การสังเกต++สัญชาตญาณเตือนภัยของสัตว์++สิ่งบอกเหตุ

วันพุธ ที่ 4 กรกฎาคม 2550
VickieTalk 9 # รอยเลื่อนตอนใต้ กทม. ฤายักษ์ที่ยังหลับใหล

Posted by vickie , ผู้อ่าน : 189 , 08:16:45 น. | หมวดหมู่ : บ้านเมืองเรื่องของทุกคน
พิมพ์หน้านี้

<TABLE class=blog_center_data><TBODY><TR><TD>หลังมีข่าวคราว พบรอยเลื่อนแขนงพาดผ่านทิศใต้ของกรุงเทพมหานคร อ้อมมาทาง จ.สมุทรปราการ และเลยลึกไปถึง จ.ชลบุรี อีกแขนงหนึ่งไปทางองครักษ์ และ ท่าจีน ทำให้กรมทรัพยากรธรณีคงจะอยู่เฉยไม่ได้

นายอภิชัย ชวเจริญพันธ์ อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มาให้ความเห็นเกี่ยวกับรอยเลื่อนที่พบใหม่นี้ น่าสนใจทีเดียว งบประมาณก็ไม่มาก แต่งานนี้ไม่เร่งศึกษาไม่ได้เสียแล้ว เพราะไม่มีใครให้คำตอบได้ด้วยว่า ยักษ์ใหญ่ที่หลับใหลจะพลิกตัว หรือ ขยับตัว หรือตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ ????

ลองฟังกันดูนะฮับ



<OBJECT id=objMediaPlayer codeBase=http://activex.microsoft.com/activex/controls/mplayer/en/nsmp2inf.cab#Version=6,4,5,715 type=application/x-oleobject height=70 standby="Loading Microsoft Windows Media Player components..." width=300 classid=CLSID:22d6f312-b0f6-11d0-94ab-0080c74c7e95>

























































</OBJECT></P>

[FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]ศ.ดร.ปริญญา นุตาลัย ผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหว กล่าวว่า ข้อมูลรอยเลื่อนใกล้กทม.นี้คณะ กรรม [/FONT][FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]การแผ่นดินไหวแห่งชาติ เคยทำเรื่องเสนอเข้าครม.ไปตั้งแต่ปี 2547 เพราะเห็นว่ายิ่งอยู่ใกล้กับกทม.ก็[/FONT][FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]ควรต้องเร่งทำให้ชัดเจนเท่านั้น เพื่อจะรู้สถานะว่าต้องเฝ้าระวังอย่างไร เหมือนกับรอยเลื่อนมี [/FONT][FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]พลัง 13 รอยที่ต้องศึกษาพฤติกรรมของมัน [/FONT]​

​

[FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]รอยเลื่อน เป็นลักษณะของรอยแตกหรือแนวแตกในหิน โดยหินทั้งสองฟากของรอยแตก [/FONT][FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]มีการเคลื่อนที่สัมพันธ์กัน และทิศทางการเคลื่อนที่ขนานไปกับระนาบของรอยเลื่อนนั้นๆ รอยเลื่อนเกิดจากกระบวนการที่ทำให้หินแตกและเลื่อน / เคลื่อนไหว เนื่องจากความเค้นในเนื้อหินที่เปลือกโลก การเลื่อนของรอยเลื่อนอาจเป็นไปได้ทุกทิศทางที่เป็นแนวเปราะบาง ระยะทางของการเลื่อนตัวอาจน้อยเป็นเซนติเมตร

พื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลตกอยู่ในความเสี่ยงแผ่น[FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]ดินไหว จาก 3 ปัจจัย ได้แก่
-[/FONT][FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif] รอยเลื่อนนอกประเทศ เช่น รอยเลื่อนตะแกงในพม่า จุดที่ใกล้ที่สุดอยู่[/FONT][FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]ห่างกรุงเทพฯ 400 กม.
- รอยเลื่อนในประเทศที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ
- รอยเลื่อนใต้ดินที่เพิ่งพบเมื่อ[/FONT][FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]ไม่นานมานี้ และยังไม่มีข้อมูลการเคลื่อนตัวที่ชัดเจน ยังไม่สามารถประเมินความ[/FONT][FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]เสี่ยงได้
[/FONT][/FONT]​

[FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif][/FONT]​

[FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]นายวรวุฒิ ตันติวนิช ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่ปรึกษาทางการบริหารจัดการทรัพยากรธรณี กรมทรัพยากร[/FONT][FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]ธรณี กล่าวถึงผลการ[/FONT][FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]ขุดร่องสำรวจบริเวณ อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี และ อ.ศรีสวัสดิ์ อ.ทองผาภูมิ [/FONT][FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]จ.กาญจนบุรี รวม 6 จุด พบว่าในอดีตเคยเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่มาแล้ว ความรุนแรงสูงสุด 7 ริกเตอร์ [/FONT][FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]เมื่อ 7,000 ปีก่อน จนถึง 6.4 ริกเตอร์ เมื่อ 1,000 ปีก่อน แสดงว่ารอยเลื่อนศรีสวัสดิ์และรอยเลื่อน[/FONT][FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]เจดีย์สามองค์เป็นรอยเลื่อนที่มีพลังมีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงในบริเวณดังกล่าวได้อีกครั้ง แต่ยังต้อง[/FONT][FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]ศึกษาเพิ่มเติม เช่น หาอัตราความเร็วการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกเพื่อศึกษาความถี่การเกิด

" รอยเลื่อนศรีสวัสดิ์และเจดีย์สามองค์เป็นรอยเลื่อนที่มีขนาดยาว สามารถทำให้เกิดแผ่น[/FONT][FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]ดินไหวรุนแรงและยังอยู่บริเวณใกล้กรุงเทพฯ และจุดที่เป็นชุมชน รวมถึงมีเขื่อนขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ซึ่งหากเกิด[/FONT][FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]แผ่นดินไหวรุนแรงอาจเกิดความเสียหายได้มาก "

นายปริญญา พุทธาภิบาล ประธานหลักสูตรธรณีศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ขณะนี้แนวโน้มการเกิด[FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]แผ่นดินไหวทั่วโลกจากปีละ 20,000 ครั้ง เป็น 30,000 ครั้ง โดยช่วง 4 เดือนของปีนี้ เกิดขึ้นแล้ว [/FONT][FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]11,000 ครั้ง หากพิจารณาจากสถิติคาดว่าปีนี้อาจจะเกิดได้อีกนับหมื่นครั้ง นอกจากนี้ ยังพบว่าก่อนเกิด[/FONT][FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]แผ่นดินไหวที่ทำให้เกิดสึนามิประมาณ 1 ปี มีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นแถบภูมิภาคนี้ประมาณ 2 เท่าจากปกติ [/FONT][FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]แต่ประเทศที่มีความเสี่ยงมากกว่าไทย คือ จีน ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย[/FONT]
[/FONT]
[FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]

ภาพจาก www.rmutphysics.com​

สำหรับรอยเลื่อน[FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]ในประเทศไทยที่มีพลังอยู่ มี 13 กลุ่ม ประกอบด้วย [/FONT]​

• รอยเลื่อนเจดีย์สามองค์ ครอบคลุม จ.กาญจนบุรี และราชบุรี ซึ่งต่อถึงรอยเลื่อนสะแกง ในพม่า ความยาวของรอยเลื่อนช่วงที่อยู่ในประเทศไทยยาวกว่า 250 กิโลเมตร มีรายงานแผ่นดินไหวจากรอยเลื่อนนี้มากมายหลายพันครั้ง
  
  
• รอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ ครอบคลุม จ.กาญจนบุรีและอุทัยธานี รอยเลื่อนนี้อยู่ทางด้านตะวันตก ของรอยเลื่อนเมย-อุทัยธานี มีความยาวทั้งหมดกว่า 500 กิโลเมตร ในช่วงระยะเวลา 10 ปี ที่ผ่านมามีรายงานแผ่นดินไหวขนาดเล็กหลายร้อยครั้ง ซึ่งครั้งใหญ่สุดวัดได้ วันที่ 22 เมษายน 2526 มีขนาด 5.9 ริคเตอร์
  
  
• [FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]รอยเลื่อนแม่จันและแม่อิง ครอบคลุม จ.เชียงรายและเชียงใหม่ [/FONT]
• [FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]รอยเลื่อนแม่ฮ่องสอน ครอบคลุม จ.แม่ฮ่องสอนและตาก [/FONT]
• [FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]รอยเลื่อนเมย ครอบคลุม จ.ตากและกำแพงเพชร [/FONT]
• [FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]รอยเลื่อนแม่ทา ครอบคลุม จ.เชียงใหม่ ลำพูนและเชียงราย [/FONT]
• [FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]รอยเลื่อนเถิน ครอบคลุม จ.ลำปางและแพร่ [/FONT]
• [FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]รอยเลื่อนพะเยา ครอบคลุม จ.ลำปาง เชียงรายและพะเยา [/FONT]
• [FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]รอยเลื่อนปัว ครอบคลุม จ.น่าน [/FONT]
• [FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]รอยเลื่อนอุตรดิตถ์ ครอบคลุม จ.อุตรดิตถ์ [/FONT]
• [FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]รอยเลื่อนท่าแขก ครอบคลุม จ.หนองคายและนครพนม [/FONT]
• [FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]รอยเลื่อนระนอง ครอบคลุม จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนองและพังงา [/FONT]
• [FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]รอยเลื่อนคลองมะรุ่ย ครอบคลุม จ.สุราษฎร์ธานี กระบี่ และพังงา[/FONT]

[/FONT][FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]สำหรับรอยเลื่อนที่พบใหม่ซึ่งพาดผ่านทิศใต้ของ กทม. จะเป็นกิ่ง ก้าน สาขา หรือรอยเลื่อนใหม่ เราคงได้แต่ติดตามข้อมูล เพื่อการตั้งรับอย่างมีสติ

[/FONT]รศ.ดร.ปัญญา จารุศิริ หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการวิจัยธรณีวิทยาแผ่นดินไหวและธรณีแปรสัณฐาน ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า จากหลักฐานชี้ชัดว่า ในอดีตเมื่อ 22,000 ปีก่อน บริเวณรอยเลื่อนเจดีย์สามองค์ เคยเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.7 ริกเตอร์มาแล้ว และในปี 2526 ก็เกิดระดับ 5 ริคเตอร์ ในอนาคตจึงมีความเสี่ยงที่จะเกิดค่าอุบัติซ้ำได้ ซึ่งตนต้องการให้เกิดความตระหนัก และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ไปสานต่อและเตรียมรับมือกับสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

ดร.เป็นหนึ่ง วานิชชัย ผู้เชี่ยวชาญเรื่องแผ่นดินไหว สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย หรือ AIT กล่าวว่า ประเด็นที่ กฟผ.ยืนยันว่า เมื่อปี 2526 บริเวณทิศเหนือของเขื่อนศรีนครินทร์ เคยเกิดแผ่นดินไหวแล้ว มีความรุนแรงถึง 5.9 ริกเตอร์ ในระยะ 55 กิโลเมตรจากตัวเขื่อน แต่เขื่อนก็ยังไม่แตก แสดงว่าเขื่อนแข็งแรง เพราะเขื่อนนี้สร้างขึ้นมารับแรงไหวของแผ่นดินได้ถึง 7.5 ริกเตอร์ นั้น เป็นการสรุปแบบไม่เข้าใจ เพราะเป็นการสั่นสะเทือนที่วัดคนละหน่วยกัน

ที่ถูกต้อง คือ เขื่อนนี้รับความรุนแรงการไหวของแผ่นดินที่ 7.5 ริกเตอร์ หรือ ประมาณ 10 ้ของค่าความเร่งในแนวดิ่งของโลก หรือค่า g ในขณะที่ การไหวของแผ่นดินในปี 2526 ที่มีขนาด 5.9
ริกเตอร์ ที่ระยะ 55 กิโลเมตรนั้น ความรุนแรงไม่ถึง 5 ของ ของค่า g เขื่อนจึงไม่สั่นสะเทือน
และไม่เป็นอันตราย

ถ้าเขื่อนศรีนครินทร์แตก
นายธำรง ธวัชชัยประชา อดีตวิศวกรโยธา กฟผ.ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มวิศวกรที่ปรึกษาที่ดูแลรักษาเขื่อนศรีนครินทร์มาตั้งแต่เริ่มก่อสร้าง ยอมรับว่า ในการสร้างเขื่อนศรีนครินทร์ มั่นใจระบบการก่อสร้าง และไม่เคยยอมฟังคำทัดทานของใคร กระทั่งเขื่อนสร้างเสร็จระยะหนึ่ง กฟผ.ให้บริษัทที่ปรึกษาจากสหรัฐอเมริกา สวีเดน และแคนาดา ตรวจประเมินเขื่อนจากข้อมูลเรื่องการเกิดแผ่นดินไหว ซึ่งบริษัทที่ปรึกษาทั้ง 3 แห่งสรุปผลออกมาเหมือนกันว่า จ.กาญจนบุรีอาจเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ขนาด 7.5-8.0 ริกเตอร์ นั่นคือ มากกว่าที่ กฟผ.ออกแบบเขื่อนไว้ 500-4,000 เท่า และทั้งหมด แนะนำให้ กฟผ.เพิ่มมาตรการเสริมความแข็งแรงของเขื่อน

และการที่ กฟผ.บอกกับสาธารณะว่า เขื่อนรับแรงไหวของแผ่นดินได้ 7.5 ริกเตอร์นั้น ก็ไม่เป็นจริง เพราะความจริงคือ ตัวเลข 7.5 ริกเตอร์ ที่เขื่อนจะรองรับความเสียหายได้ จุดศูนย์กลางการเกิดแผ่นดินไหว จะต้องห่างจากตัวเขื่อนมากกว่า 250 กิโลเมตร แต่จากข้อมูลใหม่และความรู้ในปัจจุบัน พบว่า แนวรอยเลื่อนแผ่นดินไหวที่มีพลังนั้น อยู่บริเวณเดียวกับที่เขื่อนสร้างอยู่นั่นเอง

บริษัทที่ปรึกษา เหล่านั้น ยังระบุอีกว่า หากเขื่อนศรีนครินทร์แตกแล้ว โอกาสที่จะทำให้เกิดน้ำท่วมเป็นบริเวณกว้าง ครอบคลุม 13 จังหวัด 65 อำเภอ เป็นพื้นที่ถึง 7,500 ตารางกิโลเมตร หรือราว 4,700,000 ไร่

พื้นที่ ที่จะได้รับผลกระทบหนักสุด คือ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งน้ำจะไหลเข้าสู่เมืองภายใน 5 ชั่วโมง ไหลถึง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ภายในเวลา 11 ชั่วโมง
สำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) นั้น น้ำจะไหลมาถึงเขต บางกอกน้อย ตลิ่งชัน ธนบุรี ภาษีเจริญ จอมทอง ราษฎรบูรณะ และบางขุนเทียน ภายใน 35 ชั่วโมง

ทิ้งท้ายดูเหมือนน่ากลัว หากแต่เป็นข้อมูล ที่ กฟผ.เองบอกว่า ต้องรับฟัง และนำกลับไปทบทวน เพื่อเพิ่มเติมในส่วนของการป้องกัน และเสริมความแข็งแรงของเขื่อน แต่ส่วนหนึ่ง ที่ส่วนตัว Vickie เอง อยากให้ตระหนัก คือ การให้ข้อมูลที่เป็นจริงกับทุกฝ่าย รวมถึงประชาชน ทั้งที่จะได้รับผลกระทบหรือไม่ได้รับก็ตาม เพื่อเราจะได้ตั้งรับอย่างมีสติ
</TD></TR></TBODY></TABLE>​

http://www.oknation.net/blog/vickie/2007/07/04/entry-2

 

ท่านใดมีรายละเอียดหรือความคืบหน้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ข่าวข้างล่างนี้ โปรดแจ้งให้สมาชิกท่านอื่น ๆ ทราบเป็นข้อมูลด้วยครับ หากเป็นอย่างที่คิดก็อันตรายมาก ๆ แล้วครับ(กำมะถันจากใต้ดิน อาจเป็นสัญญาณภัยธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหว ภูเขาไฟ หรือการบ่งบอกตำแหน่งการเกิดน้ำพุร้อนเรื่องนี้ตั้งสังเกตร่วมกับปฏิกิริยาของสัตว์ต่างๆ ในบริเวณใกล้เคียง หากเป็นไปด้วยความแตกตื่นโกลาหล หมายถึงภัยธรรมชาติที่จะติดตามมา)


พบหลุมปริศนากลางเมืองเชียงรายพ่นไอร้อนร่วม 50 องศาฯ-กลิ่นแก๊สคลุ้ง

เชียงราย

 

*** เมืองล่ม ****

เมืองทางเหนือที่ล่มครั้งโบราณ
มีเหตุจาก...ผลการกระทำของคน
เกิดจาก...จิตใจคน ทั้งสิ้น
เมืองในปัจจุบัน....ก็แก่งแย่ง เยียดเบียน เข่นฆ่า ไม่มีเว้นวัน !!!!!!!

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

แฉภาพฉลามขาวยักษ์นอกชายฝั่งอังกฤษโกหกทั้งเพ!!

<table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">9 สิงหาคม 2550 13:05 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle"></td> </tr> </tbody></table> <table align="right" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td width="5"></td> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="300"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="300"> </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">ภาพฉลามยักษ์ที่เคยอ้างว่าพบในชายฝั่งของอังกฤษ</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top"></td> </tr> </tbody></table> เดลิเมล์ – ภาพฉลามขาวยักษ์ขนาดเกือบ 4 เมตร บริเวณชายหาด นอกชายฝั่งคอร์นวอลล์ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษ ที่สร้างความตื่นตระหนกให้แก่นักท่องเที่ยว ถูกเปิดเผยว่าเป็นเรื่องโกหก

นักท่องเที่ยวหนุ่ม ผู้พบสัตว์กินคนขนาด 12 ฟุต ออกมายอมรับว่า เขาถ่ายภาพฉลามขาวยักษ์ตัวนี้ได้ ในระหว่างการตกปลาในแอฟริกาใต้ไม่ใช่ในคอร์นวอลล์

"ผมถ่ายภาพนี้ ขณะที่อยู่ท่องเที่ยวตกปลาในเคปทาวน์ และส่งรูปนี้เพียงเพื่อล้อเล่น ผมไม่คิดว่าใครจะบ้าพอที่คิดเป็นเรื่องจริงจัง" เควิน คีเบิลกล่าวกับหนังสือพิมพ์นิวคี วอยส์ โดยบอกว่าเขาไม่ได้เงินแม้แต่ปอนด์เดียวจากการสร้างเรื่องนี้

ด้าน ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ไม่เชื่อเรื่องฉลามยักษ์ โดยเห็นว่าเป็นเรื่องไร้สาระ และยืนยันว่าภาพที่เห็นเป็นเพียงฉลามธรรมดาอาบแดดที่เห็นได้ทั่วไปในอังกฤษ กินกุ้ง และแพลงก์ตอนเป็นอาหาร และไม่เป็นอันตราย

ขณะที่ ไม่มีวิธีพิสูจน์ว่าภาพฉลามนั้นถ่ายในทะเลอังกฤษ เพราะน้ำทะเลในภาพดูราบ ไม่มีฟอง และใสอย่างน่าสงสัย ไม่เหมือนน้ำทะเลทั่วไปของชายฝั่งคอร์นนิช

ทั้งนี้ ภาพดังกล่าวปรากฎครั้งแรกบนหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์นิวคี การ์เดียน หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นคู่แข่งของนิวคี วอยส์ เมื่อสัปดาห์ก่อน และกลายเป็นข่าวคึกโครมบนหน้าหนังสือพิมพ์ระดับประเทศ โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์เดอะ ซัน

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ชี้วิกฤตมลพิษบีบโลมาน้ำจืดสูญพันธุ์</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>10 สิงหาคม 2550 13:18 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=379 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=379> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>โลมาสีขาว หรือ ไป๋จี้</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> เอเอฟพี-การขยายตัวของอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็วของจีนทำให้โลมาสีขาว ซึ่งเป็นโลมาน้ำจืดที่อาศัยอยู่บนโลกมากว่า 20 ล้านปี มีแนวโน้มสูญพันธุ์ นักชีววิทยาจีนและอังกฤษกล่าวเมื่อวันพุธ(8)


โดยปีที่แล้ว นักวิทยาศาสตร์จากจีน ญี่ปุ่น อังกฤษ และสหรัฐฯร่วมกันค้นหาถิ่นที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของโลมาสีขาว หรือที่ชาวจีนเรียกว่า

 

หนูนา...จะกำจัดได้ ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญ...จากแดนอีสาน
...ห้ามใช้..คุณบรรหาร..เพราะวิทยาการยังอีกไกล..
ด้วยการทำ คั่วหนู เมนูสุดยอด
คุณvanco...ช่วยชี้แนะวิธีปรุง...ถึงผู้นำสเปน โดยด่วน หรือจะลงไว้ในกระทู้ เมนูวิถี
(evil2) (b-glass) (ping) (555)

 

เจ้าเหมียว"ซันมา"แมวประหลาดเรียกแม่ได้

โดย ทีมข่าวที-นิวส์ 2007-08-08 18:18:09


เจ้าเหมียว "ซันมา"แมวประหลาด ประจำเมืองตรัง สามารถเลียนเสียงภาษามนุษย์ เปล่งเสียงเรียก"แม่" ได้ แถมยังเข้าห้องน้ำ อุจจาระและปัสสาวะบนโถส้วม
นายนันทศิลป์เจ้าของแมว เผยว่า เจ้าเหมียว"ซันมา"เป็นแมวเพศเมียอายุ 6 ปี ไม่ทราบสายพันธุ์ โดยคนข้างบ้านนำมาจากจังหวัดปัตตานี โดยตนเองและภรรยา คือ นางวรรณอนงค์ ว่องวชิรพันธ์ อายุ 42 ปี ก็ได้ดูแล ซันมา เสมือนลูก เนื่องจากตนเองและภรรยาไม่มีบุตร จึงรักและเอ็นดูซันมา เป็นอย่างมากและพฤติกรรมของซันมา ก็จะไม่เหมือนกับแมวทั่วไป ซึ่งนอกเหนือจากการที่ชอบประจบประแจงแล้ว ซันมายังรู้จักที่จะเข้าห้องน้ำเอง ทั้งการอุจจาระและปัสสาวะบนโถส้วมอย่างเรียบร้อย และมักจะนอนหงายคล้ายเด็กเล็กๆ ซึ่งพฤติกรรมเหล่านั้นทำให้ตนเองและภรรยายิ่งรัก เจ้าซันมามากยิ่งขึ้น

กระทั่งเมื่อประมาณ 1 ปีกว่าๆ มานี้ ในขณะที่ตนเองได้พูดคุยหยอกล้อกับลูกแมวว่า ซันมา จ๋า ปรากฏว่า ซันมาก็ได้ขานรับเป็นด้วยคำว่า จ๋า ทันที ซึ่งทำให้แปลกใจเป็นอย่างมาก แต่ก็คิดว่า ซันมา น่าจะรู้จักการเรียนรู้หรือเลียนแบบพฤติกรรมของคนได้เอง เพราะที่บ้านจะมีคนเข้าออกเป็นจำนวนมากตลอดทั้งวัน และเมื่อ 2 เดือน ที่แล้ว ซันมา ก็ได้พูดคำว่า แม่ กับภรรยาของตน ซึ่งยิ่งทำให้บรรดาคนที่รู้ข่าวเกิดความรู้สึกแปลกใจ และมาขอดู ซันมา เป็นจำนวนมาก ทำให้ก่อนหน้านี้ เจ้าซันมาเคยถูกขโมยหายไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่สามารถหนีกลับมาได้เอง ขณะเดียวกันหากมีผู้สนใจอยากเลี้ยง ซันมา เสนอราคาให้ถึงหลักแสนก็อาจจะขายให้ก็ได้

 

แฉกล่องเสียงสั้น ต้นเหตุ"แมว"พูดได้

ปศุสัตว์ตรังบุกตรวจพิสูจน์"ซันมา"แมวพูดได้ ระบุสาเหตุอาจเกิดจากกล่องเสียงสั้นผิดปกติ ด้าน"หมออลงกรณ์"ชี้สัตว์เกิดความเคยชินที่ได้ยินคนเรียกบ่อยๆ จึงเกิดการเลียนเสียง เจ้าของเผยมีคนเสนอเงิน 5 แสนขอซื้อ ยันไม่ยอมขายเด็ดขาด เพราะรักเหมือนลูก ขณะที่ชาวบ้านแห่ดู บางรายนำไปตีเป็นเลขเด็ด

จากกรณี "เจ้าซันมา" แมวเพศเมีย อายุ 6 ปี ของนายนันทศิลป์ ว่องวชิรพันธ์ หรือโกปู้ อายุ 45 ปี เจ้าของร้านจำหน่ายปุ๋ยชีวภาพ ตั้งอยู่เลขที่ 297/5 ถนนตรัง-ปะเหลียน เขตเทศบาลตำบลย่านตาขาว อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง มีความสามารถพิเศษคือพูดภาษาคนได้ โดยเริ่มจากเมื่อประมาณ 1 ปีเศษก่อนหน้านี้ แมวตัวนี้ขานรับการเรียกชื่อจากเจ้าของด้วยคำว่า "จ๋า" ต่อมาเมื่อประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมา เจ้าซันมาสามารถพูดออกเสียงคำว่า "แม่" ออกมาได้ด้วย ทำให้เป็นที่แปลกสำหรับคนที่มาพบเห็นอย่างยิ่ง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 9 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากมีข่าวเจ้าซันมาพูดได้เผยแพร่ออกไป ปรากฏว่ามีผู้คนจำนวนมากเดินทางมาดูและของฟังเสียงมัน ต่างวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา ทั้งที่มองว่าเหมือนและไม่เหมือนเสียงของมนุษย์ โดยมีส่วนหนึ่งที่สนใจนำเสียงที่เจ้าซันมาร้องไปตีเป็นตัวเลขเด็ด เพื่อหวังลุ้นโชครางวัลจากหวยงวดหน้าด้วย

ด้านนายนันทศิลป์ เจ้าของแมวพูดได้ เปิดเผยว่า หลังจากมีข่าวแมวของตนพูดได้ มีพ่อค้าแม่ค้าเข้ามาทักทายตนขณะที่ไปเดินซื้อข้าวของในตลาดเพิ่มมากขึ้น ต่างบอกว่าจะมาขอชมเจ้าซันมาที่บ้าน เพื่อจะฟังเสียงขานรับคำว่า "จ๋า" หรือคำว่า "แม่" พร้อมทั้งยังมีคนรู้จักที่ไม่ขอเปิดเผยชื่อมาติดต่อขอซื้อตัวเจ้าซันมา โดยเสนอราคาให้สูงถึง 4-5 แสนบาท แต่ตนไม่อาจจะตัดใจขายเจ้าซันมาให้กับคนอื่นไปได้ เพราะมีความผูกพันกันมาก

นายนันทศิลป์ กล่าวต่อว่า ตนนึกอยู่เสมอว่าเจ้าซันมาเป็นลูก และเงินที่ได้จากการขายเจ้าซันมา เมื่อจ่ายแล้วก็หมดไป ซึ่งเปรียบไม่ได้กับความรู้สึกทางใจที่มีต่อเจ้าซันมาอย่างมากในขณะนี้ นอกจากนี้ยังมีคนที่รู้จักสนิทสนมกันอีกคนมาบอกว่าเพราะความสามารถของเจ้าซันมา อาจถือเป็นบารมีของเจ้าของที่ส่งผลให้แมวธรรมดา มีพฤติกรรมที่ไม่เหมือนแมวทั่วไป แต่หากขายเจ้าซันมาให้กับคนอื่นไปแล้ว อาจส่งผลกระทบต่อชีวิตจากความเชื่อบางอย่างได้ ดังนั้น ตนจะขอเลี้ยงดูเจ้าซันมาอย่างนี้ตลอดไป

เมื่อเวลา 17.00 น. นายธวัช อุดมคณารัตน์ ปศุสัตว์จังหวัดตรัง นำเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์เดินทางไปยังบ้านของนายนันทศิลป์ เพื่อฟังเสียงร้องของเจ้าซันมา ปรากฏว่าแมวร้องตอบโต้เจ้าของกลับมาจำนวนหลายครั้ง แต่เป็นลักษณะของเสียงแบบสั้นๆ มิได้ออกคำชัดเจน โดยเฉพาะคำว่า "แม่" จะออกเสียงได้ใกล้เคียงมากที่สุด เจ้าหน้าที่วิเคราะห์ว่าน่าจะเกิดมาจากกล่องเสียงของแมวที่ผิดปกติ ทำให้เจ้าซันมาออกเสียงออกมาในลักษณะดังกล่าว

นายธวัชกล่าวต่อว่า ปกติสำหรับแมวโดยทั่วไปเมื่อเรียกชื่อของมันหรือเรียกว่าเหมียวๆ มันจะโต้ตอบกลับมาว่า เหมียวๆ หรือเมี้ยวๆ และเจ้าซันมาก็ตอบโต้กลับมาว่าเหมียวๆ หรือเมี้ยวๆ เช่นกัน เพียงแต่มีปัญหาเรื่องกล่องเสียง จึงทำให้เสียงเหมียวๆ หรือเมี้ยวๆ มีลักษณะสั้นกว่าปกติ เจ้าของแมวก็เลยฟังเป็นคำว่า จ๋า หรือ แม่ เรื่องนี้แล้วแต่ใครจะฟังแตกต่างกันออกไป ถ้ามองว่าเหมือนก็เหมือน แต่ถ้ามองว่าไม่เหมือนก็ไม่เหมือน

"โดยทั่วไปแล้วเป็นไปได้ยากมากที่หมาหรือแมวจะเลียนเสียงมนุษย์ได้ เพราะธรรมชาติของกล่องเสียงจะมีความแตกต่างกัน ยกเว้นสัตว์บางชนิด เช่น นกขุนทอง ที่มีลักษณะของลิ้นคล้ายกับมนุษย์ ถ้าเอาไปตัดให้สั้นลงแล้วนำมาฝึกหัด ก็จะเลียนเสียงของมนุษย์ได้ ฉะนั้นข่าวของเจ้าซันมาที่พูดได้นั้น ขอให้ใช้วิจารณญาณในการเชื่อหรือรับฟังข้อมูล" นายธวัช กล่าว

วันเดียวกัน นายสัตวแพทย์อลงกรณ์ มหรรณพ สัตวแพทย์ประจำสำนักพระราชวัง เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการเลียนเสียงของคน คล้ายกับนกแก้วหรือนกขุนทอง ส่วนที่เกิดขึ้นกับแมวนั้นมีโอกาสเกิดขึ้นได้แต่น้อยมาก เป็นการเลียนเสียงแม้จะไม่ชัดเจน แต่ใกล้เคียงกับคำพูดของคน เมื่อคนได้ยิน จึงคิดว่าสัตว์เลี้ยงนั้นพูดได้ การพูดหรือออกเสียงภาษาของมนุษย์เกิดจากการควบคุมของสมอง แต่สัตว์ยังไม่มีการพัฒนาสมองได้เทียบเท่ามนุษย์ จึงทำได้เพียงแค่การเลียนเสียงเท่านั้น และส่วนหนึ่งเกิดจากความเคยชินที่ได้ยินเสียงดังกล่าวซ้ำๆ แบบแมวตัวนี้ชื่อ "ซันมา" เมื่อเจ้าของเรียกว่า "ซันมาจ๋า" ทุกครั้ง สมองของแมวจะจำคำพูดที่ง่ายๆ อย่างคำว่า "จ๋า" เพียงอย่างเดียว และอาจเกิดพฤติกรรมเลียนแบบการออกเสียงของคนได้

หน้า 1 นสพ.ข่าวสด วันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 17 ฉบับที่ 6098

 

จีนตะลึง"แพนด้ากะเทย"ตกลูกแฝด

เมื่อ 9 ส.ค. ซินหัวรายงานว่า สัตวแพทย์ในจีนพากันประหลาดใจ เมื่อแพนด้ายักษ์ตัวหนึ่งที่คิดว่าเป็นตัวผู้ และต่อมาพบว่า มีอวัยวะเพศทั้งสองเพศ แต่มีลูกไม่ได้ กลับตกลูกออกมาเมื่อวันจันทร์ ทั้งยังเป็นลูกแฝดเพศเมียอีกด้วย

แพนด้าตัวดังกล่าว อายุ 11 ปี ชื่อ จิ้นจู เกิดเมื่อปี 12 ส.ค.2539 ที่ศูนย์แพนด้าวูหลง ตอนแรกบันทึกว่าเป็นแพนด้าตัวผู้ เนื่องจากมีอวัยวะเพศชายขนาดเล็กแบบปกติของแพนด้าอยู่ ต่อมาในปี 2543 แพทย์จึงพยายามจับคู่ให้ผสมพันธุ์กับแพนด้าตัวเมียในญี่ปุ่น แต่ลงเอยว่าไม่ได้ผล แพนด้าทั้งสองตัวต่างไม่สนใจกันและกันเลย นักวิทยาศาสตร์จึงคิดนำอสุจิของจิ้นจูไปฉีดผสมเทียม ทำให้รู้ว่า จิ้นจูมีอวัยวะเพศเมียอยู่ในตัวด้วย จึงส่งแพนด้ากลับเมืองจีน เพื่อตรวจสอบละเอียดอีกรอบและได้ข้อสรุปว่า มันเป็นแพนด้าครบทั้งสองเพศ ซึ่งความสับสนทางเพศนี้เกิดจากการที่อวัยวะเพศวางในตำแหน่งที่ผิดปกติ แพทย์จึงผ่าตัดให้เมื่อปี 2548 จนกระทั่งจิ้นจูท้องและตกลูกแฝดเมื่อวันที่ 6 ส.ค. แต่ขณะนี้อาการของจิ้นจูยังน่าเป็นห่วง

หน้า 7 นสพ.ข่าวสด วันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 17 ฉบับที่ 6098

 

Not So Cuddly: Panda Attacks Zookeeper

By The Associated Press
posted: 06 August 2007 01:56 pm ET




<!-- Start Article -->BEIJING (AP) -- A zookeeper needed more than 100 stitches after a 2-year-old panda viciously bit and scratched him during feeding time at a zoo in northwestern China, a zoo official and a newspaper said Monday.
The zookeeper, surnamed Zhang, was hospitalized after the attack Saturday in Lanzhou, Gansu province, but his life was not in danger, said a woman surnamed Zhou, who is director of the zoo's office. The Lanzhou Morning Post said the man needed more than 100 stitches.
Zhang was feeding the panda from outside the enclosure, sticking his arms through the wire, when the panda, Lan Zai, grabbed his arms and began biting them and then scratched his legs, Zhou said in a telephone interview.
Lan Zai was transferred to the zoo on July 28 from Chengdu in southwestern China and had apparently not adjusted well to Lanzhou's drier climate. The panda had refused to eat for several days, Zhou said.
The panda also had not grown comfortable with Zhang during its weeklong stay at the zoo.
Last October, a panda cub bit off part of the thumb of an American visitor who was feeding the animal at a reserve in southwestern China. A month earlier, a drunken Chinese tourist bit a panda at the Beijing Zoo after the animal attacked him when he jumped into the enclosure and tried to hug it.

 

<TABLE height=34 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=780 border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-LEFT: 30px">ช้างป่ามีประสาทรู้ดงทุ่นระเบิด กลับเพิ่มจำนวนขึ้น กลางสมรภูมิ [16 ส.ค. 50 - 00:25]
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width=780 border=0><TBODY><TR><TD align=middle><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width="85%" border=0><TBODY><TR><TD>นักชีววิทยาผู้ซึ่งอุทิศชีวิตศึกษาชีวิตความเป็นอยู่ของช้างป่านานถึง 7 ปี เปิดเผยด้วยความประหลาดใจว่า ฝูงช้างป่าซึ่งอพยพหนีออกจากชาติอื่น เข้าไปอยู่ทางภาคใต้ของแองโกลา ที่กำลังมีการรบพุ่งกันอยู่นั้น ดูเหมือนจะมีญาณหยั่งรู้ว่า ดงทุ่นระเบิด ซึ่งวางกันอยู่เกลื่อนกลาดในดินแดนแถบนั้น อยู่ที่ใด
นายไมเคิล เชส กล่าวเผยว่า เขาจับเชาวน์ไวของมัน โดยสังเกตจากเครื่องสัญญาณติดตามตัวเชื่อมโยงกับดาวเทียมที่สวมคอช้างป่าเหล่านั้นหลายตัว ได้พบว่า จำนวนช้างในดินแดนแถบนั้นกลับมีจำนวนมากยิ่งขึ้น แม้ว่าสัตว์ป่าชนิดต่างๆ จะถูกลูกหลงล้มตาย จากสงครามกลางเมืองอันยืดเยื้อไปจำนวนเป็นเรือนพัน ดินแดนแถบนั้นถือกันว่าเป็นแหล่งที่มั่นของขบวนการขบถยูนิตา ซึ่งมีข่าวว่าได้ฉวยโอกาสล้มช้างเอางา เพื่อเอาไปซื้ออาวุธ
ในตอนแรกที่ช้างอพยพหนีเข้าไปอยู่ในดินแดนนั้น ช้างหลายตัวต่างเสียขาเสียงวงเพราะไปเหยียบทุ่นระเบิด ทำให้ต้องล้มตายลงอย่างทุกข์ทรมาน แต่หลังจากนั้น ฝูงช้างที่เดินทางตามมาภายหลัง กลับหลบหลีกบริเวณนั้นไปได้

 

ภาพชุดนี้ผมถ่ายเมื่อเดือนที่แล้วครับ แต่มีเหตุบางประการจึงไม่สามารถนำภาพมาลงได้ก่อนหน้านี้

ถ่ายตอนเช้าครับ มันเหมือนเมฆแผ่นดินไหว มีทั้งแบบเส้นขวาง และแบบปุย ๆ ลองวิเคราะห์กันดูนะครับ ดูเหตุการณ์ ต่าง ๆ ทั่วโลก เค้าเกิดกันถ้วนหน้าแล้ว ไทยจะรอดพ้นได้นานแค่ไหนไม่อาจทราบได้
ตอนนี้คงต้านกันน่าดู ระหว่างอำนาจขาว กับ อำนาจดำ