิ้น และ กาย ในทุกขณะจิต


5. ศรัทธา คือ มีความเชื่อในคำสั่งและคำสอนของพระพุทธเจ้า และปฏิบัติตามในคำสั่งและคำสอนของพระพุทธเจ้า


6. หิริ คือ การละอายต่อความชั่ว


7. โอตตัปปะ คือ ความกลัวผลของกรรมชั่ว


8. พาหุสัจจะ คือ การเป็นผู้อ่านมาก เป็นผู้ฟังมาก จำได้ และปฏิบัติได้ด้วย


9. วิริยะ คือ ความเพียรในการละความชั่ว เพียรทำลายความชั่ว คือสังโยคให้พินาศไป เพียรสร้างความดีให้เกิดขึ้น


10. สติ คือ ความระลึกได้

ระลึกได้ ในจรณะ 15
และระลึกได้อยู่เสมอว่า ร่างกายนี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในกายนี้ กายนี้ไม่มีในเรา
เราจะไม่มีการติดอกติดใจในร่างกายของเราและร่างกายของบุคคลอื่น
เรารู้ว่าร่างกายเป็นเพียงบ้านเช่าที่เรามาอาศัยแค่ชั่วคราวเท่านั้น

และระลึกได้ใน สังโยค ทั้ง 10 ข้อ


11. ปัญญา คือ ความรอบรู้

ใช้ปัญญาพิจารณาในอารมณ์จิต ว่าเวลานี้อารมณ์จิตเรายังมีความผูกพันในร่างกายนี้หรือเปล่า
ยังเห็นร่างกายเป็นของเรา เรามีในร่างกาย ร่างกายมีในเราหรือเปล่า
หรือว่าเรายังไปพอใจในร่างกายของบุคคลอื่นหรือเปล่า

และใช้ปัญญาพิจารณาแก้ ให้เห็นความจริง
ว่าร่างกายนี้สกปรก หรือสะอาด
ว่าร่างกายนี้น่ารักตรงไหน คงทนตรงไหน
และร่างกายนี้มันมีสภาวะทรงตัว หรือสลายตัวไปในที่สุด

ต้องใช้ปัญญา เอาชนะให้ได้
ทั้งในสังโยค ทั้ง 10 ข้อ


12. ปฐมฌาน คือ ฌานที่ 1


13. ทุติยฌาน คือ ฌานที่ 2


14. ตติยฌาน คือ ฌานที่ 3


15. จตุตถฌาน คือ ฌานที่ 4



นี่คือ จรณะ 15 คือ ความประพฤติ 15 ประการ ของกัลยาณชน

หรือเรียกว่า คนดี ในทางพระพุทธศาสนา

ที่หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง แนะนำให้ปฏิบัติกันทุกคนครับ

 

หากประพฤติปฏิติบ้ติตาม จรณะ ๑๕ ครบถ้วน
โอกาสที่จะประสบกับการโดนทิ่มแทง ด้วยกาย
วาจาใจ จากผู้อื่น คงมีน้อยถึงไม่มีเลยฮะ
มจด.จะลองประพฤติปฏบัติ บ้างก็ได้นะครับ

 

พระพุทธเจ้า นั่งอยู่ดีๆนั่งเฉยๆ คนยังเข้าไปด่าถึงวัดเลย อิอิ
พระพุทธรูป ตั้งอยู่ในโบสถ์เฉยๆ คนยังตำหนิเลย คิกๆๆ

 

หลักการหรือคำสอนใดก็ตามที่เป็นเพียงการคิดค้นหาเหตุผลในเรื่องความจริงเพื่อสนองความต้องการทางปัญญา โดยมิได้มุ่งหมาย และมิได้แสดงแนวทางสำหรับประพฤติปฏิบัติในชีวิตจริง อันนั้น ให้ถือว่าไม่ใช่พระพุทธศาสนา โดยเฉพาะอย่างที่ถือว่าเป็นคำสอนเดิมแท้ของพระพุทธเจ้า

 

ตญฺจ กมฺมํ กตํ สาธุ - ยํ กตฺวา นานุตปฺปติ
ยสฺส ปตีโต สุมโน - วิปากํ ปฏิเสวติ.

บุคคลทำกรรมใดแล้ว ย่อมไม่เดือดร้อนในภายหลัง เป็นผู้เอิบอิ่ม มีใจดี ย่อมเสวยผลของกรรมใด กรรมนั้นแล อันบุคคลทำแล้ว เป็นกรรมดี.

น ตํ กมฺมํ กตํ สาธุ - ยํ กตฺวา อนุตปฺปติ
ยสฺส อสฺสุมุโข โรทํ - วิปากํ ปฏิเสวติ.

บุคคลทำกรรมใดแล้ว ย่อมเดือดร้อนในภายหลัง มีหน้าชุ่มด้วยน้ำตา ร้องไห้อยู่ เสวยผลของกรรมใด กรรมนั้นแล อันบุคคลทำแล้ว เป็นกรรมไม่ดี.

 

เอาของพระพุทธเจ้าดีกว่า อิอิ

 

เอาจริงๆ ของใครก็ปลอดภัยทั้งนั้น
แต่ที่โดนจนยับเยินก็เพราะไม่ได้เอาของใคร
มาใช้ในชีวิตสักอย่าง
เอาจริงไม่โดน ที่โดนเพราะขาดการประพฤติ
ปฏิบัติจริง ได้แต่โม้

 

กรรม การกระทำ หมายถึง การกระทำที่ประกอบด้วยเจตนาคือทำด้วยความจงใจ หรือจงใจทำ ดีก็ตาม ชั่วก็ตาม เช่น ขุดหลุมพรางดักคนหรือสัตว์ให้ตกลงไปตาย เป็นกรรม แต่ขุดบ่อน้ำไว้กินใช้ สัตว์ตกลงไปตายเอง ไม่เป็นกรรม (แต่ถ้ารู้อยู่ว่า บ่อน้ำที่ตนขุดไว้อยู่ในที่ซึ่งคนจะพลัดตกได้ง่าย แล้วปล่อยปละละเลย มีคนตกลงไปตาย ก็ไม่พ้นเป็นกรรม) ว่าโดยสาระ กรรมก็คือเจตนา หรือเจตนานั่นเองเป็นกรรม, การกระทำที่ดี เรียกว่า กรรมดี การกระทำที่ชั่ว เรียกว่า กรรมชั่ว

กรรม ๒ กรรมจำแนกตามคุณภาพ หรือตามธรรมที่เป็นมูลเหตุ มี ๒ คือ
๑. อกุศลกรรม กรรมที่เป็นอกุศล กรรมชั่ว คือเกิดจากอกุศลมูล
๒. กุศลกรรม กรรมที่เป็นกุศล กรรมดี คือเกิดจากกุศลมูล

กรรม ๓ กรรมจำแนกตามทวาร คือทางที่ทำกรรม มี ๓ คือ
๑. กายกรรม การกระทำทางกาย
๒. วจีกรรม การกระทำทางวาจา
๓. มโนกรรม การกระทำทางใจ (คิดนึกแต่ละขณะๆจิต)

กรรม ๑๒ กรรมจำแนกตามหลักเกณฑ์ (ตามมติพระอรรถกถาจารย์อีก ในที่ไม่นำมา)

 

นี่ไงสดสด ร้อนร้อนเลย ควันยังกรุ่นๆอยู่เล้ย

 

แต่ที่โดนจนยับเยินก็เพราะไม่ได้เอาของใคร

ที่โดนเพราะเอาของพระพุทธเจ้า ไม่ได้เอาของหลวงตา คิกๆๆ

 

ลุงแมว เขาเป็นอะไร ไปต่อยังไง

คือ ฝึกสมาธิเองมาตลอด มีหลายครั้งมากที่เกิดอาการแปลกๆกับตัวเอง เคยนั่งบริกรรมพุธ-โธไปเรื่อยๆ แล้วอยู่ดีๆก็รู้สึกว่าตัวเองตัวใหญ่มาก...และอีกอย่างที่สำคัญ เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ หลังจากบริกรรม ไปเรื่อยๆ จนรู้สึกนิ่งมาก เห็นตัวเองไม่ใช่ตัวเองคะ เห็นตัวเองเป็นผู้ชายคนหนึ่ง ตัดผมสั้น ใส่ชุดขาวทั้งชุด ภาพมันจะสลับกันไป คะ ระหว่างดิฉันกับผู้ชายคนนั้น และเห็นหลายวันมาก ทุกวันเป็นคนคนเดิมและคนเดียวกัน พอจะทราบไหมคะว่าเกิดอะไรขึ้น ดิฉันพยายามไม่สนใจคะ แต่ก็เห็นอยู่ดี

 

เดือดร้อนอะไร อิอิ ใครเดือดร้อน คิกๆๆ

 

พระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสงฆเจ้า
เป็นสิ่งเดียวกันไหม มีแยกเกรดแบ่งฝ่าย
ด้วยหรอ
ใครดำริแยกเกรด แล้วพวกเขาเหล่านี้
ตายแล้วจะไปไหนกัน...มจด.พอบอกได้ไหม

 

อย่าเอาวิบากกรรมในการปฏิบัติของชาวบ้านมา
เป็นธุระ
มันไม่ใช่เรื่อง...สิ่งที่พวกเขาเห็นเขาเจอ
มันยังไม่ใช่ของจริง เป็นสิ่งหลอนๆ จากจิต
100 คน 100 อย่าง
เขาต้องหาทางแก้ไขกันเอาเอง ขวนขวาย
หาครูอาจารย์
ที่เคยอุปถัมภ์กันมา พวกเขาก็มีโอกาสผ่านอุปสรรค
มันไม่ใช่หน้าที่คนทั่วไปที่จะเข้าไปยุ่ง....
เรื่องอย่างนี้ลุงแมวจะไม่ขอยุ่ง

 

เห็นลุงแมวไม่เห็นด้วย ใครเดือดร้อน บอกหน่อยได้ไหม ?

 

เดิม

ลุงแมวว่า "แต่ที่โดนจนยับเยินก็เพราะไม่ได้เอาของใคร"

มจด.ตอบ "ที่โดนเพราะเอาของพระพุทธเจ้า ไม่ได้เอาของหลวงตา"

ลุงแมว เข้าใจอะไรยากจินๆ แกล้งโฮ่หรือเปล่า คคห. นั่นดันมาถามแตกออกไปอีกว่าตายแล้วไปไหน ?

ตอบนะ ตายตรงไหนก็อยู่ตรงนั้น จะเดินไปไหนได้ คิกๆๆๆ

 

เมื่อยังไม่มีวิชาในการฝึกอบรมจิตแก่ผู้ใด
เราไปยุ่งเรื่องของเขามาก เราก็มีโอกาส
กลายเป็นคนจิต ส่ำส่อน
มจด.เอาหรออยากจิตส่ำส่อนหรอ

 

นี่แหละเครื่องสอบคนปากเก่ง อิอิ

ลุงแมวนั่นแหละ ไม่รู้เรื่อง ขันไม่เป็นแต่อยากขันได้อย่างไก่

 

เก่งๆกันทั้งนั้น เอาเข้าจริงหงายท้องอุจจาระ (หงายท้องขี้)