การสังเกต++สัญชาตญาณเตือนภัยของสัตว์++สิ่งบอกเหตุ

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>จีนตื่น! "ปลาแข่งขันกระโดดสูง” </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>18 กรกฎาคม 2550 12:28 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> จู่ๆ บริเวณทะเลสาบเสวียนหู เขตเหอผิงเหมิน เมืองหนันจิง มณฑล ก็เกิดเหตุการณ์ประหลาด ปลาหลายตัวกระโดดสูงขึ้นมาเหนือผิวน้ำ บางตัวกระโดดสูงถึง 1 เมตร บางครั้งมีปลาถึง 10 ตัว กระโดดสูงขึ้นพลิกตัวกลางอากาศ บ้างกระโดดขึ้นมาบนฝั่ง บ้างก็กระโดดมาโดนคนที่เดินผ่านมาในบริเวณนั้น ดูราวกับการแข่งขันใหญ่กระโดดสูงของเหล่าปลา จนผู้คนในบริเวณนั้น ต่างประหลาดใจ ร้องถามกันว่า “ทำไม ปลาเหล่านี้ถึงพากันกระโดดกันอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน? หรือว่า อากาศมันร้อนมาก หรือว่าความกดอากาศต่ำ”

นายจูจู้ปินเจ้าหน้าที่สำนักงานดูแลแหล่งน้ำประจำทะเลสาบเสวียนอู่ บอกว่าต้นเหตุสำคัญของเหตุการณ์ประหลาดนี้ คือ ระดับน้ำและคุณภาพน้ำในทะเลสาบที่ปรับเปลี่ยนแปรปรวน โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กรมอุตุฯได้พยากรณ์ว่าจะมีฝนตกหนักลงมาอีกระลอก เจ้าหน้าที่จึงได้สูบน้ำในทะเลสาบออกล่วงหน้า เพื่อป้องกันน้ำท่วม จนกระทั่งระดับน้ำต่ำกว่าปกติถึง 20 ซม. และเกิดพื้นที่หาดทรายตื้น เดือดร้อนถึงการประปาในเมือง ต้องปล่อยน้ำลงสู่ทะเลสาบเพื่อปรับระดับน้ำขึ้นสู่ปกติ

ปลาในบริเวณเหอผิงเหมิน ซึ่งมีธรรมชาติชอบว่ายทวนน้ำ จึงพากันว่ายเข้าสู่ต้นน้ำที่ไหลเข้ามา นอกจากนี้ ปลาเหล่านั้น ซึ่งต้องทนอยู่กับน้ำปนเปื้อนมลพิษผสมกับน้ำฝนที่ถูกระบายออกจากตัวเมืองในช่วงที่ฝนระลอกแรกกระหน่ำลงมานั้น ก็ยิ่งดีใจเมื่อได้กลิ่นน้ำสะอาด ยิ่งเร่งแข่งกันว่ายทวนน้ำ แต่ก็ต้องปะทะชนกับกำแพงกั้นแหล่งน้ำที่ปล่อยลงมา จึงกระโดดสูงเป็นปรากฏการณ์ประหลาดเช่นนี้-ซินหัวเน็ต.

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ผมว่าอาจจะเป็นสัญญาณเตือนอะไรสักอย่าง

 

<TABLE class=tborder id=post631042 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>winny<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_631042", true); </SCRIPT>
สมาชิก



เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 10:17 AM
วันที่สมัคร: Dec 2005
ข้อความ: 38 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 345 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 310 ครั้ง ใน 34 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 0


</TD><TD class=alt1 id=td_post_631042 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message --><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>พิษโลกร้อนทำหมึกยักษ์เปรูรุกล้ำน่านน้ำแคลิฟอร์เนีย </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>25 กรกฎาคม 2550 16:12 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=1 height=1></TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1></TD><TD vAlign=bottom align=left width=1 height=1></TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif></TD><TD><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=1 height=1></TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1></TD><TD vAlign=top align=left width=1 height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>ชาวประมงสหรัฐฯโชว์หมึกยักษ์ที่จับได้ในเขตน่านน้ำแคลิฟอร์เนีย ตัวใหญ่สุดยาวถึง 2 เมตรและหนัก 45 กิโลกรัม</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12></TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>หมึกยักษ์ที่ปกติพบเฉพาะในทะเลเขตร้อนแถบเปรูไปจนถึงคอสตาริกา แต่เพราะโลกร้อนขึ้นเลยทำให้หมึกยักษ์แพร่กระจายไปไกลถึงแคลิฟอร์เนีย</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif></TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>เอพี/นิวส์ไซเอนติส – สภาพอากาศแปรปรวนและอุณหภูมิโลกสูงขึ้นจนเป็นเหตุให้หมึกยักษ์ที่เคยอาศัยอยู่ในทะเลเขตร้อนออกล่าเหยื่อไกลถึงเขตหนาว แย่งอาหารกับนักล่าท้องถิ่นทั้งฉลามและทูน่า รวมทั้งชาวประมงมะกันด้วย

ชาวประมงสหรัฐฯ จับหมึกยักษ์ตัวเขื่องขนาดยาว 2 เมตร หนัก 45 กิโลกรัมได้ขณะออกหาปลาบริเวณชายฝั่งแคลิฟอร์เนีย นักวิทยาศาสตร์ระบุว่าเป็นเพราะอุณหภูมิโลกสูงขึ้นทำให้หมึกยักษ์ที่เคยพบเฉพาะเขตร้อนไปโผล่อยู่ในทะเลเขตอบอุ่น และเป็นนักล่าคู่แข่งกับปลาฉลาม ทูน่า ทั้งยังล่าเหยื่อที่เป็นปลาเศรษฐกิจ จึงส่งผลให้ชาวประมงเดือดร้อนกันถ้วนหน้า

หลุยส์ ไซด์เบิร์ก (Louis Zeidberg) นักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด (Stanford University) สหรัฐฯ เปิดเผย ว่า หมึกยักษ์ ที่ชาวประมงแคลิฟอร์เนียจับได้ ปกติอาศัยอยู่ในทะเลเขตร้อน บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกตั้งแต่เปรูถึงคอสตาริกา เคยพบปรากฏในเขตน่านน้ำเม็กซิโกเมื่อครั้งเกิดปรากฏการณ์เอล นีโญ (El Niño) ที่กระแสน้ำอุ่นไหลเข้าไปแทนที่กระแสน้ำเย็น

เมื่อ 16 ปีก่อนหมึกยักษ์เริ่มขยายอาณาเขตมาถึงน่านน้ำแคลิฟอร์เนียโดยนักวิทยาศาสตร์ของสถาบันวิจัยสัตว์น้ำมอนเทอเรย์ เบย์ (Monterey Bay Aquarium Research Institute) สังเกตเห็นจากกล้องที่สามารถส่องดูใต้ทะเลลึกได้ และยังเคยพบล่าเหยื่อแถวอลาสกาด้วย นับว่าพฤติกรรมของมันเปลี่ยนไปมาก อาจเป็นผลมาจากภาวะโลกร้อนที่ทำให้สัตว์ที่พบเฉพาะในทะเลเขตร้อนขึ้นมาหาอาหารไกลถึงเขตหนาว

หมึกยักษ์โดซิดิคัส ไจกัส (Dosidicus gigas) หรือ ฮัมโบลดต์สควิด (Humboldt squid) เป็นนักล่าแห่งท้องทะเลน้องๆปลาฉลามและทูน่า นักวิทยาศาสตร์ยังตั้งข้อสังเกตว่า ปลาฉลามกับปลาทูน่าถูกล่ามากขึ้นจนลดจำนวนลงก็อาจมีส่วนทำให้หมึกยักษ์เพิ่มจำนวนและขยายเขตล่าเหยื่อ เพราะทั้งฉลามและทูน่าเป็นนักล่าคู่แข่งและเป็นศัตรูธรรมชาติของลูกหมึกยักษ์

นอกจากนี้ ทุกครั้งที่มีหมึกยักษ์ปรากฏตัวขึ้นบริเวณชายฝั่งแคลิฟอร์เนีย ปลาทะเลหลายชนิดลดจำนวนลงมากโดยเฉพาะปลาเฮก (hake) ปลาแอนโชวี (anchovy) ปลาเนื้อขาว (whitefish) เป็นต้น ซึ่งเป็นปลาที่คนนิยมบริโภค ทำให้การปรากฏตัวของหมึกยักษ์ส่งผลกระทบต่อการทำประมงของชาวแคลิฟอร์เนีย

แม้ว่าหมึกยักษ์อาจไม่สนใจที่จะล่ามนุษย์เป็นอาหารอยู่และหากมันพบเห็นเราเข้ามันคงว่ายน้ำหนีไปทางอื่น แต่ผลจากความแปรปรวนของสภาพอากาศโลกจนทำให้พฤติกรรมของสัตว์ทะเลชนิดนี้เปลี่ยนไปก็น่าจะทำให้มนุษย์ตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้นและไม่อาจนิ่งดูดายอีกต่อไป</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<!-- / message --></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ผังน้ำท่วมมาแล้ว บ้านเรือนริมฝั่งแม่น้ำโปรดเตรียมรับ แมลงสาปยั้วเยี๊ย ระบอบแมลงสาปมากะน้ำท่วม ผ่าง ๆ

 

http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9500000088266

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>พบฉลามขาวยักษ์นอกชายฝั่งอังกฤษ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>28 กรกฎาคม 2550 </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ช่างภาพสมัครเล่นสามารถบันทึกภาพฉลามขาวยักษ์ความยาว 12 ฟุต ที่บริเวณนอกชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษ ซึ่งบริเวณนี้ไม่เคยพบเห็นฉลามขาวยักษ์มาก่อน เนื่องจากไม่ใช่สัตว์ท้องถิ่น คาดว่าจะเกิดมาจากภาวะโลกร้อน ซึ่งทำให้สัตว์ที่เคยอาศัยอยู่ในทะเลเขตร้อนว่ายขึ้นมาหากินในทะเลเขตหนาว

หนังสือพิมพ์เดอะซัน ลงภาพข่าวฉลามขาว ที่หน้า 1 โดยเป็นภาพที่ได้จากช่างภาพสมัครเล่นที่กำลังบันทึกวิดีโอปลาโลมา


ทั้งนี้ ฉลามขาวยักษ์หากโตเต็มที่จะมีความยาวถึง 20 ฟุต น้ำหนัก 2,250 กิโลกรัม

ทางด้านผู้เชี่ยวชาญทางทะเล ระบุว่า อาจจะพบเห็นฉลามขาวยักษ์ซึ่งเป็นสัตว์นักล่าขนาดใหญ่ที่สุดในโลกที่อยู่ในน้ำบ่อยครั้งขึ้นนอกชายฝั่งอังกฤษ เพราะภาวะโลกร้อนและอุณหภูมิของน้ำทะเลสูงขึ้น



</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

อันตรายขึ้นมากนะครับ ฉลามว่ายเข้ามาใกล้ฝั่งแบบนี้ เล่นน้ำทะเลเริ่มไม่ปลอดภัย..

 

เป็นการอพยพย้ายถิ่นของสัตว์ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศครั้งใหญ่ครับ

ต่อไปก็จะถึงคิวของมนุษย์บ้าง น่าเป็นห่วงที่พลังแห่งสัญชาติญาณของมนุษย์ด้อยลงอย่างน่าตกใจ

ที่ผมได้เจอกับตนเองก็คือ เมื่อสองสามวันก่อนมีพายุฝนรุนแรงในกทม. ผมอยู่ในโลตัส และฟ้าผ่าจนไฟฟ้าดับ แต่เกือบทุกคนในนั้น แทบไม่มีใครสนใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย

ส่วนตัวเราก็เข้า Alert Mode อย่างอัตโนมัติ เพิ่มการเตรียมพร้อมในกรณีที่สถานการณ์เกิดมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น สมองประมวลผลว่า จะดำเนินการยังไงต่อจึงจะปลอดภัย

เพราะการเกิดภัยพิบัติแบบนี้อาจมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้ เช่นฟ้าผ่าจนเกิดไฟไหม้ หรือฝนตกหนักและไฟฟ้าดับเครื่องสูบน้ำไม่ทำงาน ทำให้เกิดน้ำท่วมอย่างรวดเร็วได้เป็นต้น

 

ตอนนี้ดูเหมือนว่าทุกอย่างค่อยๆรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
น้ำท่วมก็มากขึ้นทั่วโลก
ภูเขาไฟก้ระเบิดมากขึ้น
แผ่นดินไหวก็แรงขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ 6 ริกเตอร์กลายเป็นระดับที่ทุกสัปดาห์ไปแล้ว
ไฟไหม้ก็แปลกๆเกิดจากฟ้าผ่าบ่อยขึ้นประเทศเราก็เริ่มแล้ว
สัตว์ต่างๆในทะเลก็แย่แล้ว
เหลือแต่คนที่ยังไม่ค่อยรู้ตัวกันสักเท่าไร

 

ถูกแล้ว สัตว์ตื่นภัยก่อนคน


เพราะแต่ไหนแต่ไรในทุกยุค คนมักเชื่อและมั่นใจว่าตนคือสิ่งมีชีวิตที่เก่งฉกาจและฉลาดกว่าเขาอื่น

 

ถ้านานจิง ก็แสดงว่าไม่ใกล้แล้วหละ ไกลเลยหละ อะ ล้อเล่น อย่าซีเรียส ยิ้มหน่อยน่า (b-oneeye)

 

ฮ่าฮ่า...นานจิง..ถอยดีกว่าขื่นอยู่ก้วนเดียวกะชินจังมีหวัง
หัวแตกสักวัน.ไม่งั้นก็อาจจะโดนพายุพลังจิตกระแทกกลับ


..

 

เรื่องฉลามขาวนี่ น่ากลัวนะครับ บ้านเราตอนนี้ฉลามขาวอาจเข้ามาเยี่ยมเยือนบ้างแล้วก็ได้ เพราะความแปรปรวนของกระแสน้ำในทะเล ไม่ทราบว่าฝั่งอันดามัน อยู่ในเกณฑ์อันตรายหรือเปล่านะครับ จะลงเล่นน้ำดูปะการังยามนี้ต้องระวังให้มากครับ เพราะอะไร ๆ ก็เปลี่ยนไปมากแล้ว

 

ปลาหมึกยิ่งน่ากลัวก่าฉลามอีก
กึ๋ยๆ

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center><TD vAlign=top align=left>[FONT=Tahoma,]

สัตว์ต่างๆ ก็มีสัญชาตญาณ?



เราเคยได้ยินเรื่องที่ว่า สัตว์จะมีความประพฤติแปลกๆ ก่อนและระหว่างแผ่นดินไหว เช่น หนูหนีออกจากอาคาร นกบินในเวลากลางคืน หมาเห่าหอน ล่าสุดก่อนเกิดสึนามิ ช้างที่เขาหลัก จังหวัดพังงา มุ่งหน้ากันขึ้นเขา ไม่สนใจว่า ควาญช้างจะพยายามให้มันเดินลงไปแต่อย่างใด

หรือสัตว์จะมี "สัญชาต ญาณ" บางอย่างที่มนุษย์ไม่มี? ​

<TABLE style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px dotted; BORDER-TOP: #ffffff 1px dotted; BORDER-LEFT: #ffffff 1px dotted; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px dotted" cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=1><TBODY><TR bgColor=#ffe9ff><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>​

นักวิทยา ศาสตร์ไม่สามารถยืนยันได้ว่า สัตว์มีสัญชาตญาณ และส่วนใหญ่มักให้เหตุผลไปว่า ที่สัตว์ทำอะไรแปลกๆ เป็นเพราะรับความรู้สึกของแรงสั่นไหว เช่น แผ่นดินไหวได้

นอกจากนี้ การที่สัตว์มีความรับรู้สูงกว่ามนุษย์ คือมีสายตาที่ดีกว่า มีการได้ยินที่ดีกว่า และมีการได้กลิ่นที่ดีกว่านั้น ได้ทำให้สัตว์รับรู้ความเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติได้ดีกว่ามนุษย์

มีการวิจัยว่า ปลาสามารถ รับรู้แรงสั่นสะเทือนที่มีคลื่นความถี่ต่ำได้ ทำให้ปลารู้ว่า กำลังจะมีแผ่นดินไหวขนาดเบาขึ้น ส่วนช้างสามารถรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนในโลก ผ่านขาของมัน ทำให้มันวิ่งขึ้นเขา

หรือฉลามแบล็กทิป 14 ตัว ซึ่งอยู่แถบซาราโตว่า รัฐฟลอริดา ว่ายออกจากพื้นที่แถบนี้ ก่อนที่เฮอริเคนชาร์ลีจะเข้ามาเพียง 12 ชั่วโมง ซึ่งตลอด 4 ปีที่นักวิทยาศาสตร์นำมันมาสังเกตการณ์ มันไม่เคยทำแบบนี้ เพราะมันจะอยู่ต่อไปอีก 2 อาทิตย์ ก่อนที่มันจะว่ายน้ำมุ่งหน้ากลับบ้าน

น่าสงสัยเหลือเกินว่าปลากลุ่มนี้ อาจจะรับรู้ว่า เฮอริเคนกำลังมุ่งหน้ามา? [/FONT]

http://www.matichon.co.th/khaosod/k...g=03fea02310750&day=2007/07/31&sectionid=0327
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

มีอีกข่าวหนึ่งเมื่อวันสองวันก่อน ที่ฉลามวาฬตัวหนึ่งขึ้นมาเกยตื้นตาย โดยช่วยเหลือไม่ได้ เป็นเหตุการณ์ในประทศไทยครับ

ช่วยนำลงให้หน่อย

 

"ฉลามวาฬ"เกยตื้นตายที่อ่าวชุมพร



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#f8b8cb><TD>
ไม่รอด - ฉลามวาฬ น้ำหนักประมาณ 1,300 กิโลกรัม ความยาวประมาณ 5 เมตร เกยตื้นบนหาดเกาะมาตรา เขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร จ.ชุมพร คาดว่าหลงเส้นทางน้ำเมื่อน้ำทะเลลดลงอย่างรวดเร็วทำให้ไม่สามารถลงน้ำได้และสิ้นใจตายในเวลาต่อมา เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม

</TD></TR></TBODY></TABLE>เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 28 กรกฎาคม นายวรวิทย์ พุ่มพวง สมาชิกสภาเทศบาลตำบลปากน้ำชุมพร จ.ชุมพร รับแจ้งจากนักท่องเที่ยวว่ามีฉลามวาฬ 1 ตัวขึ้นมาเกยตื้นบนหาดเกาะมาตราในอ่าวชุมพร ห่างฝั่งประมาณ 3 กิโลเมตร จึงประสานศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเลภาคใต้ตอนบน จ.ชุมพร เพื่อขอให้นำเรือออกไปช่วยเหลือ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงปรากฏว่าฉลามวาฬตายแล้ว จึงลากเข้ามาท่าเทียบเรือประมงปากน้ำชุมพร

นายวรวิทย์กล่าวว่า ก่อนหน้าที่เจ้าหน้าที่จะไปถึง มีนักท่องเที่ยวกว่า 10 คนกำลังช่วยเหลือฉลามวาฬดังกล่าวที่เกยอยู่บนโขดหินบนฝั่ง แต่เนื่องจากปลามีน้ำหนักมากจึงดิ้นจนหมดแรงและตายในเวลาต่อมา โดยฉลามวาฬตัวนี้น้ำหนักกว่า 1,300 กิโลกรัม มีความยาวประมาณ 5 เมตร สันนิษฐานว่าอาจหลงเส้นทางน้ำจึงขึ้นมาเกยหาด เมื่อน้ำลดลงอย่างรวดเร็วจึงไม่สามารถกลับลงน้ำได้

นายวิชา หวานยิ่ง อายุ 50 ปี นักท่องเที่ยว กล่าวว่า ชมรมคนรักษ์วาฬประชาสัมพันธ์ทางเว็บไซต์ว่าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพรยังมีฉลามวาฬอยู่ 1-2 ตัว จึงเดินทางมาเที่ยวแต่กลับเจอฉลามวาฬในสภาพนี้ รู้สึกสงสารมาก พยายามโทรศัพท์ประสานกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อขอความช่วยเหลือแต่ไม่สามารถติดต่อหน่วยงานใดได้เพราะเป็นวันหยุด จึงประสานไปยังเทศบาลตำบลปากน้ำชุมพรแต่ก็ไม่ทันการณ์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับซากฉลามวาฬดังกล่าวถูกนำไปเก็บรักษาไว้ที่ห้องเย็นของแพปลาสามารถ จ.ชุมพร เพื่อรอให้นักวิชาการประมงจาก จ.ภูเก็ตมาตรวจสอบอีกครั้ง

(กรอบบ่าย)

ที่มา http://www.matichon.co.th/matichon/...g=01p0114290750&day=2007/07/29&sectionid=0101